Happy Birthday… “Bitcoin” ตอนที่ 1

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
doctorwe
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 152
ผู้ติดตาม: 0

Happy Birthday… “Bitcoin” ตอนที่ 1

โพสต์ที่ 1

โพสต์

Bitcoin Pizza.jpg
คอลัมน์: “หุ้นส่วนประเทศไทย
หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
Happy Birthday… “Bitcoin” ตอนที่ 1
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
http://www.CsiSociety.com
Add Line: @CsiSociety

คุณผู้อ่านหลายท่านคงรู้ดีว่า วันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่ 10 ของเงินสกุลดิจิทัลที่มีมูลค่าการตลาดมากที่สุดในโลกนั่นคือ “บิทคอยน์” ดังนั้นเพื่อเป็นการฉลองวันเกิดของบิทคอยน์ และระลึกถึงนายซาโตชิ นากาโมโต ผู้ให้กำเนิดบิทคอยน์ ผมจึงอยากจะขอย้อนไปในอดีตและเรียงลำดับเหตุการณ์ต่างๆในรอบ 10 ปีของบิทคอยน์ ให้คุณผู้อ่านได้เห็นภาพของนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลกตัวนี้ ดังนี้ครับ

31 ตุลาคม 2551 เป็นวันแรกที่บิทคอยน์เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ โดยนายซาโตชิ นากาโมโต ได้ส่งลิงก์บทความที่มีชื่อว่า “Bitcoin: A Peer-to-Peer Electronic Cash System” (คุณผู้อ่านที่สนใจอยากจะอ่านบทความนี้ในรูปแบบของ pdf ซึ่งมีเพียง 9 หน้าเท่านั้น สามารถใช้ชื่อบทความนี้เข้าไปค้นหาในกูเกิ้ลได้เลยครับ) ในบทความนี้ได้กล่าวถึง ระบบการส่งเงินจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งโดยไม่ผ่านตัวกลาง เช่น ธนาคาร เป็นต้น และถือเป็นวันที่กำเนิดบิทคอยน์เป็นครั้งแรกบนโลกใบนี้ ต่อมานายนากาโมโตก็หายสาบสูญไปจากระบบ...ตราบจนถึงวันนี้

3 มกราคม 2552 ถือเป็นวันแรกที่ที่มีการขุดบิทคอยน์เป็นครั้งแรกบนโลกใบนี้ โดยนากาโมโตเป็นคนขุดเอง จากนั้นก็ส่งบิทคอยน์จำนวน 10 บิทคอยน์ผ่านระบบบล็อกเชนเป็นครั้งแรก โดยผู้รับมีชื่อว่า “Cypherpunk” โดยผู้รับได้รับบิทคอยน์จำนวนดังกล่าวในวันที่ 12 มกราคม 2552 หรือกินเวลาทั้งสิ้น 9 วัน อย่างไรก็ตามการส่งครั้งนี้มีการนัดแนะกัน และส่งกันแบบมอบให้ฟรีๆ...มิได้เป็นธุรกรรมแต่ประการใด

22 พฤษภาคม 2553 วันนั้นในวงการบิทคอน์มีชื่อเรียกกันว่า “Bitcoin Pizza Day” เพราะเป็นวันแรกที่มีการใช้บิทคอยน์เพื่อการทำธุรกรรมบนโลกใบนี้ โดยนาย Laszlo Hanyecz ซึ่งอยู่ที่ฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ตกลงที่จะจ่ายบิทคอยน์เป็นจำนวน 10,000 บิทคอยน์ เพื่อแลกกับพิซซ่า 2 ถาดที่จะส่งมาจากร้าน Papa John’s pizzas โดยคู่ค้าของเขาเป็นคนอังกฤษและซื้อพิซซ่า 2 ถาดในราคา 25 ดอลลาร์ (ประมาณ 825 บาท) เพื่อแลกกับบิทคอยน์จำนวน 10,000 บิทคอยน์ ปัจจุบันนี้ราคาบิทคอยน์ตกประมาณ 200,000 บาทต่อหนึ่งบิทคอยน์ ดังนั้น 10,000 บิทคอยน์จะเป็นเงินประมาณ..สองพันล้านบาท เทียบกับเงิน 825 บาทที่จ่ายไป จึงนับได้ว่าพิซซ่า 2 ถาดนั้นเป็น...พิซซ่าที่มีราคาแพงที่สุดในโลก

10 กรกฎาคม 2553 Jed McCaleb ผู้คร่ำหวอดในวงการคอมพิวเตอร์และเงินสกุลดิจิทัล ได้อ่านบทความเกี่ยวกับบิทคอยน์ในเว็บไซต์ Slashdot และเกิดไอเดียว่าควรจะมีการจัดตั้งศูนย์รับแลกเปลี่ยน (Exchange) เพื่อรองรับบิทคอยน์และเงินสกุลดิจิทัลอื่นๆขึ้น ต่อมาในวันที่ 18 กรกฎาคม เขาก็จัดตั้งศูนย์รับแลกเปลี่ยนที่มีชื่อว่า Mt.Gox

