Meeting กลุ่มย่อย วีไอ กับ Intelligent Investor Club

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2631
ผู้ติดตาม: 266

Meeting กลุ่มย่อย วีไอ กับ Intelligent Investor Club

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สรุปจากที่ได้ฟังมาในงาน Meeting : Intelligent Investor Club

ขอขอบคุณสำหรับสมาคมไทยวีไอที่จัดงานนี้ขึ้นเพื่อให้สมาชิกสมาคมที่โพสเยอะ รวมถึงทีมที่ชนะเลิศการ
เสนอผลงานหุ้นในงานอบรมหลักสูตรการลงทุนเน้นคุณค่ารุ่นที่14และ15 มาร่วมงาน

ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับกรรมการ สมาชิกสมาคม และ ได้ฟังวิทยากรที่มีความรู้มาแชร์ประสบการณ์
ขอบคุณน้องอ๋องสำหรับสถานที่ในการจัดงาน คือ ร้าน Think Tank ตรงข้าม ม ราชมงคล เทคนิคกรุงเทพ
ก็เลยมาสรุปเนื้อหาเพื่อเป็นประโยชน์กับผู้อ่านที่ไม่ได้เข้าร่วมด้วย
เริ่มในเนื้อหากันเลยครับ

สำหรับการเตรียมตัวก่อนลงทุนในหุ้นของนักลงทุนที่ต้องการประสบความสำเร็จ

1.สำหรับการลงทุนหุ้นในประเทศไทย นักลงทุนธรรมดาไม่สามารถไปรับรู้เรื่องinsideหรือยุ่งเกี่ยวกับเจ้ามือหุ้น
ดังนั้น วิธีที่จะค้นหาหุ้นที่ดีก็มาจากการดูผลประกอบการจากงบการเงิน ซึ่งจะให้ความสำคัญกว่าการวิเคราะห์ผู้บริหาร
เพราะ ข้อมูลจากงบการเงินตรงไปตรงมา ทำให้ไม่มีBiasในการลงทุน
ส่วนตัวของวิทยากร ไม่ได้จบทางด้านการเงิน หรือ เข้าคอร์ตเรียนวิชาบัญชีจากกูรูดังๆ แต่อาศัยการศึกษาด้วยตนเอง
จนมีวิธีการที่เป็นของตัวเองในการดูงบการเงิน

2.ศึกษาThemeในการลงทุนในแต่ละช่วง ตัวอย่างเช่น ช่วงที่ผ่านมาที่รัฐบาลไม่ได้ลงทุน
ตอนนั้น เศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนด้วยการก่อหนี้ของครัวเรือน ทำให้สินเชื่อโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
การตามผลประกอบการของกลุ่มสินเชื่อ ถ้าเข้าใจศัพท์ทางการเงิน เช่น ค่าเผื่อสงสัยหนี้จะสูญ
Coverage ratio , NIM(Net Interes Margin), Spread จะเข้าใจงบการเงินของกลุ่มนี้ได้ดี
และ จะวิเคราะห์งบได้ง่ายกว่าหุ้นกลุ่มอื่น

3.เวลาศึกษาหุ้น ให้ศึกษาหลายบริษัทเปรียบเทียบกัน เช่น บริษัทในกลุ่มสินเชื่อ ซึ่งมีทั้ง
สินเชื่อแบบมีหลักประกัน และ สินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน เราเห็นหลายๆแบบ
เวลาหุ้นมีการเคลื่อนไหว เราก็มีความมั่นใจและตัดสินใจtake actionได้

4.เลือกอาจารย์ที่เราจะทำตามให้ถูกตั้งแต่แรก ซึ่งในสมาคมไทยวีไอ ก็มีหลายท่านที่เป็นแบบอย่างที่ดี
เช่น อาจารย์นิเวศน์ คุณ โจ ลูกอีสาน คุณเวป พรชัย นายกสมาคม คุณชาย มโนภาส
รวมถึงปรมาจารย์ระดับโลกอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ปิเตอร์ ลินด์
โดยเราไปศึกษาว่าเขาคิดอย่างไร ใช้ไอเดียของเรามาประกอบการวิเคราะห์อีกที
พระพุทธเจ้าก็เป็นแบบอย่างที่ดี ทำให้เกิดไอเดีย เราต้องหาส่วนประกอบ ทิศทาง ของธุรกิจหรืออุตสาหกรรม
ในอนาคตเป็นอย่างไร โดยเราต้องตัดอคติออก รวมถึงการปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ จะช่วยในการตัดสินใจ
ถึงแม้ไม่สมบูรณ์ แต่ก็เป็นไอเดียในการเลือกหุ้นแบบนึง

