AGM 2560

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2620
ผู้ติดตาม: 262

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 31

โพสต์

Nek เขียน:ประชุม TACC วันที่ 19 เมษา

คำถามที่มีคนถามมากที่สุด และผู้บริหารตื่นมาก็ได้รับแต่คำถามนี้คือ กลัวว่า 7-11 จะเข้ามาทำน้ำโถกดและกาแฟและชาเอง ผู้บริหารชี้แจงว่า ขณะนี้ร่วมทำงานกับ 7-11 โดยได้รับเกียรติเป็น Key Strategic Partner และไม่ใช่ว่าทุกอย่างอย่าง 7-11 จะทำเองได้คนเดียว เพราะต้องคำนึงถึงการเติบโตของ SME ด้วย
บริษัทได้แบ่งภาพการเติบโตของรายได้ให้เห็นเป็น 2 ส่วน คือ 7/11 และ Non 7/11 ปัจจุบันสัดส่วน 88:12 จะมีเป้าหมายใน 3 ปี มีสัดส่วน 65:35 โดยประมาณ

1. ใน 7/11 จะมี 4 ขา คือ เครื่องดื่มโถกด / โดนัท / เครื่องเขียน / เครื่องสำอาง
สำหรับโดนัท ก็ไปได้ดี เพราะ ออกโปรคู่กับเครื่องดื่มไปเรื่อย ๆ จะมีรสชาติใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ
เครื่องเขียน ได้รับสิทธิ์จาก ซานริโอ จะจำหน่ายถูกกว่าของเซ็นทรัล เพราะเซ็นทรัลอิมพอร์ตมา แต่ของเราทำเอง จะขายได้ถูกกว่า และซานริโออยากเห็นสินค้าของตัวเองกระจายให้พบเห็นง่ายในชีวิตประจำวันโดยทั่วไป
เครื่องสำอางยังไม่ดีเพราะสินค้ายังมีราคาแพง และต้องมีสินค้าให้ทดลอง เลยคิดว่ายังไม่เหมาะ
2. Non 7/11 จะมีสินค้าจำหน่ายใน กัมพูชา / ออสเตรเลีย / จีน / ไทย
เมื่อต้นปีเพิ่งมีเครื่องดื่มชูกำลัง เข้าไป / ในจีน ก็ใช้เวลาขอ อ.ย. เครื่องดื่มทุเรียน เป็นเวลา 2 ปี ตอนนี้ได้แล้ว ยังตั้งเป้าไม่มาก ไม่อยากให้คาดหวังสูงมากเกินไปในตอนนี้ / ส่วนไทย ก็เริ่มมีแบร์ดนของตัวเองแล้ว
มีผู้ถือหุ้นถามว่า บริษัทมีอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจอย่างไรไหม ผู้บริหารตอบว่า ก็มีอุปสรรคธุรกิจทั่วไป ตามหลัก 5 Force และบริษัทก็มีกลยุทธในการแก้ไขปัญหาตามเหตุ

ขาดตกบกพร่องไปขออภัยไว้ ณ ที่นี้ มือใหม่หัดเขียน อดใจรอ VDO การประชุม คงได้ชม เร็ว ๆ นี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
thumbman2001
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 8119
ผู้ติดตาม: 41

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 32

โพสต์

dojii
Verified User
โพสต์: 339
ผู้ติดตาม: 0

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 33

โพสต์

สรุปการประชุม AGM หุ้น MAKRO ประจำปี 2017
http://www.dojii.net/2017/04/makro-agm-y2017.html#more

ปี 2559 ที่ผ่านมาเปิดสาขาใหม่ 17 แห่ง เป็นขนาด Classic 7,000 ตร.ม. จำนวน 6 สาขา Food Service 5 สาขา Eco Plus 3 สาขา Food Shop 2 สาขา และ Frozen 1 สาขา รวมถึงสิ้นปีมีสาขาทั้งสิ้น 115 สาขา พื้นที่ขาย 704,000 ตร.ม.

ทำการทดลองเปิดสาขา Pet Shop ขายอาหารสัตว์พื้นที่ 100 ตร.ม. ที่แหลมฉบัง สาขา Pet Shop เป็นการเปิดร้านใน Makro เอง ปีนี้จะเปิดอีก 1 สาขาในกรุงเทพฯ

เริ่มทำการตลาด E-Commerce จับกลุ่มลูกค้า B2B ปัจจุบันอยู่ในการทดลองระบบ ปี 2560 จะลงทุนในส่วนนี้มากขึ้นโดยครึ่งปีหลังจะชัดเจนมากขึ้น

สาขาแรกในกัมพูชาเริ่มก่อสร้างแล้วจะเปิดได้ประมาณเดือนธันวาคมปีนี้ การลงทุนในกัมพูชา Makro ถือหุ้น 70% นักลงทุนท้องถิ่น 30%

การลงทุน 80% ใน Indoguna สิงคโปร์ เสร็จสิ้นตั้งแต่เดือนมกราคม

ปี 2559 ยอดขายเติบโต 10.9% กำไรเติบโตเล็กน้อย เป็นผลมาจากมีค่าใช้จ่ายสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ การเปิดสาขาใหม่ 17 สาขา การลงทุนในระบบ Oracle ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มจากปีก่อนหน้า 10% กว่าๆ ประกอบกับการแข่งขันที่มากทำให้ Margin ลดลง

Makro กำลังทำโครงการ Makro 4.0 ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในอีก 5 - 10 ปีข้างหน้าเพื่อปรับรูปแบบร้านให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของลูกค้า ปรับปรุงสาขาเก่าให้เป็นรูปแบบใหม่ รวมถึงส่งเสริมคนรุ่นใหม่ขึ้นมาเป็นผู้บริหารเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ

ธุรกิจหลักยังคงอยู่ในประเทศไทยเน้นด้านอาหาร สำหรับต่างประเทศใน 1 - 2 ปีนี้ยังคงอยู่ที่กัมพูชา

ธุรกิจต่างประเทศสนใจทั้งอาเซียน เหตุที่ไปกัมพูชาก่อนเพราะกัมพูชาเป็นประเทศที่เปิดที่สุดสำหรับนักลงทุนต่างประเทศรวมถึงสามารถค้าขายเป็น USD ได้

สาขากัมพูชาเน้นลูกค้าผู้ประกอบการเน้นเรื่องอาหาร จุดเด่นของ Makro อยู่ที่คุณภาพความปลอดภัยของอาหารและความสะอาด

สำหรับพม่ามองว่ายังไม่ใช่จังหวะเวลาในขณะนี้ ส่วนลาวต้องค้าขายเป็นเงินกีบเท่านั้น

Food Service แม้มี Margin สูงกว่าแต่ค่าใช้จ่ายก็สูงกว่า แต่โดยภาพรวมคิดว่ามีโอกาสที่ดี

อินเดีย เริ่มส่งทีมงานเข้าไปศึกษา

ปี 2560 เปิดสาขา 7 สาขา เป็น Food Service 4 สาขา Classic 3 สาขา การเปิดสาขา Classic พื้นที่ 7,000 ตร.ม. จะเปิดเฉพาะจังหวัดที่ยังไม่มี Makro งบประมาณลงทุนทั้งปี 6,000 ล้านบาท มาจากการกู้ 50% กระแสเงินสด 50%

ค่าปรับ Free Float ไม่ถึง 2 ล้านบาท

Position ของ Makro ในอาเซียนยังคงเน้น B2B เน้นกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการเป็นระบบสมาชิกอาจจะซื้อน้อยหรือซื้อมากก็ได้ การขอใบอนุญาตจะขอทั้งค้าส่งและค้าปลีก

ภาวะเศรษฐกิจช่วงต้นปีตรุษจีนพอใช้ได้แต่สงกรานต์เงียบมาก ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น

ที่กัมพูชาเป็นการเช่าที่ดิน รูปแบบสาขาเหมือนในไทยขนาด 10,000 ตร.ม.

ที่สิงคโปร์เป็นเหมือน Siam Food Service จำหน่ายสินค้าค่อนข้าง Premium เป็นผู้ผลิตยังไม่มีร้าน

เป้าการขยายในอนาคต สาขา Classic จะน้อยลง เน้น Food Service 1,000 - 2,000 ตร.ม. และ Food Shop ต่ำกว่า 1,000 ตร.ม.

Food Service เปิดปีละประมาณ 4 สาขาน่าจะได้

กัมพูชาช่วงแรกน่าจะได้ประมาณ 5 สาขา

House Brand ประสบความสำเร็จถึงเป้าหมายทุกปี สัดส่วนประมาณ 13 - 14% ถ้าตัดสินค้าแอลกอฮอล์ออกสัดส่วน House Brand มากกว่า 20%

เหตุที่สนใจอินเดีย ปัจจุบันมีคนทำตลาดไว้แล้วคือ Metro กัน Wallmart อินเดียอนุญาตให้ Whole Seller ได้ ยังไม่มี Food Service แต่ตลาดอินเดียมีความยากมากกว่าง่ายจึงต้องส่งคนเข้าไปศึกษา

การลงทุนในไทยตามการศึกษาความเป็นไปได้ต้องได้ผลตอบแทน 9% ส่วนต่างประเทศ 13% ขาดทุนไม่เกิน 4 ปี ภายใน 3 ปีที่กัมพูชาต้องเปิดให้ได้ 5 สาขา เตรียม Budget ไว้แล้ว

Small Format ในกรุงเทพฯ เปิดที่ไหนก็ได้แต่ต่างจังหวัดไม่สามารถเปิดได้ทุกอำเภอเพราะคาดหวังลูกค้า B2B

สาขาส่วนใหญ่เปิดปีแรกก็มีกำไร แต่ระยะหลังค่าที่ดินแพงขึ้นหากคิดค่าเสื่อมอาจมีขาดทุนบ้าง ปีที่ 2 - 3 จะมีกำไร
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2620
ผู้ติดตาม: 262

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 34

โพสต์

AGM SINGER 21 APR 17

วันนี้ คุณนงลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ซึ่งมารับตำแหน่งหลังจาก AGM ปีที่แล้ว
ได้กล่าวสรุปกิจกรรมที่ผ่านมา ได้ทำอะไรลงไปบ้าง ลงดู slide ควบคู่ไปด้วยครับ

โครงสร้างใหม่ของ Singer

1. SG Capital ซึ่งตอนนี้ กลายเป็น Singer Leasing
ให้สินเชื่อ รายได้มาจากดอกเบี้ย และ ตามลูกหนี้ที่เป็นบัญชีปัจจุบัน
ถ้าเป็น overdeal จะส่งไปให้ JMT ตามหนี้แทน

2. SG Service plus
หน่วยงานนี้มีมาตั้งแต่คุณบุญยงเป็น CEO มีรายได้หลังจากการขาย สำหรับสินค้าทุกชนิด
3. SG Broker
ขายประกันชีวิตผ่านพนักงานของบริษัท

ก่อนการเปลี่ยนแปลง ในความเห็นของคุณนงลักษณ์ ลองฟังดูนะครับ

1.Salesมีอำนาจเบ็ดเสร็จ พิจารณาสินเชื่อ ไม่มีการผ่านการตรวจสอบจากส่วนกลาง
2.การเก็บเงิน ไม่โปร่งใส
3.การเพิ่มsalesยาก Turnover สูง

หลังการเปลี่ยนแปลง

1.การบริหารลูกหนี้ ศูนย์อนุมัติเป็นการตรวจสอบลูกหนี้ รวมถึงฐานข้อมูลในJMT ลูกค้าเปลี่ยนจากชำระกับพนักงาน
เป็น ชำระเงินที่ธนาคาร หรือ ตู้เติมเงินในLotus ชำระได้ 24 ชม สำหรับกลุ่มลูกค้าปัจจุบัน ที่มียอดค้างชำระ จะมี
SMS มาทวงถาม มี statement ให้ตลอด

2.เมื่อมีการค้างชำระเงินเกินกำหนด ถูกส่งไปให้FC ทวงถาม เสนอ refinance จนถึงยึดสินค้า

การเพิ่ม sales จากหลักพันคน เป็น 13,000 คนในช่วงที่ผ่านมา เป็นการเพิ่ม Sales network ในพื้นที่ลึกสุด
เรามี sales activities ตลอด เราขายได้ทั้งสินค้า และ บริการในทุกช่องทาง และสินค้าทีหลากหลายมากกว่าเดิม
ส่วน Internal audit มีการตรวจสอบ stock สินค้า ใบเสร็จ และ audit ไปถึงบัญชีลูกค้า ของอยู่ที่ลูกค้าจริงหรือไม่
Infrastructure เราพยายามพัฒนาให้ Sales สามารถขายสินค้าบนมือถือ
ระบบ AR Management สามารถเห็น real time ของการชำระหนี้บนระบบได้
ลูกค้าสามารถดูใบแจ้งหนี้ของตัวเองผ่าน websiteของบริษัท รวมถึงใบเสร็จได้ ถือว่าเอาจุดแข็งของกลุ่ม JMART
มาใช้ที่ singer ดูผลประกอบการปีนี้ว่าสามารถทำได้ดีกว่าเดิมหรือไม่หลังจากเปลี่ยนแปลงมากมายในปีที่แล้ว


คุณ กิตติพงษ์ CMO พูดถึงการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงาน การให้สินเชื่อ , ลูกค้าจ่ายเงินค่างวดด้วยตนเอง

กลุ่มแรก ย้อนเป็นในอดีต มีชื่อเสียงจากการขายจักรเย็บผ้า ต่อมาเป็นสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า แอร์ เครื่องซักผ้า ทีวี
ล่าสุดเปิดตัวเจ็ดรุ่นใหม่ รวมแอร์ในหน้าร้อนนี้

กลุ่มต่อมาคือ อุปกรณ์ทำเงิน GET RICH ถ้าลูกค้ามีเงินลงทุนบ้าง
ดาวน์มา เพื่อทำมาหากิน เช่น ตู้เติมน้ำมัน ตู้เติมเงินมือถือ ตู้แช่

กลุ่มที่สาม คือ Smartphone / กล้อง Digital camera
เราสามารถขายสินค้าใหม่ในกลุ่มลูกค้าเดิม
New product สินค้าที่มี high margin เช่น หม้อหุงข้าว เฟอร์นิเจอร์เป็นการทำ consignment
รวมถึง เครื่องปั้มน้ำ ซึ่งผลิตโดยผู้ผลิตชั้นนำ
New service รถทำเงิน J fintech ใช้จุดขายจากสาขา และ คนขาย 13,000 คน
แต่การขายแบบเดิม ก็ยังคงมีอยู่

งบการเงิน

ในช่วง 2H59 มีการอนุมัติสินเชื่อจากส่วนกลาง ผ่าน AR Management ทำให้การขายเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรมคนขาย 100% รายได้ที่ลดลงไม่รวมขายมือถือ ที่รับรู้เฉพาะกำไรเข้ามา
Total revenue ลดลง 25%
รายได้อื่นๆ คือ ค่าธรรมเนียมชำระล่าช้า ซึ่งเริ่มเก็บในช่วงปลาย Q3 59
มีการเริ่มเก็บค่าขออนุมัติสินเชื่อ 200 บาทต่อราย
ปีที่แล้ว ขายสินค้าเชิงพาณิชย์ เช่น ตู้แช่ ลดลง ทำให้ cost of sales ลดลง 28%

