กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจปี64โดยซั่มหุ้น

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2608
ผู้ติดตาม: 255

กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจปี64โดยซั่มหุ้น

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เพจซั่มหุ้น หัวข้อเปิดปี2564
รวมEvent หุ้นไทยปี64

หลังจากหยุดFB liveมาตั้งแต่ปลายธค ปีที่แล้ว น้องออฟ
ก็เริ่มliveตอนแรก ที่ชื่อว่า รวมEventหุ้นไทยปี64
โดยเริ่มเกริ่นเรื่อง Covid-19ที่เกิดขึ้นในปีที่แล้วกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและไทย
น้องออฟโชว์short note
เรามาวิเคราะห์เหตุการณ์ที่มากระทบเศรษฐกิจ และ เราวิเคราะห์ต่อว่า
ธุรกิจไหนไม่ได้รับผลกระทบ ธุรกิจไหนที่ได้รับผลกระทบ
และเราไปแยกว่าอุตสาหกรรมไหนบ้างที่ถูกกระทบ และ กระทบหนักแค่ไหน
กลุ่มที่ถูกกระทบหนักคือกลุ่มท่องเที่ยว ซึ่งCovidทำให้นักท่องเที่ยวหายไป
ส่วนธุรกิจที่ไม่ถูกกระทบแล้วยังได้ประโยชน์ด้วยซ้ำ
เรามาดูธุรกิจกลุ่มนี้กันก่อนครับ
กลุ่มโรงพยาบาล แยกเป็น กลุ่มที่ถูกกระทบ และไม่ถูกกระทบ
ช่วงแรกที่ไวรัส Covid-19เข้ามา มีค-เมษา คนตื่นตัวมาก
ถ้าไม่จำเป็นจะไม่เข้ามาที่รพ ดังน้ันรายได้OPDจะลดลงอย่างมาก
ดังนั้น รพ ไหนที่มีลูกค้าต่างประเทศมากกว่า50%จะกระทบมาก
บางรพ รายได้หายไปหลักพันกว่าลบ
บางรพ ก็ถูกกระทบน้อย เพราะมีรายได้จากประกันสังคมเข้ามา
ทำให้ถ้าดูงบอย่างเดียวอาจมองไม่เห็นว่า รพ นี้เคยถูกกระทบจากไวรัสเลย

กลุ่มรพ ที่ไม่กระทบ Valuationดูว่า ถูกหรือแพง
ซึ่งช่วงไวรัสมา ราคาส่วนใหญ่ลงมาทุกตัว เพราะไม่รู้ข้างหน้าจะดีขึ้นเมื่อไหร่
แต่เมื่อคนเริ่มหายตกใจ และ เริ่มเห็นว่าการขายใกล้หมด จะเริ่มมีกำลังใจ
เวลาฟื้น หุ้นเติบโตจะแพงกว่าปกติมาก น้องออฟก็เจอว่าตกรถไปเพราะถือหุ้นเต็มพอร์ต
เลยไม่ได้enjoyช่วงนี้ แต่กลุ่มนี้ต้องขุดหากัน
กลุ่มที่โตได้ จะเป็นจุดสนใจและเด่นขึ้นมา
ส่วนถัดมา กลุ่มที่โดนกระทบ
อยู่รอดหรือเปล่า ถ้ามีความเสี่ยงต้องเพิ่มทุน ก็จะหลีกเลี่ยงไปก่อน
ถ้าเลือกได้ อยากเลือกหุ้นที่รอดได้ งบกำไรขาดทุน ไม่ติดลบ และ กระเเสเงินสดเป็นบวก
PE ไม่สูง
ส่วนที่โฟกัส คือ หุ้นที่อยู่รอด จะดูต่อว่า ราคาหุ้นฟื้นหรือยัง
1.หุ้นที่รอด และราคาหุ้นฟื้นตัวไปแล้ว
2.หุ้นที่รอด และราคาหุ้นยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งเป็นกลุ่มที่น้องออฟสนใจ เช่น
กลุ่มธนาคารที่พูดคุยกันในช่วงปลายปี63
เวลาวิกฤต ปกติกลุ่มธนาคารจะโดนเทก่อน
เวลาลงแรงๆ ถ้าขึ้นก็จะขึ้นแรงด้วย บางตัวจะขึ้นถึง 30-40%
จริงๆถ้าเราเข้าไปดูว่าโดนกระทบเท่าไหร่ และ ตลาดมองลบเกินไปหรือเปล่า
บางคร้ังราคาลงมากเกินไป ก็จะเป็นโอกาสของนักลงทุนวีไอ

อีกกลุ่มนึงคือ ได้รับผลกระทบ แต่ฟื้นตัวเร็วในแง่ผลประกอบการ อีกหน่อยก็ฟื้นเร็ว
ตอนนี้น้องออฟโฟกัสกลุ่มน้ีอยู่
ดังนั้นสรุปกลุ่มที่น้องออฟสนใจ จะมีสามกลุ่มคือ
1.กลุ่มที่ไม่กระทบ และ valuationไม่แพง
2.กลุ่มที่ถูกกระทบ อยู่รอดได้ และราคาหุ้นยังไม่ฟื้น
3.กลุ่มที่ถูกกระทบ แต่ฟื้นตัวเร็วมาก

สิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีนี้
วัคซีนเริ่มมาไทย สามารถใช้กับไวรัสที่กลายพันธ์
เส้นทางวัคซีนของไทย ข้อมูลจาก สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
1.Sinovac เริ่มเข้ามาไทย กพ นี้ เริ่มส่งมอบ 200,000โดส
และทยอยส่งถึงเมษา อีก 1.8 ล้านโดส
(ประสิทธิภาพที่ทดลองที่บราซิลแค่เกิน50%มานิดเดียว)
2.AstraZeneca เริ่มส่งมอบใน พค 26ล้านโดส
และ ตค จะเริ่มถ่ายทอดความรู้ให้สยามไบโอไซเอนซ์ของไทย
ปัจจุบันยังเจรจากับ Pfizer, Moderna และอื่นๆเพื่อให้ได้วัคซีนตามาเป้า70ล้านโดส
ล่าสุดนายกระบุจัดหาวัคซีนเพิ่มอีก 35 ล้านโดส

มองว่าวัคซีนกระจายไปทั่วประเทศภายในกลางปีหน้าแล้ว
กลุ่มประชากรอย่างน้อย40-50%ได้รับวัคซีน ทำให้คนกลางที่แพร่เชื้อถูกตัดตอน
และควบคุมโรคได้ ทำให้เกิดภาพดังกล่าวตามสไลด์แนบ
ต่างประเทศเริ่มฉีดวัคซีนแล้ว ส่วนไทยอยู่ในช่วงจัดหาวัคซีน
เมื่อวัคซีนมาไทย เกิดภูมิคุ้มกันหมู่
กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว

มาตราการที่ทางรัฐช่วยเหลือลูกหนี้ สามารถดูจากFB ของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ เช่น
1.Soft loanเพิ่ม
2.ปรับโครงสร้างหนี้ รับความช่วยเหลือ ผ่อนยอดลดลง
3.ยืดหนี้

น้องออฟได้พูดคุยกับสองสถาบันการเงินและได้ข้อมูลมาว่า
มาตราการคราวนี้ ไม่เหมือนคราวที่แล้ว
ใครที่มีปัญหาก็เข้ามาติดต่อ ยังมีแค่ไม่ถึง10%ที่ยังมีปัญหา
ก็จะปรับโครงสร้างหนี้ให้ แต่ถ้าลูกค้าที่มีปัญหาที่แก้ไม่ได้
ก็เอาสินทรัพย์มาเพื่อล้างหนี้ จะไม่เหมือนคราวที่แล้วที่freezeหนี้ไว้

หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้น บริษัทที่ไปไหว ก็จะลงทุนเพิ่มขึ้น
แต่ถ้าบริษัทไหนที่ไม่ฟื้น หลังเศรษฐกิจฟื้น ก็จะกลายไปเป็น​NPL
ซึ่งน้องออฟคิดว่า ไม่น่าจะน้อย ก็จะมีระดับนึง
หลังเศรษฐกิจฟื้น ก็จะเห็นว่ามีรายไหนไปไม่ไหวบ้าง
หวังว่า เอาใจช่วยบริษัททุกบริษัทนะครับ

หลังจากวัคซีนมา ก็มีการฉีดวัคซีนในต่างประเทศ เริ่มเปิดประเทศมากขึ้น
มีการลงทุนเพิ่ม เกิดการรักษาพยาบาล เช่น IVF และ มีการท่องเที่ยวในเฟสถัดไป
หลังจากอั้นการลงทุนจากก่อนหน้านี้

ปัญหา pain point 4 อย่าง
1.การฉีดวัคซีน60ล้านคน
2.การจัดการ npl
3.กิจกรรมที่ถูกอั้นไว้
4.การกระตุ้นเศรษฐกิจ อาศัยการบริโภคในประเทศอย่างเดียวก็อาจไม่พอ
แต่ปัจจัยจากต่างประเทศ จะกระตุ้นอย่างไร ดังนั้นรัฐบาลจะกระตุ้นกำลังซื้อ
ในประเทศก่อน
น้องออฟไม่คาดหวังว่าจะช่วยได้ แต่ถ้ามา ก็ลองหาดู อาจลงทุนเป็นรอบๆ
พอfactออกมา ก็ทำกำไรเป็นรอบไป

ให้ผู้ฟังไปคิดต่อว่า ใครได้ประโยชน์บ้าง

บางธนาคารเริ่มปรับตัว ไปเชื่อมกับส่วนต่างๆ เช่น Grab food
ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงเทรนดอกเบี้ยขาขึ้น ก็จะได้ประโยชน์

