Best Buy ร้านค้าปลีกไร้พ่าย ที่แม้แต่ Amazon ก็ฆ่าไม่ได้
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 21, 2019 10:40 pm
Best Buy ร้านค้าปลีกไร้พ่าย ที่แม้แต่ Amazon ก็ฆ่าไม่ได้ ตอนที่ 1/2
ในฐานะคนมีหุ้นร้านค้าปลีกที่เกี่ยวข้องกับสินค้าไอทีในตลาดหุ้นไทย
เป็นสัดส่วนที่เยอะของพอร์ทพอสมควร
ผมจึงมักหา Case Study ของบริษัทต่างชาติ
ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันมาอ่านอยู่เรื่อยๆ
ว่าร้านประเภทนี้จะถูกแพลทฟอร์ม E-Commerce
มา Disrupt ได้หรือไม่
.
และแล้วก็ไปเจอบทความนึงของ Bloomberg
ที่ผมคิดว่าเป็นกรณีศึกษาที่ดี
ว่าร้านค้าปลีกที่ขายสินค้า IT และ Electronics
อย่าง “Best Buy”
สามารถพลิกกลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดด
ได้ในยุค “E-Commerce” ได้อย่างไร
แถมราคาหุ้นก็ยังทำ All-Time-High ได้ในปี 2018
ในขณะที่เรามักเห็นข่าวว่ายักษ์ใหญ่อย่าง
Walmart, Target หรือ Sears มีการปิดสาขาลงอย่างต่อเนื่อง
.
ก่อนอื่นต้องบอกว่า
ในตอนแรกนั้น Best Buy ก็ได้รับผลกระทบ
จากการเกิดขึ้นของ Amazon ไม่น้อยเลยครับ
จนในที่สุดบริษัทก็ประสบภาวะขาดทุน
.
จุดเปลี่ยนสำคัญเลยเกิดขึ้นในปี 2012
เมื่อมี CEO คนใหม่ที่ชื่อว่า Hubert Joly
ซึ่งมาจากบริษัทผลิตเกมชื่อดังอย่าง
“World of Warcraft”
ซึ่งถือว่า Best Buy นี่กล้ามากครับ เพราะเอาคนจากธุรกิจเกมมาทำ Retail
.
ผมขอสรุป 6 Strategies สำคัญ ที่ Joly ทำเพื่อพลิกฟื้น Best Buy ดังนี้ครับ
.
Strategy 1: ตัดราคาให้เท่า Amazon (Amazon Price Matching)
ในตอนแรกนั้น Best Buy มีปัญหาอย่างนึงที่เรียกว่า
“Showroom Issue” ครับ
คือคนมาดูสินค้าที่ Best Buy ก่อน
แต่ไปซื้อที่ Amazon เพราะราคาถูกกว่า
Joly มองว่าเป็นโอกาสจึงยอมตัดใจ
ตัดราคาให้เท่า Amazon ไปเลยครับ
พอลูกค้ามาเดินที่สาขาของ Best Buy
เห็นว่าราคาเท่ากัน ก็จะยกของกลับบ้านไปเลย
อย่าลืมนะครับว่า
ถ้าสั่งจาก Amazon จะต้องรอการขนส่งอีกอย่างน้อย 2-3 วัน
ซึ่งหลังจากใช้กลยุทธ์ Amazon Price Matching
ยอดขายของ Best Buy ก็พุ่งทันทีครับ
.
Strategy 2: ให้ลูกค้าคืนของได้ง่าย
ไม่ต้องมีกล่อง ไม่ต้องมีใบเสร็จครับ
ซื้อไปแล้วไม่พอใจ เอาของมาคืนที่ร้านสาขาใกล้บ้านได้เลย
ซึ่งตรงนี้ถือเป็นข้อได้เปรียบที่ Online ทำไม่ได้ครับ
.
Strategy 3: สร้างกองทัพ Customer Support
ทาง Best Buy นั้นมีบริษัทลูกที่ชื่อว่า Geek Squad
ซึ่งมีกองทัพคนไปช่วยบริการติดตั้ง ซ่อมแซม ราคาไม่แพงถึงบ้าน
ตรงนี้ช่วยให้บริษัทมีสายสัมพันธ์กับลูกค้าระยะยาวได้ครับ
(Long-Term Customer Relationship)
.
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นว่า
Joly ใช้กลยุทธ์ที่เน้นเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
เค้าให้ความสำคัญกับลูกค้ามากๆครับ
ถ้าสั่งแล้วไม่พอใจ เอาสินค้ามาคืนได้
และยังมีบริการติดตั้ง ซ่อมแซมให้ถึงที่บ้านอีกด้วย
.
จบตอนที่ 1 แล้วครับ
ตอนหน้ามาอ่านอีก 3 Strategies ที่เหลือ
ที่ Joly ใช้พลิกฟื้น Best Buy กันครับ
.
