โฉมหน้าเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยปี 2019

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2614
ผู้ติดตาม: 258

โฉมหน้าเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยปี 2019

โพสต์ที่ 1

โพสต์

คูณ ไพบูลย์ ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย
ปาฏกถาพิเศษหัวข้อ โฉมหน้าเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยปี 2019

ภาพใหญ่ปีนี้ค่อนข้างแปลก เศรษฐกิจโลกจริงๆ ดีมากๆ
นับย้อนไป10ปีที่แล้วหลังวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ปีนี้เศรษฐกิจโลกโตสุดๆ 3.8-3.9%
เศรษฐกิจบ้านเราก็โตมาก แต่USบางไตรมาสก็โตสูงกว่าเรา ส่วนจีนก็โต 6%

แต่การลงทุนปีนี้แปลกที่เป็นปีแรก สินทรัพย์ทุกชนิดติดลบหมดเลย
มองเฉพาะตลาดหุ้นก็ลงเกือบทุกตลาดทั้ง ตลาดที่พัฒนาแล้วและตลาดที่กำลังพัฒนา
มีขึ้นแค่3-4 ตลาด SET ติดลบน้อยกว่าหลายประเทศ ติดลบ6-7% แต่ที่อื่นๆเฉลี่ย -15%
เป็นครั้งแรกหลังวิกฤต ที่จังหวะการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด พร้อมๆกับการดึงสภาพคล่องออกด้วย
นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจ ตลาดหุ้นที่ขึ้นมาตลอดสิบปี ถือเป็นตลาดกระทิงที่ร้อนแรง
แต่เจอสภาพคล่องที่ถูกดึงออก รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

มีโอกาสที่ตลาดหุ้นกลายจากตลาดกระทิงเป็นตลาดหมีได้ เป็นความกังวลของนักลงทุนว่าจะเกิดหรือเปล่า
ถ้าเกิดขึ้นก็ถือว่าจบรอบของตลาดกระทิง แต่ถ้าไม่ใช่ ก็มีโอกาสดีที่ตลาดหุ้นมีโอกาสขึ้นได้
ถ้าตัดประเด็นที่คุณทรัมป์เกี่ยวกับTrade war เรื่องอื่นก็มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้

ปีนี้พักฐานรอว่าเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ถ้าเศรษฐกิจโลกไปได้ ตลาดหุ้นก็ยังไปต่อได้
ช่วงปี2013 ที่เฟดแจ้งว่าจะไม่เพิ่มปริมาณเงิน (QE) และเปลี่ยนเป็น Quantitative Tightening (QT)
ทุกคนเริ่มลังเลว่าไปทางไหน การขึ้นดอกเบี้ย หรือ การทำQT สะท้อนไปที่ราคาหุ้นแล้ว

แนวคิด 50% สะท้อนไปที่ ข้อแรก คือ เศรษฐกิจUS ปี2020 แย่ลง
ส่วนผมคิดตรงกันข้าม คือข้อสอง การทำของเฟด ค่อนข้างต่ำกว่าที่เคยประกาศ
สภาพคล่องน่าจะยังดีอยู่ ดอกเบี้ยสะท้อนในราคาเยอะแล้ว

ปีนี้ตอนต้นปี คนส่วนใหญ่ไม่คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้ง พอผลออกมาว่าจะขึ้น4ครั้งเลยกระทบเยอะ
ปีหน้าคาดขึ้น 3 ครั้ง ซึ่งสะท้อนไปในราคาหุ้นแล้ว
คนตกงานน้อยมากๆในรอบสิบปี เศรษฐกิจUSดีมาก

