สรุปบทเรียนการลงทุนหุ้นไทยปี 2018 ที่ต้องอ่าน/Billionaire VI

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
always24
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 854
ผู้ติดตาม: 10

สรุปบทเรียนการลงทุนหุ้นไทยปี 2018 ที่ต้องอ่าน/Billionaire VI

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สรุปบทเรียนการลงทุนหุ้นไทยปี 2018 ที่ต้องอ่าน

ปี 2018 เป็นอีกหนึ่งปีที่ลงทุนยากเพราะตลาดผันผวนอย่างแรง ต้นปีตลาดหุ้นไทยขึ้นไปสูงสุดถึง 1,838 จุด

แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆปรับตัวลดลงมาเรื่อยๆจากการขายอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากสงครามการค้า

บทเรียนที่ผมได้จากการลงทุนหุ้นไทยในปีที่แล้วคือ

1. การลงทุนในหุ้นที่มีพีอีสูง เช่น มากกว่า 30 เท่าโดยคาดหวังธุรกิจจะเติบโตได้เหมือนในอดีต อาจจะไม่ใช่การตัดสินใจที่ถูกต้อง

เช่น หุ้นเครื่องสำอางค์หนึ่งตัวที่ก่อนเข้าตลาดมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด อนาคตการขยายไปต่างประเทศก็ดูสดใสจากกระแสการบริโภคของลูกค้าชาวจีน

ก่อนเข้าตลาดถ้าวิเคราะห์ดูดีๆก็จะพบว่าบริษัทเริ่มมีค่าใช้จ่ายการตลาดที่สูงขึ้นเยอะ ทำให้กระทบต่อกำไรแต่ผู้บริหารพยายามอธิบายว่าเป็นการโปรโมทสินค้าใหม่

นอกจากนี้ยังมีลูกหนี้การค้าจากคู่ค้าที่จีนสูงข้นอย่างน่าผิดสังเกต

สุดท้ายแม้ว่าหลังเข้าตลาดช่วงเดือนแรกราคาทะยานไปกว่า 40% จากราคาไอพีโอ

แต่หลังจากผลประกอบการณ์ออกมาแต่ละไตรมาสที่การเติบโตลดลงถึงขั้นติดลบ ทำให้ราคาหุ้นลดลงมากว่า 80%

สิ่งที่เรียนรู้คือภาพการเติบโตในอดีตไม่สามารถนำมาใช้ในการคิดอัตราการเติบโตในอนาคตได้

ยิ่งพีอีสูงมากๆยิ่งมีความเสี่ยงที่หุ้นจะวิ่งตกรางแล้วสร้างหายนะให้กับพอร์ตของเราได้

2. การเป็นนักลงทุนที่ดีจะต้องเปิดโอกาสในการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ๆ ไม่ควรจำกัดเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ตนเองถนัดหรือเคยลงทุนมาก่อนหน้านี้แล้ว

ในปีนี้หุ้นกลุ่มสินเชื่อเช่น KTC และ AEONTS ต่างสร้างผลตอบแทนที่งดงามแต่เรากลับไม่เคยไปศึกษาเพื่อลงทุนเท่าไหร่ ทำให้พลาดโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีไป

3. เวลาที่ตลาดจะปรับค่าพีอีของหุ้นที่มีพีอีสูงๆนั้น สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและรุนแรงสร้างผลกระทบต่อราคาหุ้นอย่างมากมาย เพราะฉะนั้นจงระวังในการลงทุนหุ้นที่มีค่าพีอีสูงเพราะถ้าความคาดหวังนั้นไม่เกิดขึ้นผลลัพธ์ก็จะเป็นดังหุ้นเหล่านี้

BEAUTY ต้นปีราคา 20.80 บาทตอนนี้ราคา 6.55 บาท ค่าพีอีปรับลดลงจาก 62 เท่าเหลือ 15 เท่า

WORK ต้นปีราคา 84 บาทตอนนี้ราคา 23 บาท ค่าพีอีปรับลดลงจาก 43 เท่าเหลือ 25 เท่า

CBG ต้นปีราคา 80.75 บาทตอนนี้ราคา 30.75 บาท ค่าพีอีปรับลดลงจาก 61 เท่าเหลือ 36 เท่า

AU ต้นปีราคา 12.2 บาทตอนนี้ราคา 6 บาท ค่าพีอีปรับลดลงจาก 83 เท่าเหลือ 36 เท่า

และอื่นๆ เช่น หุ้น TKN PTG เป็นต้น

4. ตลาดหุ้นไทยยังมีหุ้นที่ปั่นราคา ทั้งผู้บริหารให้เป้าหมายเกินจริงเพื่อสร้างราคา หรือกลุ่มบุคคลที่เข้ามาปั่นหุ้น หลังๆเห็นเป็นกลุ่มใหญ่ 40 คนก็มี ดังนั้นการลงทุนอย่าเชื่อคนอื่นมากนัก

ฟังได้แต่ต้องวิเคราะห์ด้วยตัวเองเพราะถ้ามันดีจริง เขาก็คงจะกู้หรือใช้มาร์จิ้นมาซื้อหุ้นจนหมดแล้ว ไม่ต้องเสียเวลามาบอกพวกเรา

5. มองไปข้างหน้าเศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตไม่สูงเท่าไหร่ เพราะพื้นฐานโครงสร้างของประเทศยังเปราะบางโดยเฉพาะการศึกษา ที่เป็นตัวสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะยาว

เพราะฉะนั้นการลงทุนหาโอกาสในต่างประเทศน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนไทย

โดยสรุปแม้ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในปี 2018 จะมีผลตอบแทนโดยรวมเป็นลบ

แต่ก็อย่าเสียกำลังใจเลิกลงทุนในหุ้น เพราะมันก็มีทั้งปีที่ดีและปีที่ติดลบสลับกันไป ผมมั่นใจว่าการลงทุนในหุ้นระยะยาวจะดีเสมอ

โชคดีกับการลงทุนปี 2019 ครับ

#ลงทุนระยะยาว
#วีไอ
โพสต์โพสต์