MoneyTalk@MAI Forum 1 กค 2559

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2608
ผู้ติดตาม: 255

MoneyTalk@MAI Forum 1 กค 2559

โพสต์ที่ 1

โพสต์

MoneyTalk@MAI Forum 1 กค 2559

ช่วงที่1 หุ้นเด่น MAI และ กลยุทธ์กูรู

คุณ โสรัตน์ วณิชวรากิจ
นักธุรกิจหุ้นคุณค่า
คุณ เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เป็นนักวิเคราะห์พึ่งได้รับรางวัลจาก Moneychannel 2016
ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล เอเซียพลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน)
คุณ ชาญณรงค์ กิตินารถอินทราณี
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บลจ กรุงไทย
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน

ดำเนินรายการโดย ดร. ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ. เสน่ห์ ศรีสุวรรณ

สัมมนา Moneytalk ครั้งต่อไปวันที่ 9 กค 16
จองสัมมนาผ่านทาง Facebook วันเสาร์ที่ 2 กค 7.00 น

หัวข้อแรก CFA FRM มืออาชีพการเงิน โดย โครงการ FIRM , NIDA Business School
ดร. สมจินต์ ศรไพศาล
กรรมการผู้จัดการ บลจ ทหารไทย
คุณ วิน พรหมแพทย์
CIO บลจ CIMB Principal
ศ ดร. กำพล ปัญญาโกเมศ
รองอธิการบดี นิด้า
คุณ อติ อติกุล
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ Maybank Kimeng เป็นมืออนุพันธ์

หัวข้อที่ 2 วีไอมองหุ้นไทยครึ่งปีหลัง2559
คุณ อนุรักษ์ บุญแสวง
อดีตนายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า(ประเทศไทย)
คุณ ชาย มโนภาส
นายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า(ประเทศไทย)
วิบูลย์ พึงประเสริฐ
นักลงทุนเน้นคุณค่า
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน
ดำเนินรายการโดย ดร. ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ. เสน่ห์ ศรีสุวรรณ

สัมมนา Moneytalk ในเดือนสิงหาคม คือ วันเสาร์ที่ 27

บริษัทที่มา ได้แก่ CK , UAC เป็นต้น

หัวข้อที่สอง Thailand 4.0 กับ กลยุทธ์การลงทุน 1.1
คุณ ธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย
คุณ อรุณ จิระชวารา อดีต ผู้อำนวยการ ขสมก
คุณ วิวรรณ ธาราหิรัญโชค อดีต กรรมการผู้จัดการ บลจ กสิกรไทย
ขอบคุณ เจ้าภาพ และ สมาคมนักวิเคราะห์ MAI
เรามางาน MAI Forum 2016 ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ MAI

เริ่มสัมมนา

อ. เสน่ห์ บอกว่า หุ้น MAI เป็นหุ้นใหม่ MAI น่าเกี่ยวข้องกับสระภาษาอังกฤษ A E I O U

MAA หมายถึง มามา
MAE หมายถึง แม่
ถ้าลงทุนเลยไปถึง O หมายถึง MAO หุ้นเม่า
MOU หุ้นมั่ว กลายเป็น MAI C U
วันนี้มาเรียนรู้ MAI แต่อย่าไปเล่นหุ้นเม่า หรือ หุ้นมั่ว
ต่างจาก SET แปลว่าตก เราเชียร์ MAI อย่างเดียว
จริงๆ SET เป็นหุ้นใหญ่ หุ้นตลาดแรก ใหญ่ในขนาดที่เข้ามาตลาด
MAI เป็นตลาดทางเลือกการลงทุน นักลงทุนชอบลงทุน

อ. เสน่ห์ เสนอคำขวัญใหม่ ไทยซื้อ ไทยขาย MAI คือ โอกาส
ไม่มีใครมายุ่งกับเรา

อ. นิเวศน์ มองหุ้น MAI ว่า หุ้นเป็นตัวเล็ก ฝรั่งไม่ชอบหุ้นตัวเล็กเกินไป

อ. เสน่ห์ ถามว่า จริงไหม
คุณเทิดศักดิ์ แจ้งว่า market cap MAI 3.25 แสนล้านบาท ประมาณ 2.4% ของ SET
กำไรแค่ 1% ของ SET คิดเป็น 1,600 ล้านบาทเอง กำไรครึ่งนึงเป็นกำไรของบริษัทนึง ปีที่แล้ว Market
cap 2.7% เทียบกับปีนี้ 2.4% จำนวนนักลงทุนมากกว่านักลงทุนในตลาด SET ซึ่งเป็นต่างชาติ และ สถาบัน
หุ้นเล็กตอนหลังมาแรง เพราะฝรั่งไม่ค่อยสนใจSET ทำให้มีแรงจูงใจไปซื้อหุ้นในตลาด MAI
MAI market cap ต่อบริษัท แค่ 2,xxx ล้านเอง เป็นข้อจำกัด ของ สถาบันหรือต่างชาติในการซื้อ
เวลาขายก็ลำบาก

ดร ไพบูลย์ ถาม ทำไมฝรั่งไม่ชอบหุ้นในตลาด MAI
คุณเทิดศักดิ์ ตอบว่า เวลาเม็ดเงินวิ่งเข้า ต้องดูสภาพคล่อง ซื้อง่ายขายง่าย
ถ้าหุ้นขนาดเล็ก Bid offerบาง เวลาซื้อต้องใช้เวลา ต้นทุนก็ไม่ได้ เวลาขาย ไม่รู้ว่าจะใช้เวลาขายนานแค่ไหน หรือต้องขายยกล๊อต ต่างชาติน่าจะเป็นการซื้อกองทุนรวม หรือ ETF ดีกว่า

คุณชาญณรงค์ อยู่ที่บลจ กรุงไทย ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทย อาจมีต่างชาติบ้าง
มีกองทุน1กองชื่อ KTMAI ที่ลงทุนในหุ้นของตลาด MAI ตั้งมา1ปี ขนาดกองทุนประมาณ 100 ล้าน
มีหุ้น 20 ตัว ที่ลงทุนในMAI เพราะ หุ้นในSET ค่อนข้างอิ่มตัวแล้ว
เลยพยายามค้นหาหุ้นที่มีมูลค่าถูก ให้ผลตอบแทนดี ก็เลยมาดูหุ้นในตลาด MAI
เรามีทีมวิจัย ดูภาพเศรษฐกิจ รวมถึงภาพของบริษัท บางครั้งยังไม่เห็นกำไรช่วงแรก
ต้องมองไปในอนาคต ความชัดเจนในการทำธุรกิจ คาดเดาผลประกอบการในอนาคต

