ช่วงนี้ลงทุนอะไรดีในสภาวะตลาดโลกปัจจุบัน โดย Schroders

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2620
ผู้ติดตาม: 260

ช่วงนี้ลงทุนอะไรดีในสภาวะตลาดโลกปัจจุบัน โดย Schroders

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สัมมนา ของ UOB Privilege Banking ช่วงของ Schroders
Navigating the late cycle,Will Asia withstand the global slowdown ?

วิทยากร Mr. Arthit Thongcharoen-Head of Business , Thailand.

คุณ อาทิตย์ จาก ชโรเดอร์ บอกว่าบริษัทเป็น บลจ มาจาก ประเทศอังกฤษ
ผู้ก่อตั้ง เป็นคนเยอรมันเชื้อสายอังกฤษ

ก่อนอื่น คุณอาทิตย์ได้สอบถามว่า ตลาดหุ้นปีที่แล้ว มีกี่ประเทศไม่ติดลบบ้าง
คำตอบก็คือ ไม่มีประเทศใดที่ไม่ติดลบ ดูจาก MSCI World index

ปี2017 ตลาดหุ้นทั่วโลกขึ้นอย่างแรง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเติบโตอย่างสดใส ซื้อหุ้นตัวไหนก็บวก
แต่พอย่างเข้าปี2018 ตลาดหุ้นหลายๆที่ทำNew Highในหลายที่รวมถึงประเทศไทยด้วย

ต่อมาก็จะมีหลายปัจจัยทำให้ตลาดหุ้นเริมลดลง เช่น FEDประกาศขึ้นดอกเบี้ย จากเศรษฐกิจเติบโตอย่างร้อนแรง
ซึ่งปีที่แล้ว ขึ้นไป4ครั้ง ส่วน Trump ซึ่งเริ่มเก็บภาษีนำเข้าของสินค้าจีน เพื่อลดการขาดดุลการค้า
ทำให้เกิด Trade War ทำให้ตลาดหุ้นปี2018 ติดลบอย่างหนัก
สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก นอกจากพันธบัตรรัฐบาลแล้วที่วิทยากรพูด ผมขอเสริมว่า
สินทรัพย์อีกตัวที่โดดเด่นอย่างมากในช่วงปีที่แล้ว ที่เติบโตเป็นบวกคือ Reits,Property fund
ซึ่งปีที่แล้ว ถ้าใครจัดasset allocation ดีๆ ก็อาจเป็นบวกได้

คุณอาทิตย์ ถามว่า มีใครซื้อหุ้นตอนต้นปี2019บ้าง ปรากฏว่าไม่มีใครยกมือตอบ
แสดงว่า ยังไม่มั่นใจในตลาดหุ้นปีนี้ ปรากฏว่าตลาดหุ้นทั่วโลกขึ้นอย่างแรง โดยเฉพาะใช้ในตลาดDM
เช่น สหรัฐ พอเข้าเดือน พค ปรากฏว่า Trump ไม่พอใจในการเจรจาการค้ากับจีนที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้าตัดสินใจขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมาอีมครึมอีกรอบ

ตลาดหุ้นไทย มีเงินเข้าจากการเพิ่มสัดส่วนของ MSCI ทำให้วันที่ 28 พค มียอดซื้อขาย 200,000 ลบ
หลังจากนั้นก็มีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องมาถึงตอนนี้
ส่วนบรรยากาศตลาดหุ้นทั่วโลกก็ถือว่าเติบโตขึ้นจากการที่Trumpกลับมาเจรจาการค้ากับจีนใน
การประชุมที่โอซาก้าปลายเดือน มิย
ช่วงนี้ เศรษฐกิจอยู่ในช่วง Late cycle ซึ่งเศรษฐกิจเริ่มเติบโตช้าลง
คนจับจ่ายใช้สอยลดลง เพราะกลัวเรื่องสงครามการค้า
ดังนั้นเราจะหวังผลตอบแทนสูงๆอย่างช่วงปี2017 ไม่ได้

ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในช่วงปี2019

1.ค่าเงิน$ซึ่งตอนนี้มีแนวโน้มแข็งค่าต่อ ซึ่งส่งผลลบกับการส่งออกของสหรัฐ ระยะยาว ค่าเงินจะอ่อนตัวลงจากการลดดอกเบี้ยของFED

2.FED Fund rate จะการคาดการณ์ของตลาดว่าจะมีการลดลงของดอกเบี้ยถึง1%
ทำให้ตลาดกลับตัว วิ่งต่อ แต่ถ้าช่วง30-31 กค FEDมีการประชุมกัน
แล้วผลออกมาไม่ใช่ที่ตลาดคาดก็อาจทำให้มีการขายหุ้นออกมา

3.Trade War ซึ่งคาดว่าจะไม่มีการจบและหายไป แต่ก็ยังมีการเจรจาที่ยืดเยื้อต่อไปแต่สามารถคาดเดาTrumpได้ ว่าจะเกิดปัญหาและจบลงเป็นช่วงๆ
ทำให้คนจับจ่ายใช้สอยอย่างระมัดระวัง

วิทยากรได้สอบถามผู้ฟังว่า ประชากรregionใดที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากสุดในปี2065
คำตอบคือ เอเชีย ได้แก่ จีน ไทย ญี่ปุ่น

บริษัทในเอเชีย EBITDAสูง หนี้ต่ำ และ มีกระแสเงินสดสูง ดูน่าสนใจกว่าสหรัฐ
ทำให้หุ้นในตลาดหุ้นเอเชียดูน่าใจมากขึ้น

กองทุนTerm Fund ,กองทุนตราสารหนี้ในไทยต่อมา 20สค จะเริ่มต้องโดนหักภาษี15%จากดอกเบี้ย
ซึ่งแต่ก่อนยกเว้นให้ ทำให้ผลตอบแทนลดลง ดังนั้นการลงทุนในตราสารหนี้เฉพาะในไทยผลตอบแทนจะลดลง
ถ้าเรามองในตลาดโลก หรือ เอเชียยังให้อัตราผลตอบแทนที่สูง ตราสารหนี้ในเอเชียก็ดูน่าสนใจจากแนวโน้ม
FED ลดดอกเบี้ยลง
หรือ กอง High yield ก็ยังให้ผลตอบแทนที่สูง ดูน่าสนใจ

สรุป

1. เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง แต่ยังไม่Recession
2. ค่าเงิน$ แข็งค่าสูงสุดแล้ว อีก 3-6 เดือน อาจมีแนวโน้มอ่อนค่าลง
3. FED น่าจะหยุดขึ้นและปรับลดดอกเบี้ยลง
4. เศรษฐกิจถดถอย Trade war
5. สิ่งที่มีลงทุน คือ หุ้นในเอเชีย และ $อ่อนค่าทำให้ตลาดหุ้นน่าสนใจ
6. ถ้าดอกเบี้ยลดลง ทำให้ราคาตราสารหนี้ในเฉพาะภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น ดูน่าสนใจขึ้น

สุดท้ายขอขอบคุณ UOB Privilege Banking ,Schroders ครับ
โพสต์โพสต์