กุมภาพันธ์ 2554 เป็นครั้งแรกที่บิทคอยน์ถูกใช้ในตลาดมืด โดยหนึ่งในเว็บไซต์ที่ค้าขายสินค้าผิดกฎหมายที่มีชื่อว่า Silk Road ซึ่งค้าขายสินค้ามากกว่า 10,000 รายการ โดยประมาณ 70% จะเป็นการค้าขายยาเสพติด โดยสินค้าทุกรายการจะต้องจ่ายค่าสินค้าเป็นบิทคอยน์เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ในปีนี้ราคาบิทคอยน์จึงขยับตัวขึ้นอย่างแรงจาก 0.30 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบิทคอยน์ในช่วงต้นปี ก็ขึ้นไปจุดสูงสุดถึง 31.50 ดอลลาร์ในช่วงเดือนมิถุนายน หรือคิดเป็นขึ้นกว่า 100 เท่า

มีนาคม 2554 McCaleb ได้ขายเว็บไซต์รับแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัล Mt.Gox ให้แก่นักพัฒนาชาวฝรั่งเศสที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่ญี่ปุ่น Mark Karpeles หลังจากที่ Mt.Gox เข้ามาอยู่ในการบริหารงานของ Karpeles แล้ว ต่อมาก็ได้กลายเป็นศูนย์แลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก

พฤษภาคม 2554 มีการก่อตั้งบริษัท BitPay ขึ้น เพื่อให้บริการการชำระเงินซื้อสินค้าทั่วไป โดยใช้บิทคอยน์ ทุกวันนี้การให้บริการของ BitPay ได้แพร่หลายไปอย่างมาก และมีห้างร้านจำนวนมากทั้งในทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ล่าสุด BitPay ได้ร่วมมือกับ Visa บริษัทออกบัตรเครดิตระดับโลก ออกบัตร BitPay Visa Prepaid Debit Card เพื่อให้ผู้คนทั้ง 50 มลรัฐสามารถใช้บิทคอยน์ชำระสินค้าผ่านบัตรเดบิตใบนี้

กันยายน 2554 เกิดการรวมตัวกันในหมู่นักพัฒนาบิทคอยน์ และก่อตั้งมูลนิธิบิทคอยน์ขึ้น (Bitcoin Foundation) โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะส่งเสริมการพัฒนาและการนำบิทคอยน์ให้ไปใช้อย่างแพร่หลาย

ตุลาคม 2554 เกิดการสร้างเหรียญใหม่ๆขึ้น โดยการปรับปรุงโปรแกรมบิทคอยน์เดิม แล้วสร้างเป็นเหรียญตัวใหม่เพิ่มเติมขึ้นมาที่มีชื่อว่า Litecoin หลังจากนั้นมาก็เกิดเหรียญใหม่ (Altcoins) ตามมาอีกเป็นจำนวนมาก

เมษายน 2555 เว็บไซต์ Mt.Gox มีธุรกรรมการรับแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัลเติบโตขึ้นมาเป็นจำนวนมาก จนมีส่วนแบ่งการตลาดสูงกว่า 70% ของตลาดรับแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัลทั้งโลก โดยคาดว่าประมาณกลางปี 2555 Mt.Gox สามารถรับแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ได้ถึง 150,000 บิทคอยน์ต่อวัน

ตุลาคม 2556 FBI ได้เข้าจับกุมนาย Ross William Ulbricht ผู้ดำเนินการเว็บไซต์ Silk Road ที่ค้าขายยาเสพติดเป็นหลักโดยการรับชำระค่าสินค้าเป็นบิทคอยน์ พร้อมกับการสั่งปิดเว็บไซต์ดังกล่าว ส่งผลให้ราคาบิทคอยน์จากกว่า 1,000 ดอลลาร์ ลดลงเหลือต่ำกว่า 300 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบิทคอยน์ หลังจากนั้นเพียงปีเดียว

7 กุมภาพันธ์ 2557 Mt.Gox ระงับการถอนบิทคอยน์ทั้งหมดโดยให้เหตุผลว่า เกิดปัญหาทางด้านเทคนิค จากนั้นก็อ้างปัญหาทางด้านความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ Karpeles CEO ของ Mt.Gox ก็ลาออกจากการเป็นกรรมการของมูลนิธิบิทคอยน์ และยังปิดบัญชี Twitter อีกด้วย

28 กุมภาพันธ์ 2557 Karpeles ยื่นขอความคุ้มครองการล้มละลายจากศาลในญี่ปุ่น โดยรายงานว่า Mt.Gox มีหนี้สินกว่า 6.5 พันล้านเยน ในเวลานั้น Mt.Gox ที่มีส่วนแบ่งการตลาดในตลาดรับแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัลมากที่สุดในโลก มีลูกค้าเกือบ 750,000 คนทั่วโลก มีบิทคอยน์อยู่ในมือประมาณ 100,000 บิทคอยน์ ซึ่งมีมูลค่าในเวลานั้นประมาณ 473 ล้านดอลลาร์ เหตุการณ์นี้ถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่สั่นคลอนความน่าเชื่อถือของบิทคอยน์ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา และหลายต่อหลายคนก็ต่างพากันคิดว่า งานนี้...เงินสกุลดิจิทัล “บิทคอยน์” ต้องสูญหายตายจากไปแน่ ภายหลังพบว่า ระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทได้ถูกคนใช้คอมพิวเตอร์แฮ็คเข้าไปในระบบของบริษัทเอง และขโมยเงินบิทคอยน์ไปได้ ไม่ได้เกี่ยวกับระบบของบิทคอยน์แต่ประการใด

วันพรุ่งนี้ เราจะคุยกันต่อในตอนจบนะครับ แล้วพบกันนะครับ
หาอ่านบทความ และความรู้ด้านการลงทุนของผู้เขียนได้เพิ่มเติมได้ที่ http://www.doctorwe.com
โพสต์โพสต์