คุณเคน เป็นนักธุรกิจและนักลงทุน มอง หุ้นในตลาดMAI ว่าเป็นหุ้นคนไทย มีจังหวะการ
เริ่มต้นกับนักลงทุนที่มีขนาดportไม่ใหญ่ แต่ต้องการผลตอบแทนที่ใหญ่
เปรียบเหมือนกับห้องนี้ ถ้าเราบีบขนาดห้องเหลือแค่ 1ใน 4
จะมีไม่มีที่ยืน แปลว่าถ้าเราสามารถทำให้หุ้นใน MAI มีเสน่ห์เหมือนSET ทำให้ได้ผลตอบแทนมากกว่าSET ตอนเข้าตลาดMAIแป๊บเดียวก็เต็ม ทำให้ Return ดีมาก แต่ความเสี่ยงเป็นอีกเรื่องนึง
สุดท้ายเป็นแค่การbook ราคา เพราะเช่น ซื้อตอนแรก 1 บาท กว่าจะซื้อเต็มก็ไปที่5บาท มันเต็มมูลค่าไปแล้ว ก็เกินมูลค่า เลยขายจนราคากลับมาเท่าเดิม ก็เลยว่า MAI ตลาดเราซื้อเราขายทั้งนั้นเลย

อ. เสน่ห์ บอกว่า อย่าง อ. นิเวศน์ ก็ไม่สามารถลงทุนหุ้นใน MAI ได้ เพราะหุ้นมีขนาดเล็กเกินไป

อ. นิเวศน์ มองตลาด MAI ว่าก่อนหน้าโตเยอะไปหน่อย หลังช่วงวิกฤตSubprime ราคาขึ้นมาเยอะ
PE ขึ้นมาสูงมาก ในอดีตหุ้นตัวเล็กไม่มีใครเล่น พอปี 08 นักลงทุนแนวvalue มาลงทุนกันมาก เลยส่งสัญญาณให้คนมาลงทุนกันเยอะ กำไรเยอะมาก เพราะไม่มีคนเห็นและศึกษาอย่างลึกซึ้ง เลยทำให้คนทั้งตลาดเข้ามาลงทุนหวังรวยเป็นเศรษฐี PE 10กว่าเท่า เป็น 70 เท่า หุ้นตัวใหญ่ได้แค่ 10 กว่า% ไม่สามารถเปลี่ยนชีวิต เลยไปลงในตลาดMAI ซึ่งโตเป็นเท่าๆตัวได้ กลายเป็นว่า หุ้นบางตัวไม่สามารถโตได้ตามที่หวัง valuation ที่ผิดปกติเหมือน หุ้นinternet ในตลาดUS มันเป็นไปได้อย่างไร สภาพคล่องน้อย
(Free float คือ หุ้นส่วนที่ขาย IPO ออกมาน้อย) เช่น 25% เจอนักลงทุนรายใหญ่ซื้อทีเดียวหมดแล้ว ทำให้หุ้นขึ้น ขายก็ตกยอดกลับมาเท่าเดิม เลยเป็นยุคที่เฟื่องฟู ปีที่แล้วคนที่ลงทุนใน MAI ส่วนใหญ่ขาดทุน แต่คนมองอนาคต เลยไปเล่นหุ้นตัวใหม่ ทุกคนเชื่อว่ามีคนจะดันราคาไป บางตัวเริ่มผิดหวัง ตกมาแรงมาก
ตอนนี้เหลือแค่หุ้นIPO ที่ยังไม่มีอะไร เดี๋ยวได้เท่าตัวในเวลาสั้นๆ ความหวังยังมีเต็มเปี่ยม
ส่วนหุ้นเก่าก็ไม่มีคนสนใจ

คุณ เทิดศักดิ์ บอกว่า ลองไปดูใน valuation
MAI PE เฉลี่ย 39 เท่า มองในแง่ PB value 3.5 เท่า เทียบกับ SET PB < 2.5 เท่า
แสดงว่า หุ้นใน MAI ราคาไม่ได้ถูก ต้องใช้ตัวscreen เช่น Business model มาช่วย
ตัวไหนต่ำกว่า value ที่แท้จริง
ยกตัวอย่าง กลุ่มเช่าซื้อ มีบางตัวที่ทำ Factoring หรือ ทำการซื้อบัญชีลูกหนี้ ซึ่งเติบโตเยอะ ฐานธุรกิจก็เล็ก
เจาะเข้าไปกลุ่มประมูลงานภาครัฐ จ่ายช้าแต่จ่ายแน่นอน เลยเข้าไปซื้อลูกหนี้และไปเก็บเงินกับภาครัฐเอง
ช่วงนี้มีกเปิดประมูลมาก ทำให้ปริมาณธุรกิจเยอะ การเติบโตของกำไรสูงขึ้นมาก
หุ้นบางตัว ทำธุรกิจตกแต่งภายในอาคาร หรือโรงแรม รวมถึงทำเฟอร์นิเจอร์
Back log สูงกว่ารายได้ จะเห็นรายได้เข้ามาเยอะ ราคายังไม่ขยับ
เราต้องพยายามศึกษาหาข้อมูลในตลาด MAI ให้ดีๆ
มองในแง่การscreen มีมองแบบ พื้นฐาน ,เทคนิค และยังมีเชิงปริมาณ
หุ้น 127 บริษัท NP 5.7% หาว่าหุ้นตัวไหนกำไรโด่งกว่าบริษัทอื่น
ราคาสูงหรือต่ำกว่าราคาตลาด เราทำได้ง่ายกว่า SET เนื่องจากจำนวนหุ้นน้อยกว่า

คุณ ชาญณรงค์ ตอบเรื่องการเลือกหุ้น
ดูผลกำไรที่สร้างขึ้น หรือ ธุรกิจใหม่ๆ ถึงแม้ยังไม่มีกำไร แต่มองอนาคตว่ากำไรจะก้าวกระโดด
เราลงไป 20 กว่าตัว จริงๆแล้ว PE ของหลายตัวยังต่ำ และ มีแนวโน้มกำไรจะโตหลายเท่า
ผลตอบแทนที่ได้เป็นกอบเป็นกำ กองทุนอาจมีแกว่งบ้าง ต้องดู liquidity เราจะค่อยๆเข้า
เดี๋ยวคนอื่นจับได้ เวลาออก ก็ค่อยๆออก

