สงครามการค้าจะอยู่หรือไม่ ดร อาร์ม จะมาเฉลยให้ฟัง

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2611
ผู้ติดตาม: 257

สงครามการค้าจะอยู่หรือไม่ ดร อาร์ม จะมาเฉลยให้ฟัง

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สงครามการค้าจะอยู่ต่อหรือไม่ ดร อาร์ม จะมาเล่าให้เราฟัง


อ อาร์ม ถามคนในห้องสัมมนาว่า ระหว่าง ทรัมป์ กับ สีเจี้ยนผิง จะเชื่อใครดี
ส่วนใหญ่จะเลือกสีเจี้ยนผิง แต่ก็มีเลือกทรัมป์บ้าง

แต่ สงครามการค้า ช่องทางการติดตามข้อมูล
อาจารย์ทางเศรษฐศาสตร์บอกว่า ไม่ต้องอ่านตำราเศรษฐศาสตร์
แค่ตามที่ทรัมป์ทวีตก็พอแล้ว ตอนนี้กำลังhappy
การเจรจาการค้ากับจีน ทรัมป์กำลังหาที่เจรจาการค้าใหม่ หลังจากชิลีเกิดการประท้วงหนัก
และยกเลิกการจัดเอเปกไป. คงต้องตามผลการเจรจาการค้าเฟสหนึ่ง

ย้อนไปเมื่อมีนาคม 62 สีเจี้ยนผิงอยู่ๆก็ออกมาพูดในหน้าหนึ่งของ นสพ คำนึงว่า ตอนนี้เหมือนการเดินทัพไกล
ซึ่งเป็นคำที่ ประธานเหมาเจ๋อตุงเคยพูดช่วงที่กำลังเดินทัพไกลไปสู้กับก๊กมินตั๋งซึ่งมีไพร่พลมากกว่า
อดทน ทรหดมากกว่าจะชนะ เป็นรหัสในการต่อสู้ เรื่องนี้เป็นหนังม้วนยาว จะจบหรือเป็นม้วนยาว

ระยะสั้น จะมีphaseI ระยะมันไม่จบ

ระยะสั้น คงจะอีก สามหรือสี่สัปดาห์ ก็ตกลงกันแล้ว
ตอนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐค่อยๆขึ้น เพราะทั้งสองฝ่ายต้องการสงบศึก
ดูที่ทรัมป์ไม่ค่อยนอน เพราะคนถอดถอนแก มีแค่ มิกเซน คลินตัน ที่เคยโดนถอดถอน
เลยไม่มีใจไปประชุม อยากให้มีข่าวดีบ้างบางอย่าง
ไม่เคยมีประธานาธิบดีคนไหนบอกจีนให้ทำ 1,2,3,4
ตอนนี้ขู่อีกสองรอบ อันนึงเลื่อน อีกอัน15ธค ถ้าตกลงได้ ก็เลื่อน
พี่ทรัมป์ไม่น่าขึ้นจริง เพราะ ถ้าขึ้นจริง ศก สหรัฐถดถอย และ คนจะรู้สึกเรื่องราคาสินค้าแพงขึ้น

การขึ้นภาษีในรอบที่ผ่านมา เป็นสินค้าอุตสาหกรรม ที่ยังไม่ขึ้นภาษีเป็นของเล่น รองเท้าสิ่งทอ
คราวนี้ถ้าขึ้น สินค้าพวกนี้จะโดนแล้ว จะเป็นการขู่โดนไม่คิดทำจริง
ต้องการเศรษฐกิจดีขึ้น คนรู้สึกดีช่วงปลายปี และใกล้เลือกตั้งใหม่

จีนต้องการอะไร
นักวิเคราะห์บอกว่า ทรัมป์ไม่มีอำนาจตกลง แต่จริงๆที่จีนกำลังมีปัญหา
คำเดียวที่เป็นปัญหา คือ เรื่องราคาเนื้อหมู คนจีนชอบกินเนื้อหมู
เป็นอาหารหลักของคนจีน
หมูจีนปรากฏว่า ราคาขึ้น 69.3% แพงขึ้นมาก
มีห้างนึงลดราคาหมู คนมาต่อคิวกันมาก
ช่วงประธานเหมา มีคนอดตาย แต่ออกข่าวมีภัยธรรมชาติ
ตอนนี้บอกว่ามีไวรัสทำให้หมูตาย กำลังควบคุมอยู่
จริงๆไม่ใช่ไวรัส การโต้ตอบสหรัฐ คือ ประกาศไม่ซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐ
ซึ่งกระทบกับฐานเสียงของทรัมป์เลย
แต่ว่าท่านทราบไม่ว่า หมูกินถั่วเหลือง ขึ้นภาษีถั่วเหลืองทำให้ต้นทุนการเลี้ยงหมูสูงขึ้น
รวมกับไวรัส ทำให้ราคาหมูขึ้นมาก ทำให้มีโอกาสเกิดการประท้วง
ตอนเทียนอันเหมิน เนื่องจากเงินเฟ้อสูง

