หน้า 1 จากทั้งหมด 1

08/07/2020. EPISODE3. สัมมนาพิเศษ เคล็ดลับเลือกการลงทุนหุ้นต่างประเทศ ท่านอาจารย์ชาย มโนภาส ท่านรัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 12, 2020 2:53 pm
โดย DonaldduckVI
08/07/2020. EPISODE3. สัมมนาพิเศษ เคล็ดลับเลือกการลงทุนหุ้นต่างประเทศ ท่านอาจารย์ชาย มโนภาส ท่านรัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ (จัดโดยหลักทรัพย์บัวหลวง).





4 Interesting Stock ที่น่าสนใจ



บริษัท INTUITIVE SURGICAL (NASDAQ: ISRG) เป็นบริษัทผลิตเครื่องมือช่วยผ่าตัดชื่อ DA VINCI



เครื่องมือผ่าตัดชื่อรุ่น ION นั้นเป็นเครื่องมือตัดชิ้นเนื้อของปอดเพื่อนำมาเอาเพื่อวิเคราะห์ ถ้าถามว่าบริษัท INTUITIVE SURGICAL ทำอะไรก็สามารถตอบได้ว่าเป็นเครื่องมือช่วยเหลือแพทย์เพื่อผ่าตัด ซึ่งหุ่นยนต์ช่วยเหลือแพทย์ผ่าตัดนั้นสามารถช่วยสามารถผ่าตัดให้เป็นแผลเล็กๆเป็นเรื่องง่ายขึ้นได้ ซึ่งบริษัทได้ทำหัวผ่าตัดอุปกรณ์ต่างๆ ได้ขยายสินค้าและผลิตภัณฑ์มาเรื่อยๆนอกจากนั้นได้ทำการพัฒนา SOFTWARE ร่วมกับ AI ณ ตอนนี้ MARKET SHARE ของบริษัท INTUITIVE ครอง MARKET SHARE ได้เป็นส่วนใหญ่ MONOPLY ได้ทั้งหมด เนื่องจากตลาดนี้เป็นที่น่าสนใจมากๆ แต่ มาถึงขณะปัจจุบันได้มีบริษัท JOHNSON&JOHNSON นั้นที่จะเข้ามาในธุรกิจนี้




ณ ปัจจุบันทั่งโลกมีเครื่องโดยประมาณ 5,000 ชุดที่ติดตั้งอยู่ ในส่วนของเครื่องที่ติดตั้งอยู่ที่ ประเทศสหรัฐอเมริกานั้น มีอยู่ 3,581เครื่อง ดังนั้นตลาดในส่วนของโซนแทบประเทศยุโรปและโซนแทบทวีปเอเชียยังเป็นตลาดที่เติบโตได้ยังอีกมาก




โดยบริษัท INTUITIVE ได้มีการให้ OPERATING LEASE เป็นการเช่าแทนการซื้อเพื่อที่จะได้ขยายตลาดได้มากขึ้น นอกจากนี้ได้ทำการ M&A (MERGERS & ACQUISITIONS) ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และยังเป็นบริษัทที่มี DEBT FREE COMPANY อีกด้วยสามารถสร้างกระแสเงินได้มาอย่างดี เมื่อสร้างกระแสเงินสดได้มาอย่างดี ในส่วนของปันผลอาจจะไม่มากเพราะว่าได้เอาเงินของส่วนปันผลมาเอาไปลงทุนใน R&D และเอาเงินมาซื้อกิจการ ซึ่งทำให้เกิดความสามารถในการแข่งขันของกิจการ (DURABLE COMPETITIVE ADVANTAGE)



ซึ่งใน 5 ปีนั้น REVENUE นั้นโตเฉลี่ยปีละ 15% แต่ OPERATING INCOME โตเฉลี่ย 18% ติดต่อกัน 5 ปี



ของยอดขาย โดย GROSS MARGIN อยู่ที่ 70% NET PROFIT MARGIN อยู่ที่ 30% โดยบ่งบอกถึงบริษัทมี POWER เหนือกว่าลูกค้า ทำให้สามารถขายสินค้าได้กำไรดี นอกจากนี้ยังลงทุนในส่วน R&D 15% ของยอดขาย ถ้าเทียบกับบริษัทอื่นๆอย่างเช่น



