“บิทคอยน์” กับ “คนรุ่นใหม่” ตอนที่ 1

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
doctorwe
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 152
ผู้ติดตาม: 0

“บิทคอยน์” กับ “คนรุ่นใหม่” ตอนที่ 1

โพสต์ที่ 1

โพสต์

12.05.2017_bitcoin_cartoon.png
คอลัมน์: หุ้นส่วนประเทศไทย
หนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์
“บิทคอยน์” กับ “คนรุ่นใหม่” ตอนที่ 1
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
http://www.CsiSociety.com
Add Line: @CsiSociety

ผมเริ่มต้นเขียนบทความนี้ ทั้งๆที่ในใจของผมยังคงไม่ค่อยสบายใจนัก เกี่ยวกับคำตักเตือนของผู้หลักผู้ใหญ่ในประเทศหลายต่อหลายท่าน แต่ด้วยความที่ผมได้ศึกษาเรื่อง “บิทคอยน์” และเงินสกุลดิจิตอลอื่นๆมาเป็นเวลานานแล้ว จนถึงตัวผมเองได้ลงทุนในเงินสกุลดิจิตอลหลายสกุลด้วยกัน และประสบกับความสำเร็จในระดับหนึ่ง ผมพบว่าการลงทุนในเงินสกุลดิจิตอลนั้นให้ผลตอบแทนที่สูงมาก แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงและความผันผวนที่สูงมากเป็นเงาตามตัว แต่ในความเสี่ยงเหล่านั้น ก็อาจจะเหมาะกับคุณผู้อ่านที่เป็น “คนรุ่นใหม่” ก็เป็นได้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ครับ

หนึ่ง คนรุ่นใหม่...โอกาสจากงานประจำไม่ดีนัก
“คนรุ่นใหม่” ในที่นี้ผมหมายถึง คนรุ่น Millennials หรือคนเจ็นวายนั่นเอง ซึ่งคือน้องๆที่เกิดประมาณปี 2526 – 2543 ในปีนี้ก็ควรจะมีอายุระหว่าง 18 – 35 ปี คนทำงานประจำเหล่านี้ต้องประสบพบกับเหตุการณ์มากมายที่จะมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อ..อาชีพของเขา (ผมมักจะชอบบอกบรรดาคนรุ่นใหม่ที่ผมรู้จักว่า ถ้ามีโอกาส...อย่าทำงานประจำเลย) ด้วยเหตุผลดังนี้ครับ
- ข้อมูลสถิติธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ระบุจำนวนรวมสาขาของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ พบว่าตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2560 ธนาคารพาณิชย์ปิดสาขาลงไปแล้ว 204 สาขา (โดยเมื่อเดือนมกราคม 2560 มีจำนวนสาขาอยู่ที่ 7,004 สาขา ส่วนเดือนพฤศจิกายน 2560 พบว่ามีจำนวนสาขาเหลือเพียง 6,800 สาขา) แนวโน้มการปิดสาขายังคงมีไม่สิ้นสุดในปีใหม่นี้และปีต่อๆไป และสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในอนาคตอันใกล้นี้ก็คือ พนักงานธนาคารยังคงมีความเสี่ยงสูงในเรื่องการถูกย้ายสาขา ย้ายงาน หรือแม้กระทั่งอาจถึงขั้น...การให้ออกจากงาน

- ในเกาหลีใต้ พบว่า คนรุ่นใหม่ที่มีอายุระหว่าง 15 – 29 ปี มีอัตราว่างงานในเดือนพฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 9.2% หรือเพิ่มขึ้นอีก 1% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2559 และเป็นอัตราว่างงานสูงที่สุดในรอบเกือบ 20 ปี ในที่นี้เรากำลังพูดถึงประเทศที่มีนวัตกรรมและบริษัทระดับโลก เช่น ซัมซุง ฮุนได ฯลฯ และมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) อยู่ที่ 3.8% พอๆกับประเทศไทย แต่คนหนุ่มสาวในเกาหลีใต้ก็ยังคงตกงานกันเป็นเบือมากมายขนาดนี้ ดังนั้นผมเองจึงไม่คิดว่า “การทำงานประจำ” จะเป็นหนทางที่ดีสำหรับคนรุ่นใหม่สักเท่าไร