จีนต้องรัดเข็มขัดจากหนี้ที่เพิ่ม แต่ต้องปั้มเงินเข้าระบบเพื่อพยุงเศรษฐกิจให้ได้6%
ดังนั้นจีนต้องการพักรบระยะสั้น
เลยตกลงกันในphase I จากสองฝ่ายต้องการ

เราดีใจแต่ต้องไม่เกินเลย ยังไม่จบสำหรับสงครามการค้า เป็นเพียงการพักรบ
เพราะการตกลงไม่น่าจะต่างกับเดือน พค ซึ่งมีข่าวว่าจะตกลงกันได้แล้ว
อยู่ๆ ทรัมป์ก็เพิ่มภาษี มีการขู่ไปมา ซึ่งเป็นสัญชาติของนักธุรกิจขอเพิ่มอีกหน่อย
ดังนั้นตอนนี้ก็ไม่ต่างกันมาก
PhaseI จีนได้แค่ทรัมป์ไม่ขึ้นอีกสองรอบที่ขู่ไว้ แต่รอบก่อนๆไม่ได้บอกว่าจะเลิก
ดังนั้นยังไม่จบสงครามการค้าแต่อยู่ที่เดิม

ที่สำคัญ ไม่มีการตกลงเรื่องใหญ่ คือ หัวเหว่ย ตอนนี้กฎหมายมีผล
ห้ามขายของกับหัวเหว่ย มือถือรุ่นใหม่ของหัวเหว่ย ไม่สามารถใช้google
ซึ่งจีนต้องการเอาเรื่องนี้มาคุยบนโต๊ะ
แต่ไม่มีการตกลงเรื่องนี้

การซื้อสินค้าเกษตรเช่นถั่วเหลือง และ เคารพลิกขสิทธิsoflwareเท่านั้น

มันคือศึกยืดเยื้อ เป็นnew normal
คนจีน คิดว่า ศก โต 6% การประท้วงที่ฮ่องกง และ สงครามการค้า เป็นเรื่องปกติแล้ว

มีผู้ใหญ่ท่านนึงพูดว่า 5ปีสำหรับสงครามการค้า ผมบอกว่า 30ปี คนลุกออกจากห้องสัมมนาเลย

ทฤษฏีหมูสามชั้น
โดย ชั้นแรก ผิว คือ ความขัดแย้งทางการค้า ทรัมป์พูดตลอดว่าสหรัฐซื้อจากจีนเยอะ
ให้จีนซื้อโบอิ้ง ซื้อเนื้อหมู ถั่วเหลือง จากสหรัฐมากขึ้น ตัวเลขขาดดุลเริ่มสมดุล
แต่ไม่ใช่ง่ายแบบนั้น สหรัฐอยากได้มากกว่านี้
ชั้นที่สอง เป็นเรื่องเทคโนโลยี ไม่อยากให้เรียก Trade war แต่เป็น Tech war
ซึ่ง 5G นั้น หัวเหว่ยเป็นผู้นำ ทั้งคุณภาพและราคา
ทำไมอาลีบาบาบุกโลก เทคโนโลยีจีนไปไกลเลย
AI ,IOTทุกอย่างเชื่อมต่อ
ลำโพงฟังคำสั่งเรา ต่อไปตู้เย็นมีบอกว่า นมเหลือเท่าไหร่ มันคุยกับเราได้

ซึ่จีนก้าวหน้ามาได้ รัฐบาลอุดหนุนธุรกิจรัฐวิสาหกิจมาก
สหรัฐบอกว่าขโมยทรัพยสินทางปัญญา แต่ทำอะไรจีนไม่ได้
ทรัมป์เลยตั้งกำแพงภาษีให้จีนเจ็บใจเล่น

ชั้นที่สาม มีมิติเรื่องความมั่นคง
ตอนสหรัฐแข่งรัสเซีย แข่งจรวดไปดวงจันทร์
แต่ตอนนี้เรามีมือถือคนละเครื่อง เรามีปัญหาปลอดภัยของข้อมูล
เขาไม่สบายใจใช้มือถือหัวเหว่ย เป็นเรื่องความมั่นคง
สามชั้นถูกพันกันหมด เป็นต่อสู้ช่วงชิง
การค้า เทคโนโลยี และ ความมั่นคง