APPLE (NASDAQ: AAPL) ลงทุน (10% ของยอดขาย)


INTEL (NASDAQ: INTC) ลงทุน (18% ของยอดขาย)


FACEBOOK (NASDAQ: FB) ลงทุน (5% ของยอดขาย)





บริษัท IDEXX LABORATORIES เป็นหุ้น GROWTH อีกอัน โดยบริษัทนั้นทำอุปกรณ์ทางการแพทย์ซึ่งโฟกัสที่ตรวจเลือดสัตว์เลี้ยง สุนัข แมว ฯลฯ ซึ่งโฟกัสในส่วนของ COMPANION ANIMAL



คู่แข่งเน้นทั้ง FARM ANIMALS และ COMPANION ANIMALS แต่ในส่วนของบริษัท IDEXX นั้นนี้เน้นที่สัตว์เลี้ยงเฉพาะตามบ้าน




บริษัท IDEXX LABORATORIES นั้นสมมุติได้ขายอุปกรณ์นั้น โดยเรามาดูที่ REVENUE BREAKDOWN นั้นกว่า 70% นั้นส่วนใหญ่ จะเป็นอยู่ในส่วน RECURRING INCOME กว่า 70% อย่างเช่นน้ำยาในการตรวจสอบ ซึ่งโดย BUSINESS MODEL ของทาง IDEXX LABORATORIES มีความลักษณะคล้ายๆ บริษัท GILLETTE ที่ WARRENT BUFFET ตัดสินใจซื้อบริษัทนี้ โดยถ้าเราซื้อด้ามมีดโกน เราก็ต้องซื้อมีดโกนของบริษัทของเขา เกิดการซื้อซ้ำๆไปเรื่อยๆ




กลับมาที่บริษัท IDEXX LABORATORIES BUSINESS MODEL นั้นคล้ายๆกัน นั้นกระจายฐานของผลิตภัณฑ์ไปกว้างๆ เพิ่มการขายสินค้า CONSUMABLE DISPOSABLE วัสดุทิ้งสิ้นเปลืองไปเพราะฉะนั้นกลับมาดูที่ในส่วนของรายได้นั้นมีความมั่นคงมากๆ โดยนอกจากนี้แล้วบริษัทนี้ได้ทำการลงทุนใน R&D เน้นในการทำ SOFTWARE เองมาเน้นในการประมวลผลเอง อันนี้เป็น ONE STOP SHOPPING ของการเลี้ยงสัตว์เลย


g.foolcdn.jpg

สรุปโดยหุ้นทั้งสองอย่างที่ยกตัวอย่างเป็นลักษณะ BUSINESS MODEL ที่ WARRENT BUFFET ชอบ
หุ้น VALUE STOCK หุ้น STARBUCKS (NASDAQ: SBUX) ตอนนี้ได้รับประโยชน์จากหุ้น LUCKIN COFFEE INC.



ซึ่งหุ้นบริษัท STARBUCKS นั้นเป็นหนึ่งในธุรกิจของอเมริกาที่ไปเติบโตในจีนได้อย่างมาก โดยตั้งแต่ปี 2010-2019. ในส่วนของเรื่องจำนวนสาขาทีเปิดไป เติบโตขึ้น 8-9 เท่า ในช่วงเวลา 9-10ปี




อย่างไรก็ตามบังเอิญในปีนี้ เจอปัญหา โควิด อาจจะเป็นจังหวะน่าสนใจอยู่เสมอ แม้แต่กระทั้งในไทยซึ่งมีคู่แข่งเยอะ แต่ก็มีคนต่อแถวอยู่เยอะ แม้กระทั้งจะราคาจะขึ้นไปเรื่อยๆคนก็ยังบริโภคดื่ม




