กองทุนรวมโวยอเมริกันสแตนดาร์ด เผยราคาเหมาะสมไม่ควรต่ำ 300บาท

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
toon
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 216
ผู้ติดตาม: 0

กองทุนรวมโวยอเมริกันสแตนดาร์ด เผยราคาเหมาะสมไม่ควรต่ำ 300บาท

โพสต์ที่ 1

โพสต์

บลจ.ไทยพาณิชย์ ร้อง ราคาเทนเดอร์-ออฟเฟอร์หุ้นเครื่องสุขภัณฑ์อเมริกันสแตนดาร์ด ที่ 270 บาทต่อหุ้น เป็นราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริงเมื่อเทียบกับฐานะและผลการดำเนินงานของบริษัท ระบุที่ปรึกษาอิสระตั้งราคาต่ำ เอาใจผู้ถือหุ้นใหญ่ "อเมริกันสแตนดาร์ด อิงค์" โดยประเมินว่าปี 2551 ธุรกิจจะไม่เติบโตหรือขยายตัวเป็นศูนย์ ด้านแอดไวซอรี่ พลัส เผยเข้าชี้แจง ก.ล.ต.แล้ว และทางการไม่ติดใจกรณีรายย่อยร้องเรียน




แหล่งข่าวจาก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ไทยพาณิชย์ ในฐานะผู้ถือหุ้นรายย่อยบริษัทเครื่องสุขภัณฑ์อเมริกันสแตนดาร์ด (ประเทศไทย) จำนวน 4.3 หมื่นหุ้น เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้ถือหุ้นใหญ่คือ กลุ่มบริษัทอเมริกันสแตนดาร์ด อิงค์ ซึ่งถือหุ้นรวม 6.3 ล้านหุ้นหรือคิดเป็นสัดส่วน 83.98% ของทุนจดทะเบียน ขอเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ และเสนอราคารับซื้อหุ้นจากนักลงทุนรายย่อย (เทนเดอร์-ออฟเฟอร์) ในราคาหุ้นละ 270 บาท ว่าเป็นราคาที่ไม่ต่ำเมื่อเทียบกับฐานะการเงินการดำเนินงาน แนวโน้มการทำธุรกิจ

โดยบริษัทดังกล่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติให้เพิกถอนหุ้นออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยสมัครใจ เพื่อลดภาระในการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญทางธุรกิจต่อคู่แข่ง เช่น แผนการทำธุรกิจ ข้อมูลทางการเงินที่สำคัญ การดำเนินงานของบริษัท และลดภาระค่าใช้จ่ายในการเป็นบริษัทจดทะเบียน

บริษัทเครื่องสุขภัณฑ์อเมริกันสแตนดาร์ด (ประเทศไทย) ได้แต่งตั้ง บล.ทิสโก้ เป็นที่ปรึกษาการเงินในการทำคำเสนอซื้อหุ้นจากนักลงทุนทั่วไป โดยมี บริษัทแอดไวซอรี่ พลัสเป็นที่ปรึกษาอิสระ และได้จัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อขอมติที่ประชุมอนุมัติให้เพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ และได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างให้สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุมัติการทำเทนเดอร์-ออฟเฟอร์

"ในที่ประชุมเมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้พยายามที่จะคัดค้านแผนการเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ เพราะเห็นว่าราคาหุ้นที่เสนอซื้อไม่ยุติธรรม โดยเฉพาะที่ปรึกษาการเงินอิสระใช้วิธีประเมินมูลค่าหุ้นโดยการตั้งสมมติฐานที่ว่า อัตราการขยายตัวของธุรกิจนับจากปี 2546-2550 โตเฉลี่ย 3% เศษต่อปี ขณะที่ปี 2551 อัตราการขยายตัวจะเป็นศูนย์นั่นหมายถึง ไม่มีอัตราการขยายตัวเลยซึ่งเป็นไปไม่ได้" แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวยังกล่าวด้วยว่า ผู้ถือหุ้นรายย่อยหลายๆ ราย ได้แสดงความเห็นที่คัดค้านและเสนอให้มีการใช้วิธีการประเมินมูลค่าหุ้นในการรับซื้อใหม่ เพราะเห็นว่า การตั้งสมมติฐานดังกล่าว เป็นการทำให้ราคาหุ้นที่รับซื้อต่ำกว่าความเป็นจริง ทั้งที่ธุรกิจของบริษัทดีมาก ผลการดำเนินงานมีกำไร และเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้สินเลย ซึ่งอย่างเลวร้ายที่สุดอัตราการขยายตัวของธุรกิจก็ไม่ควรจะต่ำกว่าการขยายตัวของจีดีพี และผู้ถือหุ้นรายย่อยเห็นว่าหากธุรกิจไม่มีอัตราการขยายตัวเลยในปี 2551 ก็น่าจะขายทิ้งธุรกิจแล้วนำเงินไปฝากแบงก์ยังได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

