บทสรุปการประชุมผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway ประจำปี 2020 - Billionaire VI

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ktoa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 178
ผู้ติดตาม: 2

บทสรุปการประชุมผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway ประจำปี 2020 - Billionaire VI

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เมื่อเช้านี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ กับ เกร็ก อาเบล ได้ให้ความรู้การลงทุนและตอบคำถามในงานการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของ Berkshire Hathaway ซึ่งจัดแบบออนไลน์ เพิ่อลดความเสี่ยงไวรัสโควิด-19

บัฟเฟตต์เปิดงานด้วยการกล่าวว่า งานครั้งนี้ไม่เหมือนการประชุมผู้ถือหุ้นของ Berkshire เลย เพราะนอกจากไม่มีผู้ถือหุ้นเข้ามาร่วม ยังไม่มี Charlie Munger มานั่งข้างๆคอยตอบคำถาม แต่ยืนยันว่าสบายดี ไม่ได้ป่วย

ผมขอสรุปแนวคิดและความรู้จากงานนี้ที่เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนมากๆ 10 ข้อดังนี้

1. บัฟเฟตต์ยอมรับว่าตัดสินใจผิดที่ซื้อหุ้นสายการบินทั้ง 4 ได้แก่ Southwest Airlines, American Airlines, Delta Air Lines, United Airlines ในปี 2016

ในตอนแรกบัฟเฟตต์คิดว่าการลงทุนในสายการบินทั้ง 4 แห่งนี้ด้วยเงิน $7,000-$8,000 ล้านจะสร้างผลกำไรให้ได้ประมาณ $1,000 ล้าน แต่เนื่องจากวิกฤตโควิด-19 เข้ามากระทบอุตสาหกรรมนี้อย่างรุนแรง มองว่าจะไม่ดีในอนาคต

บริษัทเลยตัดสินใจขายหุ้นสายการบินทั้งหมดในเดือนเมษายนไป $6,500 ล้าน ราคาหุ้นตอนนี้ของสายการบินทั้ง 4 แห่งต่ำกว่าราคาเมื่อปี 2016 ถ้าไม่ซื้อก็น่าจะทำให้มูลค่าของ Berkshire Hathway สูงกว่านี้

2. เชื่อมั่นในประเทศอเมริกาว่าจะผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ และจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง พร้อมทั้งลงท้ายด้วยคำพูดว่า Never Bet Against America ก็คือที่อื่นๆก็สู้อเมริกาไม่ได้

3. เงินสดในมือที่มีมากถึง $137,000 ล้าน ในมุมมองของบัฟเฟตต์ไม่ถือว่าเยอะเพราะเตรียมไว้เผื่อกรณีที่เหตุการณ์วิกฤตครั้งนี้เลวร้ายสุดๆ (Worst case) วิกฤตครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องไวรัส แต่เป็นปัญหาที่สามารถสร้างผลกระทบไปหลายภาคส่วนในวงกว้าง

สรุปก็คือปัญหาหนักมากและยากที่จะคาดการณ์ได้ว่ารุนแรงแค่ไหน และจบเมื่อไหร่ การถือเงินสดจำนวนนี้ไม่ได้มากเหมือนอย่างที่ตลาดคิดกัน

4. ไม่ได้ซื้อหุ้นในช่วงวิกฤตครั้งนี้เลยเพราะไม่มีหุ้นตัวไหนน่าสนใจ เมื่อเทียบกับตอนปี 2008 ที่ซื้อไปบางบริษัท อีกอย่างคือครั้งนี้ตลาดมีสภาพคล่องล้น เลยไม่มีบริษัทวิ่งเข้ามานำเสนอ ชื่นชม FED ที่เข้ามาช่วยสภาพคล่องธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว

5. ไม่รู้ว่าตลาดหุ้นในหนึ่งสัปดาห์ เดือน หรือหนึ่งปีจะเป็นอย่างไร ให้มองอเมริกาในระยะยาว แนะนำให้ซื้อดัชนี S&P 500 สำหรับนักลงทุนที่เชื่อในอเมริกาและต้องการ Bet on America ดีกว่าไปซื้อกองทุนที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสิ้นเปลืองกว่า

6. มีธุรกิจเล็กๆของ Berkshire ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตครั้งนี้และอาจจะต้องปิดตัวไป แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นธุรกิจไหน See’s candies โดนผลกระทบเหมือนกัน แต่เป็นธุรกิจที่ยังคงดีเยี่ยมในมุมมองของบัฟเฟตต์

7. โดนถามว่ารัฐบาลอเมริกาจะเบี้ยวหนี้พันบัตรไหม บัฟเฟตต์ตอบว่า “ไม่” เพราะว่าเป็นคนออกพันธบัตรด้วยเงินดอลล่าร์เอง ด้วยความสามารถในการพิมพ์เงินดอลล่าร์ ยังไงก็ไม่เบี้ยว แต่เรื่องค่าเงินก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องติดตามกัน ยิ่งพิมพ์มาก เงินยิ่งอ่อนค่า

8. วิกฤตครังนี้กระทบธุรกิจประกัน Geico ลูกค้าจ่ายเงินช้าลง สร้างความเสียหายให้กับธุรกิจมากเหมือนกัน ในส่วนของธุรกิจ Precision Castparts ที่ผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินก็ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตามในส่วนของธุรกิจเครื่องบินทำสงคราม ยังคงดีอยู่

9. บัฟเฟตต์ยังคงเห็นด้วยกับการซื้อหุ้นคืน( Buy Back) แต่ผู้บริหารต้องทำเมื่อราคาหุ้นของบริษัทต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น ทั้งนี้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น

นาย เกร็ก เสริมว่าการซื้อหุ้นคืนบริษัทต้องพิจารณานอกจากราคาแล้ว ยังต้องดูสถาพคล่องที่เป็นเหมือนส่วนเผื่อความปลอดภัยในช่วงวิกฤต บางบริษัทซื้อหุ้นคืนจนสภาพคล่องต่ำ พอวิกฤตมา ก็อยู่รอดยาก

10. การลงทุนในหุ้นยังดีกว่าพันธบัตรรัฐบาลแน่นอน ถ้าคุณลงทุนด้วยความรู้และไม่ได้กู้เงินมาลงทุน

นอกจากนี้ที่น่าทึ่งคือคุณปู่อายุ 89 ปี สามารถพูดได้อย่างต่อเนื่องถึง 4 ชั่วโมง 30 นาที พูดด้วยความมุ่งมั่นและความหลงไหลในการลงทุนมาก

สุดท้ายบัฟเฟตต์กล่าวชม Benjamin Graham คือหนึ่งในสามคนที่ฉลาดที่สุดที่เคยรู้จักมา แต่ไม่ได้บอกว่าอีกสองคนคือใครครับ
โพสต์โพสต์