ประเด็นคือทำไมหุ้น STARBUCKS ทำไมถึงน่าสนใจ ที่มีการบริโภคแล้วติด มี CAFFEINE โดนหุ้นที่มีออกผลิตภัณฑ์รับประทานหรือบริโภคนั้น มีการ ติด หรือ การ ซื้อซ้ำๆนั้น WARRENT BUFFET จะชอบมากๆ ในส่วนของ COKE ก็มีส่วนประกอบ CAFFEINE นิดหน่อย นอกจากนี้เวลาเราไปที่ร้านกาแฟ STARBUCKS นั้นเราจะสามารถเลือกได้ตามใจชอบไม่ว่าจะเป็น SOY MILK, เลือกหวานมาก หวานน้อย หรือ DECAFFEINATION ได้




ซึ่งก่อนหน้านั้นหุ้น PHILIP MORRIS INTERNATIONAL (NYSE: PM) มีเรื่องการฟ้องร้องเรื่องสุขภาพนั้น หุ้นกลุ่มนี้ PERFORMANCE ดีมากๆ




ปริมาณการบริโภคกาแฟแต่ละประเทศ สถิติการบริโภคต่อหัว ของประเทศจีนนั้นซึ่งอยู่ระดับต่ำมาก เป็นโอกาสอยู่อย่างมากๆ เศรษฐกิจจีนดีขึ้น คนบริโภคกาแฟมากขึ้น




ทำให้มี POTENTIAL มหาศาลในส่วนของเรื่องการขยายสาขา




จากรูปใน CHART เกี่ยวกับ CHAIN RESTAURANT ROIC (RETURN ON INVESTED CAPITAL) ในประเทศสหรัฐอเมริกา คือการคืนทุนช้าและการคืนทุนเร็ว ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่า STARBUCKS มี ROIC สูงที่สุด




ถ้าจะแปลความหมายไว้ว่าเปิดร้าน STARBUCKS คืนทุนเร็วที่สุดโดนเทียบกับร้านไก่ทอด ร้าน BURGER ร้านอาหารพวก MEXICAN ทุกๆครั้งที่ร้าน STARBUCKS ลงทุนขยายสาขานั้นคืนทุนเร็วมากๆ โดยเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรม




ร้าน STARBUCKS ขึ้นราคาได้เรื่อยๆ มีการปรับราคาขึ้นตลอด โดยธุรกิจที่สามารถปรับราคาขึ้นได้เองนั้นหมายถึงว่าร้านนั้นบ่งบอกถึงมี PRICING POWER เป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขัน




โดยถ้าปรับราคาได้ ควบคุมต้นทุนได้เท่าเดิม ในส่วนที่ยอดขายที่เพิ่มขึ้น สุดท้ายจะลง ที่ BOTTOM LINE ได้เลย ซึ่งถ้าบริษัทมีBUSINESS MODEL แบบนี้เป็นบริษัทที่น่าสนใจ




หุ้น FERRARI มี MARKET CAPITALIZATION หุ้นอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่ง FERRARI อยู่ที่อับดับที่ 7 ของโลกในส่วนของMARKET CAPITALIZATION






อันดับหนึ่งคือบริษัท TOYOTA อันดับสองคือ TESLA



ซึ่ง TOYOTA นั้นปีหนึ่งผลิตอยู่ที่ 10,000,000 ล้านคัน TESLA ปีที่แล้วผลิต 300,000-400,000 คัน VOLKSWAGEN อยู่ที่ 10,000,000 ล้านคัน




FERRARI ผลิตอยู่ที่ 10,000 คันต่อปี GM ผลิตอยู่ที่ 7,000,000 ล้านคัน




ซึ่งก่อนหน้านั้นผู้บริหารได้ผลิตอยู่ที่ 7,000 คัน เพิ่งจะมาเพิ่มกำลังการผลิต




โดยที่แท้จริง FERRARI ไม่ได้ทำรถยนต์ ทำของหรูหรา LUXURY PRODUCT ฉะนั้นได้ยกอัตราส่วนของ หลายๆบริษัทมาเทียบเคียงกัน อย่างเช่นบริษัท HERMES เทียบกับ FERRARI เทียบกับ TOYOTA




เราจะเห็นว่าถ้ามาเทียบอัตราส่วนทางการเงินนั้นหุ้น FERRARI จะมีอัตราส่วนที่คล้ายคลึงใกล้เคียงกับหุ้น HERMES มากกว่า TOYOTA




