6 เงินสกุลดิจิตอล “ความเสี่ยงต่ำ-ผลตอบแทนใช้ได้” ตอนจบ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
doctorwe
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 152
ผู้ติดตาม: 0

6 เงินสกุลดิจิตอล “ความเสี่ยงต่ำ-ผลตอบแทนใช้ได้” ตอนจบ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

maxresdefault.jpg
คอลัมน์: หุ้นส่วนประเทศไทย
หนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์
6 เงินสกุลดิจิตอล “ความเสี่ยงต่ำ-ผลตอบแทนใช้ได้” ตอนจบ
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
http://www.CsiSociety.com
Add Line: @CsiSociety

เมื่อวานนี้ เราคุยกันไปแล้ว 2 สกุลคือ บิทคอยน์ และบิทคอยน์แคช วันนี้...ขอคุยต่อเลยนะครับ

อันดับสี่ “อีเธอเรียม” (Ethereum – ETH) จำนวนเหรียญไม่น้อยกว่า 97 ล้านเหรียญ
ในช่วงปลายปี 2556 มีนักพัฒนาโปรแกรมเงินสกุลดิจิตอลชาวรัสเซียที่ชื่อว่า วิทาลิก บูเทอริน (Vitalik Buterin) เขาเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาบิทคอยน์เช่นกัน แต่มีความคิดว่า บิทคอยน์มีความสามารถในการทำงานค่อนข้างน้อย เขาจึงเสนอแนวความคิดใหม่ ที่จะทำให้เงินสกุลดิจิตอลสามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติมากขึ้น โดยการใช้ Smart Contract ซึ่งเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ชั้นสูงที่จะช่วยทำให้ระบบของอีเธอเรียมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในปี 2559 อีเธอเรียมมีความจำเป็นที่จะต้องแยกตัวออกเป็น 2 สกุลเงินดิจิตอลคือ อีเธอเรียม และ อีเธอเรียมคลาสสิค โดยอีเธอเรียมที่เกิดขึ้นมาก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น อีเธอเรียมคลาสสิค และอีเธอเรียมที่เกิดขึ้นใหม่ก็ใช้ชื่อเป็น อีเธอเรียม เท่านั้น อีเธอเรียมยังมีทั้งระบบและตัวเงินที่เอื้อต่อการทำเหรียญใหม่ๆ จึงทำให้ได้รับความนิยมให้เป็นแพลทฟอร์มในการสร้างเหรียญใหม่ๆ มีเงินสกุลดิจิตอลจำนวนมากมายที่สร้างบนแพลทฟอร์มของอีเธอเรียม เช่น Omise Go (OMG), Binance Coin (BNB), EOS เป็นต้น เมื่อการสร้างเงินสกุลดิจิตอลหลายๆสกุลได้ถูกสร้างขึ้นมาจากอีเธอเรียม จึงไม่น่าแปลกใจว่าปริมาณการใช้เงินอีเธอเรียมจึงมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ราคาของอีเธอเรียมจึงมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อันดับสาม “ริพเพิล” (Ripple – XRP) – 100 ล้านเหรียญ
ริพเพิลถูกสร้างขึ้นในปี 2555 โดยการใช้สอยของริพเพิลจะเน้นไปที่การโอนเงินระหว่างประเทศ เมื่อเปรียบเทียบความรวดเร็วในการโอนเงินพบว่า บิทคอยน์สามารถโอนเงินได้ 7 ธุรกรรมในหนึ่งวินาที อีเธอเรียมทำได้ 15 ธุรกรรมต่อวินาที และริพเพิลทำใด้ถึง 1,500 ธุรกรรมต่อวินาที ซึ่งแสดงถึงความรวดเร็วในการโอนเงินที่เหนือกว่าเหรียญอื่นๆแบบไม่เห็นฝุ่น
ริพเพิลยังมีเรื่องราวที่โดดเด่นเหนือคู่แข่งขันอย่างมากมาย โดยเฉพาะการได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นธนาคารระดับโลก เช่น Bank of America, Bank of England, Bank of Japan เป็นต้น ในเมืองไทยพบว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ก็ได้เข้าร่วมทุนกับริพเพิล หรือบริษัทแม่ของธนาคารกรุงศรีอยุธยาคือ กลุ่มธนาคาร MUFG ก็ได้เข้าร่วมกับริพเพิลเช่นเดียวกัน ภาพของธนาคารใหญ่ๆทั่วโลกร่วมมือกับริพเพิลนี้ก็ได้ทำให้ริพเพิลกลายเป็นเหรียญที่เติบโตสูงที่สุดในปี 2560 (ราคาสูงขึ้นกว่า 37,000% จาก 0.0065 ไปถึง 2.47 ดอลลาร์ต่อหนึ่งริพเพิล)
อย่างไรก็ตาม ริพเพิลมีข้อเสียที่อาจทำให้นักลงทุนหวั่นไหวได้นั่นคือ ริพเพิลไม่ได้เป็นเงินสกุลดิจิตอลที่กระจายศูนย์กลางเหมือนเหรียญอื่นๆ ดังนั้นเงินริพเพิลทุกเหรียญจะถูกควบคุมด้วยองค์กรของริพเพิลเอง