ดร ไพบูลย์ เปรียบเทียบ MAI เหมือนลูกหมา เวลาเลี้ยงถ้ารอดมีความสุข
เวลาซื้อมาจากจตุจักร มีโอกาสตายสูง แต่ราคาถูก แค่ 3,000 บาท เรียกว่า ปอม ตัวเล็กมาก
ถ้าซื้อจากในฟาร์ม ราคา 28,000 บาท
เราเลือกซื้อจากจตุจักร โดยดูตัวที่ท่าทางรอดสูงสุด สัตวแพทย์ บอกตอนพา ปอมไปรักษาว่า
ถ้าซื้อมาจากจตุจักรซึ่งอยู่รวมกับตัวอื่น มีโอกาสตายสูง เพราะติดเชื้อ
แต่เลี้ยงมาปรากฏว่ารอด คุ้มค่าเพราะซื้อมาแค่3,000 บาท

ถามคุณเคน หุ้นเด่นใน MAI ดูอย่างไร
คุณเคน บอกว่าการเลือกกิจการมี 3 ปัจจัย
1.เราต้องดูว่า Business model แบบแผนธุรกิจ แกร่งจริงไหม
2.Five Force มาจับ ดูปลอดภัยหรือไม่ ซึ่งมีปัจจัยที่ดูได้แก่
คู่แข่ง ,ลูกค้า ,Supplier ,สินค้าทดแทน ,new entrance
3.ปัจจัยสำคัญสำหรับ MAI คือ เรื่องผู้บริหาร บริษัทขนาดเล็ก ผู้บริหารมีโอกาสทำให้บริษัทเจริญเติบโตหรือเจ๊งได้เลย
หลักการ ดี เก่ง เปล่งพลัง เป็นการดูบริษัทว่าน่าลงทุนได้หรือไม่
เวลาเห็นผู้บริหาร ดูที่ Vision วิสัยทัศน์ และ Passion to win เขาเป็นนักล่าหรือไม่
ความผิดพลาดของผู้บริหารมีโอกาสสูง เพราะชอบคุย จริงๆผู้บริหารต้องมีความเพ้อฝัน มีความอยาก
เราต้องตรวจสอบว่าเขาถือหุ้นแบบมีนัยยะ ถ้าเห็นถือแค่ 2-3% ไม่มีแรงจูงใจในการทำให้บริษัทเติบโต
แต่ถ้าถือหุ้นเยอะ กิจการมีความสำคัญต่อเขา นี่คือชีวิต คุณเคน ลุกยืนขึ้นเลย
ถ้าพลาดผมต้องไปกับบริษัทเลย นี่คือวิธีการดูผู้บริหาร
บางทีเจอ ผู้บริหารบอกเป้า แต่ไม่เคยเข้าเป้าตลอด คือ ขาด Action
ดังนั้น บริษัทเล็กๆต้องดูผู้บริหารด้วย
บริษัทใน MAI หาดียากเพราะราคาแพง เมื่อก่อนเคยเจอปัญหาซื้อไม่ค่อยได้
เลยเปลี่ยนวิธีใหม่ ถามผู้บริหารขอซื้อBig lot ได้ไหม
ถ้าผู้บริหารตอบรับอย่างรวดเร็ว แปลว่า ไม่หวงของ
เราต้องดูผู้บริหารที่หวงของ เป็นประสบการณ์ ที่ดี
ตลาด MAI ตอนนี้มีการทำ Company Snapshot เวลาปกติหาหุ้นเมื่อก่อน ต้องดู 56-1
ตอนนี้สรุปแค่ 2 หน้า ก็เข้าใจ ทำให้เรารู้สึกว่าการเข้าถึงข้อมูลก่อนได้เปรียบ มันไม่ใช่แล้วครับ

ดร ไพบูลย์ บอกว่า MAI snapshot เป็นการร่วมมือของสมาคมนักวิเคราะห์ กับ MAI

คุณเทิดศักดิ์เห็นด้วยกับ กับแนวคิดของ คุณเคน
เวลาฟังประมาณการกำไรของผู้บริหาร
เราต้องเตรียมตัวก่อนไปสัมมนา ต้องปรับเปลี่ยน ดู Financial model
ก่อนพบผู้บริหาร ต้องศึกษาอย่างละเอียด ให้นักวิเคราะห์ทำFinancial model ก่อน
ไปทำ company visit จะไปซักdetail กำลังการผลิต ต้นทุน รายได้ ค่อยมาทำประมาณกำไร
และ ประเมิน Valuation สุดท้าย
นักลงทุน Value ก็ทำเหมือนกัน สุดท้าย จะได้ Fair value
เราต้องหาหุ้นที่ต่ำกว่า Fair value และ ต้องมีพื้นฐานที่ดีด้วย ถ้าพื้นฐานไม่ดี ก็แค่เก็งกำไร

ถามคุณชาญณรงค์ ว่า มองเหมือนกันไหม
ตอบว่า ส่วนใหญ่ทำเหมือนกัน เช่น การทำ company visit
เรื่องผู้บริหารค่อนข้างสำคัญ ถ้ามี vision , passion มีวัฒนการใหม่ หาsupplierดี จะสร้างผลกำไรให้บริษัทได้ มูลค่าที่แท้จริงก็ออกมาเอง เหมือนผู้บริหารบอก

ดร ไพบูลย์ ถามว่า มีบลจอื่นลงทุนไหม
ตอบว่า มีเหมือนกัน กองของเราลงทุนใน MAI 80%ขึ้นไป
ดร นิเวศน์ พูดถึงการเลือกหุ้น ว่า การทำvaluation หุ้น ถูก ผิด ไม่รู้ เพราะหุ้นมันเล็กมาก
บางทีเรื่องการมองอนาคต เทียบกับในอดีต ราคาไม่สามารถขึ้นได้แบบนี้หรอก
เอาอะไรมาคิด หุ้นตัวไหนมี story น่าสนใจ ก็ขึ้น เช่น เปลี่ยนmodel ธุรกิจ
วันแรกเข้าตลาด IPO ราคาเข้าไป3เท่าตัว เพราะขายstoryดีๆ ซึ่งราคาขึ้นกับsponsorด้วย
เหมือน ป๊อกเด้ง เจ้ามือจะกำไร
ไม่มีหุ้น IPO จะขึ้นไปได้โดยขาด sporsor ยกเว้น ผลประกอบการดีจริง
ยังสงสัยว่า หลายบริษัทเข้าตลาดไปทำไม ไม่มี innovation
หุ้นที่เข้าตลาดเป็นตัวเล็ก มีโอกาสได้เปรียบบริษัทยาก ใครๆก็ทำได้ บางครั้งเจ้าของก็เล่นกับเราด้วย