Theme ต่อมา คือ รถยนต์ไฟฟ้า ที่เปลี่ยนจากใช้น้ำมันมาใช้ไฟฟ้าแทน
กับอีกส่วนที่ ขับเคลื่อนอัตโนมัติ รวมถึง IOT ที่เชื่อมโยงกับชิ้นส่วนรถยนต์
ชิปที่แต่ก่อนอยู่ในเครื่องPC จะเข้ามาในรถยนต์
ดังนั้น กลุ่มอิเลคทรอนิคส์ เช่น KCE,Delta, Hana ก็จะไม่ได้หยุดเฉพาะ 5G
Plain point ของรถยนต์ คือ ใช้เวลาchargeนาน เช่น 10-30นาที
ไม่เหมือนกับเติมน้ำมัน ใช้เวลาไม่นาน
แต่อาจใช้วิธีการเปลี่ยนแบต ดังนั้นอาจเป็นธุรกิจ ซื้อรถและพ่วงการการซื้อแบตด้วย

กลุ่มอุตสาหกรรม. วิเคราะห์โอกาสในการลงทุน

-อาหารและเครื่องดื่ม เช่น Functional drink และ ฉลากดูน่าสนใจ

-ธนาคาร มองอนาคต ยังมีdoubtถึงแม้ถูกระดับนึงก็ตาม NPL จะมาไหม
เช่น npl Aeon เพิ่มจาก3มา4% แต่ยังมีการสำรองค่อนข้างเยอะ

-Finance ชอบมาตั้งแต่ปลายปี แต่valuationเริ่มไม่น่าดึงดูด ราคาขึ้นมาแล้ว
รวมถึง financeนอกสายตาก็ขึ้นมาแล้ว
แต่มีตัวที่เช่าซื้อ บางตัวPE 8 เท่าก็ยังน่าสนใจ

-กลุ่มประกันก็ยังเฉย

-ยานยนต์ มีปัญหาเรื่องการหาชิ้นส่วนในการผลิต

สายเรือทำให้กระทบต่อการจัดหาวัตถุดิบยานยนต์ทำให้บางค่าย
ปรับประมาณการผลิตรถยนต์ลดลง ต้องติดตามดู

-ไม่ถนัดกลุ่มปิโตรเคมี บางคนชอบก็น่าทำการบ้าน

-บรรจุภัณฑ์ ชอบแต่หาตัวเล่นไม่ได้ ตัวที่เก่ง SCGP เคยลงมาพักเดียวตอนนี้เกือบAll time highแล้ว บางตัวก็เจอเรื่องกำลังการผลิต Kerryราคาก็ซื้อไม่ลงเรลย

-วัสดุก่อสร้าง น่าจะมา

-อสังหาริมทรัพย์ ชอบบางตัวที่ทำได้ดีมาก
น่าจะมาพร้อมกับธนาคาร เวลาวิกฤต ลงก่อนคนอื่น ตอนนี้ขึ้นมาเเล้ว

-รับเหมา จะมา แต่ไม่คาดหวัง บางทีจะมีstoryให้เราเห็น

-พลังงาน และ พาณิชย์ ดูน่าสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มไอที 5G ทำให้ดูน่าสนใจ

-การแพทย์ Q4 63 ก็ฟื้นแล้ว ปีนี้น่าจะดี รพ รอบที่แล้ว คนกลัวเยอะ คนติดน้อย
รอบนี้ คนกลัวกลางๆ แต่ติดกันเยอะ บางจังหวัด ต้องมี รพ สนามกันเลย
ดูน่าสนใจ รวมถึงการฉีดวัคซีน รอบนี้ipdในกลุ่มรพในจังหวัดที่ระบาดขึ้นทุกตัวเลย
ถ้าใครไม่รีบและรอวัคซีนได้ ให้รอAstraZeneca ดูน่าจะดีกว่า
สุดท้ายถ้าภาครัฐหาไม่ได้บางส่วน เอกชนก็จะหามาเอง
ปีนี้รพ น่าสนใจ รวมถึง รพ ที่มีคนไข้ต่างประเทศและราคาลงมาแรงก็น่าสนใจ

-สิ่งพิมพ์ ท่องเที่ยว รู้สึกเฉยๆ

-ICT และชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคส์ story&centimentมา สุดท้ายใครทำได้ใครทำไม่ได้
ก็ต้องลองติดตามดูอีกครั้ง


4 Sector ที่น่าสนใจ:
Finance, การแพทย์ , พาณิชย์ , เลือกจากBottom up (ไม่สนภาพใหญ่ แต่ดูเป็นรายบริษัท)

Valuation
1.หุ้นดี
2.ราคาเหมาะสม

สุดท้ายขอบคุณน้องออฟที่มาสรุปเหตุการณ์และกลุ่มที่น่าสนใจลงทุนครับ
แนบไฟล์
2145BFCC-3E3A-4813-AB69-8FB012165904.jpeg
267AF0B2-61CD-4BED-8752-C87D7DC176B0.jpeg
802E689A-ADE9-4235-AB7D-4DA5B43DBB38.jpeg
97F94925-DFB8-4412-91F3-18CFD7EF2D96.jpeg
946DBEB9-6049-4D7A-A0B1-56A42EC4CE9F.jpeg
60817A18-21FB-4B10-AC45-98D1927D11DF.jpeg
13E48717-F539-4A39-AC06-C99B2E7CD00B.jpeg
8C017078-58D0-4252-8873-EEC02D121FCF.jpeg

โพสต์โพสต์