เม่ากลับใจ สัมภาษณ์ อาจารย์มี่ (ตอนที่ 1: การลงทุนในหุ้นกลุ่ม Commodity)

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
เม่ากลับใจ
Thai VI Partner
โพสต์: 108
ผู้ติดตาม: 365

เม่ากลับใจ สัมภาษณ์ อาจารย์มี่ (ตอนที่ 1: การลงทุนในหุ้นกลุ่ม Commodity)

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เม่ากลับใจ สัมภาษณ์ อาจารย์มี่ ทิวา ชินธาดาพงศ์

ตอนที่ 1: การลงทุนในหุ้นกลุ่ม Commodity

“ประสบการณ์การลงทุนในหุ้นกลุ่ม commodity ในอดีต และ หุ้น commodity ที่น่าติดตาม”

ในอดีตพี่มี่เคยลงทุนในกลุ่ม commodity หลายครั้ง และ ก็ประสบความสำเร็จในหลายๆครั้ง
ตัวอย่างในการลงทุนที่ประสบความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา เช่น TASCO และ TIPCO (ผู้ถือหุ้นใหญ่ TASCO) เป็นต้น

สาเหตุที่พี่มี่ลงทุนหุ้น commodity เพราะ พี่มี่ได้มีโอกาสคุยกับนักลงทุนที่พี่มี่เคารพท่านหนึ่ง ชื่อ Log in ในเว็บ Thai Vi ว่า “หมอสามัญชน”
ซึ่งท่านนี้เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนหุ้นกลุ่ม commodity ซึ่งพี่มี่ก็ได้สอบถามถึงแนวทางการลงทุนหุ้นกลุ่ม commodity
ว่ามีคุณหมอสามัญชนมีมุมมองในการลงทุนอย่างไร ซึ่งพี่หมอสามัญชนก็ได้ให้ความเห็นว่าหากเราลงทุนหุ้นในกลุ่มอื่นๆ
เรามีโอกาสสูงที่จะแพ้นักลงทุนสถาบันเนื่องจากการเข้าถึงข้อมูลของนักลงทุนสถาบันนั้นมีมากกว่านักลงทุนรายย่อยมาก
แต่หากเป็นเรื่องของ commodity นั้นไม่ว่าจะนักลงทุนสถาบันหรือรายย่อยนั้นไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกัน
เพราะ เป็นการคาดการณ์ราคาสินค้าที่มีราคาตลาดซึ่งโอกาสผิดและถูกนั้น มีเท่าๆกัน ดังนั้นการลงทุนนี้จึงไม่เสียบเปรียบนักลงทุนสถาบัน

และ อีกเหตุผลหนึ่งที่พี่มี่สนใจในการลงทุนหุ้นกลุ่ม commodity เพราะว่านักลงทุนระดับโลก อย่าง คุณจิม โรเจอร์ ก็ประสบความสำเร็จได้
โดยการจัดตั้งกองทุนที่ลงทุนใน commodity แล้วก็ออกไปขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อท่องเที่ยวรอบโลก
ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีการใช้ internet ที่แพร่หลายอย่างปัจจุบันจึงไม่สามารถติดตามข่าวสารได้
แต่ทางคุณจิม โรเจอร์ ก็สามารถประสบความสำเร็จได้อาจจะเพราะว่ามองภาพใหญ่และเข้าใจในธรรมชาติของ commodity
ดังนั้นพี่มี่ก็เชื่อว่าหากนักลงทุนสามารถเข้าใจใน commodity ได้ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงจากการลงทุนในหุ้น commodity ได้ครับ

หุ้น commodity ที่พี่มี่ได้กำไรมากที่มีนัยยะต่อพอร์ทการลงทุนก็จะมี TASCO และ TIPCO
โดยสาเหตุที่พี่มี่ได้ลงทุน TASCO เนื่องจากพี่มี่ได้มีโอกาสฟังสัมภาษณ์นักวิเคราะห์ว่าในช่วงธุรกิจน้ำมันขาลง
จะส่งผลดีต่อกลุ่มธุรกิจสายการบิน เช่น AAV NOK THAI และ TASCO เป็นต้น

ซึ่งพอพี่มี่ได้ฟังดังนั้นพี่มี่ก็ไปศึกษาเรื่องโครงสร้างต้นทุนน้ำมันเมื่อเทียบกับต้นทุนอื่นๆของบริษัทนั้นๆ
ปรากฏว่าหุ้นกลุ่มสายการบินมีต้นทุนที่เป็นน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 30% ของต้นทุนทั้งหมด
ในขณะที่ TASCO มีต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันที่ประมาณ 70%
ดังนั้นพี่มี่จึงให้น้ำหนักความน่าสนใจไปที่หุ้น TASCO เป็นหลัก

ซึ่งในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกไม่ดีทำให้ต้องมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมากเพื่อเร่งการเติบโตของ GDP
ซึ่งการสร้างถนนก็เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานที่ทางรัฐบาลหลายๆประเทศทำซึ่งทำให้ความต้องการยางมะตอยสูงขึ้นมาก
และต้นทุนก็ลดลงมากจากราคาน้ำมันที่ลดลง จึงทำให้กำไรของ TASCO เติบโตมากและราคาก็ขึ้นเร็วและแรงมาก
ซึ่งพี่มี่ก็ยอมรับว่าขายทำกำไรหุ้น TASCO เร็วไป กำไรจึงหายไปมากพอสมควร