ดร ไพบูลย์ แย้งว่า รัฐมนตรีคลังพึ่งมาเมื่อเช้าบอกว่า
ตลาดMAI ช่วยให้ประเทศชาติเจริญ และ คนที่มาฟังก็อยู่ได้เพราะลงทุนใน MAI

อ. นิเวศน์ บอกว่า หุ้นใน MAI ก็ยังมีโอกาสกำไร แต่ต้องเลือกโดยดู Business modelและใช้
Five Force มาวิเคราะห์ร่วมด้วย
เตือนทุกคน ว่า ในตลาดที่เห็น ยังมีอะไรที่เราไม่เห็น
บางบริษัทคาดผิดว่าเข้าตลาดมาไม่ค่อยได้อะไร ปรากฏว่าได้กำไรเยอะ นั่นคือบริษัทที่เราลงทุนได้กำไร
ในตลาด เรียกว่าทุนนิยม เอาความเสี่ยงมาแลก เอาเงินไปลงทุน เพื่อมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ตลาดHitech ใน US มีโอกาสเจ๊งสูงมาก valuation ยาก
กำลังจะบอกว่าถ้าเชื่อ valuation ในตลาดหุ้นเล็ก มีโอกาสผิดสูง

ถามคุณเทิดศักดิ์ มุมมองของดร นิเวศน์จริงไหม
คุณ เทิดศักดิ์ ตอบว่า มองในมุม valuation ย้อนดูใน MAI บางส่วนไม่สามารถใส่ valuation เข้าไปได้
เช่น มี 37 บริษัท ประเมิน Valuation ไม่ได้ เพราะไม่มีกำไร
แต่สามารถใช้วิธี ถ้าเลิกบริษัทจะเหลือมูลค่าเท่าไหร่ ก็คือ book value
เรื่อง story ถ้าไปตามนั้นจริง วัดตาม storyไปข้างหน้า ว่าราคาควรเป็นเท่าไหร่
แต่ไม่ได้เชื่อผู้บริหารหมด ก็มีการพิจารณาแต่ละสถานการณ์ ว่าราคาควรเป็นเท่าไหร่
เป็น Judgement ของ นักวิเคราะห์ และ นักลงทุนเอง
นักลงทุน เวลาถาม ควรถามว่า Fair value ที่ได้มามีสมมติฐานมาจากไหน
ถ้าเชื่อ ก็คิดว่ามีความเป็นได้ เหมือนหมอตีความเป็นตัวเลขว่าเป็นเท่าไหร่

ดร ไพบูลย์ ถามว่าบทวิเคราะห์ ของ หุ้น ใน MAI เยอะไหม
คุณเทิดศักดิ์ ตอบว่าไม่เยอะ นักวิเคราะห์ของโบรกมีแค่ 300 กว่าคน แต่หุ้นมีมากกว่า 700 ตัว (รวมMAI)แล้ว และ นักวิเคราะห์ จะวิเคราะห์หุ้นซ้ำกันในหุ้นขนาดใหญ่
ทำให้ไม่มีเวลาไปหาหุ้นในMAIมากกว่า เราวิเคราะห์cover 180 บริษัท MAI ไม่ถึง 10 บริษัท
ปัญหาเรื่องข้อจำกัดเรื่องกำลังคน ทำให้วิเคราะห์ไม่ทั่วถึงทุกตัว

คุณชาญณรงค์ เปรียบเทียบผลประกอบการของกองทุนที่เปิดมา1ปีดีกว่าSET
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่าน Peak ไปแล้ว แต่ตอนนี้หลายบริษัทเริ่มดีขึ้น PE เริ่มกลับมาสู่ปกติ
PE Forward ทำให้ราคาตลาดปรับขึ้นมาได้ ทำให้การลงทุนใน MAI เป็นจังหวะที่ดี
ต้นปี Sector ที่ปรับขึ้นเป็น Energy , Food แต่ บริษัทขนาดเล็กไม่ค่อยขึ้น แต่มีพื้นฐานที่ดี
บางตัวเริ่มกลับมา บางบริษัทมีพื้นฐาน มี vision จะเริ่มทยอยปรับตัวขึ้นตามSET

คุณ เคน พูดถึงเสน่ห์ของ MAI ถ้ามีลูกอีกคนจะให้ชื่อว่า เสน่ห์

อ. นิเวศน์ บอกว่า ถ้าเป็นหมอ เช่น หมอเสน่ห์ อันตรายมาก

คุณเคน พูดต่อว่าทำไมหุ้นใน MAI ลง เศร้ามาก พอสแกนดู
MAI เหมือนต้นไม้ จะมีลำต้น กิ่งเล็ก ใหญ่
ดูสวยงาม PE นับไม่ได้37 ตัว แต่ถ้า Turnarround ได้ก็น่าสนใจ
MAI เป็นความหลากหลาย เหมือน นิ้วมือ ต้องมีครบทุกนิ้ว
เสน่ห์MAI ทำให้เราสามารถสนุกกับการลงทุนเชิงเก็งกำไรนิดๆ
การลงทุนบางครั้งถ้าลงทุนหุ้นใหญ่ไม่มีอะไรตื่นเต้น
เหมือนนิ้วมือมีหลายนิ้ว เราสามารถเข้าใจและหากำไรกับสิ่งนี้ได้ อย่าหลอกตัวเอง ก็สำเร็จได้
พูดถึง อ. นิเวศน์ ว่า นักลงทุนแบบอ.นิเวศน์ หายากมาก ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน
การลงทุนใน MAI มีสีสัน แต่ลงทุนใน SET แบบจริงจัง
นักลงทุนที่เป็นคนเก็งกำไรนิดๆ valuation ไม่ได้ หาเงินได้ เสียได้ ขอสัก 10-20%
ให้หุ้น MAI คึกคัก ทำให้ SET ขึ้นมาได้