โดยเราจะเห็นว่า GROSS MARGIN นั้น


FERRARI GPM = 52.25%



HERMES GPM = 69.13%



TOYOTA GPM = 18.07%



ในส่วนของ NET MARGIN นั้น


FERRARI NPM = 18.19%



TOYOTA NPM = 6.94%



HERMES NPM = 22.20%



เพราะฉะนั้น FERRARI นั้นเป็นของหรูหราซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์




ประเด็นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ FERRARI เป็นบริษัทที่มี CASH CYCLE ที่ติดลบ




ซึ่ง FERRARI นั้นมีการผลิตต่อเมื่อมี ORDER เท่านั้นแล้วค่อยผลิต เพราะฉะนั้นรายได้ของ FERRARI นั้น 5 ปีย้อนหลัง โต 6.50%




ในส่วนของ OPERATING INCOME ย้อนหลัง 5 ปีโต 18.80%




แต่ก็จะมีคน CONCERNING ในส่วนของ รถ EV คนให้เริ่มความสนใจ นั้นทำให้คนสงสัยว่า FERRARI นั้นจะขายได้ไหม




เทคโนโลยีนาฬิกาสมัยนี้ ก้าวไกลไปมาก ดูโน่นดูนี้ได้ ดู HEART RATE ได้ดูการนอนหลับได้ ดู LAYOUT สนาม GOLF ก็ได้ แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่ง ยังซื้อ PATEK กันอยู่





SIHH-And-Baselworld-To-Coordinate-Their-Dates-From-2020.jpg





โดยลักษณะกลุ่มลูกค้าเป็นลูกค้าลักษณะเฉพาะกลุ่ม NICHE CUSTOMER เป็นรถสะสมเฉพาะกลุ่ม แม้ถึงว่า EV จะมาขนาดไหน ด้วย TECHNOLOGY




อาจจะเป็นในส่วนของ BRANDING และรูปลักษณ์




ในส่วนของคำถาม หุ้น BOOKING HOLDINGS INC. (NASDAQ: BKNG) จะกลับมาได้หรือไม่




คำตอบ อาจจะขึ้นอยู่กับเรื่องโรคระบาดเป็นส่วนใหญ่ ว่าจะจบหรือไม่ อย่างล่าสุด เมือง MELBOURNE, AUSTRALIA นั้นได้ประกาศ LOCKDOWN อีกๆ ทางยุโรป ไม่อยากให้ทางคนอเมริกามาเดินทาง เพราะฉะนั้นอาจจะต้องใช้เวลากว่าที่จะกลับมา ถ้าเรากลับมาดูที่อุตสาหกรรมโดยทั้งหมดแล้ว BOOKING อาจจะรอดกว่า





ในส่วนของคำถาม หุ้นกลุ่มที่เป็น SOFTWARE AS A SERVICES. ขึ้นมาค่อนข้างเยอะ เราจะมีวิธีประเมินราคายังไง VALUATION หุ้นอย่างไรบ้างใช้วิธีการ PRICE TO SALES ได้ไหมหรือมีวิธีประเมินยังไง




จริงๆแล้วต้องดูวิธีของแต่ละธุรกิจด้วยว่า ประกอบธุรกิจอย่างไร ธุรกิจที่มีรายได้ประจำ สมัครสมาชิก มีรายรับล่วงหน้า ขนาดไหน ต้องดูในงบดุลด้วย บางทีบริษัทขาย PACKAGE 3-5 ปี เอามาลงยังไม่ได้ ขายได้ไปแล้ว อาจจะยังไม่ได้รับรู้กำไร หรือทยอย BOOK รายได้ อย่างเช่นบริษัท ADOBE มีฐาน INCOME เข้ามาหลายๆทางคงต้องวิเคราะห์แตกต่างกันไป




ถ้าเป็นส่วนของ STARTUP ก็ดูในส่วนของ REVENUE GROWTH




ถ้าเราเชื่อว่าตลาดหุ้นดอกเบี้ยนั้นจะต่ำอีกภายใน 5-10 ปีนั้นเราอาจจะใช้วิธีนั้นได้