SG&A ลดลง22%
โดยเฉพาะการลดลงในส่วนลดการค้า Trade promotion ให้ส่วนลดถ้าปิดก่อนเวลา
เมื่อก่อน หน้าร้านทำเองได้ ตอนนี้ถูกควบคุมโดยส่วนกลาง 100%
ค่าใช้จ่ายผันแปรลดลง เพราะ ลูกค้าไปชำระเอง แต่เมื่อก่อนsales เป็นเก็บเงิน จะมีการให้ collecting com
ซึ่งในปีที่แล้ว ส่วนนี้ลดลง ส่วนการตั้งสำรองลดลงด้วย
สินค้าคงเหลือลดลง 19 ลบ และ ลูกหนี้ไม่เปลี่ยนแปลงในปี 58,59
หนี้สินลดลง 14% เกิดจากการลดลงของเงินกู้ยืม

Net profit ลดลงจาก 143 เป็น 120 ลบ คิดเป็น ลดลง 16%
ต้องตามดูว่า ทางกลุ่ม JMART เข้ามาเกิดการ synergy จะทำให้กำไรเพิ่มขึ้นหรือไม่
ภาพประจำตัวสมาชิก
thumbman2001
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 8119
ผู้ติดตาม: 41

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 35

โพสต์

Nek
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 254
ผู้ติดตาม: 1

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 36

โพสต์

ประชุม TKS 21/4

การประชุมผ่านไปด้วยความรวดเร็วทุกวาระ ผู้ถือหุ้นที่ไปประชุมไม่มีข้อซักถามเท่าไร

ตอนนี้ เครื่องไลเนอร์เลส มี 1 สายการผลิต เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่จากญี่ปุ่น กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงและทดสอบเครื่องจักร ยังไม่สามารถเริ่มผลิตเพื่อหารายได้ในตอนนี้

ดู opp day กับ รายงานประจำปี เพิ่มเติมเองนะครับ

บริษัทจะจัด CV ประมาณกลางเดือน พ.ค. สนใจก็โทรไปติดต่อที่บริษัทครับ
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2620
ผู้ติดตาม: 262

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 37

โพสต์

Nek เขียน:ประชุม TKS 21/4

การประชุมผ่านไปด้วยความรวดเร็วทุกวาระ ผู้ถือหุ้นที่ไปประชุมไม่มีข้อซักถามเท่าไร

ตอนนี้ เครื่องไลเนอร์เลส มี 1 สายการผลิต เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่จากญี่ปุ่น กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงและทดสอบเครื่องจักร ยังไม่สามารถเริ่มผลิตเพื่อหารายได้ในตอนนี้

ดู opp day กับ รายงานประจำปี เพิ่มเติมเองนะครับ

บริษัทจะจัด CV ประมาณกลางเดือน พ.ค. สนใจก็โทรไปติดต่อที่บริษัทครับ
ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
thumbman2001
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 8119
ผู้ติดตาม: 41

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 38

โพสต์

ภาพประจำตัวสมาชิก
thumbman2001
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 8119
ผู้ติดตาม: 41

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 39

โพสต์

ภาพประจำตัวสมาชิก
thumbman2001
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 8119
ผู้ติดตาม: 41

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 40

โพสต์

Sis ครับ. ขอบคุณคุณ arwut กะคุณ Pk-TYW ที่ช่วยสรุปให้ครับ


- IT Move to Cloud , Mobility
- PC ลงต่อเนื่องมา 5 ปี
- กำลังซื้อก็ยังไม่ดีขึ้น
- หนี้ครัวเรือนจากรถ 5 ปีครบกำหนดหวังว่าจะมาซื้อ IT กัน
- หนี้ครัวเรือนคิดว่าน่าเต็มที่ไม่น่ามีอะไรจะมากกว่าไปกว่านี้แล้ว
- ยอดขาย IT ช่วงหลังประมาณเดือน ธันวาดีมาก น่าจะเกิดจากเกี่ยวกับ เคลมภาษี 2 เท่า จึงทำให้การซื้อขายคึกคัก
- ยอดขายแต่ละ BU ก็ไม่ดีขึ้นเท่าไร ที่ดีจะมีแต่ Value Added เท่านั้นที่โตมาก สันนิฐานว่าจะมาจาก โครงการรัฐบาลที่ให้ภาษี 2 เท่าเพราะว่ามีโรงการเยอะเหมือนกันที่ได้มา ส่วนหนึ่งก็โตจากตลาดด้วย ซึ่ง Q1 ไม่เหมือน Q4 แต่ก็ไม่ต่างกันมากนัก
- ที่คลังเพิ่มขึ้นแต่ยอดขายก็ไม่โตอะไรเพราะว่าสิ้นปี vender ขอให้ช่วยซื้อด้วยข้อเสนอต่างๆ และเราคิดว่าขายได้ก็ซื้อมาสินค้าส่วนใหญ่ก็ขายไปใน Q1 จึงเป็นธรรมดาที่สิ้นปีสินค้าจะโตบ้าง (***รอดู คลัง Q2)
- ที่ยอดขายไม่ดีเพราะหลายโครงการไม่เอาเพราะเห็นว่ากำไรน้อยมาก หรือแทบไม่มีเลย ขยับพลาดหน่อยอาจจะขาดทุน ดังนั้นเลยตัดสินใจไม่เอาหลายโครงการเหมือนกัน
- ต้นทุนสินค้าเพิ่มเล็กน้อย ที่ทำให้ GP ลดเกินจาก Mix Product ซึ่งไม่ได้ตกลงเยอะ
- Cloud เติบโตเยอะ บริษัทใหญ่ระดับโลกก็บุกเมืองไทย ซึ่งทาง ผบห.ก็กลัวเหมือนกันเรื่องนี้ อเมริกา 40% – 50% ข้อมูลเก็บบน Cloud หมด ดังนั้นเราก็ริเริมทำ Cloud เหมือนกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Cloud ต่างประเทศก็มีข้อจำกัด เช่น Bandwidth ที่จะไปต่างประเทศ เป็นคอขวดอาจจะล่าล้า , คนไทยหวงข้อมูล ยังอยากเก็บไว้กับตนเองอยู่ จึงยังไม่ใช้ Cloud แต่จะเปลี่ยนเป็น VM แทน ซึ่งเทรน VM ก็แรงเหมือนกัน ซึ่งส่วนนี้ก็จะทำให้ในส่วน Value Added นั้นเติบโต ซึ่งน่าจะเห็นรายได้ของ ส่วนงาน Cloud ประมาณ Q4
- HWH นั้นต้องรอศาลสั่งล้มถึงที่สุดถึงจะได้สิทธิ์ทางภาษี 20% ของ 500 กว่าล้าน คาดว่าไม่ปี 60 ก็ 61 น่าจะได้สิทธิ์ตรงนี้
- รายงานประจำปีที่ตัดการอธิบายเกี่ยวกับระยะเวลาตัดค่าเสื่อ หรือสินค้าล้าสมัยนั้นได้เอาออกไปแต่เกณฑ์หลังจากนั้นก็ยังตั้งเหมือนเดิม เพิ่งมาเปลี่ยนเกณฑ์ที่ตั้งในปี 59 ที่ผ่านมา ซึ่งเกณฑ์ 59 นั้นตั้งน้อยกว่า เกณฑ์เดิม
- ตอนนี้เน้นขายสินค้าที่มีกำไร มากหน่อยกำไรน้อยไม่ต้องพยายามขายอาจจะเสียเวลาเลยไม่เน้นยอดขายขอเน้นที่กำไร (*** นั้นแสดงว่าต่อไป GP ก็ต้องดีขึ้นๆ ซึ่งต้องดีกว่าคู่แข่งถ้าทางคู่แข่งเข้าเน้นยอดขาย GP ก็น่าจะ 5 กว่าเท่าเดิม แต่เราต้องมากกว่านั้นเพราะเน้นที่กำไร ไม่ได้เน้นยอดขาย …. แล้วจะเป็นไปได้ไหมหล่ะครับอันนี้ต้องรอดู )
- Q1/60 นั้น “ถือว่าดูดี”
- KPI ของ SIS การขายสินค้าที่มี GP ดีกว่าจะได้คะแนนดีกว่าขายสินค้าที่ GP ต่ำ
- Wiko นั้นยอดยอดขายก็เติบโตตลอด new height ตลอด Q3 ที่ลดนี้เพราะตั้งใจดึงไว้ ไม่อยากขายของเก่ารอของใหม่มาเลยไม่สั่งของอยากขายอันเก่าให้หมด
- Wiko กับ SIS มีบน Pro กับ SIS ไม่มากเพราะขายหมด (*** ผมจำได้ว่าน่าจะซัก 2 week เท่านั้น)
- Wiko สำหรับ qool ได้ GP ปกติแบบ Distributor ทั่วไป ส่วน Wiko ก็จะ GP ตามระดับผู้ผลิตทั่วไป แต่อาจจะน้อยกว่าแบนดังๆเพราะ Phone ระดับบน GP จะดีกว่า ระดับล่าง GP จะต่ำกว่า (*** เหมือนผมเคยได้ทราบมาว่า 10% - 20% เห็นจะได้)
- Wiko มี Operator สนใจมาคุยเพื่อทำ Promotion ร่วมพร้อมกับ Sim ของ Operator
- Nippon ขอดูอีก 1 ปีว่าจะเป็นอย่างไร แต่อย่างไรก็แล้วแต่สำรองไปเต็มจำนวนแล้วจะไม่รับรู้การขาดทุนของ Nippon แล้ว
- Tax ขอคืนปี้นี้อีก 100 กว่าล้าน อาจจะได้ในปีสองปี ซึ่งไม่กระทบกับยอดกำไรขาดทุนเช่นเดิม
- SAP ขอให้ขาย Cloud Software Module หนึ่งเป็นระบบเล็ก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่ำ คิดว่าน่าจะขายได้ ประมาณ 5,000 บาท/เดือน สำหรับ 4 user
- IoT นั้นเริ่มทำ Smart Home กับทางบุญถาวร (สาขาใหญ่) กำลังทดลองไม่เห็นภาพอะไรชัดเจน
- มีผู้ถือหุ้นถามว่าเงินอุดหนุนจาก wiko ทำไมได้น้อยเมื่อขายได้มาก คือปีก่อนขายน้อยแต่ได้มาก พอขายมากกลับได้น้อย ได้รับคำตอบว่า wiko นั้นความสัมพันธ์เป็นอีกแบบกับ vender ทั่วไปที่ต้องการให้ขาย ดังนั้นการสนับสนุนมาในรูปแบบของนำไปลงทุนในกับ ลูกค้าโดยตรงมากกว่า ไม่มีแรงกดดันหรือขอร้องให้ซื้อจำนวนมากแล้วจะให้เงินอุดหนุนเป็นต้น
- (*** ผมฟังผู้สอบบัญชีแสดงความเห็นว่าทำไมถึงขอขึ้นค่าสอบ ได้รำคำตอบอยู่อันหนึ่งซึ่งผมยังงง เขาบอกว่าทาง บ.แม่ของ SIS นั้นร้องขอข้อมูลเยอะขึ้นมาก รวมทั้งผู้สอนของ บ.แม่นั้นก็ตรวจสอบ บ.สอบบัญชีเขาอีกที่เรื่องข้อมูล ดังนั้นเขาจำเป็นต้องขึ้น แต่คิดอีกที บ.แม่ SIS เป็นผู้ร้องขอข้อมูลจักมากน้อยซักเท่าไรก็แล้วแต่ทำไม SIS เป็นผู้รับภาระในส่วนนี้ อันนี้ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร)
- (*** SIS ไม่น่ามีอะไรหวือหวาเหมือนเมื่อก่อนแล้วผมว่าตัวจะ Drive ค่อนข้างจะน้อยซึ่งไม่เห็นภาพนัก ที่จะทำได้จริงๆ คือกำไรที่ตัว wiko มากกว่า ที่จะเติบโตต่อไปแต่จะมากน้อยเท่าไรนั้นอีกเรื่อง และอีกตัวหนึ่งน่าจะเป็นส่วน Value Added หรือสินค้าพวก Enterprise อย่าง ผบห.กล่าว ซึ่งผมก็เห็นด้วยว่าส่วนนี้น่าจะเติบโตได้อีกมากเพราะ บ.เล็กๆน้อยๆ ก็จะหันมาใช้เพราะ Enterprise มากขึ้นเพราะคงเปลี่ยนระบบมาเป็น VM ซึ่งมันบริหารจัดการง่ายกว่ามาก ดังนั้นความเห็นผมว่าคงไม่หวือหวาแล้วหล่ะ)
- (*** มีสไลต์หนึ่งเขียนว่า สินค้า Commercial ขยายตัวในบริษัทขนาดเล็ก ที่หันมาใช้ระบบ IT มากขึ้นซึ่งขยายตัวในต่างจังหวัด ตัวนี้อาจจะสะท้อนที่ยอดขาย ของ SYNEX เพิ่มขึ้นมาก็ได้ครับเพราะเมื่อก่อนนั้นทราบว่า SYNEX นั้นจะอยู่ในต่างจังหวัด SIS จะเป็น กทม เสียส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันนี้ก็ไม่ทราบข้อเท็จจริงแน่นอนนะครับ)

(***……….) หมายถึงความเห็นส่วนตัวผม
.
ปล. ถ้าท่านเห็นว่าตรงไหนผิดพลาดยังไงก็โต้แย้งได้นะครับและตรงไหนพิมพ์ผิดก็ขออภัยด้วยครับ

PK-TYW

ขอบคุณคุณarwutที่สรุปให้ฟังครับ

ข้อแก้ไขนิดหนึ่ง เรื่องการตั้งสำรองสินค้าล้าสมัยนั้น จะใช้มาตรฐานใหม่ในปี60ครับซึ่งจะตั้งน้อยกว่าเดิม ที่ผ่านมาตั้งเยอะเกินปี59ก็ตั้งเยอะเกินครับ

เพิ่มเติมคือ public cloud(ex. Amazon)และPrivate cloudสองตัวนี้โตแรงทั้งคู่ ซึ่งsisมีสินค้าและservice ของprivate cloudแบบครบวงจร เพราะคุณสมชัยรุกตลาดนี้มา4-5ปีแล้วแต่พึ่งมาบูมในไทย1-2ปีหลัง หลังจากนี้ไปก็มองว่าโตต่อได้อีก4-5ปีครับ ตัวอย่างกลุ่มลูกค้าหลักก็คือพวกธนาคาร พวกนี้ต้องเก็บความลับลูกค้าคงไม่ไปใช้public cloudครับ

ในงบsis ยอดขายของส่วนprivate cloudก็คือ value addedครับ

ส่วนมาตการภาครัฐปีที่แล้ว มีช๊อบช่วยชาติเดือนธันวาคมและ ลดภาษี2เท่าในQ4 ส่วนปีนี้ลดภาษี1.5เท่าทั้งปี

เรื่องinventory ของsis inventory dayคือ30วัน ที่เห็นเพิ่มขึ้นมาก็ขายหมดภายในเดือน1แล้วครับ ปิดงบq1มาก็คือของที่สั่งใหม่ช่วงเดือนมีนาคม ไม่เกี่ยวกันกับที่ปิดงบในq4 นอกจากว่าจะมีสินค้าที่ขายไม่ออกครับ