แต่หลังจากขายไปและ TASCO ราคาขึ้นแรงอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาหุ้น TIPCO นั้นยังปรับขึ้นไม่มากเมื่อเทียบกับ TASCO
ดังนั้นพี่มี่จึงมาลงทุนใน TIPCO และ ราคาก็ขึ้นไปมากพอสมควร ก็ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างมากครับ

พี่มี่กล่าวเสริมเรื่องของกลยุทธการขายหุ้นกลุ่ม commodity ว่า
หากถึงรอบของวัฎจักรของ commodity นั้นๆ ราคาหุ้นที่ตอบสนองนั้นจะแรงมาก
หากมีการปรับฐานลงมาการดีดกลับจะแรงกว่าปกติเสมอ
เช่น หากราคาหุ้นลง 1% จะดีดกลับ 2-3% หากหุ้นลง 2-3% จะดีดกลับ 4-5% เสมอ
แต่หากทุกอย่างดูดีหมด แต่หุ้นลงแรงๆระดับ 7% ก็อาจจะหมายถึงการจบรอบ

แต่หากมองในมุมพื้นฐาน พี่มี่จะไม่นำ PE มาประเมิน เพราะ จุดพีคของหุ้น commodity ในหลายๆครั้ง อาจจะเทรดที่เพียง PE 5 เท่า
ดังนั้นพี่มี่จะเอา Price per Book Value มาประเมิน
โดยหากหุ้น commodity นั้นๆเทรดขึ้นมาในระดับ 5 เท่าของมูลค่าทางบัญชีก็คิดว่าเป็นจุดที่อาจจะต้องเฝ้าระวังเสมอ

ส่วน Commodity ที่พี่มี่คิดว่าน่าจับตาก็น่าจะเป็นพวกกลุ่ม PET
เพราะ เชื่อว่า Covid-19 อาจจะทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคอาจจะเปลี่ยนมาทานน้ำที่มีบรรจุภัณฑ์ที่ดีขึ้น
เพราะ ในประเทศที่พัฒนาแล้วน้ำประปาในที่สาธารณะนั้นสามารถดื่มได้ แต่ก็อาจจะมีความเสี่ยงเรื่องการปนเปื้อนของเชื้อโรค รวมถึง Covid-19

ซึ่งหุ้นที่ผลิต PET ที่พี่มี่มองว่าน่าสนใจนี้ก็เทรดกันที่ต่ำกว่า Historical Price per Book Value ในอดีตที่ 1.20 เท่า
ประกอบกับในอดีตผู้บริหารเมื่อวางเป้าหมายก็สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้ก็แสดงว่าผู้บริหารมีความสามารถและน่าจะมีความเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง
และ ในช่วง 7 ไตรมาสที่ผ่านมามีการขาดทุนสต๊อกน้ำมันติดต่อกัน 7 ไตรมาส แต่ไตรมาส 3/2563 นี้การขาดทุนน่าจะลดลงมาก
เนื่องจากราคาน้ำมันดูมีเสถียรภาพกว่า 7 ไตรมาสที่ผ่านมา ดังนั้นก็ดูว่ามีความน่าสนใจ
ทั้งจากราคาที่ซื้อขายในปัจจุบันเมื่อเทียบกับมูลค่าทางบัญชีในอดีต, ความสามารถของผู้บริหาร และ เรื่องการขาดทุนสต๊อกที่น่าจะลดลงไป

ดังนั้นก็จะเห็นได้ว่าในการลงทุนหุ้นกลุ่ม commodity นั้นหากจะว่ายากก็ยาก
แต่หากนักลงทุนเข้าใจและลองเข้าไปศึกษาก็จะเข้าใจได้ว่ามีปัจจัยบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับพื้นฐานที่นักลงทุนก็สามารถที่จะพอคาดการณ์ได้
เพื่อนำไปต่อยอดในการลงทุนเพียงแต่ว่าต้องพอที่จะมีความสามารถที่จะประเมินได้ในระดับหนึ่ง
และหากเข้าใจมันแล้วและคาดการณ์ถูกก็จะสามารถทำกำไรได้อย่างมากในระยะเวลาที่ไม่นานครับ

การลงทุนมีความเสี่ยง เม่ากลับใจ เพียงให้ข้อมูลและแนวทางการลงทุนจากพี่มี่เพื่อแบ่งปันมุมมอง,
ประสบการณ์ และแนวทางการวิเคราะห์ ของพี่มี่เพื่อเป็นไอเดียในการลงทุนเท่านั้นนะครับ
และ ขอย้ำอีกทีว่าไม่ใช่การชี้นำให้ลงทุนตามนะครับ เพราะ การลงทุนต้องเข้าใจในหลักเหตุและผลเสมอครับ

ชอบกด like ใช่กด Share
ฝากเพจการลงทุน เม่ากลับใจ
ไว้ในอ้อมใจนักลงทุนทุกท่านด้วยครับ

#เซียนมี่
#เม่ากลับใจ
แนบไฟล์
พี่มี่ ตอน 1.jpg

โพสต์โพสต์