แนวคิดการลงทุนของเบน เกรแฮม

[penpha]

เป็นแนวคิดการลงทุนแบบเน้นคุณค่า การเลือกหุ้นแนว เบน เกรแฮม จะเป็นหุ้นที่มีราคาถูกหรือถูกมาก ถ้าวัดจากค่า PE จะไม่เกิน 10 เท่า ผลประกอบการมีกำไรที่สูงซึ่ง Market Cap. น่าจะต้องหลายหมื่นล้านขึ้นไป สินค้าที่บริษัทขายมีความผันผวนน้อย เน้นการเติบโตของกิจการในระยะยาวและมองย้อนหลังไป 3-4 ปีว่ากำไรต่อหุ้นของบริษัทไม่เคยต่ำกว่านั้น เกรแฮมเองบอกว่าเราไม่ควรจะใช้กำไรปีล่าสุดปีเดียว แต่ให้ใช้กำไรต่อหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี เป็นตัวคำนวณค่า PE ล่าสุด

ถ้าจะนึดเอาแนวทางการลงทุนแบบเกรแฮม ควรจะเอาตัวเลขผลประกอบการย้อนหลังซัก 10 ปี คำนวณหากำไรเฉลี่ย 3 ปีล่าสุด เปรียบเทียบกับกำไรเฉลี่ย 3 ปีแรก แล้วมาคำนวณว่าบริษัทมีกำไรต่อหุ้นเติบโตเฉลี่ยปีละกี่เปอร์เซ็นต์ ก็จะทำให้รู้การเติบโตอย่างแท้จริงของกิจการนั้นๆ

เกรแฮมจะไม่ค่อยเชื่อผู้บริหาร และก็มักจะไม่ไปพบหรือฟังผู้บริหารนัก เขาสนใจที่จะดูข้อมูลตัวเลข เจาเชื่อว่ามันเป็นข้อมูลจริง มันไม่หลอก ถ้าเป็นบริษัทใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ได้ไม่นานเขาจะไม่สนใจที่จะซื้อหุ้นตัวนั้น เพราะผลการดำเนินธุรกิจมันแค่ปีสองปีอาจจะเชื่อถือไม่ได้มากนัก

ในการลงทุนแบบ VI ของเกรแฮมก็คือ การทำกำไรและลดความเสี่ยงลงให้เหลือน้อยที่สุด แนวทางหนึ่งที่เขาใช้เมื่อเกิดสภาวะตลาดหุ้นเลวร้ายที่สุด คือ การหาหุ้นของบริษัทที่มีทรัพย์สินหมุนเวียนที่มีสภาพคล่องสูงลบด้วยหนี้ทั้งหมดแล้วยังมีมูลค่ามากกว่า Market Cap. หลายสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งบริษัทแบบนี้ถ้าต้องเลิกบริษัทและขายทุกอย่างทิ้งก็จะยังเหลือเงินมากกว่าราคาหุ้นที่เราจ่าย คล้าย ๆ กับว่าเราซื้อเงิน 100 บาท ด้วยเงิน 50 บาท ซึ่งไม่มีทางขาดทุนมี Margin of Safety สูง คือต่อให้สถานการณ์เลวร้ายมากขนาดไหนก็เชื่อว่าไม่ขาดทุน

อีกเรื่องที่สำคัญ เกรแฮมจะเน้นลงทุนเฉพาะในบริษัทที่มีหนี้ไม่สูงเกินไป และบริษัทที่ทรัพย์สินหมุนเวียนสูงเมื่อเทียบกับภาระหนี้ อาจเพราะมันเสี่ยงต่อการล้มละลาย และเกรแฮมแนะว่าให้ถือหุ้นจำนวนมากเพื่อที่จะกระจายความเสี่ยง และได้แนะให้ถือพันธบัตรไว้ด้วย

นี่คือการลงทุนในแนวทางของเบน เกรแฮม เค้าเชื่อว่าในการลงทุนมันย่อมมีผลตอบแทนไม่มากก็น้อย แต่ถ้ามันไม่ใช่มันก็จะเป็นการเก็งกำไร

อย่างไรก็ตามเราเองก็ต้องศึกษาหาข้อมูล คิดวิเคราะห์ พยายามอย่าใช้อารมณ์ในการลงทุน ที่สำคัญคือ การหาความรู้ เพื่อให้เป็นพื้นฐานที่ดีในการลงทุน และเราจะได้ไม่เข้าไปเป็นกลุ่มแมงเม่า ที่ติดกับดักของการลงทุนค่ะ