อันดับสอง “ไบแนนซ์คอยน์” (Binance Coin – BNB) 200 ล้านเหรียญ
ไบแนนซ์คอยน์ เป็นเงินสกุลดิจิตอลที่ออกโดยเว็บไซต์แลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิตอล http://www.binance.com โดยเจ้าของเว็บไซต์นี้มีชื่อว่า Zhao Changpeng ก็กลายเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีที่เติบโตขึ้นมาจากเงินสกุลดิจิตอลไปแล้ว เว็บไซต์ไบแนนซ์เป็นเว็บไซต์ที่รับแลกเปลี่ยนเงินประเภท Crypto to Crypto Exchange นั่นหมายถึง รับแลกเปลี่ยนระหว่างเงินสกุลดิจิตอลด้วยกันเท่านั้น เว็บไซต์ไบแนนซ์ได้รับความนิยมในวงการนักเทรดเงินสกุลดิจิตอลอย่างรวดเร็ว เพราะค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเงินสกุลดิจิตอลของเว็บไซต์นี้ คิดค่าธรรมเนียมเพียง 0.1% ในขณะที่เว็บไซต์ซื้อขายเงินสกุลดิจิตอลอื่นๆคิดค่าธรรมเนียมสูงถึง 0.25% จึงทำให้บรรดานักค้าเงินสุกลดิจิตอลจึงแห่แหนกันมาใช้บริการของเว็บไซต์นี้
Zhao ยังได้วางกลยุทธ์ของเหรียญไบแนนซ์คอยน์ไว้ได้เป็นอย่างดีคือ ผู้ที่ใช้บริการของเว็บไซต์ไบแนนซ์ หากจ่ายค่าธรรมเนียมเป็นเหรียญไบแนนซ์แทน จะเสียค่าธรรมเนียมลดลงไปอีกครึ่งหนึ่งนั่นคือ จ่ายเพียง 0.05% ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในค่าธรรมเนียมที่ถูกที่สุดในตลาด จึงทำให้เหรียญไบแนนซ์คอยน์ได้รับความนิยมและราคาที่เพิ่มขึ้น
Zhao ยังวางกลยุทธ์เพื่อให้ราคาของไบแนนซ์คอยน์เติบโตได้อย่างดีในระยะยาว โดยการวางนโยบายนำผลกำไรส่วนหนึ่งที่เกิดจากเว็บไซต์ไบแนนซ์ นำไปซื้อเหรียญไบแนนซ์คอยน์แล้วไปทำลายทิ้ง ซึ่งจะทำให้เหรียญไบแนนซ์คอยน์มีจำนวนเหรียญที่ลดลง จึงทำให้ราคาของเหรียญค่อยๆเพิ่มขึ้นในระยะยาว

