ปีเตอร์ ลินซ์กล่าวว่า นักลงทุนไม่ต้องไปสนใจกับการขึ้นลงของตลาด แต่ให้ใช้เหตุผลในการซื้อขาย(ไม่ได้ใช้อารมณ์) กำไรหรือขาดทุนที่จะได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจโดยรวม แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยเฉพาะของธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ จึงไม่ต้องไปสนใจการขึ้นลงของตลาดหุ้น (นักลงทุนแนว VI ของไทยหลายๆท่านก็ใช้วิธีการแบบปีเตอร์ ลินช์ ก็ประสบความสำเร็จในการลงทุน)
กฎเหล็กในการลงทุน 25 ข้อของปีเตอร์ ลินช์ มีดังนี้ค่ะ
1. ถ้าหากไม่ศึกษาข้อมูล ไม่ได้วิเคราะห์ข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนนั้นจะอันตรายมาก
2. ความสามารถ ความเก่ง ความเข้าใจในการลงทุนนั้น ไม่ได้มาจากการฟังโบรก หรือฟังจากนักวิเคราะห์ แต่มันจะมาจากตัวคุณเองถ้าคุณไปลงทุนในบริษัทหรือธุรกิจที่คุณเข้าใจมันอยู่แล้ว
3. ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จในการลงทุนควรวิเคราะห์ข้อมูล และศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนจะดีกว่าที่ไปฟังนักวิเคราะห์ หรือฟังคนอื่นบอกมาอีกที
4. ให้ติดตามบริษัทที่คุณได้ไปลงทุนอย่างสมำ่เสมอ
5. ผลประกอบการกับราคาหุ้นจะมีความสัมพันธ์กันในระยะยาว ไม่ใช่ระยะสั้นๆแค่ 1-2เดือน หรือ 2-3ปี
6. คุณต้องรู้และเข้าใจว่าเพราะอะไรคุณถึงเลือกหุ้นตัวนี้
7. ในการวิเคราะห์การลงทุนแบบระยะยาวเกินไป จะทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนจากที่เราวิเคราะห์ไว้ได้
8. ในการลงทุนหุ้น คุณควรลงทุนในจำนวนหุ้นที่คุณคิดว่าคุณดูแลและเข้าใจในหุ้นนั้ได้ดี ไม่ใช่ลงทุนไว้หลายๆตัวเกินกว่าที่คุณจะดูไหว
9. ถ้ายังหาหุ้นที่คุณคิดว่าน่าลงทุนยังไม่เจอ ก็อย่าเพิ่งลงทุน ให้เก็บเงินไว้ในธนาคารจนกว่าคุณจะเจอหุ้นที่คุณคิดว่ามันน่าลงทุนจริงๆ
10. ให้หลีกเลี่ยงหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่ร้อน ควรลงทุนในอุตสาหกรรมที่ค่อยๆเติบโตจะดีกว่า
11. ถ้าสนใจลงทุนบริษัทที่มีขนาดเล็ก ควรรอให้บริษัทมันสามารถที่จะทำกำไรได้สม่ำเสมอ แล้วตัดสินใจเข้าลงทุน (ก็ยังไม่สาย)
12. ในสภาวะวิกฤตย่อมที่จะมีโอกาส ถ้าจะลงทุนในอุตสาหกรรมที่มันอยู่ในช่วงวิกฤต ให้ลงทุนในบริษัทที่มีโอกาสรอดจากวิกฤตนี้ไปได้
13. ในการลงทุนในตลาดหุ้นมีทั้งโอกาสที่จะขาดทุน และมีทั้งโอกาสได้กำไร คือ ถ้าคุณลงทุนไป 100,000 บาท โอกาสจะขาดทุน 100,000 บาทเลยก็มี หรืออาจจะได้กำไรเป็น 200,000 หรือ 5000,000 บาทเลยก็ได้ ถ้าใจเย็นกับการลงทุน
14. ในทุกอุตสาหกรรมนักลงทุนสมัครเล่นจะหาบริษัทที่ดีก่อนนักลงทุนแบบมืออาชีพได้นานเลยทีเดียว
15. การที่ตลาดหุ้นตกมันเป็นเรื่องธรรมชาติ เปรียบเหมือนกับฝนที่มันต้องตกทุกปี
16. นักลงทุนจะต้องมีความสามารถในการทำกำไรในตลาดหุ้น แต่ถ้าคุณเป็นนักลงทุนที่เห็นหุ้นตกแล้วต้องรีบขาย ก็อย่าลงทุนในหุ้น
17. ไม่กังวลเกี่ยวกับปัจจัยภายนอกมากเกินไป ควรจะขายหุ้นทำกำไรเมื่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทมันแย่ลง
18. ไม่มีใครที่จะสามารถหยั่งรู้เกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจ หรือทิศทางของตลาดหุ้นได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นจงติดตามบริษัทที่เราได้เข้าไปลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
19. ถ้าคุณได้ทำการวิเคราะห์ 10 บริษัทที่คิดจะเข้าไปลงทุน คุณก็จะเจอ 1 บริษัทที่มันดีมากกว่าที่คุณคิดไว้ แต่ถ้าคุณวิเคราะห์ 50 บริษัท คุณก็จะเจอ 5 บริษัทที่ดีมาก
20. ในการลงทุนในหุ้น ถ้าไม่มีการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลเลย ก็เหมือนกับการเล่นไพ่โป๊กเกอร์แบบไม่ได้ดูไพ่เลย
21. ถ้าคุณลงทุนในบริษัทชั้นดี คุณจะสามารถรอได้ แต่ถ้าคุณพลาดในการลงทุนไป ถ้ามันเป็นหุ้นที่ดีอยู่ ก็ยังเป็นหุ้นที่น่าซื้ออยู่ดี แต่เวลาจะเป็นศัตรูกับคุณถ้าคุณซื้อออปชั่น
22. ถ้าอยากลงทุนแต่ไม่มีเวลาทำการบ้าน ไม่มีเวลาศึกษาหาข้อมูล ควรที่จะซื้อกองทุนที่กระจายความเสี่ยงและกองทุนหลายประเภท
23. ภาษีที่คิดจากส่วนต่างของราคาจะมีผลในเชิงลบเมื่อนักลงทุนสับเปลี่ยนกองทุนบ่อยๆ ถ้าได้ลงทุนในกองทุนไม่ว่าจะหนึ่งกองหรือหลายๆกอง ที่มันให้ผลตอบแทนดี ก็อย่าขายแบบใช้แต่อารมณื แต่ให้ถือกองทุนที่ซื้อเอาไว้
24. นักลงทุนสามารถที่จะหาประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษบกิจที่รวดเร็วกว่าโดยการนำเงินไปลงทุนต่างประเทศที่ให้ผลตอบแทนที่ดีได้
25. ในระยะยาว พอร์ตการลงทุนที่ประกอบด้วยหุ้นและกองทุนหุ้นที่ดีจะให้ผลตอบแทนที่ดี ที่สูงกว่าพอร์ตที่ประกอบด้วยตราสารหนี้หรือการลงทุนในตลาดเงิน แต่ในระยะยาวพอร์ตการลงทุนที่ประกอบด้วยหุ้นและกองทุนหุ้นที่แย่ๆ ก็ให้ผลตอบแทนที่แย่ๆเช่นกัน
ข้อแนะนำการลงทุนของปีเตอร์ ลินซ์
โพสต์
3 โพสต์
• หน้า 1 จากทั้งหมด 1
โพสต์
3 โพสต์
• หน้า 1 จากทั้งหมด 1
บันทึกไม่สำเร็จ