ถาม อ. นิเวศน์ ว่า มีหุ้นIPO เข้ามา ซื้อหรือเปล่า
อ. นิเวศน์ ตอบว่า ส่วนใหญ่ถ้าเราไม่ได้จอง ไปซื้อส่วนใหญ่จะขาดทุน เล่นกันวันแรกวันเดียว
ทุกคนเชื่อว่าซื้อวันแรกกำไร คนที่เล่นซื้อไปหมดแล้ว วันที่สองเลยลง
ปรัชญาเรื่องซื้อวันแรก ได้ผลไหน อ. ตอบว่า ตอนนี้หุ้นเข้าวันแรกขึ้น และ ลงในวันที่สอง
คนเข้าวันแรกจะเจ็บ เช่น GPSC เป็นหุ้นพื้นฐาน valuation ได้ กำไรมั่นคงสม่ำเสมอ
คำถาม เลือกหุ้น MAI อย่างไร
อ. นิเวศน์ตอบว่า ดูก่อนว่า PE ถ้าสูงมาก เช่น 70 อนาคตจะขึ้นอีก เราหวังจะให้ขึ้นอีกต้องเป็น 100 เท่า
ปกติหุ้นขึ้นได้มาจาก มีคนเห็นว่าขึ้นได้อีก และ กำไรต้องเพิ่มขึ้น ราคาสามารถเพิ่มได้อีก
ดังนั้น โอกาสที่ผิดหวังเยอะสำหรับหุ้นที่ PE สูงๆ ต้องหลีกเลี่ยง
แต่ถ้าลงทุนในหุ้น PE เช่น 30 เท่า ก็มีโอกาสราคาสูง และ PE ก็ขยับเป็น 50 ได้
ดังนั้นเจอหุ้นที่ PE สูงๆ ตัดออกไปได้เลย ผมไม่สนับสนุน
เราไปดูหุ้นใหญ่ เช่น ธนาคาร PE 8-9 เท่าเอง ปันผล 4-5%
หุ้น MAI ต้องดูให้ดี บางที Story เป็นไปได้ และ เป็น หุ้น Turnarround ก็มีโอกาสกำไรได้
อ. นิเวศน์ เน้นแต่หุ้นง่ายๆ มั่นคง PE สูงหน่อยก็ไม่เป็นไร เพราะตอนนี้ต้องการความมั่นคง
ถาม คุณ เทิดศักดิ์ หุ้นเด่นในสถานการณ์วันที่ 1 กค มีหุ้นอะไรที่ใช้ได้
คุณ เทิดศักดิ์ ตอบว่า บริษัทที่ทำ Factoring คือ LIT ทำธุรกิจ ซื้อบัญชีลูกหนี้ราชการ 63%
ตัวที่สอง หาหุ้นที่มี Backlog คือ BKD รับออกแบบและทำเฟอร์นิเจอร์ Dividend 3.5%
รายได้ 200 กว่าล้านบาท
อีกบริษัท เงินปันผล yield 5% PE ต่ำ pattern ธุรกิจมีกำไรดี คือ
TVT กำไรต่อไตรมาส 10 กว่าล้าน จะไปทำสตูดิโอขึ้นมาเอง
สุดท้ายต้องไปทำการบ้านต่อ
ความคิดของ อ. นิเวศน์ สำหรับหุ้นที่ คุณ เทิดศักดิ์แนะนำ
จริงๆแล้ว LIT กำไรดี แต่สถานการณ์ปัจจุบัน Bank PE ถูก น่าสนใจกว่า
ธุรกิจก็มีคู่แข่ง
ส่วน BKD ทำเฟอร์นิเจอร์ พ่อผมและพี่ชายก็ทำ มันเหมือนมีข้อจำกัดเกี่ยวกับช่าง แต่เป็นธุรกิจมีกำไร
มันอยู่ในธุรกิจที่ลำบาก Property ที่ไม่ค่อยดีในระยะยาว เปรียบเทียบกับหุ้น property ซึ่งไม่แพง
TVT ใช้คน ผลิตรายการ เวลาดาราดังแก่ตัวลงเช่นแอน ก็ไปทำเอง คนดีๆเก่งๆก็แตกออกไป
GTH ก็แตกออกไปเป็น GDH มันอิงกับธุรกิจทีวี ผมดูรายการทีวีน้อยลง ผมไม่ได้ดูในช่วงวันหยุดแล้ว
มันไม่สนุก ดูเฉพาะละคร เพราะมันย้อนดูตัวเรา
คุณเคน เห็นด้วยกับพี่เทิด แต่เพียงว่าเรามีโอกาสสแกนหุ้นได้มากกว่านี้ ก็จะเจอหุ้นได้หลากหลาย
LIT ก็มีตัวใกล้เคียง คล้ายพี่น้องกัน ดูหลายเด้งมากกว่า
BKD ผมมีญาติที่ทำเฟอร์นิเจอร์เหมือนกัน ประเด็นคือว่า กำไรดี แต่ไม่ค่อยโต เพราะช่างหายาก
ถ้าลงทุน ก็เชื่อพี่เทิด ก็ดูต่อว่าจะเติบโตได้อย่างไร
TVT ถ้าเป็นผู้ผลิต Content provider ก็มีแต้มต่อ แต่อุตสาหกรรมนี้ บริษัทที่ไม่มีcontent
ถ้าซื้อบริษัทที่มี content น่าจะดี แต่จริงๆปัญหาเป็นเรื่องคน ซึ่งมีความเสี่ยง
คุณชาญณรงค์ พูดถึง ในแง่การลงทุน เราต้องการเติมเต็มในชีวิต หุ้นใน MAI เปรียบเหมือนน้ำจิ้ม
การลงทุนในหุ้น MAI ถ้าเราลงทุนในSETอยู่แล้ว เมื่อรวมเข้าด้วยกัน ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนิดเดียว
แต่ทำให้ผลตอบแทนได้ดีมากๆ

ช่วงที่2 เศรษฐกิจหุ้นไทยกับ MAI

ดร กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เคยทำงานเป็นผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงเทพ

ดำเนินรายการโดย ดร. ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และ อ. เสน่ห์ ศรีสุวรรณ

ต้นปี อ. กอบศักดิ์มาคุยเศรษฐกิจให้เราฟัง ตอนนี้เปลี่ยนจากคนพูดมาเป็นคนทำด้วย
เราจะได้ฟังของจริง ใครไม่ได้มา น่าเสียดายมาก