เราย้อนไปดูในตลาดในปี 2018 QUARTER 4 ช่วงที่ FED กำลังจะประกาศขึ้นดอกเบี้ย ในปลายปี 2018 ตลาด NASDAQ ถล่มลงมา เพราะฉะนั้นเราจะลงทุนอาจจะดูตื่นเต้นน่าเร้าใจ




ธุรกิจ SAAS เป็นธุรกิจที่คนไม่อยากจะไปเรียนรู้ใหม่ เหมือนวังน้ำวน แต่ว่า อาจจะไม่ดีทุกบริษัท 1982 เราอยู่ในช่วงดอกเบี้ยขาลง ใกล้ศูนย์ หรือติดลบ หรือกลับมาบวกเราจะ EVALUATED ยังไง






สรุปท้ายสุดในส่วนการลงทุนต่างประเทศนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ สนุกมากๆ แต่ในเรื่องความเสี่ยงก็มีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเรื่อง อัตราแลกเปลี่ยน เรื่องของ FRAUD เรื่องของความไม่แน่นอนทางการเมือง ไปลงทุนแทบประเทศ FRONTIER MARKET ในส่วนของเรื่องค่าเงิน อย่างไรก็ตามถ้าท่านได้เรียนรู้แล้วมามองหุ้นไทย จะมองได้ทะลุ ปรุโปร่งมากๆเลย ซึ่งหลายๆบริษัทในประเทศ DEVELOPED COUNTRY ก้าวหน้าไปอย่างมากในส่วนของเรื่อง BUSINESS MODEL ถ้าเราศึกษาช่วงนี้ไว้ไปลงทุนปีหน้า แล้วนำความรู้มาลงทุนที่ตลาดหุ้นไทยได้ ในช่วงที่ศึกษา





นอกจากนี้คำว่า GROWTH STOCK จาก PETER LYNCH ได้ย้ำว่า REVENUE GROWTH ไม่ใช่ PROFIT GROWTH





บริษัทที่เป็น PROFIT GROWTH กำไรโตแต่รายได้ไม่โตเลย ไม่ได้เรียกว่า GROWTH STOCK ซึ่ง GROWTH STOCK คุณต้องขยายรายได้ด้วย รายได้โตด้วย กำไรต้องโตด้วย โดยเน้นย้ำไว้ว่า REVENUE ต้องโตด้วย





เช่นผู้บริการเน้นลดต้นทุน ก็สามารถทำให้กำไรโตได้ ไม่ยั่งยืน แต่ ถ้าคุณไม่ออกไปหาลูกค้าใหม่ ไม่ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพราะฉะนั้นหลักการดู GROWTH STOCK คือ REVENUE โตด้วย และ PROFIT โตด้วย ให้คุณเข้าใจ BUSINESS MODEL อย่างแท้จริง และคุณค่าอย่างแท้จริง เพื่อที่จะได้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง อย่าเน้นแต่ของถูก






โดยยกตัวอย่าง ถ้าท่านหลงป่า ท่านจะเลือกคนนำทางคนที่ถูกที่สุด หรือที่เก่งที่สุด ในวิกฤต ให้ซื้อหุ้นที่มีผู้บริหารที่เก่ง มีบริษัทที่มี BUSINESS MODEL ที่ดี มีหนี้สินน้อย ให้เลือกบริษัทที่มีความแข็งแกร่ง



ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ชาย มโนภาส, คุณ รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ และ หลักทรัพย์บัวหลวง มากๆครับ



08/07/2020. (12/07/2020.)



CREDIT REFERENCES: www.cnbc.com www.abc7ny.com www.wecruitr.io www.medium.com www.researchgate.net www.motorlism.com www.economist.com www.fool.com www.monochrome-watches.com www.medium.com


ลงทุนควรลงทุนอย่างมีความสุข หุ้นขึ้นก็อย่าดีใจมาก หุ้นลงก็อย่าไปเสียใจมาก ใช้ชีวิตสงบสุขไปเรื่อยๆ

1_Y8vXN1mJeEHyXWJtFICjiQ.jpg