Wiko
-ดีลกับAISทำได้ตามเป้า แปปเดียวขายหมด
-กำลังคุยดีลใหม่กับoperator2เจ้า แต่ต้องเลือกเจ้าเดียวครับ
-มุมมองส่วนตัวดีลกับoperatorคงได้กำไรไม่เยอะ เน้นสร้างแบรนด์มากกว่า อย่างน้อยได้brand awarenessโดยไม่ต้องเสียค่าการตลาด
-Q1ยอดขายทำnew highได้ก็เก่งแล้วครับ กำลังซื้อq1ลองไปดูกลุ่มค้าปลีกแย่หนักกว่าเดิมทั้งนั้น(robins hmpro sssgติดลบ)+น้ำท่วมภาคใต้


เรื่องsynexไม่อยากcommentไรมาก ปีสองปีที่ผ่านมาหลักๆโตได้เพราะสินค้าnetwork (wifi router)กับพวกมือถือ ใครสนใจยังไงลองแกะงบกันให้ดีๆ และวิเคราะห์คำพูดผบหให้รอบด้านครับ
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2620
ผู้ติดตาม: 262

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 41

โพสต์

AGM TICON 24 APR 17

หลังจากที่บริษัท เฟรเซอร์ ได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนของไทคอน จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน ร้อยละ 40
บริษัทได้ทำการลดหนี้ลด 8,000 กว่าล้านบาท และ นำเงินที่เหลือไปลงทุนเพิ่มเติม
ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องขายทรัพย์สินเข้ากองอสังหาริมทรัพย์ ทำให้รายได้และกำไรจากการขาย
หายไปเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่ได้มีการสินทรัพย์เข้ากองทุนเป็นประจำ
ทำให้ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ ลดลง 42% เหลือเพียง 250 ลบ จากปีก่อนหน้า 3,345 ลบ
กำไรสุทธิ ลดลง จาก 770 เหลือ 278 ลบ

ปกติ กำไรในการขายทรัพย์สิน จะมีYieldสุง แต่ถ้าขายเข้ากองทุนจะมี yield ต่ำกว่าปกติ เพราะขายเป็น volumn
บริษัทต้องการ recurring income เพื่อให้มีรายได้สม่ำเสมอ
แต่ อัตราการเช่าwarehouse และ โรงงาน อยู่ในอัตราที่ต่ำกว่าเดิม

คุณ วีรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บอกว่า ปีที่แล้ว มีการสร้างโรงงานเพิ่มขึ้น ทำให้คิดเป็นสัดส่วนการเช่าลดลง
ปัจจุบันไม่มีการสร้างเพิ่ม และ พยายามหาผู้เช่าเพิ่ม เพื่อเพิ่มอัตราการเช่าให้สูงขึ้น
ในส่วนคลังสินค้า มีการพัฒนาเพิ่มอยู่ ในเฉพาะพื้นที่แถวบางพลี เป็นแบบ Ready build
ส่วนในกลุ่มเฟรเซอร์ เก่งทางด้าน Build to suit เราก็จะเน้นมากขึ้น สร้างต่อเมื่อลูกค้ามีความต้องการ
ทำให้ Occupancy rate เพิ่มขึ้น สัญญาที่จะหมดอายุ พยายามให้ลูกค้าต่อยาวขึ้น

ระหว่างช่วงก่อนการประชุม ได้ถามคุณ วีรพันธ์ ว่า EEC ส่งผลอย่างไรกับบริษัท
คุณ วีรพันธ์ ตอบว่า ทำให้ราคาของทรัพย์สินสูงขึ้น หวังว่าปีนี้รายได้และกำไรจะเพิ่มขึ้นนะครับ
อัตราเงินปันผล ขั้นต่ำจ่าย 40% ของกำไร แต่ปีนี้จ่ายคิดเป็น 55% ของกำไร
วันนี้คนเข้าประชุมน้อยมาก แนะนำให้ลดขนาดห้องประชุมลง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
และ แนะนำวันประชุมควรอยู่ต้นเดือนเมย เพื่อหลีกเลี่ยงตรงกับบริษัทในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมย
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2620
ผู้ติดตาม: 262

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 42

โพสต์

AGM BIGC 24 APR 17

หลังจาก BJC เข้ามาซื้อหุ้นของ BigC แล้ว ก็เริ่มมาบริหารอย่างจริงจังตั้งแต่ช่วง พค 16
แต่ผลประกอบการทั้งปี 16 ลดลงเมื่อเทียบกับปี 15 ส่วนนึงมาจาก Q4 เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ
ทำให้ยอดขายลดลง ประกอบ การยกเลิกการขายลักษณะเป็น volume ซึ่งไม่มีกำไร
ทำให้ยอดขายลดลง และ SSS ติดลบ 12%
ต้องรอดูผลประกอบการในปีนี้ ว่าจะพลิกฟื้นได้ไหม

ในส่วนของค่าใช้จ่ายตรวจสอบบัญชีปีนี้ ลดลง 200,000 บาท มาจาก การเปลี่ยนบริษัทที่ตรวจสอบบัญชี
และ ค่าประชุมของประธานกรรมการ คุณเจริญ ไม่ขอรับ ทำให้บริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายไปล้านกว่าบาท
ไม่ค่อยเห็นบริษัทที่สามารถต่อรองค่าตรวจสอบบัญชีลดลง ต้องขอบคุณประธานฝ่ายตรวจสอบ คุณ พจณีย์ด้วยครับ

ในที่ประชุม ผู้ถือหุ้นหลายรายได้แนะนำข้อบกพร่องของแต่ละสาขา ซึ่ง แต่ละส่วนงานก็รับเรื่องไปเพื่อปรับปรุง
ส่วนบัตรเครดิตที่ร่วมกับ Citibank ได้ยกเลิกไป มีข่าวดีว่าช่วงกลางปีจะออกบัตรร่วมกับเจ้าใหม่ ต้องติดตามต่อไป
ส่วนธุรกิจใหม่ E commerce นั้นยังต้องติดตามต่อว่าจะประสบความสำเร็จเหมือนกับที่เกาหลีหรือไม่
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2620
ผู้ติดตาม: 262

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 43

โพสต์

AGM XO โดย Mrkwan ครับ

โรงงานใหม่มีการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นมากจาก Oppday ครับ เริ่มผลิตสินค้าตั้งแต่ Q4'16 ตอนนี้สามารถผลิตได้ 80% ของ Cap. เดิม ช่วงคุยนอกรอบหลังการประชุม เห็นบอกว่า ได้ประมาณ 40% กว่าของ Cap. โรงงานใหม่ (อันนี้หมายถึงซอสอย่างเดียว ดูเหมือนปัญหาจากเครื่องจักรใหม่ลดน้อยลงมากครับ) ทางคุณจิตติพรจะมาแจ้งตัวเลขที่แน่นอนอีกครั้งวัน Oppday ครับ

- Q1'17 ยอดขายซอสโตขึ้นเยอะ แต่ยอดขายน้ำน้อยมาก (เพราะไม่มีการสั่งซื้อจากเมกา) ทางคุณจิตติพรยังบอกว่า 2-3 ปีก่อน Q2 ปกติจะมียอดขายสูงกว่า Q อื่นๆ แต่ปีนี้ไม่ใช่

- ยังคงตั้งเป้ายอดขายปีนี้ที่ +5% แต่เชื่อว่าทำได้มากกว่านี้แน่ กังวลที่ยอดขายน้ำน้อยมาก (คาดว่าน่าจะมีใน Q3)
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2620
ผู้ติดตาม: 262

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 44

โพสต์

สรุปAGM Tipco ปี2017 โดย คุณ PK-TYW

ธุรกิจสัปปะรด
-เกษตรพันธะสัญญา (contract farmingแบบฉบับtipco) ไม่ประกันราคาเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ประกันจำนวนที่จะซื้อ
-ที่ผ่านมาติดปัญหาเรื่องเกษตกรเชื่อในแนวทางของตัวเอง Tipcoใช้เวลาหลายปีตรงส่วนนี้ ปัจจุบัน85%ของวัตถุดิบซื้อมาจากcontract farming :D
-supplyของสัปปะรดหลักๆมาจากไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย
-ราคาสัปปะรดปีนี้มองว่า6-8บาท
-ปริมาณสัปปะรดเข้าโรงงานปี58 106,512ตัน ปี59 130,874ตัน growth23%ครับ (ผลจากการทำcontract farming)
-เรื่องราคาขาย2-3เดือนคุยกับลูกค้าที ลูกค้าคือบริษัทในยุโรบ อเมริกา มาจิ้นปีนี้ก็เทียบเท่าปี59ได้ครับ

ธุรกิจน้ำผลไม้
-market share 39% No.1
-มูลค่าตลาดpremium 5204ล้าน
-จะเจาะตลาดกลางล่างมากขึ้น คือน้ำผลไม้ไม่100% ราคา10บาท เน้นขาย ตจว
-ซื้อหุ้นคืนมาราคาถูกกว่าตอนขายไปเมื่อ8-9ปีก่อน ถือหุ้นบริษัทเดียวขยับตัวคล่องกว่าเดิม ต้นทุนเงินเดือนผบหจากญี่ปุ่นก็ไม่มีครับ
-ที่ผ่านมางานoperation tipcoเป็นผู้บริหารเองทั้งหมด ทุนญี่ปุ่นหายไปก็ไม่มีปัญหา (คุยส่วนตัวมาครับ)
-ยอดขาย 85% domestic 15%export ก่อนหน้านี้ส่งออกอย่างเดียวหลังจากนี้อาจมีกลยุทธ์ใหม่ๆเช่นjvกับlocal playerของตปท
-มาจิ้นส่งออกกับในประเทศพอๆกัน
-ส่งออกให้ประเทศในasian ขยายเพิ่ม middle east, Australia
-sga/sale ปี59ดีกว่าปี58 จะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
-กำลังคุยงานรับจ้างผลิต ^^
-จะไม่มีการตั้งด้อยค่าอีกแล้ว เครื่องจักรที่ตั้งด้อยค่าในปีก่อนปีนี่กลับมาผลิตแล้วและจะผลิตให้เต็มที่จากงานรับจ้างผลิต (จากนี้ไปค่าเสื่อมราคาจะลดลงไปจากการตั้งด้อยค่าในปี59)
-New product: Tipco Wave เจาะตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง
-ชาอู่หลงคงจะไม่มีแล้ว ใครชอบดื่มซื้อตุนไว้เลยครับlol

Aura
-กำลังการผลิตเกือบเต็มแล้ว ปีหน้าขยายเพิ่ม วางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว
-trendรักสุขภาพมาแรง ตลาดนี้โตด้วยตัวของมันเอง
-มีผถห ท้วงว่ารสชาติเปลี่ยนไป ส่วนตัวผมดื่มทุกวันคิดว่ารสชาติเหมือนเดิมนะครับ

-tipcoจะเน้นขายแต่ของเพื่อสุขภาพ ปีหน้าจะมีproductใหม่ๆมาอีก
-บรรยากาศงานประชุมดีครับ ผถหถาม ผบหตอบโดยละเอียด ไม่มีการเร่งปิดการประชุม

ปล. Tasco marketcap 40,800ล้าน tipcoถือหุ้น23.8%=9,710ล้าน แต่Tipcoราคาปัจจุบันmarket cap 7,866ล้าน คิดจากส่วนนี้อย่างเดียวdiscountอยู่ประมาณ20% มุมมองส่วนตัวเชื่อว่าถ้าธุรกิจหลักอย่างสัปปะรดและน้ำผลไม้มีกำไรอย่างสม่ำเสมอ สุดท้ายแล้วMr.marketจะให้ค่ามากกว่านี้ครับ
Nek
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 254
ผู้ติดตาม: 1

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 45

โพสต์

AGM NTV 24/4/17

Q ตึกใหม่ทำเมื่อไร งบลงทุนเท่าไร
A ประมาณปลายปี 60 เบื้องต้นมีประมาณ 100 เตียง icu 30 เตียง (จะสรุปอีกครั้งว่าเท่าไรแน่) การก่อสร้างจะเชื่อมกับอาคารเก่า ต้องใช้เวลานาน จะทำตึกใหม่ที ตึกเก่าทีสลับไปมา เพราะต้องปรับปรุงตึกเก่าอายุ 20 ปีแล้ว ตึกเก่าเป็นกฎหมายเก่า ต้องทำระบบเซฟตี้ให้เข้ากับกฎหมายใหม่ งบลงทุนจะใช้จากกระแสเงินสด + เงินกู้ ส่วนเพิ่มทุนหรือไม่ยังไม่สามารถตอบตอนนี้ ต้องปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงิน
Qปี 59 ซื้ออุปกรณ์ 172 ล้านบาท
A อุปกรณ์เก่าเริ่มหมดอายุการใช้งาน เครื่องเก่าขายบ้าง บริจาคบ้าง ซื้อกล้องไมโครสโคปซึ่งคิดว่าดีที่สุดในไทยตอนนี้ ช่วยในการเจาะก้อนเนื้อ ถ้าเป็นส่วนสมองก็จำกัดขอบเขตได้ไม่แตะส่วนสมองที่สำคัญ / เครื่องไฟจี้เวลาผ่าตัดสมอง เป็นเครื่องที่ดีกว่าเครื่องทั่วไป / เครื่องกรอกระดูก หมอนรอง หยดน้ำได้เมื่อผ่าตัดฟัน ปกติต้องหยดน้ำแบบแมนนวล
มีทีมสโตรกฟาสแทรก ตั้งแต่หมอเขียนใบสั่งยา เข้า CT/MRI ใช้เวลา 15 นาที รู้ผลแล้ว ถ้ามีลิ่มเลือดในสมองสามารถเอาลิ่มเลือดในสมองออกมาได้โดยสวนหลอดเลือด /
*** อุปกรณ์คุณหมออธิบายได้ดีกว่านี้นะครับรายละเอียดมากกว่า แต่ผมจำได้แค่นี้
Qมีตึกใหม่แล้วขาดหมอไหม
Aไม่มีปัญหาเรื่องนี้ มีการคัดเลือกแพทย์ เชิญอาจารย์หมอ มีทำ MOU กับราชวิถี ส่งแพทย์และพยาบาลไปอบรมได้ มีคอนเนคชั่นและปรึกษา กับอาจารย์ในเครือโรงเรียนแพทย์อยู่ / รพ เปลี่ยนไต คนไข้ไป 3 คนแล้ว จะพัฒนาเป็นศูนย์ไตได้
Aมี Capacity เท่าไร
Qร.พ. เป็นฤดูกาลมีทั้ง ไฮ และ โลว์ โดยเฉลี่ยรวมหมดแล้วประมาณ 70%
A มองคนไข้ ตปท บ้างไหม
Qปี59 เศรษฐกิจยังไม่ดีเลยไม่ได้ทำ ปีนี้เปิดศูนย์รับลูกค้า ตปท มี ล่ามจีน อาหรับ พม่า กัมพูชา ลูกค้าใช้มากตามลำดับ 1.จีน 2. USA 3.พม่า 4. กัมพูชา/ลาว จะเพิ่มอาหรับ แต่เปอร์เซ็น ตปท ยังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับคนไข้รวม
Aที่ดินที่รัตนาธิเบศทำอะไร ขายไหม
Qไม่ขาย รอเป็นเฟสต่อไป ตอนนี้ราคาที่ดินขึ้นแล้ว