ติดตามบทความอื่นๆที่จะมาอัพเดทให้เพื่อนๆอ่านกันเรื่อยๆได้ที่
นักธุรกิจ คิดลงทุน - Visionary Investor
https://www.facebook.com/thaivisionary
ฝากกด LIKE ให้ด้วยครับ
ที่มา
https://www.facebook.com/thaivisionary/ ... 342466891/
ในฐานะคนมีหุ้นร้านค้าปลีกที่เกี่ยวข้องกับสินค้าไอทีในตลาดหุ้นไทย
เป็นสัดส่วนที่เยอะของพอร์ทพอสมควร
ผมจึงมักหา Case Study ของบริษัทต่างชาติ
ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันมาอ่านอยู่เรื่อยๆ
ว่าร้านประเภทนี้จะถูกแพลทฟอร์ม E-Commerce
มา Disrupt ได้หรือไม่
.
และแล้วก็ไปเจอบทความนึงของ Bloomberg
ที่ผมคิดว่าเป็นกรณีศึกษาที่ดี
ว่าร้านค้าปลีกที่ขายสินค้า IT และ Electronics
อย่าง “Best Buy”
สามารถพลิกกลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดด
ได้ในยุค “E-Commerce” ได้อย่างไร
แถมราคาหุ้นก็ยังทำ All-Time-High ได้ในปี 2018
ในขณะที่เรามักเห็นข่าวว่ายักษ์ใหญ่อย่าง
Walmart, Target หรือ Sears มีการปิดสาขาลงอย่างต่อเนื่อง
.
ก่อนอื่นต้องบอกว่า
ในตอนแรกนั้น Best Buy ก็ได้รับผลกระทบ
จากการเกิดขึ้นของ Amazon ไม่น้อยเลยครับ
จนในที่สุดบริษัทก็ประสบภาวะขาดทุน
.
จุดเปลี่ยนสำคัญเลยเกิดขึ้นในปี 2012
เมื่อมี CEO คนใหม่ที่ชื่อว่า Hubert Joly
ซึ่งมาจากบริษัทผลิตเกมชื่อดังอย่าง
“World of Warcraft”
ซึ่งถือว่า Best Buy นี่กล้ามากครับ เพราะเอาคนจากธุรกิจเกมมาทำ Retail
.
ผมขอสรุป 6 Strategies สำคัญ ที่ Joly ทำเพื่อพลิกฟื้น Best Buy ดังนี้ครับ
.
Strategy 1: ตัดราคาให้เท่า Amazon (Amazon Price Matching)
ในตอนแรกนั้น Best Buy มีปัญหาอย่างนึงที่เรียกว่า
“Showroom Issue” ครับ
คือคนมาดูสินค้าที่ Best Buy ก่อน
แต่ไปซื้อที่ Amazon เพราะราคาถูกกว่า
Joly มองว่าเป็นโอกาสจึงยอมตัดใจ
ตัดราคาให้เท่า Amazon ไปเลยครับ
พอลูกค้ามาเดินที่สาขาของ Best Buy
เห็นว่าราคาเท่ากัน ก็จะยกของกลับบ้านไปเลย
อย่าลืมนะครับว่า
ถ้าสั่งจาก Amazon จะต้องรอการขนส่งอีกอย่างน้อย 2-3 วัน
ซึ่งหลังจากใช้กลยุทธ์ Amazon Price Matching
ยอดขายของ Best Buy ก็พุ่งทันทีครับ
.
Strategy 2: ให้ลูกค้าคืนของได้ง่าย
ไม่ต้องมีกล่อง ไม่ต้องมีใบเสร็จครับ
ซื้อไปแล้วไม่พอใจ เอาของมาคืนที่ร้านสาขาใกล้บ้านได้เลย
ซึ่งตรงนี้ถือเป็นข้อได้เปรียบที่ Online ทำไม่ได้ครับ
.
Strategy 3: สร้างกองทัพ Customer Support
ทาง Best Buy นั้นมีบริษัทลูกที่ชื่อว่า Geek Squad
ซึ่งมีกองทัพคนไปช่วยบริการติดตั้ง ซ่อมแซม ราคาไม่แพงถึงบ้าน
ตรงนี้ช่วยให้บริษัทมีสายสัมพันธ์กับลูกค้าระยะยาวได้ครับ
(Long-Term Customer Relationship)
.
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นว่า
Joly ใช้กลยุทธ์ที่เน้นเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
เค้าให้ความสำคัญกับลูกค้ามากๆครับ
ถ้าสั่งแล้วไม่พอใจ เอาสินค้ามาคืนได้
และยังมีบริการติดตั้ง ซ่อมแซมให้ถึงที่บ้านอีกด้วย
.
จบตอนที่ 1 แล้วครับ
ตอนหน้ามาอ่านอีก 3 Strategies ที่เหลือ
ที่ Joly ใช้พลิกฟื้น Best Buy กันครับ
.
ติดตามบทความอื่นๆที่จะมาอัพเดทให้เพื่อนๆอ่านกันเรื่อยๆได้ที่
นักธุรกิจ คิดลงทุน - Visionary Investor
https://www.facebook.com/thaivisionary
ฝากกด LIKE ให้ด้วยครับ
ที่มา
https://www.facebook.com/thaivisionary/ ... 342466891/