5.เราต้องรู้ข้อมูลของแต่ละบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ว่าแต่ละบริษัททำอะไร ได้ประโยชน์อะไรที่ทำให้กำไรเติบโต
ซึ่งจะคัดกรองหุ้นจากในตลาดหลักทรัพย์700กว่าตัว ให้เหลือ200ตัวที่ดีและเราสนใจ
ประเมินคร่าวว่าหุ้นควรจะซื้อขายในราคาเท่าไหร่ ปกติก็ใกล้เคียงกับราคาตลาด
ซึ่งใช้เวลาประมาณ1-2ปี ก็จะเข้าบริษัทในตลาดหุ้นได้หมด และ อ่านข่าวทุกวัน
วิเคราะห์ว่าแต่ละข่าวส่งผลต่อกิจการอย่างไรบ้าง
ทำFinancial Projection ซึ่งต้นทุนของกิจการมีทั้งต้นทุนคงที่ และ ผันแปร
ถ้ามีปัจจัยที่มากระทบ ทำให้ราคาปรับตัวลง เราก็วิเคราะห์และตัดสินใจลงทุนได้
ถือเป็นงานที่ยากในช่วงต้น แต่ในLongrun จะได้ประโยชน์มาก

พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง ที่ทำให้เรากระทบต่อผลตอบแทนในport

1.การยึดติดกับvaluationเกินไป ในช่วงจังหวะที่ตลาดมองโลกบวกมาก ทำให้เราขายเร็วเกินไป
เพราะราคาไปมากกว่าที่เราคำนวณเยอะ
แต่จากการยึดติดในvaluation ทำให้รอดตัวจากหุ้นตก เช่น
ในช่วงที่หุ้นgrowth ผลประกอบการทำไม่ได้ตามที่นักลงทุนหวัง ราคาก็ปรับตัวลงมาลึกกว่าที่เคยขาย

2.Biasในการลงทุน วิชาการเราสามารถจับต้องได้ ศึกษาได้ แต่ สิ่งที่ยากคือการจัดการกับอคติของตัวเอง

3. Overconfident ทำให้เราวิเคราะห์ข้อมูลน้อยลง คิดว่าถูกแน่ ทำให้เกิดโอกาสพลาดได้
หรือ เราคิดว่าเราสามารถคาดการณ์อนาคตของบริษัทใน1-2ปีข้างหน้า ปรากฏว่าแค่ภายใน1ปีก็เปลี่ยนแปลง
ไปจากที่เราคาดการณ์

Themeการลงทุนในอนาคต

สำหรับตลาดหุ้นไทย หุ้นแข็งแกร่งในตอนนี้จะเติบโตได้ค่อนข้างน้อย เพราะvaluationสูงมาก
แต่ให้มองหาหุ้นที่โดนกระทบจากปัจจัยต่างๆทำให้ราคาลงมามากแต่จริงๆกำไรถูกกระทบไม่มาก

บริษัทในอุตสาหกรรมที่เคยover regulate ไม่สามารถเข้าตลาดได้ ตอนนี้มีบริษัทนึงสามารถเข้า
ตลาดได้ จะกลายเป็นunder regulate ถึงแม้valuationจะแพง ก็ยังดูน่าสนใจ

ส่วนตัวของวิทยากรบอกว่า ได้กระจายลงทุนในหลายประเทศที่GDPเติบโตสูง เพราะปีที่แล้วได้ผลตอบแทนในตลาดหุ้น Philippineค่อนข้างมาก และmarket capไม่สูงเมื่อเทียบกับไทยรวมถึงหุ้นในกลุ่มที่มีผลประกอบการดีในอนาคตเช่นบริษัทที่เกี่ยวกับAI ซึ่งผลิตการ์ดจอ และ ทำGPU training AI เป็นต้น

สุดท้ายขอขอบคุณสมาคมไทยวีไอที่จัดสัมมนาครั้งนี้ขึ้นมารวมถึงขอบคุณวิทยากร กรรมการสมาคมทุกท่านด้วยครับ
โพสต์โพสต์