ใช้บริการประทับใจ มาประชุมก็ประทับใจ ข้อมูลขาดตกบกพร่องขออภัย
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2620
ผู้ติดตาม: 262

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 46

โพสต์

AGM ROJNA 25 APR 17

รายได้ของบริษัท ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ

1. รายได้จากการขายที่ดิน ปีที่แล้วขายได้ 200-300 ไร่ จากปกติ ขายได้ต่อปี 500 ไร่ สาเหตุจากนักลงทุนจากญี่ปุ่นน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ที่มาแทนคือจีน แต่มาอย่างกระจัดกระจายไปหลายอุตสาหกรรม

2. รายได้สาธารณูปโภค น้ำ ไฟฟ้า ปีนี้ไฟฟ้าค่อนข้างดี ตอนนี้โรงไฟฟ้าที่สร้างใหม่ 110 MW ใกล้เสร็จและ
สามารถจ่ายไฟได้ใน มิย 17 รวมสามารถขายไฟได้รวม 450 MW
ส่วน solar cell 24 MW เดิมก็ขายได้ปกติ ส่วนการขายน้ำเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กำไรสุทธิของน้ำ
เกิน 100 ลบ เป็นปีแรก จากเดิม 70-80 ล้านบาท

3. รายได้จากการลงทุน เช่น รายได้เงินปันผลจาก ไทคอน ซึ่งเดิมถือ 43% ตอนนี้ ไทคอนได้ผู้ถือหุ้นใหม่ เฟเซอร์
ทำให้สัดส่วนการถือไทคอนลดลงเหลือ 26% ไทคอนหลังจากการขายหุ้นใหม่ให้กับเฟเซอร์ ก็คืนเงินกู้ 8000 ล้านบาท จึงไม่มีความจำเป็นต้องขายทรัพย์สินเข้ากอง REIT , Property fund ดังนั้นกำไรจากการขายกอง
ปีที่แล้วของไทคอนจึงลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เงินปันผลที่ส่งมาให้Rojana ลดลง

สรุป รายได้ส่วนที่ 1 และ ส่วนที่ 3 ลดลง แต่ รายได้จากส่วนที่ 2 เพิ่มขึ้น


ที่ดินที่รอขาย แบ่งออกเป็น 3 ส่วน


1. จังหวัดอยุธยา เหลือประมาณ 600-700 ไร่
2. จังหวัด ชลบุรี เหลือที่ประมาณ 1500 ไร่
3. ส่วนมาตพุต แหลมฉบัง เหลือ 1000 ไร

ส่วน ที่ปราจีนบุรี 4000 ไร่ ขายไปเกือบหมดแล้ว เหลือ แค่ 400 ไร่เอง
บริษัทไม่มีนโยบายซื้อที่ดินตุนมาก เหตุจากภาษีที่ดิน จะซื้อต่อเมื่อมีโครงการ

EEC ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ที่ภาครัฐจะออกมาส่งผลดีต่อเรา
ส่วนการลงทุนที่ทวาย ต้องรอความชัดเจนจากภาครัฐทั้งไทย พม่า ก่อน

เนื่องจากตลาด BE มีปัญหาในช่วงปลายปี 59 ต่อเนื่องถึง ต้นปี 60 ทำให้ไม่สามารถออกได้
บริษัทขออนุมัติจากในที่ประชุม อนุมัติวงเงินออกหุ้นกู้ไม่เกิน 6000 ล้านบาท ดังนั้นสามารถ
ออกหุ้นกู้ได้เพิ่มประมาณอีก 3500 ล้านบาท ดอกเบี้ยจ่าย 3-4% ขึ้นกับตลาดช่วงที่ออกหุ้นกู้

ปีนี้งดจ่ายปันผล เนื่องจากต้องสำรองเงินไว้ทำธุรกิจ
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2620
ผู้ติดตาม: 262

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 47

โพสต์

agm pylon by I am arm
25/4/60

มีวาระขอลงทุนในหุ้น หุ้นกู้ และหลักทรัพย์อื่นๆ เพื่อบริหารสภาพคล่องส่วนเกิน ที่ปัจจุบันเป็นเงินฝากเท่านั้น แต่เรื่องนี้เราพิจารณาอย่างระมัดระวังมากๆ อย่างมากก็ money market

เอ็กซิลอน ที่ยังมีค่าสอบบัญชีอยู่เพราะเราใช้ tax shield ปี59 ใช้ไป27ล้าน ยังมีเหลืออยู่ 60-70ล้าน
เรามองว่าเรายังเป็นเด็ก (อายุ15ปี บ.อื่นอายุ30-40ปี) จึงยังมีช่องว่างทางการตลาดให้เราอีกเยอะ ถ้าพิจารณาถึง gpm npm เรามีอัตราการทำกำไรที่ดีกว่าคู่แข่งพอสมควร ฉะนั้นถ้าเราต้องการจะเติบโตเราก็มีมาร์จิ้นที่ดีกว่าคู่แข่งในการแข่งขันได้(เข้าใจว่าถ้าลดราคาแข่งก้อทำได้) แต่ถ้าเราโตเราจะคุมมาร์จิ้นไว้ได้ไหม
โลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีทำให้เครื่องจักรมีราคาถูกลง ประสิทธิภาพสูงขึ้น การตามกันเรื่องความรู้ตามกันได้เร็ว ทำให้คู่แข่งใหม่อาจเกิดขึ้น เราก็พยายามก้าวนำคู่แข่งด้วยการนำเอาระบบ it(erp ที่เรา develop เอง)

การบ้านใหญ่ของทีมบริหารคือการเพิ่มกำลังการผลิต

ภาพรวมอุต ปีนี้ภาพรวมไม่แย่กว่าปีที่แล้ว ดังจะเห็นได้จาก q4 ที่เริ่มมาชัดเจนขึ้น

โครงการ one bangkok ไม่มีใครสามารถรับงานคนเดียวได้ เพราะงานขนาดใหญ่มาก ยังไงก็คงได้รับแบ่งๆกันไปทุกคน
โดยปกติงานภาครัฐจะรับค่าแรงอย่างเดียว งานภาคเอกชนจะเป็นค่าแรง+ค่าของสัดส่วนงานภาครัฐ/เอกชน คาดว่าในอนาคตจะไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเมื่อไหร่ที่รัฐขยายเอกชนก็จะตามแรงงานยังไม่มีปัญหา ต่างด้าวมีสัดส่วนที่เยอะขึ้นแต่ไม่ใช่ปัญหา จะมีปัญหาแค่เวลาจบงานย้ายไปทำงานที่อื่นต้องแจ้งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
sir.prince
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 342
ผู้ติดตาม: 81

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 48

โพสต์

ขอร่วมแชร์ครับผม

Esso AGM April 2017

-สต้อคน้ำมัน7ล้านบาเรลตามกฏหมาย ถ้าขึ้นลงมีผลต่อกำไร-ขาดทุนสต้อค 250บาท ประมาณ7m usd
-เป้าปรับปรุงปั้ม 50ปั้มต่อปี 5ปีทำมา519ปั้ม
-สต้อกน้ำมันแบบfifo

Q&A
1.แผนการปิดซ่อมโรงกลั่นอีกครั้งเมื่อไร ทุกกี่ปี (ล่าสุดปี2559 37วัน)
-ไม่บอกล่วงหน้า กลัวกระทบตลาด อ้างเรื่องจะมีผลต่อDemand Supply (ถึงแม้จะมีคนลุกขึ้นถามอีกรอบ)

2.กำลังการกลั่นไม่เต็มเพราะ(กำลังการกลั่น170kตัน/วัน ใช้133kตัน/วัน)
-เพราะหยุด37วัน และดูdemand supply รันเน้นมาจิ้น เกินกว่านั้นต้องไปส่งออกมาจิ้นน้อย
-(เสริมข้อ1-2ผบห.น่าจะมีแผนแต่ไม่มีความชัดชัดเจนจะสื่อสารออกมาว่าจะทำอะไรเน้นพูดภาพรวม ลดต้นทุน ฯลฯ)

3.ธุรกิจปั้มน้ำมันเก็บเงินเฟรนไชอย่างไร
-มี514ปั้ม 2แบบ
3.1เจ้าของ+เอสโซ่ร่วมทุน 312ปั้ม เป็นลูกค้าดำเนินการเองทั้งหมดตั้งแต่กลางปี2559 โอนออกจากบ.ไทซีที่เอสโซ่เคยทำเอง100กว่าปั้มเพื่อลดต้นทุน+แรงงาน
แถมเปลี่ยนแล้วยอดขายดีขึ้นอีก รายได้Essoมาเป็นขายน้ำมันให้
3.2ลูกค้าลงทุนเอง รายได้มาจาก 1.ขายน้ำมัน 2.ค่าเช่าnon fuel

4.มีแผนล้างขาดทุนสะสมปีนี้ มีแผนนำกระแสเงินสดไปลงทุนหรือปันผลอย่างไรบ้าง
Net cash operating 7,316m THB
ใช้แบ่ง 1.ลงทุน 812M THB เหลือเงิน 6,212m THB
-ไม่มีปันผล แจ้งว่ายังมีขาดทุนสะสม ผบห.ให้ภาพว่าธุรกิจขึ้นอยู่กับตลาดตอบไม่ได้ว่าปีนี้จะเป็นอย่างไร บอกว่าเน้นลงทุนเพื่อผลตอบแทนผู้ถือหุ้นในระยะยาว

กรรมการ
-ไม่ได้ขึ้นเงินมาตั้งแต่ipo ปี2008

5.ปิโตรเคมีที่ขาดทุน
-โลก ปี59GM ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มองตามวัฎจักรบอกไม่ได้ปัจจัยเยอะมาก(ตอบแบบกว้างๆ)

6.วางแผนบำรุงโรงกลั่นcapex ต่อปีอย่างไร
-ไม่เปิดเผยข้อมูล

7.ค่าตรวจบัญชีเท่าเดิม4.5ล้าน ตั้งแต่ปี2554
-ผู้ถือหุ้นถามว่าขอลดได้ไหม
(ใครพอทราบไหมครับราคานี้ถือว่าถูกหรือแพง)

ปล.อยู่ไม่จบเพราะประเด็นสำคัญคิดว่าครบแล้วครับ
SKY Line
FBเพจอ่านมาแชร์และลงทุน
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1442
ผู้ติดตาม: 14

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 49

โพสต์

ECL AGM 2560 @ Golden Tulip 25 เมษายน 2560 เริ่มเวลา 14:00 น.

วาระที่ 1 รับรองรายงานการประชุมประจำปี 2559

วาระที่ 2 รับรองผลการดำเนินงานปี 2559 ผู้บริหาร รายงานว่า
- สินเชื่อโตจาก 900 ลบ เป็น 1400 ลบ
- ลูกค้าใหม่กว่า 4000 ราย
- สัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อ ประเภท รถยนต์นั่งส่วนบุคคล, รถจักรยานยนต์ (Big Bike), และ รถตู้/รถกระบะ/อื่นๆ มีสัดส่วนประมาณ 47%, 37%, และ 16%
- กำไรตามประกาศ 23 ล้านบาท แต่ถ้าหักการตั้งสำรองการขายหุ้นต่ำกว่าราคาตลาด กำไรจริง ประมาณ 60 ล้านบาท
- D/E 1.3 เท่า NPL 4.6%

ช่วง Q&A

o Q1: ขอทราบสาเหตุที่รายได้ฯ vs ค่าใช้จ่าย ไม่สมดุลกัน และอัตรากำไรสุทธิลดลงเมื่อเทียบปี 59 กับ ปี 58
o Q2: ลูกหนี้ระหว่างดำเนินคดี กับลูกหนี้ประนอมหนี้ จาก 48 ไป 60 ลบ ค่อนข้างสูง อยากทราบว่า NPL ควรเป็นเท่าไร ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
o A: ปี 59 มีค่าใช้จ่ายสูง เพราะค่าใช้จ่าย มีเรื่องการควบรวมกิจการและค่าปรึกษากฏหมาย ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายครั้งเดียว แต่ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายมาก แต่ก็มีกำไรมากถึง 60 กว่าล้านบาท
o A: NPL หลายๆ แห่ง มีราวๆ 4% พอๆ กัน ปี 60 มีเป้าหมายคุม NPL ให้ลดลง

o Q3: โปรแกรมในการทำธุรกิจจาก ผถห รายใหม่ นำมาใช้สมบูรณ์แล้วหรือไม่
o Q4: ธุรกิจหลักของกิจการคืออะไร และมีแผนการตลาดเป็นอย่างไร
o Q5: ถ้าใช้ระบบเต็มที่ มีเป้าเพิ่มสินเชื่อกี่ %
o Q6: มีแผนขยายไป ตปท หรือไม่ อย่างไร
o A: PFS & ECL มีการปรับปรุงระบบใหม่หมด ตัวอย่างเช่น ในปีที่ผ่านมา ปี 59 Q1 ยอดสินเชื่อ 60 ลบ เพิ่มเป็น 180 ลบ ในปี 2560 โดยปี 60 ตั้งเป้าสินเชื่อประมาณ 2400 ลบ ในขณะที่ลูกค้าใหม่เพิ่มจาก 200 เป็น 530 ราย ส่วนหนึ่งเกิดจากความร่วมมือของ Partnet ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
o A: ไม่มีแผนลงทุนใน ตปท
o ด้าน IR พยายามปรับปรุง Branding ให้คนรู้จักมากขึ้น

o Q: แผน ธุรกิจใหม่ อู่รถยนต์ & ธุรกิจอื่นๆ มีอย่างไร
o A: ปัจจุบัน มีสินเชื่อเช่าซื้อ ซึ่งมีแผนเพิ่มพอร์ตให้เป็น 1 หมื่นล้านบาทใน 2 ปี
o A: พัฒนา Auto Services โดยอีกประมาณ 3 เดือนข้างหน้า จะเปิดตัวอู่รถยนต์แห่งแรก (แถวเกษตร-นวมินทร์) เป็นการทดสอบ และจะทยอยเปิด 3-4 แห่ง เป้าภายใน 2-3 ปี จะมีอู่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเพิ่มรายได้ในส่วนนี้ให้มากขึ้น
o A: ทำ Branding ให้มากขึ้น โดยมีหน้าร้านของบริษัท / มีการพูดคุยกับทาง Community Mall ไว้แล้ว เพื่อขอเปิดอู่
o A: รายได้จากธุรกิจใหม่ คาดว่า เป็นสัดส่วนใหม่ในปลายปีหน้า และคาดว่าจะมีมาร์จิ้นค่อนข้างดี มองคร่าวๆ 20% จากธุรกิจใหม่

o Q1: สาเหตุการยกเลิก Nano Finance
o Q2: จากโครงการ EEC มีแผนการลงทุนหรือไม่
o A: ECL มีเครือข่ายอยู่แล้ว แถวๆ EEC ส่วน Nano Finance เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้ว มองว่า สู้ไม่ได้ จึงยกเลิก แล้วหันมาทำธุรกิจใหม่

o Q: Fixed Man มีการขายด้วยหรือไม่
o A: ไม่มีการขาย ซ่อมอย่างเดียว และซ่อมเครื่องยนต์เท่านั้น ไม่รวม Body
o A: ส่วนที่ Warranty ให้ (มีการคิดค่าธรรมเนียมในการทำ WarrantyX
o A: เชื่อว่า ถ้าพัฒนา Branding ให้มีชื่อ น่าได้ผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า


o Q: มีเป้าพอร์ตสินเชื่อเท่าไรในปี 60
o A: 4000 กว่าล้านบาทในปลายปี 60
o Q: มีจุดเด่นอะไรในการประชาสัมพันธ์ธุรกิจ
o A: พยายามปรับปรุงส่วนนี้ ภายใน 3-6 เดือน

