บทสรุปเศรษฐกิจกับการลงทุนหุ้นเวียดนาม / Billionaire VI

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
always24
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 854
ผู้ติดตาม: 10

บทสรุปเศรษฐกิจกับการลงทุนหุ้นเวียดนาม / Billionaire VI

โพสต์ที่ 1

โพสต์

บทสรุปเศรษฐกิจกับการลงทุนหุ้นเวียดนาม

วันนี้ขอแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวเวียดนามเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้อมูลจากการคุยกับเพื่อนชาวเวียดนามและการอยู่ที่เวียดนามสี่วันทำให้ได้เห็นมุมมองดีๆที่เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนที่กำลังพิจารณาลงทุนหุ้นเวียดนามดังนี้

- เวียดนามมีประชากรประมาณ 90 ล้านคนประชากรส่วนมากอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 20 ถึง 30 ปีเพราะฉะนั้นเมื่อเดินบนท้องถนนที่โฮจิมินห์จะเห็นคนหนุ่มสาวเดินอยู่มากมายจนถึงเที่ยงคืนบรรยากาศคึกคักมาก เพราะฉะนั้นอุตสาหกรรมการบริโภคในประเทศและการปล่อยกู้รายย่อยมาแน่

- คนเวียดนามภาษาอังกฤษค่อนข้างดีโดยเฉพาะคนที่เป็นวัยรุ่นแม้กระทั่งพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารยังสามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีโอกาสกว่าไทยแน่นอนเพราะเมื่อภาษาอังกฤษดีก็มีโอกาสขายของได้มากกว่าคนไทย รายได้ต่อหัวของนักท่องเที่ยวในอนาคต 5 ถึง 10 ปีน่าจะสูงกว่าไทย

- เนื่องด้วยเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วทำให้ตลาดแรงงานมีปัญหาแรงงานขาดแคลน ต้องมีการแย่งตัวพนักงานกันทำให้อัตราการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนต่อปีที่เวียดนามสูงมากบางแห่งถึง 50% เพื่อจูงใจพนักงานอยู่ต่อ คนเวียดนามนิยมศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วที่สุด มีความทะเยอทะยานในการทำงานมากๆ

- จีดีพีของเวียดนามไตรมาสล่าสุดเพิ่มขึ้น 7.49% ในขณะที่เงินเฟ้อลดลงเหลือ 3.97% โดยที่เงินลงทุนโดยตรง (FDI) อยู่ที่ 25,000 ล้านดอลล่าร์เพิ่มขึ้น 34% YOY (ตัวเลขเดือนกันยายน 2560)

- จำนวนนักท่องเที่ยวในเดือนล่าสุดเพิ่มขึ้นถึง 28.4% ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วตั้งแต่ต้นปีทั้งหมด 9 ล้านคนโดยนักท่องเที่ยวที่เข้ามามากที่สุดคือนักท่องเที่ยวจีนและรัสเซีย

- ธุรกิจส่วนมากในเวียดนามยังเป็นธุรกิจแบบครอบครัวซึ่งยังต้องการผู้บริหารมืออาชีพจำนวนมากมาช่วยบริหารจัดการเพราะฉะนั้นการลงทุนในหุ้นเวียดนามอาจจะต้องดูผู้บริหารให้ดีๆว่ายังเป็นคนในครอบครัวของเจ้าของบริหารหรือเปล่าเพราะถ้าใช่การที่จะทำให้บริษัทเติบโตก็อาจจะเป็นไปได้ค่อนข้างยาก

- ธุรกิจก่อสร้างและอสังหาฯบูมมากในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมาเห็นได้จากตึกสูงๆจำนวนมากที่ผุดขึ้นมา รวมทั้งคอนโดมิเนียมที่อยู่สองข้างทางมีการก่อสร้างจำนวนมาก ข้อมูลจากคนเวียดนามบอกว่าต่อจากนี้ภายในสองถึงสามปีตลาดอสังหาฯน่าจะถึงจุดที่น่ากังวล เนาะนำให้ระมัดระวังการลงทุนหุ้นก่อสร้างและอสังหาฯบางตัวที่ขึ้นมาเยอะแล้วในปีนี้เช่นหุ้น FLC FAROS Construction Corporation JSC ขึ้นมาเท่าตัวในปีนี้ พีอี 239 เท่า