อันดับหนึ่ง นีโอ (NEO) 100 ล้านเหรียญ
เหรียญนีโอ ก่อตั้งโดยนักโปรแกรมเมอร์ชาวจีนที่มีชื่อว่า Da Hongfei ในปี 2557 เช่นเดียวกับอีเธอเรียม เหรียญนีโอถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นแพลทฟอร์มในการสร้างเหรียญอื่นๆต่อไป ผมเองได้มีโอกาสไปดูงานบริษัทค้าน้ำมันในสิงคโปร์ และได้พูดคุยเทรดเดอร์คนหนึ่งในบริษัทนั้นเกี่ยวกับเหรียญนีโอด้วย ซึ่งเขาได้พูดให้ฟังเกี่ยวกับเหรียญนีโอว่า “อเมริกามีอเมซอน จีนมีอาลีบาบา... อเมริกามีเฟสบุ๊ค จีนมีวีแช็ท... และอเมริกามีอีเธอเรียม จีนก็มีนีโอ” ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ใครๆก็รู้ว่ารัฐบาลจีนน่าจะให้การสนับสนุนนีโอแบบไม่เปิดเผยอยู่
แผนการตลาดของ Da ที่วางไว้ให้กับเหรียญนีโอก็น่าสนใจมาก นับจากการที่ระบบของเหรียญนีโอใช้ระบบบล็อกเชนซึ่งเป็นระบบกระจายศูนย์กลางและสามารถปกปิดตัวตนได้ระดับหนึ่ง เช่นเดียวกับเงินสกุลดิจิตอลทั่วๆไป แต่นีโอมีจุดเด่นประการหนึ่ง ที่เงินสกุลดิจิตอลอื่นๆไม่สามารถทำได้นั่นคือ นีโอจะทำตามระเบียบและกฎเกณฑ์ของรัฐบาลจีนทุกข้อ และยังเปิดโอกาสให้หน่วยงานของรัฐบาลจีนเข้ามาตรวจสอบธุรกรรมใดๆที่เกิดขึ้นภายในแพลทฟอร์มของนีโอได้ นั่นหมายถึง ทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้นในนีโอ รัฐบาลจีนจะสามารถตรวจสอบได้หมด ซึ่งคงจะทำให้รัฐบาลจีนชอบใจมาก จึงคอยสนับสนุนการใช้งานเหรียญนีโออย่างต่อเนื่อง
Da ยังวางแผนการตลาดไม้เด็ดไว้ให้เหรียญนีโออีกประการหนึ่งคือ ผู้ที่ถือเหรียญนีโอไว้จะได้รับเงินสกุลดิจิตอลอีกสกุลหนึ่งที่มีชื่อว่า GAS (แก้ส) โดยผู้ที่เก็บเหรียญนีโอไว้ก็จะได้รับเหรียญแก้สเป็นการตอบแทนทุกเดือน เปรียบเสมือนกับได้รับเงินปันผลทุกๆเดือน โดยถ้าหากคุณผู้อ่านเก็บเหรียญนีโอไว้ที่เว็บไซต์ไบแนนซ์ เหรียญแก้สก็จะไหลเข้ามาในบัญชีของคุณผู้อ่านโดยอัตโนมัติทุกวันที่ 2 ของทุกเดือน

และนั่นคือ 6 เงินสกุลดิจิตอล ที่ผมมองว่าน่าจะมีความเสี่ยงต่ำ และน่าลงทุน แต่ข้อที่สำคัญที่สุดคือ การลงทุนในเงินสกุลดิจิตอล...อาจจะเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงที่มากที่สุดในโลกก็เป็นได้ ดังนั้นคุณผู้อ่านคงจะต้องใช้วิจารณญาณอย่างสูงในการลงทุนด้วยนะครับ โชคดีในการลงทุนนะครับ
หาอ่านบทความ และความรู้ด้านการลงทุนของผู้เขียนได้เพิ่มเติมได้ที่ http://www.doctorwe.com
บทความ... 6 เงินสกุลดิจิตอล “ความเสี่ยงต่ำ-ผลตอบแทนใช้ได้” ตอนที่ 1
http://www.doctorwe.com/posttoday/20180221/6874

บทความ… เงิน 1,000 บาท กับการลงทุนใน “บิทคอยน์” เชิญอ่านได้ที่ลิงก์นี้
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20171215/6809

บทความ… ฤา งานนี้… “บิทคอยน์” จะตายแน่?
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20180209/6870

บทความ... “บิทคอยน์” อยู่ให้ห่าง หรือ…ซื้อไปเลย ตอนที่ 1
http://www.doctorwe.com/posttoday/20180111/6860
“บิทคอยน์” อยู่ให้ห่าง หรือ…ซื้อไปเลย ตอนจบ
http://www.doctorwe.com/posttoday/20180112/6865

บทความ...“บิทคอยน์” กับ “คนรุ่นใหม่” ตอนที่ 1
http://www.doctorwe.com/posttoday/20180125/6836
“บิทคอยน์” กับ “คนรุ่นใหม่” ตอนจบ
http://www.doctorwe.com/posttoday/20180126/6843

บทความ… “บิทคอยน์” สร้าง…ความร่ำรวย ได้หรือไม่? เชิญอ่านได้ที่ลิงก์นี้
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20170922/6815

บทความ...“บิทคอยน์” เรื่องราวของ…คนกลัวตกรถ…คนติดดอย
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20171117/6820

บทความ... “บิทคอยน์” ความเชื่อ vs. ความจริง
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20180112/6826
โพสต์โพสต์