(ต่อจากนี้ จะเป็นเนื้อหาส่วนที่ ผบห ตอบคำถามเท่านั้น เนื่องจากมีคำถามจำนวนมาก เริ่มจดไม่ทัน ผมจึงจดเฉพาะคำตอบที่ ผบห ตอบเท่านั้น)
- สินเชื่อ มี yield เฉลี่ย เกือบ 10% (เฉพาะดอกเบี้ย) / กู้มา 4% ปล่อย 11%
- ค่าใช้จ่าย เงินเดือน ค่าเช่า คิดเป็นประมาณ 3% ของ (ไม่แน่ในว่าของ รายได้ หรือ ต้นทุน)
- มีการขยายทีมงานขาย และปรับ/ขยายโซนให้ครอบคลุมมากขึ้น
- จากเป้า 4000 ลบ อาจต้องมีการใช้บริการส่วนฟรีแลนซ์เข้ามาช่วย แต่ไม่มีการเพิ่มพนักงานขาย
- ในส่วนของ PFS ที่เข้ามาลงทุนกับ ECL ได้ 1 ปีนั้น ได้มีการถ่ายทอด Knowhow ตั้งแต่เดือน 5 ปีที่แล้ว และอนาคต ยังมีโอกาสขยาย Knowhow และรายได้อีกค่อนข้างมาก
- ส่วนของปัญหาและอุปสรรค ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง และจะก้าวหน้าไปกับ ECL
- สินเชื่อที่เพิ่มขึ้น มีผลทำให้ NPL น้อยลงในช่วงแรก เพราะยังไม่มี NPL อย่างไรก็ตาม กิจการมีการคำนึงถึงคุณภาพลูกหนี้อยู่แล้ว
- เป้าหมายพอร์ต 10000 ล้านบาท ที่วางไว้ ทาง ECL จะค่อยๆ โตไป เช่น จาก 7 พัน ไป 1 หมื่น โดยระหว่างทางนั้น คงต้องหาเครื่องมือในการหาแหล่งเงินทุนซึ่งอาจมาจากทางไหนก็เป็นได้ เช่น การแปลง W, การกู้เงิน, การออก Bond เป็นต้น เป็นไปได้ทั้งเพิ่มทุน/ออก W
- บริษัท มีแผนทำ Digital Media ในการช่วยประชาสัมพันธ์กิจการ
- Fixed Man เปิดราว 2-3 สาขา ในส่วนของราคา ยังไม่ได้กำหนด แต่มองมาร์จิ้นไว้ 30% หากมั่นใจในสาขาที่เปิดขึ้นมาแล้ว ก็จะขยายสาขาเพิ่มขึ้น
- ด้านตลาด Warranty Services ในไทย ยังไม่มีรูปแบบนี้มาก่อน คิดว่า น่ามีลูกค้าที่ซื้อรถมือสองและซ่อมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย น่าพอใจในบริการนี้ และน่าเป็นโอกาสค่อนข้างดีในการขยายตลาดนี้ในประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยมีรถญี่ปุ่นมาก เลยคิดว่า Knowhow ที่มี น่าพอสนับสนุนบริการได้ และการที่กิจการมี Fixed Man ก็มีผลต่อ Warranty Service เพราะลูกค้ารถเสี่ย ก็ต้องหาอู่รถที่ได้มาตราฐาน
- ปัจจุบัน ส่วนของ Warranty Service ก็ไม่มีแผนขยายธุรกิจไป ต่างประเทศ
- พอร์ตสินเชื่อปัจจุบัน 2000 ลบ ซึ่งยังมีขนาดเล็ก ไม่สามารถทำอะไรหลายๆ อย่างได้ จึงอยากที่จะขยายพอร์ตให้ได้ก่อน เช่น ขยายเป็น 5 พัน และไป 1 หมื่นล้านบาทให้ได้
- ก่อนเกิดดีล PFS มาร่วมทุนกับ ECL นั้น ได้มีการพูดคุยกันไว้ก่อนแล้ว 5 ปี ในการหาคู่ ต้องหาคนที่น่าเชื่อถือ เป็นสำคัญ โดย PFS มองว่า ทาง ECL มีความน่าเชื่อถือ ซื่อสัตย์ และยังมีโอกาสที่จะขยายธุรกิจให้มีรายได้อีกมากขึ้น / ทาง PFS ได้ทำ research มาแล้วว่า สินเชื่อไทย กับ ญี่ปุ่นค่อนข้างเหมือนกัน และมาร์เก็ตแชร์ของ ECL แค่ 1% ก็แสดงว่า มีโอการขยายตัวได้อีกมาก จึงเป็นเหตุผลที่ทาง PFS มาร่วมทุนกับ ECL
- ECL มีปัญหา NPL ของ Big Bike น้อยมาก และพอมีลูกค้ามากขึ้น ก็มีคนแนะนำให้ปล่อยกู้ Big Bike ที่มีขนาดเล็กลง ส่วนของ NPL ก็ยังไม่น่ากังวล ถึงแม้จะมีการปล่อยกู้ Big Bike ที่มีขนาดเล็กลงก็ตาม แต่ที่เป็นห่วง น่าเป็นเรื่องการเติบโตของ Big Bike มากกว่า (ไม่ได้หมายความว่า Big Bike ตอนนี้ ไม่โตนะ)
- มีการเจรจากับสถาบันการเงิน เพื่อเสริมแหล่งเงินทุน เพื่อให้มีเงินทุนในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยส่วนของแบงค์ ยังมองเพดาน D/E ไว้ที่ 3 เท่า
- ปกติ การหยุดรับรู้รายได้ของกิจการอื่น จะหยุดรับรู้รายได้ 3 เดือน แต่ของทาง ECL หยุดรับรู้รายได้ที่ 4 เดือน ทั้งนี้ เป็นเพราะทาง ECL มีการบันทึกสถิติไว้ว่า 4 เดือน จะมีปัญหาในการรับรุ้รายได้ จึงใช้ 4 เดือนมาเป็นเกณฑ์แทน 3 เดือน

วาระที่ 3 พิจารณาอนุมัติงบการเงิน
วาระที่ 4 อนุมัติเงินปันผล
วาระที่ 5 เลือกตั้งกรรมการบริษัท
วาระที่ 6 ผู้ตรวจสอบบัญชี
วาระที่ 7 ค่าตอบแทนกรรมการ
วาระที่ 8 อื่นๆ (ไม่มี)
*(คำถามถูกซักถามกันไปจนหมดในวาระที่ 2 แล้ว)

จบการประชุม
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
dojii
Verified User
โพสต์: 339
ผู้ติดตาม: 0

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 50

โพสต์

สรุปการประชุม AGM หุ้น MALEE ประจำปี 2017
http://www.dojii.net/2017/04/malee-agm-y2017.html#more

ปี 2559 รายได้เติบโต 21% YoY เป็นรายได้สูงสุดนับแต่ตั้งบริษัทมา การเพิ่มรายได้มาจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ สัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 61% ต่างประเทศ 39% Market Share ใน Segment Premium UHT 21% กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 60% YoY Net Margin 8.1% ปีต่อๆ ไปคิดว่าจะสามารถทำ New High ได้เรื่อยๆ

การลงทุนปีที่แล้วใช้งบประมาณ 600 กว่าล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ใช้ปรับปรุงโรงงานเพื่อให้ Logistic Flow ภายในดีขึ้น อีกส่วนใช้ในการ Modified Packaging Line เชื่อว่าในอนาคต Trend ขวดใส ขวด PET จะมา การลงทุนเป็นการลงทุนต่อเนื่องปีนี้ยังคงต้องลงเพิ่มอีก

Line ขวด PET จะเริ่มใช้ได้ในไตรมาส 4 ถ้าเสร็จสิ้นกำลังการผลิตสามารถรองรับได้ 3,000 - 4,000 ล้านบาท

ธุรกิจส่งออก น้ำมะพร้าวเป็นสัดส่วนใหญ่ 70% คิดเป็นประมาณ 20% ของรายได้รวม ลูกค้ามีหลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงน้ำมะพร้าวอย่างเดียวจึงกำลังดำเนินการกระจายสินค้าใหม่ร่วมด้วย ตลาดน้ำมะพร้าวมีไม่ต่ำกว่า 30,000 - 40,000 ล้านบาท

ปี 2559 ธุรกิจในฟิลิปปินส์ขาดทุน 40 ล้านบาท JV ในฟิลิปปินส์สามารถผลิตเครื่องดื่มทุกชนิดที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ปีนี้เตรียมออกสินค้าใหม่อีก 2 - 3 ชนิด ยอดขายปีที่แล้วต่ำกว่าคาดเนื่องจากมีคู่แข่งใหม่เข้ามา เดือนที่ผ่านมาออกสินค้าตัวที่สอง Feed Back ค่อนข้างดี อีก 3 ปีข้างหน้าคาดว่าจะไม่ขาดทุน

ปีนี้ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากฟิลิปปินส์ 5% จะขาดทุนให้น้อยลง

ธุรกิจในไทยอยู่ระหว่าง Renovate Portfolio เพื่อให้สามารถกลับมาเติบโตได้เมื่อตลาดฟื้นตัว ในขณะที่ธุรกิจในต่างประเทศยังคงเติบโตได้ เชื่อว่าในภาพรวมสามารถเติบโตได้ 2 หลัก

ธุรกิจในจีนทำการเพิ่ม Distributor เป็น 4 ราย เพื่อลดความเสี่ยง ปีที่แล้วโตได้ 30% ปีนี้คิดว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตไว้ได้

Capacity เครื่องจักรปัจจุบันใช้อยู่ 50% แต่ในธุรกิจนี้เมื่อ Capacity ใช้ถึง 70% ต้องลงทุนเพิ่มจึงลงทุนไว้ก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมลดความเสี่ยง

เตรียมออกเครื่องดื่มขวด PET แต่ยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้

Main Growth Driver จะมาจากธุรกิจในต่างประเทศเน้นที่เป็นแบรนด์ตัวเองก่อน เป้าหมายสัดส่วนรายได้ในขั้นแรกมาจากในประเทศ 50% ต่างประเทศ 50% (จาก 61 : 39) โอกาสในต่างประเทศมีมากกว่าในประเทศ

ปีนี้งบลงทุนใกล้เคียงกับปีก่อนประมาณ 600 ล้านบาท Margin น่าจะใกล้เคียง 10%
ภาพประจำตัวสมาชิก
นายมานะ
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 1167
ผู้ติดตาม: 193

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 51

โพสต์

ตามอ่านตลอด แต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสจดสรุปเท่าไหร่ครับ มีไปจด CBG มา ขออนุญาตเอามาแจมนะครับ ขอบคุณพี่ amornkowa และเพื่อนๆ พี่ๆ ท่านอื่นๆ ด้วยครับ

CBG agm 25/4/60
ผมจดแบบเร็วๆ ในห้อง ถ้ามีตกหล่นผิดพลาดไป ต้องขออภัยล่วงหน้าครับ

1. ปีหน้ามั่นใจว่ารายได้ต่างประเทศจะเกินครึ่ง
2. ราคาสินค้าในไทยไม่ขึ้นเลยมา 16 ปีแล้ว แต่ราคาต่อขวดที่เราขายได้กลับถูกลง
3. ที่เราทำ cash van เพราะยี่ปั้ว ซาปั้ว ไม่รับสินค้าใหม่ๆ ไปขาย รับเฉพาะของที่ขายได้ชัวร์ๆ เราอยากออกสินค้าใหม่ก็ทำ Cash van เลย
4. Cash van ตอนนี้ขายได้เฉลี่ย 20,000 จากปลายปีที่ 13,000 สิ้นปีตั้งเป้า 30,000
5. กาแฟตอนนี้กำไรน้อย แต่ทุกกระป๋องที่ขายมีกำไร ขายดีมาก ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย เดือนนึงขาย สิบกว่าล้านกระป๋อง
6. Red bull ในจีนใช้วิธีสั่งห้ามขายแบรนด์คนอื่น เหมือนมีมาเฟียคุม
7. เริ่มคุยกับพาทเนอร์จีนตั้งแต่เดือน 7-8 ปีก่อน
8. Red Bull ไม่ยอมให้ Partner ที่จีนต่อสัญญา มีการฟ้องร้องกัน
9. เราโชคดีไปได้ management เก่าของ Red Bull มา เค้ามาชิมของเราแล้วชอบ (เพ่งชิ้ว?)
10. Management ที่ว่าเป็นระดับ CEO/CMO ของ Red Bull มาพร้อมกับทีมงานเดิม
11. ก่อนหน้านี้ในจีน มี Distributor มาติดต่ออยากทำกับเรามากหลายครั้ง แต่เรายังมองว่ายังไม่ใช่จังหวะที่ดี >> คิดว่าหมายถึงตอนนี้เป็นจังหวะที่ดี ถึงกล้าลุยขนาดนี้
12. คุยกับ Management เราไม่ควรทำแค่เมืองกวางเจา หรือเชิงตู แค่นี้ แต่ควรจะทำทีทั้งประเทศ
13. ตอนนี้สินค้าของ Red Bull โรงงานถูกหมายศาลสั่งปิดในวันที่ 15 ม.ค.
14. แผนเดิม Management ทางนั้นส่งฟีสมา >> ปีนี้ 50 ล้านกระป๋อง น่าจะขาดทุนสัก 30 ล้าน
15. แต่ตอนนี้เสนอแผนมาใหม่ ปีนี้เราต้องการยอด 170 ล้านกระป๋อง ปี 18 300 ล้านกระป๋อง ปี 19 500-600 ล้านกระป๋อง ทุกกระป๋องที่ขายบาวกำไร 1.5 บาท
16. ทางพาร์ทเนอร์เห็นด้วยกับแผนใหม่นี้ เอาด้วยกับเรา
17. ตัวคุณเสถียรเชื่อมั่นว่าธุรกิจที่จีนจะดี สรุปคุณเสถียรจะต้องลงเงิน 7,000 ล้านไปกับ JV ในระยะเวลาประมาณ 3 ปีตามแผน