- ได้เห็นร้านสะดวกซื้อหลายร้านแต่ยังไม่เห็นผู้ชนะที่เด็ดขาดอย่าง 7-11 บ้านเราที่เห็นส่วนมากเป็นร้านของคนท้องถิ่น นอกจากนี้ที่นี่ยังไม่มีห้างขายวัสดุก่อสร้างอย่างโฮมโปร ร้านส่วนมากเป็นร้านแบบดั้งเดิมอยู่ ยังไม่มีหุ้นเหล่านี้ในตลาดหุ้นเวียดนาม ณ ตอนนี้แต่ในอนาคตน่าจะเป็นหุ้นที่น่าสนใจมากๆ

- ธุรกิจที่น่าจับตามองอีกหนึ่งธุรกิจคือโมบายเวิลด์อินเวสต์เม้นต์ทำธุรกิจขายโทรศัพท์มือถือ ซิมการ์ดแบบเจมาร์ทและเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเพาเวอร์บาย ตอนนี้อัตราการใช้งานมือถือสูงถึง 80% แล้วทำให้ถูกมองว่าเป็นหุ้นที่อิ่มตัว บริษัทจึงริเริ่มโมเดลธุรกิจใหม่ในการเปิดร้านขายของชำที่มีขนาดเล็กเพื่อให้บริการที่สะดวกแก่ลูกค้าคาดว่าจะเป็น S-Curve ตัวใหม่ของบริษัทในการเติบโต

- ที่ดินบริเวณใจกลางเมืองโฮจิมินห์ที่อยู่บนถนนดิสติกวันมีราคาสูงมากถึงตารางวาละแปดล้านบาท โซนที่ถูกลงมาหน่อยจะอยู่ในดิสติกทูที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจใหม่ที่รัฐบาลต้องการสร้างขึ้นมารองรับการขยายตัวของโซน CBD ราคาคอนโดติดแม่นำ้ราคาตารางเมตรละ 100,000 บาทเป็นทำเลที่คาดการณ์ว่าจะเป็นแหล่งศูนย์กลางของนักธุรกิจและพนักงานเอกชนต่างชาติเข้ามาพักอาศัยจำนวนมากในอนาคตอันใกล้

สุดท้ายนี้ผมขอสรุปว่าเวียดนามเป็นประเทศที่น่าจับตามองทั้งความพร้อมในแง่ของความมั่นคงของรัฐบาล ประชากรและแผนงานที่ชัดเจนและต่อเนื่องในการสร้างชาติให้เจริญ ผมมั่นใจว่าเวียดนามจะก้าวขึ้นมาเป็นประเทศในแถวหน้าของเอเชียได้ภายใน 10 ถึง 20 ปีข้างหน้า

ในฐานะนักลงทุนวีไอผมคงต้องใช้เวลาพอสมควรในการศึกษาหุ้นอย่างละเอียดเพราะเวียดนามมีกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่แตกต่างจากประเทศไทย เพื่อเข้าลงทุนกับว่าที่เสือตัวถัดไปของเอเชีย #Vietnam #ลงทุนหุ้นเวียดนาม
CARPENTER
Verified User
โพสต์: 431
ผู้ติดตาม: 1

Re: บทสรุปเศรษฐกิจกับการลงทุนหุ้นเวียดนาม / Billionaire VI

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ข้อมูลน่าจะผิดนะครับ ที่ดินกลางใจเมืองโฮจิมิน ดิสติกวัน ราคาตรว.ละแปดล้านบาท ขณะที่คอนโดริมแม่น้ำดิสติกทูตารางเมตรละ1แสนบาท แม้จะเป็นเป็นคนละดิสต ราคามันต่างกันมาก ที่ดิน ตรวละ8ล้าน คอนโดอาจจะกระโดดไปที่ ตารางเมตรละสามสี่ล้านมั้ง
โพสต์โพสต์