เรย์ ดาลิโอ ชี้ชัด “นี่คือ Depression”โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
always24
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 854
ผู้ติดตาม: 10

เรย์ ดาลิโอ ชี้ชัด “นี่คือ Depression”โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เรย์ ดาลิโอ ชี้ชัด “นี่คือ Depression”

ผมสรุปบทสัมภาษณ์ เรย์ ดาลิโอ นักลงทุนชื่อดังระดับมหาเศรษฐี ผู้จัดการกองทุน Bridgewater และผู้เขียนหนังสือเบสต์เซลเลอร์ PRINCIPLES จากการสัมภาษณ์ของ TED เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยดาลิโอได้ลงลึกถึง “วิกฤตโควิด-19” ครั้งนี้ และคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต พร้อมให้คำแนะนำแก่นักลงทุนรายย่อยอย่างเราๆ

สรุปเป็นข้อๆ เข้าใจง่ายๆ ลองอ่านดูนะครับ

1.ผลกระทบจากวิกฤตครั้งนี้ กระทบกับสองสิ่งหลัก คือ “รายได้” และ “งบดุล”
2.การแก้วิกฤตครั้งนี้ เป็นเรื่องของ “เงิน” กับ “เครดิต” รัฐบาลสหรัฐฯ ปั๊มเงินและเครดิต (หนี้) ออกมา
3.เฟด (ธนาคารกลาง) ซื้อตราสารหนี้ แล้วคลังฯ ก็เอาเงินนั้นไปแจกจ่ายให้คนจำนวนมาก ยุโรปก็กำลังทำแบบเดียวกัน
4.สหรัฐฯ ปั๊มเงินออกมามากมาย กู้หนี้มามากมาย แต่ใครจะจ่ายหนี้ เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันยาว ประเด็นสำคัญคือ entity ไหนจะได้ประโยชน์ แล้วจะกระจายความมั่งคั่งกันอย่างไร
5.นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น สมัยเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ปี 1930 รัฐบาลก็กู้เงินมามากมาย และใช้อัตราดอกเบี้ยเป็นศูนย์มาแล้ว
6.ตอนนี้เราอยู่ในโมเม้นท์ชี้เป็นชี้ตาย ต้องดูว่าผู้คนจะร่วมแรงร่วมใจกันหรือไม่
7.โลกเราเคยเกิด “ระเบียบโลกใหม่” หรือ New World Order มาแล้วเมื่อปี 1945 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง
8.“การเมือง” เป็นปัจจัยที่จะมาตัดสินว่า หลังวิกฤต เราจะดีลกันเองอย่างไร จะจัดการกับความเหลื่อมล้ำอย่างไร ความฝันแบบอเมริกันยังมีอยู่มั้ย เราจะมุ่งไปในจุดเดียวกันหรือไม่
9.มี “stress test” เกิดขึ้นทุก 75 ปี และกำลังเกิดขึ้นอยู่อีกครั้งตอนนี้
10.เรากำลังก้าวเข้าสู่ “ภาวะตกต่ำ” (Depression) ทั่วโลก ดาลิโอชี้ชัดว่า คำว่า “depression” หมายถึงแบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นระหว่างปี 1929-1932 คือเศรษฐกิจตกต่ำ อัตราคนว่างงานเป็นเลขสองหลัก และขนาดของเศรษฐกิจลดลงไป 10% ขณะนี้เรากำลังอยู่ในภาวะเหมือนในตอนนั้น (ในปี 1933 รัฐบาลยุคนั้นแก้ไขปัญหาด้วยการพิมพ์เงินออกมามากมาย แบบเดียวกับที่รัฐบาลตอนนี้ทำ อัตราดอกเบี้ยก็เป็นศูนย์)
11.ถามว่าใช้เวลานานขนาดไหนกว่าตลาดหุ้นจะกลับขึ้นไปและผ่านจุด high เดิม และใช้เวลานานขนาดไหนกว่าเศรษฐกิจจะกลับขึ้นไปและผ่านจุด high เดิม? ดาลิโอบอกว่า “นาน” และกระบวนการอาจจะใช้เวลากว่า “สามปี” กว่าจะปรับโครงสร้างขึ้นมาใหม่ได้
12.“นี่ไม่ใช่การถดถอย (recession) นี่คือการพังทลาย (breakdown)”
13.พลังที่มีอำนาจสูงสุด คือการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ (invention) กับ การปรับตัว (adaptation)