สอง เริ่มต้นลงทุนด้วยเงิน 1,000 บาท...คุณจะได้อะไรบ้าง?
การเริ่มต้นลงทุนในเงินสกุลดิจิตอลด้วยเงินเพียง 1,000 บาท จะทำให้คนรุ่นใหม่ได้รู้อะไรอีกมากมาย เริ่มจากคำถามยอดฮิต “บิทคอยน์เป็นแชร์ลูกโซ่หรือเปล่า?” หรือ “คุณต้องหมดตัวแน่ๆ...ถ้าไปเล่นเงินสกุลดิจิตอล” ผมเองเคย..เขียน..บรรยาย..ออกทีวี..ออกวิทยุ..มาหลายต่อหลายครั้งแล้วว่า เงินสกุลดิจิตอลเป็นสิ่งที่มีตัวตนจริงๆ แต่มันก็มีทั้งดีและเลว มันไม่ได้เลวไปเสียทุกตัว ตัวที่ดีก็ยังมีอีกหลายตัว
ด้วยเงิน 1,000 บาท คุณผู้อ่านจะได้มีโอกาสทดสอบว่า ตัวเองมีจิตใจที่เข้มแข็งเพียงพอกับการผจญกับความผันผวนของราคาของเงินสกุลดิจิตอลหรือไม่ ถ้าคุณผู้อ่านลงทุนไปแล้ว...ตื่นเต้น...ตกใจ...หรือมีอาการวิตกจริตเป็นระยะๆ ข้อสรุปง่ายๆของผมก็คือ ขอให้คุณผู้อ่านขายทิ้งให้หมด แล้วเลิกการลงทุนประเภทนี้ไปเลย เพราะเราไม่น่าจะเหมาะกับการลงทุนประเภทนี้
ผมเองก็เริ่มต้นลงทุนด้วยเงิน 1,000 บาท เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2559 ตอนนั้นผมเริ่มซื้อบิทคอยน์ในราคาประมาณ 28,000 บาทต่อหนึ่งบิทคอยน์ จนถึงเวลานี้ราคาของบิทคอยน์เคยสูงทะลุ 600,000 บาทเข้าไปแล้ว หรือคิดเป็นมากกว่า 20 เท่าที่ผมเคยซื้อไว้ครั้งแรก ทุกวันนี้การลงทุนประเภทนี้ได้สร้างผลตอบแทนให้ผมดีที่สุด ทั้งในด้านอัตราผลกำไรและจำนวนเงิน และสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่างานประจำหรือธุรกิจที่ผมทำอยู่เสียอีก อย่างไรก็ตาม ผมเองไม่แน่ใจเลยว่า...คุณผู้อ่านทุกท่านจะโชคดีอย่างผมนะครับ แต่ผมมีความเชื่อว่า “องค์ความรู้...จะนำมาซึ่งลาภและความสุข”

สาม เอาง่ายๆ...เริ่มต้นอย่างไรดี?
ตอนนี้ เราเอาเฉพาะคุณผู้อ่านที่พร้อมจะวัดใจลงทุนในเงินสกุลดิจิตอลด้วยเงิน 1,000 บาท (อิ...อิ...ผมพูดเล่นนะครับ) ผมจะขอเชิญทุกท่านที่จะลงทุนหรือไม่ลงทุนก็ตาม ไปเที่ยวในเว็บไซต์ซื้อขายบิทคอยน์สามแห่งด้วยกันคือ coins.co.th, tdax.com และ bx.in.th ผมเองเคยซื้อและขายในเว็บไซต์ทั้งสามแห่งมาแล้ว ผมจึงขอสรุปง่ายๆให้ทุกท่านเข้าใจ โดยเริ่มจากการสมัครเพื่อจะเข้าไปซื้อบิทคอยน์นั้นไม่ค่อยง่ายนัก เพราะจะต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบตัวตน (Know Your Customer – KYC) เสียก่อน ซึ่งจะมีความยุ่งยากในการสมัครในระดับหนึ่ง แต่พอสมัครเข้าไปแล้ว จากนั้นจะซื้อจะขายอย่างไร? ก็จะยุ่งยากไม่มากนัก
คุณผู้อ่านที่คิดว่า อยากลงทุนในเงินสกุลดิจิตอลจริงๆ ผมขอแนะนำให้สมัครทั้งสามเว็บไซต์เลย ซึ่งผมเองก็สมัครไปทั้งสามที่ และเคยซื้อขายไปแล้วทั้งสามที่ ซึ่งทั้งสามที่ก็จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ข้อดีของการสมัครทั้งสามที่ก็คือ คุณผู้อ่านจะสามารถได้รับข้อมูลราคาทั้งราคาซื้อราคาขาย และข้อมูลอื่นๆ เช่น คิดค่าธรรมเนียมเท่าไร? มีโปรโมชั่นอะไรบ้าง? เป็นต้น

พรุ่งนี้ เราจะคุยกันต่อในอีก 3 หัวข้อด้วยกันคือ ดูแนวโน้มราคาของบิทคอยน์ง่ายๆ อย่างไร? ควรลงทุนในเงินสกุลดิจิตอลตัวไหนดี? และสุดยอดวิทยายุทธในการลงทุนเงินสกุลดิจิตอล แล้วพบกันนะครับ
หาอ่านบทความ และความรู้ด้านการลงทุนของผู้เขียนได้เพิ่มเติมได้ที่ http://www.doctorwe.com
บทความ… เงิน 1,000 บาท กับการลงทุนใน “บิทคอยน์” เชิญอ่านได้ที่ลิงก์นี้
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20171215/6809

บทความ… “บิทคอยน์” สร้าง…ความร่ำรวย ได้หรือไม่? เชิญอ่านได้ที่ลิงก์นี้
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20170922/6815

บทความ...“บิทคอยน์” เรื่องราวของ…คนกลัวตกรถ…คนติดดอย
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20171117/6820

บทความ... “บิทคอยน์” ความเชื่อ vs. ความจริง
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20180112/6826
โพสต์โพสต์