ตอบคำถาม
1. ตอนนี้เราไม่มีคชจ. Mkt ใดๆ แล้วในจีน
2. ที่บราซิล ไม่ได้ถือหุ้นเหมือนกัน แต่ฝั่งนู้นเป็น Distributor เราเพิ่งเริ่มได้ไม่ถึง 3 เดือนดี แต่มีการมูฟสินค้าไปหลายแสนกระป๋องแล้ว แต่เราไปเริ่มช่วงที่เค้าทำ Canival
3. เป้าประมาณ 19-20 ล้านกระป๋องในปีนี้
4. ในอังกฤษเดือน 4-5 เราไปคุยกับปั๊มน้ำมันเบอร์ 1 กับ 4 ของที่นู่น ซึ่งที่นู่นคนที่ขายเยอะคือพวกปั๊มน้ำมัน อีกเจ้าคือเชล ซึ่งคิดว่าไม่เกินสิ้นปีนี้จะขาย ส่วนพวกร้าน CVS เราก็จะเริ่มขายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (ลูกคุณเสถียร ลงรายละเอียดแต่ละร้านเยอะมาก) กำลังจะเข้า WH Smith travel ซึ่งสำคัญมาก เป็นเหมือนร้าน show case เหมือนเราเป็นเหล้าแล้วได้ขายที่ Duty free
5. มีแต่ Tesco ที่เรายังเข้าไม่ได้ เพราะติดปัญหาเรื่องภาษีน้ำตาล (เค้าจะรีวิวสินค้าที่มีประเด็นนี้ในเดือนตุลาคม)
6. มี Cash Van ขายที่อังกฤษด้วย
7. ตอนนี้เรามี Outlet อยู่ที่นู้นประมาณ 9,000 กว่าสาขา (จากทั้งหมด 40,000)
8. ในจีน Redbull กับ Partner หมดสัญญากันตั้งแต่ตุลาแล้ว แต่ในสัญญาบอกว่ายังคุยกันต่อได้อีก 3 เดือน เลยเพิ่งรู้ผลมกรา ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังมีสินค้าขายอยู่ เพราะเป็นสต็อคเก่า
9. ทุกวันนี้ถ้านับเป็นจำนวนลิตรเราขายไม่ต่ำกว่า monster แต่ mkt cap ต่างกันมาก
10. ในไทยคิดว่าอีก 3 ปีเราจะขึ้นเป็นที่ 1
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2620
ผู้ติดตาม: 262

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 52

โพสต์

AGM TPCH 26 Apr 17

ปีนี้คนมาประชุมน้อยกว่าปีที่แล้ว อาจจะประชุมชนกับ TKN
ทำให้หลายคนเลือกไป TKN แทน

คุณเชิดศักดิ์ กรรมการผู้จัดการมาอัปเดทข้อมูลของบริษัทในวาระที่2

ยอดขาย เพิ่มจาก 304 ลบ เป็น 672 ลบ
กำไร เพิ่มจาก 45 ลบ เป็น 201 ลบ

ภาพรวม

บริษัทมีบริษัทในเครือ สิบสี่ บริษัท

มี สี่บริษัท ที่สามารถจ่ายไฟได้แล้ว

หนึ่ง บริษัท ช้างแรก ไบโอ เพาเวอร์ จำกัด ( CRB )
สอง บริษัท แม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ จำกัด ( MWE )
สาม บริษัท มหาชัยกรีนเพาเวอร์ จำกัด ( MGP ) CODไม่เต็มปี
สี่ บริษัท ทุ่งสัง กรีน จำกัด ( TSG ) COD ไตรมาสสี่

ปีนี้ มีสองแห่งกำลังก่อสร้าง

ได้แก่ บริษัท พัทลุง กรีนเพาเวอร์ จำกัด ( PGP )
กำหนดการขายไฟภายในไตรมาสสอง 2017
ส่วนอีกแห่ง บริษัท สตูล กรีนเพาเวอร์ จำกัด
จะขายไฟในไตรมาสสาม รวม หกสิบ เมกกะวัตต์
บริษัท ปัตตานี กรีน จำกัด ได้รับ EIA
อยู่ระหว่างพัฒนาใบอนุญาต ประมาณ 23 MW
รวมทั้งหมด 46 MW

ส่วนที่ประมูลใหม่ได้ในปี 2559

โครงการTPCH 1,2,5 ชนะการประมูลของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

บริษัทที่ TPCH เข้าไปลงทุน

1บริษัท สยามเพาเวอร์ จำกัด ทำด้านขยะ
กำลังการผลิตที่เสนอขาย 8 MW
แบ่งออกเป็นสองส่วน
หนึ่ง เอาขยะไปย่อยเป็นอาร์ดีเอฟ (RDF)
สอง เอาอาร์ดีเอฟไปปั่นไฟขายให้การไฟฟ้า

โรงไฟฟ้าอยู่ในระหว่างรอใบอนุญาติ
โรงย่อย โรงผลิตอาร์ดีเอฟ ติดตั้งเครื่องจักรเสร็จ เดือนพค และ มีแผนขายRDF
ในระหว่างที่ โรงไฟฟ้ายังไม่เสร็จ

2.โรงที่สิบสอง บริษัท พีเอเวสต์แอนด์เอเนอร์จี
ทำธุรกิจผลิตอาร์ดีเอฟเป็นเชื้อเพลิงขายออกไป

ส่วน TPCH โรงที่สาม และ สี่ เปิดเพื่อประมูลในอนาคต

คำถามของผมเอง ถามคุณเชิดศักดิ์ว่าอยากรู้ว่า ค่าไฟที่ได้ในแต่ละโครงการ
เป็นเท่าไร
ตอบ 1. CRB , MWE , MGP , TSG เป็นแบบ FIT
ค่าไฟที่ได้ 4.54 บาทต่อหน่วย
2. PTG ค่าไฟเป็นแบบ Adder ตัวฐานไฟ บวกเพิ่มอีก 1.3 บาท ต่อหน่วย
3. TPCH1 , 2 (FIT)เสนอขายไฟในอัตรา 3.11 บาท ต่อหน่วย
4. TPCH5 (FIT) เสนอขายไฟในอัตรา 3.42 บาท ต่อหน่วย
5. สยามเพาเวอร์ (FIT) เสนอขายไฟในอัตรา 5.75 บาทต่อหน่วย

วาระที่สี่ จ่ายปันผลหุ้นละ สามสตางค์
โดยจัดสรรกำไรสำรองแล้ว

ถามแผนโรงไฟฟ้าเป็นอย่างไร มีการปรับเปลี่ยนหรือไม่
จาก ออปเดย์
ไบโอเเมส สองร้อย เมกกะวัตต์
ตอนนี้เรามีใบอนุญาติทั้งหมด หนี่งร้อยสิบ เมกกะวัตต์ ไม่นับปัตตานี เฟสสอง
ปีนี้ที่วางแผน ปัตตานีเฟสสอง ยังยื่นอยู่ รวมถึง เอสทีพีไฮบริดด้วย
ที่คาดไว้ เก้าสิบเมก จะได้หมดไหม ต้องรอประกาศ
เอสทีพีไฮบริด สามร้อยเมกกะวัตต์ ก่อน
ส่วน โครงการ วีเอสทีพี สองร้อยเมก ภายในปี แต่อาจเลื่อน
ภาพรวมชีวมวล เกือบหกร้อย เมกกะวัตต์ เราตั้งเป้าไบโอแมส เก้าสิบเม็ก
ส่วนโรงไฟฟ้าขยะ ภาครัฐให้ความสำคัญมาก
รายชื่อ และ จังหวัด ออกมาแล้ว
มีจังหวัด นนทบุรี เราลงทุนในนี้ด้วย ทางมหาดไทย กำลังทบทวน พรบ 2 ฉบับอยู่
ถ้าเรียบร้อย เรายื่นได้เลย
เป้าหมายสยามเพาเวอร์ ห้าสิบ เมกกะวัตต์ ในสองปี
รวมสองร้อยห้าสิบ เมกกะวัตต์
โรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ลาว เราเซ็นต์ IOU กำลังศึกษา ห้าสิบสองเมกกะวัตต์
เราว่าจ้างที่ปรึกษา ทำ pre feasibility เรื่องเงินลงทุน การอพยพคน
เพื่อคำนวณค่าใช้จ่าย ดูIRR น่าจะเดือน มิย ถึงรู้ว่าโครงการที่ลาวคุ้มไหม

โรงไฟฟ้าชีวมวล 200 MW และโรงไฟฟ้าขยะ 50 MW
เครื่องทำอาร์ดีเอฟ (RDF) จะมาในเดือน พค 17
หลังจากได้อาร์ดีเอฟ ส่งให้รัฐตรวจสอบก่อนส่งขาย เช่น TPI
ก่อนโรงไฟฟ้าเสร็จ ก็ขายอาร์ดีเอฟไปจนกว่าโรงไฟฟ้าสร้างเสร็จ

ถาม ขอรายละเอียดของโรงไฟฟ้าที่ทำขยะ
ตอบ เจ้าของขยะ คือ เทศบาลจังหวัดนนทบุรี สามล้านตัน
เราไม่ได้ค่าจัดการขยะ แต่ได้ขยะมาฟรี โรงไฟฟ้าอยู่ใกล้โรงขยะ
ราคาขยะที่ขายได้ ขึ้นกับค่าความร้อนที่ได้
บริษัท สยามเพาเวอร์ ได้ตัวสัญญาจาก อบจ ขยะ จำนวน สามล้านตัน
และซื้อที่ดินเพิ่มที่มีขยะ แปดแสนตัน รวมขยะ สามล้านแปดแสนตัน
เราใช้เชื้อเพลิง ห้าหมื่นห้าพันตันต่อปี ขยะจะใช้ได้ถึง ยี่สิบถึงสามสิบปี
เราได้สัญญา ยี่สิบปี ได้ค่าขุดขยะสามสิบห้าบาทต่อตัน แต่ต้องมีการจ่ายค่า
ร่อนขยะต่างหาก โดยจ้างคนอื่นมาทำให้
ค่าขยะอาร์ดีเอฟขึ้นกับค่าความร้อน เราขายอาร์ดีเอฟ
เพื่อคุ้มกับค่าใช้จ่ายก่อนโรงไฟฟ้าเสร็จ
ค่าไฟ 5.75 บาทต่อหน่วย สูงกว่าประเภทอื่นเพราะเงินลงทุนสูงกว่า

เมื่อก่อน โซลาร์ ค่าไฟแบบ adder 11บาทต่อหน่วย
ตอนนี้ค่าไฟลงมา 5.2 บาทต่อหน่วย เพราะเงินลงทุนต่อเมกกะวัตต์ลดลง

ถาม คำถามที่หนึ่ง DE 0.8 เท่า มีโครงการมาก ต้องเพิ่มทุนหรือเปล่า
คำถามสอง การขายอาร์ดีเอฟ เครื่องที่สั่งมาสามารถป้อนได้เพียงพอหรือไม่
ตอบ เราจริงๆต้องการใช้เอง แต่ในระหว่างโรงไฟฟ้ายังไม่เดินเครื่อง
เรามีค่าใช้จ่ายเรื่องเครื่องและอุปกรณ์ เราขายRDFให้คุ้มกับค่าใช้จ่าย
หลังผลิตไฟฟ้า เราก็ไม่ขายRDF แต่ใช้ผลิตไฟฟ้าดีกว่า
ส่วนการเพิ่มทุน ตอนนี้ยังไม่ตัดสินว่าทางไหนดีกว่าระหว่างเพิ่มทุน
กับ ออกหุ้นกู้ ตอนนี้ยังไม่ได้พิจารณา
คำถาม จากการประเมิน เรื่อง cash generate
จากไตรมาสสี่ รายได้เราจะนิวไฮ ต่ออีกไหม
เรื่องไฮโดรเพาเวอร์ เราไม่ชำนาญ หาจากที่ไหน
ไบโอแมสเราดึงซับพลายเออร์มา เขามีความชำนาญใช่ไหม

คำตอบ เจ้าของ เอ็มเทค มีหลายกิจการ โรงไฟฟ้าก็อยู่ในความสนใจด้วย
เขาติดต่อกับ อบจ นนทบุรีด้วย มีพาร์ตเนอร์มาก่อนแล้วแต่ไปด้วยกันไม่ได้
เราทราบ เลยเสนอตัวเป็นหุ้นส่วน สุดท้ายก็ถือฝ่ายละครึ่ง

ส่วนคำถามแรก การใช้เงิน เราระดมทุนปี58 ได้เงิน 1,100 ล้านบาท
เราเข้าตลาด เงินนี้สามารถดำเนินการ ได้ 130 MW
แต่เนื่องจากโรงไฟฟ้า ช้างแรก และ แม่วงศ์ ได้ค่าไฟมา หนึ่งร้อยล้านบาท
ดังนั้น รองรับได้ถึง 150 MW
แต่เราสามารถก่อหนี้สำหรับก่อสร้างโรงใหม่ได้
กำลังการผลิตทุ่งสังไม่เต็มไตรมาส ในปี59
แต่ละไตรมาสปีนี้ จะมีนิวไฮเพิ่มขึ้นเรื่อย
ปีนี้ยังมี TPCH หนึ่ง สอง และ ห้าเข้ามา
กำลังการผลิตเป็นตามที่แจ้ง

ส่วนไฮโดรเพาเวอร์ รอศึกษาว่าผ่านหรือไม่
ถ้าผ่านก็มีคนมาร่วมสนใจร่วมทุน
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1442
ผู้ติดตาม: 14

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 53

โพสต์

LST AGM 2560 @ ออฟฟิต LST วันที่ 26 เมษายน 2560 (Part 1)

วาระที่ 1 รับรองรายงานการประชุมปี 2559

วาระที่ 2 รับทราบรายงานประจำปี 2559

วาระที่ 3 อนุมัติงบการเงิน ปี 2559
- ผบห อธิบายฐานะการเงินและรายได้/กำไร ตามภาพข้างล่าง
- ผบห ชี้แจงงบการเงินเฉพาะกิจการว่า กำไรของ LST ปี 59 มีปัญหาใน 3 Q แรกของปี 59 ขาดทุนรวม 3 Q ราว 12 ล้านบาท และมาได้กำไรใน Q4 ปี 59 ประมาณ 56 ล้านบาท สาเหตุที่กำไรใน Q4 ปี 59 เป็นเพราะนโยบายรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลคุมราคาน้ำมันขวด ไม่ให้ปรับราคา (น้ำมันตั้งแต่ 5 ลิตร ลงมา ไม่สามารถปรับราคาได้) ในขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบขึ้น (เหตุจากเรื่องภัยแล้ง) มีผลให้ 3Q แรก มีปัญหา จากนั้น ราวเดือน กค. ปี 59 รัฐบาลมาปลดล็อคด้วยการลด Bio Diesel จาก B7 มาเป็น B5 เพื่อลดการใช้น้ำมันปาล์มดิบลง (โดย 1B ประมาณ 1.2 หมื่นต้น) ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบนิ่ง ไม่ได้ขึ้นต่อ ก็ไม่ได้ส่งผลใดต่อกำไรน้ำมันขวดได้ อีก 1 เดือนต่อมา ลดจาก B5 มาเหลือ B3 ทำให้ช่วงนั้น LST ทำกำไรได้ เพราะการบริโภค BioDiesel โตราว 110% ในขณะที่การบริโภคน้ำมันปาล์มดิบโตราว 20% คาดว่า รัฐบาลใช้สัดส่วนของ Dio Diesel มาใช้ในการปรับราคาน้ำมันปาล์มดิบได้
- ในปี 2560 ใน Q1 สถานการณ์กลับมาปกติแล้ว อย่างไรก็ตามต้องติดตามนโยบายรัฐฯ ต่อไป ทั้งนี้ รัฐฯ มีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรและผู้บริโภคไม่กระทบ คือ เกษตรกรมีรายได้ดีๆ จากผลการเกษตร และผู้บริโภคซื้อน้ำมันขวดในราคาไม่แพง