ปลายปีหน้า มีการเลือกประธานาธิบดีใหม่
บางคน บอกว่าทรัมป์ก็เกิดสันติสุขแต่จริงๆไม่มี
1.ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า จีนเป็นภัยคุกคาม โซรอสเป็นกระเป๋าใบใหญ่ของเดโมแครต
เขียนบทความว่าทรัมป์ไม่ได้เรื่อง แต่ชมว่าทรัมป์ได้ดีเรื่องจัดการจีน
ถ้าไปยอมจีน ถือว่าทรัมป์ขายชาติ
ถ้าเดโมแครตขึ้นมาก็จัดการจีนต่อ แต่วิธีการใช้เป็นแบบอื่น เช่น TPP ซึ่งไม่รวมจีน
แต่กฏเกณฑ์ข้างใน เป็นการจัดการจีน เพราะหวังว่า จีนจะขอเข้าร่วมภายหลัง
เลยเขียนไว้ก่อน ซึ่งทรัมป์ไม่เอา
คำถามคือลงทุนอย่างไร
ที่เมืองจีน คนจีนบอกว่าเป็นเรื่องปกติทั้งสามเรื่อง
ถ้าสามเรื่องปกติ ต้องทำอย่างไร
Social คุยกันเรื่องฉลามยักษ์ The meg ซึ่งสูญพันธ์ไปแล้วช่วงเดียวกับไดโนเสาร์
ทำไมถึงสูญพันธ์
ทฤษฏีแรก สงสัยว่ามีปลาวาฬยักษ์ แต่พิสูจน์แล้วไม่จริง
ทฤษฏีที่สอง สูญพันธุ์เพราะ ปลาวาฬหนีไปน้ำเย็น แต่ฉลามปรับตัวไม่ได้
เลยอดตามไป
เรื่องนี้เล่ากัน เขาบอกว่า ข้อที่หนึ่ง ฉลามใหญ่ไม่ได้สูญพันธุ์เพราะศัตรู
ดังนั้นจีนพังไม่ใช่สหรัฐ
ทฤษฏีที่สอง จีนจะพัง เพราะไม่พังตามความปกติสามเรื่องใหม่
การหาห่วงโซ่อาหารใหม่ เป็นเรื่องสำคัญ
โทรศัพท์รุ่นใหม่ของหัวเหว่ย สามซิม ใช้ googleไม่ได้
ต่อไปจะมี3os คือ App Store , play store ,หัวเหว่ย
จีนจะมีแอปที่มาแทนแอปจากสหรัฐ
มีการกระจายฐานการผลิตออกไปจากสหรัฐ
ส่วน Pixelจากgoogleก็เตรียมย้ายฐานการผลิตออกจากจีน
ซึ่งเป็นเทรนสำหรับทุกบริษัท
การตกลงกันได้ แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดได้อีก

จีนมีเทรนใหม่
เทรนอันแรก คือ จัดห่วงโซ่ใหม่ ลดการพึ่งสหรัฐ
ไปโฟกัสในประเทศและอาเซียน ซึ่งชนชั้นกลางเท่ากับสหรัฐ
ถือเป็นตลาดใหม่ของจีน

ต่อไป ฐานการตลาดก็เปลี่ยน จีนเข้าสู่สังคมสู่สูงอายุ
โรงงานย้ายไปเวียดนาม
รัฐบาลมีความสามารถในการจัดการเรื่องแรงงาน
ไปช่วยถ่ายโอนคนไปสู่ภาคเศรษฐกิจใหม่ เช่น อาลีบาบา

สรุปข้อคิด

โลกใบใหม่เป็นโลกทวิภพ
เดิมเป็น Global supply chain ก็เปลี่ยนเป็น2Supply chain
Internet 2 โลก (Google,จีน)
สกุลเงินดิจิตอล 2 สกุล (Libra,จีน)
แต่ไม่มีทางร้ายกันตลอด เพราะเจ็บกันทั้งคู่
เป็นการเปลี่ยนแปลงเส้นทางการค้าตามแกนโลกที่เปลี่ยนแปลง

สามโจทย์ที่เปลี่ยนแปลง

1.จังหวะรถไฟเหาะให้ได้ ไม่ใช่เฉพาะปัจจัยทางเศรษฐกิจ
แต่เป็นเทคโนโลยี และ การเมือง

2.ห่วงโซ่ ศก จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร
ตอนนี้เริ่มแยกกัน การเติบโตต่ำลง
บริษัทที่เราลงทุนจะโดนกระทบไหม

3. คำถามที่ต้องเปลี่ยนไป ว่าควรถามว่า
เราจะคว้าโอกาสอย่างไรจากเมืองจีน
เรื่องการจับห่วงโซ่ใหม่
นายกหลี่เค่อเฉียงจากจีน ต้องมาประชุมอาเซียนเอง
เราจะคว้าโอกาสอย่างไร เรามีอำนาจในการต่อรองอย่างไร


นักธุรกิจลงทุนไทย โลกทั้งสองแกนเราจะคว้าโอกาสอย่างไรบ้าง

สุดท้ายขอขอบคุณ Krungsri Prime และ ดร อาร์ม มากๆที่มาให้มุมมองสงคราการค้าที่ลึกขึ้น
โพสต์โพสต์