ตอนนี้เป็นผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี ดร สมคิดทางด้านเศรษฐกิจ เปลี่ยนแปลงประเทศไทย
เคยดูเศรษฐกิจเมืองไทยเมื่อก่อน โต 6-7% ส่งออกโต 20%
เดี๋ยวนี้ส่งออกติดลบมา5ปี เหมือนหนังคนละม้วนเลย อยู่ๆก็ขายไม่ออกแล้ว
ตอนนี้ถ้าใครพูดว่าปีนี้ GDP โต 3% ยังไม่มีใครเชื่อเลย เราต้องเปลี่ยนแปลงไม่งั้นโดนเพื่อนบ้านแซงแล้ว
มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ โตมากกว่าเรา ประเทศไทย new normal อยู่ประเทศเดียว
ลาว พม่า เวียดนาม โตมากกว่า 6%
มาทำความเข้าใจกับเรื่อง Thailand 4.0
เหมือนกับเกม มี Software version 1.0 ….2.0 …. คล้าย Windows OS 7 …8….10
Thailand 1.0 สมัยไทยทำการเกษตรอยู่ ดร นิเวศน์ เคยเลี้ยงกุ้งสมัยนั้น
ในน้ำมีปลาในนามีข้าว สินค้าเกษตรส่งออกมากกว่า 50%
Thailand 2.0 อุตสาหกรรมเบา รองเท้า สิ่งทอ เราเป็นเบอร์หนึ่ง ตอนปี20
Thailand 3.0 สมัยไทยโชติช่วงชัลวาล ทำปิโตรเคมี ทำอุตสาหกรรมรถยนต์ เมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว
ทำให้ไทยมีความเข้มแข็ง เราจะไม่ผลิตรถยนต์ของเราเอง เราอ้าแขนรับรถยนต์แบรนด์ต่างๆ
ทำให้เราโตสุดในภูมิภาค แต่ตอนนี้ส่งออกลดลง เพราะเราใช้โทรศัพท์โนเกียรุ่นเก่าอยู่
เครื่องตกยังประกอบกลับมาใช้ได้ เราไม่สามารถขายได้เพิ่มขึ้น เปรียบเทียบกับประเทศอื่น
ที่ขายมือถือยี่ห้อ หัวเหว่ย ซัมซุง เราอัดฉีดมากมาย ก็โตได้แค่3% เราเลยต้องหาอุตสาหกรรมใหม่
อุตสาหกรรม ใหม่ คือ ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม
อุตสาหกรรมไบโอเทค เช่น น้ำตาล ทำเป็น ไบโอพลัส เอามันสำปะหลัง อ้อย ทำเป็นอย่างอื่นได้
เมืองไทย เป็น Top5 ของเอเชีย พร้อมผลิตสินค้าที่ซับซ้อนขึ้น
ประกอบ ในส่วนประกอบหุ่นยนต์ เช่น แขนหุ่นยนต์
ตัวอย่าง โรงงานไก่ โรงงานนี้คนงาน 1 คน เลี้ยงไก่ได้ 3,000 ตัว
ตอนนี้เลี้ยงไก่ใน คอนโด หมายถึงให้ไก่อยู่เป็นชั้นๆ ให้หุ่นยนต์วิ่งตรวจสอบว่าไก่ตัวไหนป่วยก็ไปหยิบมา
เลย สามารถเพิ่ม productivity คือเลี้ยงไก่ได้ 100,000 ตัว โดยใช้คน 1 คน
ต่อมาอุตสาหกรรมไบโอเทค มูลค่า ขนาดเล็ก แต่ขายได้มูลค่ามาก เช่น ปลีกล้วย ใช้ประโยชน์ได้ไม่กี่อย่าง
แต่คนรุ่นเก่ารู้ว่ามันสามารถไปทำยาได้ ก็เลยไปคิดเอาชาขิงผสมปลีกล้วยมีฤทธิ์ทางยา ผู้หญิงหลังคลอดลูกช่วยให้มีน้ำนมเยอะขึ้น พอทำเสร็จทำให้มีมูลค่าเยอะ คนไทยเลิกขายข้าว ไปทำสินค้าที่มีมูลค่าดีกว่า
ดังนั้น Thailand 4.0 ต้องมีการวิจัย ไม่ใช่รับจ้างทำตามorder ซึ่งเมืองจีนผลิตได้เยอะกว่าและราคาถูกกว่า ซึ่งไทยแข่งขันเรื่องราคาไม่ได้ ตัวอย่าง ทำชิ้นส่วนยานยนต์ไปในจีน ปรากฏแข่งขันไม่ได้ ตอนหลังเลย
ผลิตชิ้นส่วนพิเศษ จีนแข่งขันกับเราไม่ได้ เพราะคุณภาพไม่ดี เราต้องถีบตัวขึ้นไป คู่แข่งไม่สามารถทำได้

อ. เสน่ห์ไปดูตลาดพม่า ดูสินค้าเมื่อก่อนสินค้าเป็น made in Thailand
ตอนนี้ทำโดย ประเทศจีน ,เวียดนาม, บังคลาเทศ
ขณะนี้ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่เปลี่ยนอีก10ปีเราจะแย่ เปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานใหม่