วาระที่ 4 อนุมัติจ่ายเงินปันผลและจัดสรรกำไรตามกฏหมาย

วาระที่ 5 เลือกกรรมการแทนกรรมการที่ครบวาระ

วาระที่ 6 อนุมัติจ่ายค่าตอบแทนให้แก่กรรมการบริษัท

วาระที่ 7 แต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชีและกำหนดเงินค่าสอบบัญชีประจำปี 2560
แนบไฟล์
2560 LST Notes 0.jpg

####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1442
ผู้ติดตาม: 14

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 54

โพสต์

LST AGM 2560 @ ออฟฟิต LST วันที่ 26 เมษายน 2560 (Part 2)

ช่วง ถาม/ตอบ
- โครงสร้างรายได้ที่เห็นของกลุ่มเครื่องดื่มที่เห็นในรายงานประจำปี เป็นส่วนที่ LST เป็นตัวแทนจำหน่าย ในขณะที่ส่วนของ UFC ที่ส่งออก เป็นส่วนที่ทาง UFC ทำการส่งออกเอง
- สัดส่วนยอดขายน้ำมะพร้าวในปี 59 และเป้าการเติบโตปี 60 ทาง UFC ขอสงวนสิทธิในการให้ข้อมูลเชิงลึก เป็นเรื่องปกติของการค้าที่ต้องระวังการให้ข้อมูล public ออกไป อย่างไรก็ตาม ทาง UFC คาดหวังว่า คงจะมีการเติบโตและมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แต่รับปากว่า จะดูแลรักษาผลประการให้ให้สม่ำเสมอ ถึงแม้ว่าจะไม่อาจเปิดเผยตัวเลขได้ เนื่องจากเรามีคู่แข่งทั้งในและต่างประเทศ
- การตั้งสำรองด้อยค่าจากเงินทุนในปี 59 เป็นการตั้งสำรองครั้งเดียว ไม่มีในปี 60 แล้ว ซึ่งรายการนี้ เป็นการแก้ไขปัญหาบริษัทลูกของ UFC อีกทอดหนึ่ง เป็นการแก้ปัญหาที่จบแล้ว
- ทาง UFC มีการล้างขาดทุนสะสมไปเรียบร้อยแล้ว โดยปี 59 ได้งดจ่ายปันผล คาดว่า ปี 60 จะพยายามจ่ายปันผล
- กำลังผลิตรวมของน้ำผลไม้ทั้งหมด (ไม่สามารถแยกสัดส่วนน้ำมะพร้าวให้ได้ ขอสงวนสิทธิในการเปิดเผยข้อมูล) มีกำลังผลิตรวม 4 ล้าน Carton ต่อปี (1 Carton เท่ากับ 12-24 กล่อง ขึ้นกับผลิตภัณฑ์)
- เครื่องจักรที่ใช้ ค่อนข้างเก่า ก็มีการลงทุนปรับปรุงไปเรื่อยๆ หลายๆ ส่วนทั้งเครื่องจักร R&D และพนักงานด้วย
- การจัดอันดับมาร์เก็ตแชร์ของน้ำมะพร้าวในตลาด เท่าที่ทางบริษัทฯ ทราบ ไม่ปรากฏว่า มีการจัดอันดับประการใด
- ขนาดของผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวของเรา ไม่เหมาะกับร้าน 7-11 เพราะขนาดของเราใหญ่เกินไป โดยของทาง UFC ขนาดเล็กสุด คือ 500ML แต่สินค้าตัวอื่นมี
- เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำมันปาล์มปี 60 ใน 3 เดือนที่ผ่านมา ยังไม่นโยบายรัฐฯมากระทบ จากนโยบายรัฐฯที่ต้องการให้ราคาของผลผลิตปาล์มดี ก็มีผลให้น้ำมันปาล์มดิบมีราคาสูงขึ้น ปี 60 เป็นปีที่ท้าทายพอสมควร ที่ราคาน้ำมันถั่วเหลืองเริ่มมาเบียดกับเรา อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำมันถั่วเหลืองกับน้ำมันปาล์มในอุตสาหกรรมค่อนข้างแยกการใช้น้ำมันอยู่แล้ว ดังนั้นก็จะเป็นลูกค้าคนละกลุ่มกัน ยกเว้นน้ำมันขวด
- น้ำมัน หยก EXTRA เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำเพื่อเป็นน้ำมันคุณภาพขึ้น เนื่องจากน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์ม ต่างก็มีข้อจำกัดของตัวเอง ทั้งนี้ ผบห อ้างอิงข้อมูลจาก WHO ว่า น้ำมันที่มีประโยชน์ ต้องมีสัดส่วนของไขมันที่อิ่มตัวและไม่อิ่มตัวผสมกันในสัดส่วนที่พอเหมาะ ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทฯ จึงทำ หยก EXTRA ขึ้นมา เพื่อให้เป็นน้ำมันคุณภาพที่เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการ
- สถานการณ์ของการเปิด AEC ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เช่น ไม่สามารถนำเข้าน้ำมันปาล์มจากมาเลเซียได้ ต้องขึ้นกับภาครัฐฯเท่านั้นที่จะกำหนด
- (มีคนถามซ้ำเกี่ยวกับ Capacity ของ UFC) ทาง ผบห UFC ไม่สามารถบอกข้อมูลได้ ทั้งนี้ ทาง UFC ก็มีการผลิตเต็มที่อยู่แล้ว และพอมีสำรองเหลือที่จะผลิตเพิ่มได้ มองการเติบโตราว 5-10%
- Lotus มีการทำน้ำมันปาล์มขวด เป็น Brand ของเค้าเอง ซึ่งทาง LST เป็นผู้รับทำ OEM ให้ ถึงแม้ราคาสินค้าแบรนด์ของเค้าจะถูกกว่าเรา 1-2 บาท ก็ไม่ได้กระทบต่อทาง LST แต่อย่างใด นอกจากนี้หากทาง LST ไม่รับทำ OEM ให้ ก็มีผู้อื่นรับทำอยู่ดี
- ค่าไฟฟ้า และพลาสติก เพิ่มขึ้น ในขณะที่ทาง LST มีเครื่องจักรใหม่ที่มีประสิทธิภาพขึ้น ลดคนลงมา โดยรวม ก็ไม่กระทบต่อต้นทุน ทั้งนี้เพราะมีรายการที่เพิ่มและรายการที่ลดเฉลี่ยๆ กันไป
- ผลผลิตของปาล์มในปี 60 น่าจะใกล้เคียงกับปี 59 ทั้งนี้เพราะมีข้อมูลว่า ฝนของปีนี้ จะมีผลต่อผลผลิตในอีก 2 ปีข้างหน้า
- ไม่มีนโยบายในการ Spin Off บริษัทลูก
- นโยบายลอยตัวน้ำมันพืชขวดของรัฐบาล ยังไม่เห็นความชัดเจนแบบนามธรรมแต่อย่างใดที่จะทำให้ไปถึงตรงนั้น ขอเพียงให้รัฐบาลบริหารจัดการการบริโภคน้ำมันปาล์มดิบให้เหมาะสม ก็พอแล้ว คิดว่า รัฐบาลน่ามาถูกทางแล้ว
- หากราคาน้ำมันปาล์มดิบแพงมาก จะไม่นำไปบรรจุขวดจำหน่าย จะเอาไปบรรจุขายแบบอื่นๆ แทน เช่น ปีป เพราะไม่ได้ถูกควบคุมราคาขาย
- สัดส่วนการใช้น้ำมันปาล์มดิบของ LST อยู่ในอันดับ 3 ของอุตสาหกรรม
- การลงทุนในบรรจุภัณฑ์แบบ Bag in Box ไม่ใช่เป็นการลงทุนใหม่ เป็นการแค่ลงทุนในเครื่องจักรใหม่ โดยเป็นการเอามาทดแทน ปีป และช่วยเรื่องการลดต้นทุนได้อีกด้วย ทั้งนี้ พลาสติกในการทำ Bag in Box ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

จบการประชุม
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
arm34046
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 50
ผู้ติดตาม: 2

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 55

โพสต์

agm pylon
25/4/60
มีวาระขอลงทุนในหุ้น หุ้นกู้ และหลักทรัพย์อื่นๆ เพื่อบริหารสภาพคล่องส่วนเกิน ที่ปัจจุบันเป็นเงินฝากเท่านั้น แต่เรื่องนี้เราพิจารณาอย่างระมัดระวังมากๆ อย่างมากก็ money market

เอ็กซิลอน ที่ยังมีค่าสอบบัญชีอยู่เพราะเราใช้ tax shield ปี59 ใช้ไป27ล้าน ยังมีเหลืออยู่ 60-70ล้าน

เรามองว่าเรายังเป็นเด็ก (อายุ15ปี บ.อื่นอายุ30-40ปี) จึงยังมีช่องว่างทางการตลาดให้เราอีกเยอะ ถ้าพิจารณาถึง gpm npm เรามีอัตราการทำกำไรที่ดีกว่าคู่แข่งพอสมควร ฉะนั้นถ้าเราต้องการจะเติบโตเราก็มีมาร์จิ้นที่ดีกว่าคู่แข่งในการแข่งขันได้(เข้าใจว่าถ้าลดราคาแข่งก้อทำได้) แต่ถ้าเราโตเราจะคุมมาร์จิ้นไว้ได้ไหม

โลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีทำให้เครื่องจักรมีราคาถูกลง ประสิทธิภาพสูงขึ้น การตามกันเรื่องความรู้ตามกันได้เร็ว ทำให้คู่แข่งใหม่อาจเกิดขึ้น เราก็พยายามก้าวนำคู่แข่งด้วยการนำเอาระบบ it(erp ที่เรา develop เอง)

การบ้านใหญ่ของทีมบริหารคือการเพิ่มกำลังการผลิต

ภาพรวมอุต ปีนี้ภาพรวมไม่แย่กว่าปีที่แล้ว ดังจะเห็นได้จาก q4 ที่เริ่มมาชัดเจนขึ้น

โครงการ one bangkok ไม่มีใครสามารถรับงานคนเดียวได้ เพราะงานขนาดใหญ่มาก ยังไงก็คงได้รับแบ่งๆกันไปทุกคน

โดยปกติงานภาครัฐจะรับค่าแรงอย่างเดียว งานภาคเอกชนจะเป็นค่าแรง+ค่าของ

สัดส่วนงานภาครัฐ/เอกชน คาดว่าในอนาคตจะไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเมื่อไหร่ที่รัฐขยายเอกชนก็จะตาม

แรงงานยังไม่มีปัญหา ต่างด้าวมีสัดส่วนที่เยอะขึ้นแต่ไม่ใช่ปัญหา จะมีปัญหาแค่เวลาจบงานย้ายไปทำงานที่อื่นต้องแจ้งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
arm34046
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 50
ผู้ติดตาม: 2

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 56

โพสต์

agm xo
24/4/60

เครื่องจักรเดินสมูทหรือยัง ตอนนี้เดินอยู่ราวๆ50%ของแค๊ป โดยย้ายสินค้ามาจากโรงงานเก่าราวๆ80%แล้ว ตอนนี้สินค้าตัวหลักๆที่ผลิตโวลุ่มเยอะๆเราย้ายมาผลิตที่โรงงานใหม่แล้ว เนื่องจากเป็นระบบอัตโนมัติ

การทำลายสินค้าจะเกิดขึ้นอีกไหม ตอบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องปกติที่สินค้าที่เราผลิตจะมีคุณภาพเพี้ยน อย่างพริกบางช่วงก็น้ำเยอะ บางฤดูก็มีน้ำน้อยเผ็ดก็ต่างกัน ทำให้ต้องมาปรับปรุงสินค้า แต่ถ้าปรับปรุงไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีสินค้าเสียหาย

โรงงานเก่าและโรงงานใหม่ หม้อต่างกัน การกวนผสมต่างกัน ความยาวท่อต่างกัน ทำให้สูตรที่ผลิตจากโรงงานเดิมมาผลิตที่โรงงานใหม่จะได้สินค้าไม่เหมือนเดิม

โรงงานใหม่คาดว่าจะคืนทุนใน5ปี

tax shield ใช้หมดแล้วในปีที่แล้ว และ ภาษี boi เราหมดเพราะเรามีสินทรัพย์เกิน จึงทำให้มีภาษีเกิดขึ้นในปี59

plan ลดพนักงานตอนนี้โรงงานเก่าลดพนักงานไปเกิน70คนแล้ว ส่วนโรงงานใหม่ใช้พนักงานเกินกว่าที่คาดไว้ ตอนนี้ใช้อยู่70คน

การส่งออกในเอเชียจะเพิ่มขึ้นใน2-3ปีข้างหน้า

การทำอย.ในจีนคนที่คุยในปีที่แล้วไม่เวิค กำลังหาคนใหม่อยู่

กำแพงภาษีไม่ได่มีเฉพาะในไทยอย่างเดียว กำแพงภาษีเราไม่ค่อยกังวล หลักๆเรามองเรื่องคุณภาพสินค้าและการตลาดมากกว่า

เราจะไม่แข่งขันด้านราคา

เครื่องดื่มเราไม่ทำเพิ่มแล้วเพราะมาร์จิ้นต่ำกว่าซอส

อเมริกาหลักๆที่เราขายคือ เครื่องดื่ม ในปี59เค้าสั่งมาล๊อตใหญ่ ทำให้ยอดขาย 14% มาจากส่วนนี้ แต่ตอนนี้หายไปคิดว่าเค้าซื้อไปล๊อตใหญ่เพื่อขอส่วนลด คาดว่าเค้าระบายสินค้าอยู่

แผนการตลาด 2017 คาดโต5% เป็น minimum เป้าหมายการเติบโตแบบ max ยังบอกไม่ได่ขอดูครึ่งปีก่อน(รอดูยอดขายเครื่องดื่มจะกลับมาหรือไม่)

sg&a ในปี 59 ที่เพิ่มขึ้นเพราะ โรงงานใหม่เสร็จช้ากว่ากำหนด ทำให้พนักงานที่โรงงานใหม่จ้างมาเฉยๆ + ค่าเช่าโกดังที่ติดกับโรงงานเก่าเดือนละ 4 แสน แต่ปีนี้ไม่มีแล้ว

ตอนนี้มีทีมขายแล้ว sale มี 5 คนแล้ว จากตอนตั้งบ.ใหม่ๆผบหต้องวิ่งเป็นเซลล์เองแค่สองคน มีแผนจะไปออกบูทในตปทเหมือนเดิม

สมัยเราขายน้ำจิ้มไก่ใหม่ๆเราไปนำเสนอลูกค้าว่าอยากได้รสชาติอย่างไรเราก็สามารถทำให้ได้ ปรากฎว่าลูกค้าก็บอกว่าได้รสชาติไม่เหมือนกับสินค้าที่เค้าขายอยู่สักที เราก็เลยลองเอาสินค้าที่เค้าขายมากรอกใส่ขวดของเรา ปรากฏว่าเค้าก็ยังติว่าไม่เหมือนสินค้าที่เค้าขายอยู่เลย เราจึงฟันธงว่าการเลือกผลิตภัณฑ์จะเลือกที่แบรนด์มากกว่าที่รสชาติ ฉะนั้นสินค้าที่ผลิตจากโรงงานใหม่รสชาติต่างจากเก่า (ไม่เหมือน100%) ลูกค้าก็จะไม่ทราบ คิดว่าคงมีแค่1-2%เท่านั้นที่รู้ แต่คงไม่มีนัยยะมาก