อีกด้าน นโยบายการคลัง ทรัมป์ยังใช้จ่ายอยู่ เขาสนใจเศรษฐกิจและราคาหุ้นด้วย
ช่วงนี้ทรัมป์ไม่พูดถึงตลาดหุ้นเลย จากนี้ไปเริ่มdefenseกับFEDว่าไม่ควรขึ้นดอกเบี้ยอีก
ตลาดหุ้นของUS หุ้นยังไม่ตกเมื่อเทียบกับดัชนีตอนต้นปี2018
Trade war ไม่มีใครเดาใจทรัมป์ได้ แต่ถ้าทำจนสุดทาง มีแต่เสีย คนรับเคราะห์คือผู้บริโภค
ถ้าเราเชื่อว่า น้ำหนักไม่มากที่คุยไม่รู้เรื่อง และฝืนทำไปสุดซอย น่าจะเป็นข่าวดีต่อตลาดหุ้น
ถ้าเศรษฐกิจ US ไม่รุนแรงอย่างที่หลายคนคาด ดังนั้นเศรษฐกิจโลกก็ดีด้วย
ทุกคนยังเชื่อว่า Trade war น่าจะคุยกันได้ ตลาดหุ้นน่าจะperformในปีหน้า

ไทยเรามีความเสียง ซึ่งแยกออกเป็น2ปัจจัยคือ

1. เสถียรภาพของรัฐบาลชุดใหม่น่าจะน้อยกว่าชุดนี้ ดูว่าจะผลักดันนโยบายออกมาได้แค่ไหน
เป็นconcernที่ต่างชาติกังวลอยู่ ถ้าไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ เป็นประเด็นต้องจับตาดู

2. การส่งออกและการท่องเที่ยวโตไม่ดีเหมือนในอดีต นักท่องเที่ยวโตไม่มากเพราะฐานใหญ่แล้ว
ต้องมาดูที่การลงทุนของภาคเอกชน และ การบริโภคครัวเรือน

จากการวิเคราะห์ มองตรงกันว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะโตน้อยกว่าปีนี้ คาดเดาว่าโตอยู่ได้ 3.8-4.0%
โดยการลงทุนของภาคเอกชนต้องลงทุนตามรัฐที่ลงไปก่อนหน้า และ มีการบริโภคเพิ่มขึ้นด้วย
การขึ้นดอกเบี้ยครั้งเดียวที่เกิดขึ้นในเดือน ธค 18 ไม่น่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจ
โดยภาพรวม ยังมีความเสี่ยง แต่น้อยกว่าโอกาสที่เศรษฐกิจฟื้นตัว
เศรษฐกิจUSยังไปได้ แต่กลัวTrade warเรื่องเดียว

การลงทุนในปีหน้า
ในอดีต ถ้าตลาดหุ้นไทยปีนี้ไม่ดี ปีหน้าจะดี แต่ประเด็นที่ต้องมองมี 2 เรื่องคือ

1. เศรษฐกิจจะถดถอยไหม

2. กำไรของบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตอีกไหม

สิ่งที่กังวลในตลาดโลก มีวิกฤตใหม่ไหม มีฟองสบู่ในสินทรัพย์เช่น property bubble ไหม
โอกาสที่เกิดวิกฤตในUS น่าจะน้อย แต่อาจเกิดในขึ้นประเทศเล็กๆ
ส่วนประเทศอิตาลีน่าจะconcern แต่คิดว่า EU น่าจะดูแลอิตาลีได้

ธนาคารพาณิชย์ของไทยแข็งแรงมาก หลังวิกฤตต้มยำกุ้ง property bubble ไม่น่าจะมี
ปีหน้ามีโอกาสลงทุนในหุ้นที่จะฟื้นตัว รอบนี้ยังไม่จบจากสภาพคล่องที่มากเนื่องมาจากการทำQE
สภาพคล่องยังเกินระดับปกติอีกหลายปี จนกว่าสภาพคล่องจะลงมาสู่ระดับปกติ
มีโอกาสที่เงินไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นทำให้performได้ดี

ส่วนหุ้นที่น่าลงทุน ต้องฟัง 5 อรหันต์ แต่upsideไม่น่าจะเยอะถึง30%ในสมัยก่อน
แต่อย่างน้อยหุ้นก็ขึ้นเป็น%มากกว่า การโตของGDPบ้าง
เดาว่าปีต่อไป จะจบตลาดกระทิงหรือไม่ แต่ผมว่ายังเร็วเกินไปที่จบรอบของตลาดกระทิง
โพสต์โพสต์