อ. นิเวศน์ ถามว่าเปลี่ยนแปลง อย่างไร ไทยมีฝีมือเพียงพอหรือเปล่า
ดร กอบศักดิ์ ตอบว่า ไทยตอนนี้เราชัดเจนในอุตสาหกรรมหลัก เราไปจีน เกาหลี ญี่ปุ่น
เราชวนญี่ปุ่นมาทำR&D ชวนมาผลิตที่ไทย เช่น อาหาร สำหรับคนเบาหวาน ถ้าทำได้ จะดีมาก
จีนก็ไปคุยกับอาลีบาบา ลูกน้อง Jack ma เพราะไทยเป็นศูนย์กลางของlogistic
Jack Ma ซื้อ Lazada มา ซึ่งการขายของonlineต้องมี warehouse & distributor
ถ้าไปตั้งที่อื่น เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ก็ไกลเกินไป
บริษัท หัวเหว่ยเข้ามาตั้ง HQที่ไทย และ ทำ research
สมัยก่อน Sony ก็มาตั้งที่ไทย ต่อมา Samsung ส่งสินค้ามาตีSony
แต่ตอนนี้Sony ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Appleกลับกลัว หัวเหว่ย ซึ่งมีพนักงาน 80,000 คน แต่เป็น
คนวิจัย 50,000 คน เทคโนโลยี 5G กำลังมา
ทีวีตอนนี้ที่ไทยใช้ 4K แต่เขาใช้ 16K แล้ว เมืองจีนตลาดใหญ่ แต่ ตลาด AEC ก็ใหญ่
ตั้งที่จีน ก็เจอปัญหา รัฐบาลจีนก็ไปช่วยคนในประเทศ และ อินเดีย ก็โดนcopy
ทรัพย์สินทางปัญญาก็โดนขโมย
ไทยเป็นที่ทำธุรกิจไม่กลั่นแกล้ง รัฐบาลสนับสนุน ทำได้สะดวก ไม่มีปัญหา ที่ตลาดAECมีกำไร
เลยมาดูการลงทุนที่ไทย
Healthtech , Biotech , Digital Economy, Animation เป็นอุตสาหกรรมที่ใช้สมอง
ไม่ทำตามorder
TUได้ประโยชน์จาก เราได้ถูกยกระดับเป็น Tier2 แล้ว เราไม่ค้ามนุษย์แล้ว
ล่าสุดลงทุน700ล้านบาทไปทำวิจัย Tunaทั้งตัวแต่ละส่วนสามารถเอาไปใช้
ประโยชน์ได้หมด สมัยก่อนไม่ทำแน่ นี่คือตัวอย่างคนไทยที่เข้าถึงจุดนั้นแล้ว
SCG วันนี้สินค้า40%เป็น High value ผนัง กระเบื้องแบบพิเศษ คนไทยก็ทำได้
ในอนาคตเริ่มจะมีพวกนี้มากขึ้น เราจัดงาน startup Thailand เราไม่เคยรู้ว่ามี startup
เป็น 1,000 ราย ผมไปแล้วเดินดูงาน ทุกคนอยากอธิบายงานให้ผม ไม่ยอมปล่อยให้ไปที่อื่น
กระดูกเทียม เรารับทำนาฬิกา Precision machine ก็ไปประยุกต์ทำกระดูกเทียม เราสู้ประเทศพัฒนาไม่ได้
แต่สู้เอเซียได้ snail white เป็นของคนไทยทำ หลอกหอยทากเดินไปมา แล้วเอามาผลิตเป็นครีม
ผมเห็นเศรษฐีรวย100ล้านอายุแค่ 20 ปี เป็นเด็กหนุ่ม ไม่อยากเป็นลูกจ้าง อยากเป็นเถ้าแก่เอง
ทำ digital, animation เยอะแยะ startup ต่างๆ ต่อมาก็สามารถเข้ามาในตลาด MAI โดยธนาคาร
มาช่วยปล่อยกู้ด้วย
เกาหลี มีพี่เลี้ยงมาดูแล ผ่านแต่ละรอบใน18ศูนย์ก็ทำสินค้าขายทั่วโลก ทำให้เกิดเจ้าสัวในอนาคตได้
การท่องเที่ยวเราก็ทำ แต่ก่อนเรามีสถานที่ท่องเที่ยวตามหัวเมืองหลัก เช่น กรุงเทพ ภูเก็ต พัทยา หัวหิน เชียงใหม่ แต่จังหวัดรองๆลงมาเช่น ที่อยุธยา กระบี่ พังงา เชียงราย แม่ฮ่องสอน คนเที่ยวน้อยกว่า
ตอนนี้ก็พยายามดันให้คนมาเที่ยว
เปรียบเทียบกับญี่ปุ่น ทำcatalog โปรโมท สถานที่ท้องถิ่นมากขึ้น
ก็จะทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเติบโตมากขึ้น
TPP นำโดย 12 ประเทศ เช่น อเมริกา ชิลี เปรู มาเลย์ สิงค์โปร์ บรูไน ตอนนี้เราไปถึงไหน
สมัยก่อน AEC คนคัดค้านเพราะกฏเกณฑ์เยอะแยะ
ไปญี่ปุ่น บริษัทในญี่ปุ่นจะถามว่าเราจะเข้าTPP หรือเปล่า เพราะฐานการผลิตของเขาคือเมืองไทย เป็นบ้านหลังที่2 เขากังวลใจว่าเวียดนามเข้าTPPแล้ว ไทยไม่เข้าTPP ชิ้นส่วนจะไม่นับเข้าเป็นTPP
ญี่ปุ่นจะไม่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีถึงแม้ไปประกอบที่เวียดนาม
ถ้าไทยไม่เข้าTPP ก็ต้องตั้งฐานที่ เวียดนาม ซึ่งสิทธิประโยชน์ทางภาษี แรงงานถูก มีความมุ่งมั่นมาก
เราเจอแบบนี้เลยเข้าใจว่าเขาทำไมถึงถาม ตอนนี้ต้องถามว่าเข้าไปได้อะไรบ้าง
ผมคิดว่าเรามีทางเลือกไม่มาก เราไม่เข้าเขามีกิ๊กแน่ เรามีเวลา2ปี ระหว่างนี้แต่ละประเทศกำลังเสนอผ่านรัฐสภาอยู่ ญี่ปุ่นพร้อมช่วยเรา ไทยเตรียมการ2ปีเพื่อเข้าไปร่วมใน TPP และ ญี่ปุ่นพร้อมเซ็นต์รับรอบให้ไทยเข้าTPP นายกก็ตอบแล้วเราจะเข้าเมื่อเวลาเหมาะสม
แต่ก็มีNGO คัดค้านเรื่องยา ทรัพย์สินทางปัญญา
แต่เราเจอ2ปีมาแล้วเรื่องการตกมาตรฐาน การบิน การค้า ต่างๆ
15 ปีที่แล้วไม่เคยเจอปัญหาเลย เราพัฒนาและทำตามstandardนี้ได้ เราไม่ใส่ใจเรื่องนี้
แต่ทุกประเทศใส่ใจเรื่องมาตรฐาน เช่น แรงงานเด็ก และเรื่องอื่นๆ
การเข้า TPP เป็นเรื่องเหมาะสม และเป็นการยกมาตรฐานไทยให้สูงขึ้น และมีอาจารย์คอยสอนเราด้วย
เศรษฐกิจไทยเริ่มดีขึ้น เดือน พค เริ่มเห็นการบริโภคดีขึ้น สหพัฒน์บอกว่ากำลังซื้อดีขึ้น
SCG ยอดขายซิเมนต์ดีขึ้น ยอดขายรถยนต์ปิกอัฟเริ่มดีขึ้น
ไตรมาสที่สามเรากำลังดีขึ้น จากสินค้าราคาเกษตรสูงขึ้น เช่น ยางราคาขึ้นจาก 40 บาท ตอนต้นปีเป็น 60 บาท ราคาอาจไม่สูงเท่าสมัยก่อนแต่มีกำไรแล้ว รวมถึงราคาข้าว น้ำมันก็ขึ้น
ทางการช่วยไม่เท่ากับราคาสินค้าเกษตรขึ้น ต่างจังหวัดช่วงต่อไปจะดีขึ้น
นี่คือจุดกำลังเปลี่ยน น้ำปีนี้ดี ออกนโยบายให้ ธกส เตรียมเงิน เพื่อรอฝนใหม่มา ให้เกษตรกรกู้มา
จะได้เพาะปลูกรอบใหม่ได้
ดัชนีSET สูงจาก ต้นปี 1,2xx เป็น 1,4xx ในช่วงสิ้นเดือน มิย 16 ทำให้ทุกคนมีความสุข

อ. เสน่ห์ เสนอ เสนอเปลี่ยนคำขวัญใหม่ของกรุงเทพมหานคร เป็น
ไปเที่ยวทะเลกรุงเทพ
ไปนอนเล่นหาดรัชดา
ไปเที่ยวเกาะศาลอาญา
ท่องทะเลสาบลาดพร้าว
ชมอ่าวรามอินทรา
ตามหาอุโมงค์ยักษ์
แวะพักเขื่อนพหลโยธิน
อ.นิเวศน์ แนะท่องเที่ยวอุโมงค์ยักษ์ ที่เวียดนามมีอุโมงค์หูชี่