ข้างขวดจะเปลี่ยนจาก ส่วนผสม sugar->syrup และเปลี่ยนที่ตั้งโรงงานแค่นั้นที่เปลี่ยนในสลาก

ดีล m&a ตั้งใจจะทำแต่ยังทำไม่เสร็จ เหมือนเจ้าของเดิมเค้ายัง happy อยู่ เค้าคงอยากให้ยอดขายดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อจะมาขายเราได้ราคาดีขึ้นอะไรอย่างเงี้ยมั้งคับ

q1 topline โต(นน.สินค้าโตมากกว่า5%) แต่ bottom line ยังเหวี่ยงอยู่

สินค้าทั้งหมด 700 sku บางตัวกำไรเยอะบางตัวกำไรน้อย เราก็จะพยายามขายตัวที่กำไรมาก

ตั้งเป้าเพิ่มสินค้า 5-10 sku ต่อปี

batch นึงปริมาณราวๆ3ตัน(กดสวิทครั้งนึงได้ราวๆ3ตัน)

ยอดขาย q1 มาจากโรงงานใหม่ราวๆ 40-50% ของกลุ่มซอส

อัตราแลกเปลี่ยน € เราใช้เรต 40 แต่ก็ปรับเรตอยู่เรื่อยๆ
$ เราใช้เรต 33 บาท 26%ของยอดขายยังเป็น$ คิดว่าความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับเราคงเหบือน้อยมากๆแล้ว

seasonal สินค้า q2 high แต่ปีนี้ไม่ใช่เพราะเครื่องดื่มหายไป

warrant ที่ออกมาความตั้งใจหลักๆคือออกมาเพื่อลด d:e ในอนาคตและถ้าอนาคตจะต้องขยายกำลังการผลิตก็จะมีเงินไว้สำหรับขยายได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1442
ผู้ติดตาม: 14

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 57

โพสต์

สรุป AU AGM 2560 @โรงแรม แกรนด์ โฟร์วิง ศรีนครินทร์ 27/04/2560

- โครงสร้างรายได้ 98% มาจากร้าน After You และอีก 2% จากอื่นๆ
- ร้าน After You มี 18 สาขา และร้าน เมโกริ มี 2 สาขา
- 4 ปีที่ผ่านมา กิจการมีการเติบโตถึง 47.59% กว่าเปอร์เซนต์ ในปี 2559 มีกิจการเติบโต 46.33% ส่วนยอดเฉลี่ยต่อสาขายังเจริญเติบโตอยู่ถึง 37.5%
- ปีนี้มีแผนขยายสาขา 7-8 สาขา โดยมีสาขาที่เปิดเผยได้ คือ 1. สาขา Impact (เปิดแล้ว) 2. รพ.กรุงเทพฯ (อยู่ระหว่างตกแต่ง) 3. เอสพลานาด รัชดาฯ (อยู่ระหว่างตกแต่ง) และ อีกแห่งหนึ่งเป็นการเพิ่มพื้นที่ขยายสาขา
- มีการลงทุนในโรงงานและสำนักงาน ราว 90-100 ล้านบาท
- มีแผนการลงทุนในเครื่องจักร ใน 3 ปี คือ ปี 60 ลงทุน 35-40 ล้านบาท , ปี 61ลงทุน 40 ล้านบาท , และปี 62 ลงทุน 150 ล้านบาท
- โรงงานปัจจุบัน มีเนื้อที่ 5000 ตรม. โดยมีอาคารแรก ใช้พื้นที่ชั้น 1 ไปแล้วทั้งหมด และมีการใช้พื้นที่ชั้น 2 ไปบางส่วน ยังไม่เต็ม โดยรวม สามารถรองรับได้ประมาณ 40 สาขา นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่เหลืออีกแปลงที่เป็นที่ดินที่ซื้อไว้อีกด้วย ในแง่การขยายสาขาไปยังต่างจังหวัด ก็ไม่เป็นปัญหาในการดำเนินงานของโรงงานแต่อย่างไร
- Break Even ต่อสาขา ใช้เวลาประมาณ 12-18 เดือน
- ในปีนี้ยังมีการเปิดไอเดียใหม่ในการศึกษาเกี่ยวกับแฟรนไชน์ออกไป รวมไปถึงการดำเนินการขายสินค้า เช่น คุกกี้ ไปขายแบบ Take Away รวมถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วย
- กิจการ มีแนวคิดที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์สินค้าใหม่ๆ ทำ R&D และขยายสาขาให้กว้างขึ้น โดยปีนี้ จะเริ่มขยายไปยังต่างจังหวัดก่อน
- ปีนี้มีแผนปรับราคาขายสินค้าเพิ่มอีก ราวๆ 5% โดยประมาณ
- ปีนี้มีการออก Product Line ใหม่ ที่ สยาม พารากอน ด้วยการทำร้านอีกร้านหนึ่งขึ้นมา คือ “AfterYou Durian” ซึ่งจะเปิดให้บริการในวันที่ 3 ที่จะถึงนี้
- ผลตอบรับ ชาไข่มุก ของ AfterYou ได้รับผลตอบรับจากแฟนคลับค่อนข้างดี ในด้านตัวเลข ถือว่า ใช้ได้ และได้มาร์จิ้นดี แต่ยอดไม่ถึงเป้า
- สำหรับร้าน “AfterYou Durian” จะมีเมนูแบบ นำเสนอข้าวเหนียวทุเรียนในรูปแบบคล้ายๆ กับมะม่วงน้ำแข็งใส รวมถึง Honey Toast ในแบบข้าวเหนียวทุเรียน
- มีผู้ถือหุ้นให้ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร้าน “AfterYou Durian” ว่า คนไทยชอบข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวทุเรียน จึงแนะนำเมนู “ข้าวเหนียวทุเรียน” และ “น้ำทุเรียนปั่น” ซึ่งผู้บริหารรับไว้พิจารณาในการปรับเมนู
- ในส่วนของ Supply ทุเรียน ทางบริษัทฯ มีการดีลไว้กับหลายๆ แห่ง หลายๆ จังหวัด และจะพยายามควบคุมมาตราฐานให้ได้ทุเรียนที่มีรสชาติใกล้เคียงกันหมด ถึงแม้ว่ามาจากหลายแห่ง
- สำหรับการขยายสาขา “AfterYou Durian” ไปยังสาขาหลายๆ แห่งนั้น ทาง ผบห ก็ตั้งใจอยากที่จะทำให้มากสาขา แต่ขอเริ่มต้นสาขาแรกก่อน
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2620
ผู้ติดตาม: 262

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 58

โพสต์

AGM KCE
สรุปจากการประชุมผู้ถือหุ้น จาก คุณ Leng-jck

-โรงงานเฟส 3 กำลังทยอยทำอยู่แต่ยังไม่เต็มที่ (จำไม่ได้ว่ากำลังการผลิตกี่ล้านตารางฟุตจดไม่ทัน)
-บริษัทมีการทำ Natural Hedging ถ้าเงินบาทแข็งค่า ถึงรายได้เป็นบาทจะน้อยลง แต่เราก็มีเงินกู้ซื้อเครื่องจักรเป็นดอลลาร์ทำให้มีหนี้เป็นเงินบาทน้อยลง KCE มีรายได้เป็นดอลลาร์ 80%
- ทองแดงมีการทำ Hedging กับ Future บ้าง ปี 2008 เคยทำ Hedging 70% แล้วขาดทุน 300 ล้าน ถ้าเราทำ Hedging เยอะเราอาจจะขาดทุน ราคาทองแดงมี Correlation กับเศรษฐกิจเช่นถ้าเศรษฐกิจดีจะเอาทองแดงไปใช้ในงานก่อสร้าง
- นโยบาย Trump จะมีผลกระทบอะไรไหม การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจะขึ้น Finsihed product สินค้าที่ KCE ขายเป็น Raw material ไม่งั้นสินค้าที่ KCE ขายลูกค้าจะซื้อเอาไปประกอบอีกทีนึง สินค้าที่ลูกค้าขายอีกต่อจะมีราคาที่แข่งขันไม่ได้ กรณีของ Delta สร้างโรงงานที่ USA เพราะ Delta เป็นโรงงานประกอบให้เป็น Finished product
KCE ไม่ได้มี advantage เรื่อง labour cost เรามี advantage เรื่อง process โรงงานญี่ปุ่นมาสร้างที่ไทยยังไม่ได้กำไรเลย เพราะเค้าอาจจะไม่มีเครื่องจักรหรือ Raw mat ทั้งๆที่ Product เหมือนกัน ถ้าเราตั้งโรงงานที่ USA เราก็ยังมี advantage นี้ แม้ว่าค่าแรงจะเพิ่ม เพราะเรา Transfer knowledge ทุกอย่างยังเหมือนเดิมยกเว้นค่าแรงที่เพิ่ม Labour cost KCE อยู่ที่ 7 % ของจีน ไต้หวันอยู่ที่ 8-9 %
- คู่แข่งหลักอยู่ที่จีนกับไต้หวัน
- การขายฝาก (ส่งทางเรือ) เมื่อก่อน KCE ส่งของแล้วบันทึกเป็นรายได้ ปี 2016 มีลูกค้ารายใหญ่ 2 เจ้า อยากจ่ายตังค์ตอนของถึงโรงงานแล้ว ไม่ใช่ของถึง Freight Forwarder เหมือนแต่ก่อน ถ้าเป็นลูกค้ายุโรปจะ delay รายได้ 3-4 อาทิตย์ แต่ก่อนก็เคยมีลูกค้าเจรจาแบบนี้แต่ไม่ใช้ลูกค้ารายใหญ่เลยไม่มีผลกระทบอะไรมาก ทั้งปี 2016 เลยยังไม่ Realise รายได้ 400 กว่าล้านบาท
- ทิศทางของบริษัท เรา concentrate ที่ Efficiency กับ Cost saving เราจะมี Technology มากขึ้น ทำ Research Material ทำ Layer count สูงขึ้น ใช้เครื่องเทคโนโลยีสูงๆ จะได้มี Margin มากขึ้น เช่น อุปกรณ์ในกล้อง, Radar , Self Driving car
- Business EV เป็นโอกาสของบริษัท โดยเป็นการเพิ่ม electronic ในรถ part ที่เยอะคือ on board charger แต่ EV car ต้องใช้เวลา ยังไม่ได้มาเร็วมาก รถ 90 ล้านคัน มี EV แค่ 6 ล้านคัน อุตสาหกรรมรถจะทำให้บริษัทโตได้อีก 10 ปี อุตสาหกรรมอื่นไปได้ยากแล้ว เช่น มือถือมีแต่ Samsung อุตสาหกรรมรถมันดีตรงที่มันทำยาก ถ้าอุปกรณ์พังคนจะตาย แต่ถ้ามือถือก็แค่โยนทิ้ง รถมันต้องตากแดด ตากฝน ตากหิมะ ลุยน้ำ ถ้าทำไม่ดีอาจจะโดน Recall คืน
- เราขายให้อุตสาหกรรมยานยนต์ ถึง 70 %
- รถยี่ห้อนึงเปลี่ยน model ต้องใช้เวลาราว 6 ปี ถึงเปลี่ยนได้ทั้งไลน์รถในเวลานี้ยังใช้ Electronic ไม่เต็มที่
- ตลาด Electronic โตจาก Wearable กับ Internet of thing ตัวนี้จะเสริม Growth นอกจาก automotive จากตัวหลัก
- KCE เป็น 1 ใน 3 ของโลกที่ผลิต Raw material ได้เอง เหมือนช่างไม้ผลิตไม้เองได้ ไม่ต้องซื้อไม้จากที่อื่น สินค้าของเราจึงทนกว่าชาวบ้าน
- การมีโรงงานผลิตวัตถุดิบเอง ช่วยแก้ในเรื่องที่สมัยก่อน KCE ต้องรอวัตถุดิบจากอเมริกา 1 เดือน ไต้หวัน 2-3 อาทิตย์ ถ้าลูกค้าจะเอาของใน 4-6 อาทิตย์เลยไม่ทัน เลยสร้าง TLM ไว้ใช้เอง ต้นทุนเราต่ำกว่าที่อื่นเพราะเราสร้างขนาดไหนก็ได้ ไม่ต้องตัดเศษเหลือ TLM ขายภายนอกลดลง แต่ขาย KCE เองมากขึ้น
- ภัยคุกคามในอนาคตคือเรื่องค่าเงิน ดอลลาร์ ยูโร ราคาทองแดง copper foil วิกฤติเศรษฐกิจ
- อุปกรณ์ Internet of thing ต้องการ Layer count สูงกว่า แต่ความคงทนต่ำกว่า
- Phase 3 คาดว่าจะเต็มตอน 2018-2019 จะสร้าง Cap อีก 2 ล้านตารางฟุต location ยังไม่แน่นอน ต้องรอดู BOI ว่าเค้า support อะไร
- Electric car จะมี Print board เพิ่มอีกหลาย 10 เท่า เป็นแนวโน้มที่ดีกับ KCE เมื่อมี Battery มีพลังแสงอาทิตย์จะมี PCB แน่นอน ตอนนี้ยังเพิ่งเริ่มเท่านั้นเอง
- KCE ทำ PCB ที่ยากที่สุดให้ Robert Bosch คือ ECU ตัวที่ง่ายๆไม่ได้ทำ ถ้าทำได้กำไรต่ำ เช่นที่เปิดกระจกไฟฟ้า
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2620
ผู้ติดตาม: 262

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 59

โพสต์

Epco Agm 2017 from คูณ PK-TYW

-ปี59 Netprofit119
-สื่อสิ่งพิมพ์กำไรเพิ่มมา 10กว่าล้าน growth19%
-ทำpackagingเพิ่ม fixcostมีหมดแล้วnpmจะดีขึ้น
-ค่าที่ปรึกษาดีลรฟฟ 29ล้าน
-ขาดทุนค่าเงิน28ล้าน
-จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มมา 50กว่าล้าน แต่รายได้จากรฟฟยังไม่มา
-ปี 60เดือน4รับโอนssutครบ40% รับโอนpptc24.5%
-pptc 120mw ssut240mw รฟฟco-generation
-เดือนหน้ารับpptcครบ49.5%
-q3ถึงจะรับรู้รายได้จากรฟฟเต็มๆ
-เป็นดีลใหญ่จึงใช้เวลาเยอะ มูลค่ารวม3159ล้าน
-รฟฟที่ญี่ปุ่น 35mw ปี59cod10mw FITหน่วยละ32yen ,june60 cod3.4mw FITหน่วยละ36yen, april 61 cod 21.7mw FITหน่วยละ36-40yen
-จะยื่นfilling ipoตอนปิดไตรมาส2
-Q1ไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษแล้ว
dsdumrong
Verified User
โพสต์: 530
ผู้ติดตาม: 1

Re: AGM 2560

โพสต์ที่ 60

โพสต์

มีท่านใดประชุมciบ้างครับ ขอบคุณครับ