อย่างไรก็ตาม ก่อนการประชุมผู้ถือหุ้นคือ ราววันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา ก็ได้เสนอให้กับที่ปรึกษาการเงินอิสระในการใช้สูตรการกำหนดราคา โดยใช้มูลค่าหุ้นหารด้วยกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่ายหรือ EV/EBITDA ซึ่งหากใช้เกณฑ์การกำหนดราคานี้ ราคาหุ้นจะอยู่ที่ประมาณ 380 บาท และที่ปรึกษาการเงินอิสระได้รับปากว่า จะไปหารือกับผู้ถือหุ้นใหญ่แต่ในที่สุดเรื่องก็เงียบหายไป และไม่มีเสียงสะท้อนกลับในวันประชุมวันที่ 14 ก.ย. 2547 รวมทั้งไม่ยอมแจกแผนการคำนวณราคาหุ้นดังกล่าวให้กับผู้ถือหุ้นรายย่อยอย่างทั่วถึง

"ผมคิดว่าหลายๆ เคสที่เกิดขึ้น หากมีตัวแทนของสำนักงาน ก.ล.ต.เข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อสังเกตการณ์ด้วยจะดีมากและจะเห็นความเป็นไปทุกอย่างว่า มันมีความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้น โดยเฉพาะในกรณีนี้ที่รายย่อยมีหุ้นรวมกันน้อย ทำให้การคัดค้านไม่สามารถทำได้เพราะผู้ถือหุ้นใหญ่กุมเสียงมากถึง 83% เศษ" แหล่งข่าวกล่าวและว่า ได้มีความพยายามจากผู้ถือหุ้นรายย่อยเหมือนกันว่า หากบริษัทต้องการเพิกถอนจริงก็น่าจะจ่ายปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้น เพื่อชดเชยกับราคาเสนอซื้อหุ้นที่ค่อนข้างต่ำ แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ปฏิเสธที่จะจ่ายปันผล

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ในความเห็นของ บลจ.ไทยพาณิชย์ ในฐานะหนึ่งในผู้ถือหุ้นของเครื่องสุขภัณฑ์อเมริกันสแตนดาร์ด คิดว่าราคาหุ้นที่เหมาะสมในการับซื้อคืน น่าจะไม่ต่ำกว่า 300 บาทต่อหุ้น

สำหรับผลการดำเนินงาน ไตรมาส 2 ของบริษัทเครื่องสุขภัณฑ์อเมริกันสแตนดาร์ด (ประเทศไทย) สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2547 สอบทานแล้ว ปรากฏว่ามีกำไรสุทธิ 50.41 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 6.72 บาท เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 40.89 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 5.45 บาท

ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 92.35 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 12.31 บาท เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 85.67 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 11.42 บาท

ด้านนายประเสริฐ ภัทรดิลก กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอดไวซอรี่ พลัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ในการเพิกถอนหุ้นของบริษัทเครื่องสุขภัณฑ์อเมริกันสแตนดาร์ด กล่าวว่า ภายหลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นชอบให้บริษัทเพิกถอนหุ้นของบริษัทออกตลาด โดยบริษัท อเมริกัน สแตนดาร์ด อิงค์ หรือบริษัทย่อยอื่นของอเมริกัน สแตนดาร์ด คัมปะนีส์ อิงค์ได้ตกลงทำเทนเดอร์ ในราคาหุ้นละ 270 บาท ก็มีผู้ถือหุ้นรายย่อยได้ร้องเรียนไปยัง ก.ล.ต.ว่า บริษัทในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินอิสระไม่ได้ให้ความเป็นธรรมต่อผู้ถือหุ้นรายย่อย ซึ่งบริษัทก็ได้ไปพบ ก.ล.ต.พร้อมกับอธิบายเอกสารข้อมูล เกี่ยวกับการประเมินราคาหุ้นเครื่องสุขภัณฑ์อเมริกันฯ ซึ่งจากเหตุผลและหลักฐานที่อธิบายนั้น ก.ล.ต.ก็เข้าใจและไม่ติดใจกับสิ่งที่นักลงทุนรายย่อยร้องเรียน

นายประเสริฐกล่าวว่า บริษัททำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา และมีหน้าที่วิเคราะห์ราคาหุ้นที่ผู้ทำคำเสนอซื้อกำหนดว่าเหมาะสมหรือไม่ แต่ไม่ใช่ผู้ที่กำหนดราคาโดยตรง ซึ่งจากการประเมินราคาหุ้นตามปัจจัยพื้นฐานแล้วพบว่า ราคาที่ทำเทนเดอร์หุ้นละ 270 บาทนั้น ถือว่าเหมาะสมแล้ว

"ผมยืนยันว่า ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา และวิเคราะห์หุ้นตามพื้นฐาน และก็ได้อธิบายให้ ก.ล.ต.ได้รับทราบแล้ว ซึ่ง ก.ล.ต.ก็เข้าใจถึงเหตุผลและที่มาที่ไป" นายประเสริฐกล่าว

สำหรับความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเกี่ยวกับการขอเพิกถอนหลักทรัพย์ ถึงเหตุผลและความเหมาะสม โดยระบุว่า บริษัทดังกล่าวมีปริมาณหุ้นที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์น้อย โดยมีทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้วจำนวน 75 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 7.5 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เป็นหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2531

ส่วนราคาปิดวานนี้อยู่ที่ 264 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
Maxga
ผู้ติดตาม: 0

กองทุนรวมโวยอเมริกันสแตนดาร์ด เผยราคาเหมาะสมไม่ควรต่ำ 300บาท

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ดูคุณ Wvix คำนวณสิ
ใช้ Constant Growth model ก็ได้ 380 บาทแล้ว
คนทำราคามันแย่จริงๆ เลย
http://www.thaivalueinvestor.com/webboa ... php?t=5354
ล็อคหัวข้อ