ซื้อเมื่อไหร่&ขายเมื่อไหร่ โดย เพจซั่มหุ้น

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2620
ผู้ติดตาม: 262

ซื้อเมื่อไหร่&ขายเมื่อไหร่ โดย เพจซั่มหุ้น

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ซั่มหุ้น ปี64 20 มค 2021
ปัญหาโลกแตกในตลาดหุ้น ซื้อเมื่อไหร่&ขายเมื่อไหร่

หลังช่วงcovid จะเห็นหุ้นขึ้นเยอะมาก และมีปัญหาว่าจะขายตอนไหนดี
น้องออฟมาแชร์มุมมองเรื่องนี้
หัวข้อ
1.ซื้อหุ้นอะไรดี
2.ซื้อเมื่อไหร่
3.ขายเมื่อไหร่

1.ซื้อหุ้นอะไรดี : หุ้นที่มีปัจจัย
1.1แนววีไอ&หุ้นgrowth จับที่core business แล้วไปดูเรื่องอื่น ถ้าดีจริง แต่ราคายังไม่ขึ้น ไม่กลัวที่จะซื้อเลย
-ดูเรื่องกิจการที่ดี
-มีการเติบโต เน้นหุ้นเติบโต
-ราคาสมเหตุ&ผล ไม่ได้เน้นราคาถูก
บางครั้งนักวิเคราะห์ไปเจาะประเด็นและมาเผยแพร่ให้คนทั่วไปรู้ ทำให้ราคาวิ่งเลย
1.2แนวเก็งกำไรด้วยพื้นฐาน เช่นเก็งงบที่จะออกดี หรือ เก็งstory แต่ไม่สามารถทำต่อได้บ่อยๆ
-เก็งงบ
-เก็งstory
-เก็งการประมูลงาน
การลงทุนดูพื้นฐานเหมือนกันกับเก็งกำไรด้วยพื้นฐาน

1.3แนวเก็งกำไร กราฟเทคนิคมีหลายสาย เล่นสั้น เล่นยาว
เก็งด้วยกราฟ ไม่สนใจซื้อถูก แต่ซื้อแล้วขึ้นหรือเปล่า ต้องซื้อในแนวโน้มขาขึ้น
-เก็งแรงซื้อ
-เก็งแนวโน้มขาขึ้น
ทุกแนว มีแนวทางของตัวเอง แต่บางครั้งอาจเป็นหุ้นตัวเดียวกันได้

เวลาเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับนักลงทุน
สายลงทุน เมื่อซื้อหุ้นที่ดี เวลาเป็นเพื่อนที่ดีของนักลงทุน
บางทีซื้อแพง เวลาก็มาช่วยทำให้เกิดกำไรในที่สุด

2. ซื้อเมื่อไหร่
2.1แนววีไอ&growth
-ดูที่ความคุ้มค่า
-upside ในเวลาหนึ่งปี หุ้นควรจะขึ้นเท่าไหร่ ถ้าส่วนต่างกว้างเช่น 30%ก็ถือเป็นโอกาสซื้อ
-ถ้าหุ้นไม่ขึ้น เราจะได้อะไร สำคัญมาก หลายครั้ง ซื้อแล้วหุ้นไม่ขึ้น
Upside จากหุ้นแพงแล้วมีโอกาสแพงได้อีก เราไปจับในจังหวะที่แพงเกินไป
สิ่งที่ได้ คือหุ้นที่แพง ถ้าเราคิดผิด ผลก็ไม่เกิด คือ ราคาไม่ขึ้น
ที่เราได้ 1. Dividend 4-5%
2.ได้ราคามาถูกเช่น PE 15 เท่า ปีหน้า PE จะลดลง เพราะหุ้นมีการเติบโต

หุ้นดี แต่อนาคตไม่ดี ก็ลงได้ ถ้าหุ้นที่ดี แต่ช่วงวิกฤตเช่น Covid ถูกdriveด้วยความกลัว
ก็มีโอกาสลงเยอะกว่าปกติ แต่ขึ้นกลับไปเป็น2เท่า
ถ้ามนุษย์ยังมีความกลัว ก็จะเกิดแบบนี้อีก คนที่รู้ก็จะใช้โอกาสนี้ซื้อหุ้นถูก
ถ้าเราเข้าใจภาพนี้ การpanicก็จะรู้ว่าควรทำอย่างไร

2.2 การเก็งกำไรพื้นฐาน
-เก็งงบ เช่น stockบวม แสดงว่ายอดขายจะโตในไตรมาสหน้า รวมถึงได้ต้นทุนดี ก็จะได้กำไรเยอะ
-storyมา
-ตัวปลดล๊อคมูลค่าหุ้น
-Upside

2.3 เก็งกำไร กราฟเทคนิค
-มีdemandเข้ามา
-ผ่านแนวต้านสำคัญ
-ทำnew high
-ย่อตัวในขาขึ้น

Fact ของการซื้อหุ้น
-เราไม่สามารถซื้อได้ที่ราคาต่ำสุด ไม่ต้องซีเรียส
-ซื้อเมื่อควรซื้อ เราจะรู้ด้วยตัวเองว่าตอนไหนน่าซื้อ บางครั้งถ้าหุ้นขึ้นไปก่อนเช่นเขียวสองวันติด ก็จะไม่ซื้อแล้ว
-ไม่ซื้อเพราะอยากซื้อ หรือ คิดว่าราคาจะขึ้น
พยายามไม่ใช้อารมณ์ในทุกขณะของการลงทุน

การประเมิน Upside (ผลตอบแทนของการลงทุน)

1.ประเมินแบบ Conservative ประเมินหุ้นที่เราประเมินได้ ถ้าไม่เข้าใจต้องหาวิธีอื่น
-ประเมิน รายได้-กำไร แบบโอกาสพลาดน้อย

2.คิดเผื่อคนซื้อ
-ทำไมจะมีคนมาซื้อต่อจากเรา
-ความเป็นไปได้ มีราคาที่คนยอมจ่าย

3.ขายเมื่อไหร่
3.1 แนววีไอ
-พื้นฐานเปลี่ยน
-Upside เหลือน้อย ไม่รอให้ถึงเป้า อาจไปก่อน เพื่อเข้าตัวใหม่
-ถึงแม้upsideเหลือน้อย แต่ไม่ขาย แล้วมองภาพใหญ่ มีโอกาสโตได้อีก หรืออยู่ในMega trend เช่นหุ้นค้าปลีก

3.2 เก็งกำไรพื้นฐาน
-เราคิดผิด
-Upside เหลือน้อย

3.3 เก็งกำไร กราฟเทคนิค
-หลุดแนวรับ
-ถึงจุดตัดขาดทุน

Factของการขาย
-เราไม่สามารถขายได้ราคาสูงสุด เป็นปกติ
-อย่าเป็นคนที่ตกใจง่ายในตลาดหุ้น
-จุดที่น่าขายที่สุดในตลาด คือจุดที่ไม่ควรขาย ส่วนใหญ่ที่ขายเพราะคนอื่นขาย เราก็ขายตาม
-ซื้อเพราะสิ่งใด ขายเมื่อสิ่งนั้นหมดไป

สุดท้ายขอขอบคุณน้องออฟที่มาให้ความรู้นะครับ
โพสต์โพสต์