14.เรากำลังเห็นเงินหายไป 20 ล้านล้านเหรียญ ตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) จะสาหัสยิ่งกว่า เพราะไม่ได้รับการช่วยเหลือเหมือนสหรัฐอเมริกาและยุโรป
15.จะมีธุรกิจที่ไม่มีเงินจ่ายหนี้แล้วก็เจ๊งไป ปัญหาคือ ใครจะเป็นฝ่ายได้เช็คสำหรับเอาไปจ่ายหนี้แล้วรอดตัว แม้แต่โรงพยาบาลก็อาจจะเจ๊ง และจะกลับมาไม่เต็มตัว แม้ทุกคนจะต้องการโรงพยาบาลในเวลานี้
16. ถ้าไล่ดูปัญหาทีละเปลาะ แล้วดูที่กระบวนการแก้ไข จะเห็นว่านี่ไม่ใช่แค่ไวรัสที่เกิดขึ้นแล้วจะหายไป แต่จะมีคนหมดตัว จะมีการเปลี่ยนแปลงของรายได้ เราต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและระบบการเงินใหม่ เราจะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว
17.ครั้งนี้หนักหนากว่าปี 2008 มาก ในปี 2008 ปัญหาคือแบงก์กู้มาเยอะ พอกู้มามากเกินแล้วเศรษฐกิจพัง รัฐบาลก็ไม่ยอมให้แบงก์เจ๊ง เลยเอาเงินไปช่วย แต่เที่ยวนี้ซับซ้อนกว่าเยอะ เพราะไม่ใช่แค่แบงก์ที่มีปัญหา ทว่าเป็นธุรกิจน้อยใหญ่ ทุกที่ ทุกหนแห่ง วิกฤตครั้งนี้หนักกว่า นโยบายการเงินใช้ได้ผลน้อยกว่า เพราะทำไปเยอะแล้ว ดอกเบี้ยก็เป็นศูนย์แล้ว
18.ครั้งนี้เฟดซื้อแต่สินทรัพย์ทางการเงินอย่างเดียวไม่ได้ผล ต้องซื้อหนี้จากรัฐบาลด้วย ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องหากำลังซื้อมาซื้อผลิตผลทางเศรษฐกิจให้ได้ ซึ่งยากกว่าครั้งก่อนเยอะ
19.บริษัทมีสองแบบ แบบแรกคือไม่ได้มีหนี้มาก ธุรกิจมั่นคง เช่น แคมป์เบล ขายซุปกระป๋อง พวกนี้ไม่มีปัญหา อีกแบบคือพวกนักประดิษฐ์ พวกหลังนี่ถ้าปรับตัวได้ สร้างนวัตกรรมเก่ง และงบดุลไม่แย่ ก็จะผ่านวิกฤต และจะสร้างสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาได้ต่อไป
20.ถามว่า สมัยนี้มีการใช้อัลกอริธึ่มในการเทรด มันจะส่งผลต่อตลาดอย่างไร ดาลิโอบอกว่า พื้นฐานของอัลกอริธึ่ม คือความสัมพันธ์ระหว่าง “cause กับ effect” ซึ่งเป็นการทำให้คอมพิวเตอร์คิดได้แบบมนุษย์ แต่เป็นการคิดในระดับที่ก้าวหน้ากว่า ทำให้ความสามารถในการเรียนรู้และตัดสินใจในยุคนี้เหนือกว่าทุกยุคสมัย แต่คุณต้องเข้าใจมันเสียก่อน จึงจะรู้ว่าจะใช้มันให้ถูกต้องได้อย่างไร
21.สำหรับนักลงทุนทั่วไป สิ่งที่ควรทำคือต้อง “กระจายการลงทุน” (diversify) และต้องกระจายมันให้สมดุล
22.สิ่งที่นักลงทุนพลาดกันมากที่สุด คือคิดว่าสิ่งที่เคยเวิร์กเมื่อเร็วๆ นี้ จะเป็นการลงทุนที่ดีกว่า และสิ่งที่ไม่เวิร์กเร็วๆ นี้ จะเป็นการลงทุนที่แย่กว่า ที่จริงแล้ว สิ่งที่เวิร์กเร็วๆ นี้ คือสิ่งที่แพงกว่า และสิ่งที่ไม่เวิร์กเร็วๆ นี้ คือสิ่งที่ถูกกว่า ถ้านักลงทุนบุคคลไม่รู้ตรงนี้ ถ้าไม่เข้าใจความมั่งคั่ง (wealth) ในโลก ก็จะลงทุนไม่สำเร็จ
23.นักลงทุนควรกระจายการลงทุนในหลายๆ วิธี เช่น ในหลายๆ ประเทศ ในหลายๆ ค่าเงิน อาจจะมีทองคำบ้าง มีสินทรัพย์อื่นบ้าง
24.อย่าคิดว่าเงินสด คือการลงทุนที่ปลอดภัย “เงินสดคือการลงทุนที่ดึงดูด เพราะไม่ผันผวนมาก” แต่มันจะโดนภาษีและถูกทำลายอำนาจซื้อปีละ 2% “เงินสดเป็นการลงทุนที่แย่ที่สุดเสมอ”
25.ดาลิโอฝากถึงนักลงทุนทั่วไปอย่างเราๆ ว่า ให้ “กระจายการลงทุนให้ดี ถ่อมตัวเอาไว้ อย่าจับจังหวะตลาด มีสติตระหนักรู้ถึงอันตรายของเงินสดอยู่เสมอ”
โพสต์โพสต์