ไตรมาสสามจะมีโครงการใหญ่ คนไทยโดนหลอกจนชิน Mega Project 7ล้านๆพูดมาหลายปีแต่ไม่เกิดจริง โครงการนี้ เอกชนไม่ลงทุนเพราะไม่เชื่อถือ เพราะตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ อภิสิทธิ์มาถึงยิ่งลักษณ์ ยังไม่เกิด
ตอนนี้ โครงการ 4G ที่พูดมาหลายปี ขนาดลาวมี4Gมานานแล้ว ตอนนี้มี 5G แล้ว
ไทยเกิดขึ้นจริงแล้ว คนที่ได้กำลังเริ่มลงทุนเครือข่าย
โครงการรถไฟทางคู่ เราทำพร้อมกับญี่ปุ่น ตั้งแต่ตอนสมัย รัชกาลที่5 เรายังรักษารถไฟเก่าๆ
ตอนนี้รถไฟทางคู่ได้2สาย จิระ ขอนแก่น แก่งคอย คลอง19 ไปที่ Eastern seaboard
ขนส่งสินค้า ออกทางแหลมฉบัง
เป็นครั้งแรกในไทยประมูลเมื่อ พย 58 และเริ่มก่อสร้างในเดือน มกราคม 59 ได้เลย เมื่อก่อนใช้เวลากว่า6เดือน เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการทำโครงสร้างในไทย ปีนี้ก็ยังมีอีกหลายโครงการตามมา
โครงการสุวรรณภูมิเฟส2 มูลค่า 6-70,000 ล้านบาท

อ. เสน่ห์ แซวว่า กลับมาจากพม่าเมื่อคืนไม่เห็นมีอะไร
ดร ไพบูลย์ บอกว่าให้พูดสอดคล้อง
ดร กอบศักดิ์เลยบอกว่าสงสัยคนแน่นตอนไปดูขาคนออกนอกประเทศครับ
โครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน สีเหลือง ชมพู ส่วน สีม่วง กำลังจะเริ่มเดินแล้ว
คนไทยโดนหลอกจนเคย ตอนนี้เกิดแล้ว โครงสร้างพื้นฐานที่ดี ในอีก 2 ปีให้หลัง จะได้ใช้มือถือรุ่นใหม่รัฐบาลใหม่ก็มาสานต่อ Motor way ก็สร้างหลายเส้นทาง
ปีนี้นักลงทุนเริ่มเห็นภาพ โครงการเกิดขึ้นจริง ปูนซิเมนต์ไทยเห็นว่ายอดขายปูนดีขึ้น

อ. เสน่ห์เสริม SCG ไปทำมะละแมง ตรงจังหวัดตาก ก่อนใครเพื่อน
ซึ่งโครงการต่างๆจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้ ถึงแม้เศรษฐกิจโลกไม่ดี
ประเทศไทยโชคดีที่มีการขัดแย้งทางการเมืองในช่วง10ปีที่ผ่านมา เลยไม่ได้ลงทุนในช่วงที่ผ่านมา
จนกระทั่งตอนนี้เราโครงการพร้อมทำแล้ว BTS สายสีเขียวก็เกิดแล้ว
รัฐบาลกำลังขับเคลื่อนอย่างเต็มที่
ล่าสุก ตอนนี้ปรากฏโครงการeastern economic corridor (EEC) เรามีแผนทำแหลมฉบังเฟสต่อไป
ไม่งั้นอีก 5 ปี เราไม่มีพื้นที่ให้โตแล้ว

สุดท้ายขอขอบคุณ MAI วิทยากรทุกท่าน ดร ไพบูลย์ ดร นิเวศน์ อ.เสน่ห์ และ ทีมงานทุกท่านครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
kongkiti
Verified User
โพสต์: 5830
ผู้ติดตาม: 19

Re: MoneyTalk@MAI Forum 1 กค 2559

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณมากครับพี่ amornkowa
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee

FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
ภาพประจำตัวสมาชิก
vim
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2770
ผู้ติดตาม: 23

Re: MoneyTalk@MAI Forum 1 กค 2559

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณครับ เป็นประโยชน์มากครับกับคนที่ไม่ได้ไปงาน
Vi IMrovised
Leesak
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 123
ผู้ติดตาม: 0

Re: MoneyTalk@MAI Forum 1 กค 2559

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณครับพี่อมรที่ช่วยสรุปเนื้อหาแบ่งปันกับสมาชิก...ขอบคุณทีมงานที่จัดงานอีกครั้ง มื้อวานจัดงานนอกสถานที่ที่เคยจัดอาจไม่ราบรื่นน้องทีมงานที่รับลงทะเบียนผู้สูงอายุโดนคุณป้าคิวแรกเล่นงานด้วยคำพูดแรงๆๆ หาว่าชักช้าแต่จริงๆๆแล้วมันก็ยังไม่ถึงเวลาแต่น้องเขาก็เก็บอารมณ์ได้ดีทุกอย่างก็ผ่านไป ผิดกับเราที่เห็นเหตุการณ์เฮ้อ มาถึงช่วงที่2ของสัมมนาก็ยังมีความวุ่นวายเล็กๆน้อยอีกกับที่นั่งไม่เป็นระเบียบ จนอาจารย์ต้องลุกออกมาเองทุกอย่างถึงลงตัว ที่เล่ามาก็ไม่มีอะไรอยากแบ่งปันกำลังใจให้ทีมงานเฉยๆสู้ๆครับ
auspicja
Verified User
โพสต์: 404
ผู้ติดตาม: 0

Re: MoneyTalk@MAI Forum 1 กค 2559

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอบคุณพี่อมร มากๆครับ
ยิ่งรู้มากขึ้น ทำให้เข้าใจว่าเรานี่ช่างอ่อนหัดยิ่งนัก
ภาพประจำตัวสมาชิก
Linzhi
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 1526
ผู้ติดตาม: 222

Re: MoneyTalk@MAI Forum 1 กค 2559

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอบคุณพี่อมรที่แบ่งปันกันโดยตลอดครับ
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
ลูกหิน
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1217
ผู้ติดตาม: 1

Re: MoneyTalk@MAI Forum 1 กค 2559

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณมากๆนะครับ
KedJade
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 584
ผู้ติดตาม: 17

Re: MoneyTalk@MAI Forum 1 กค 2559

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ขอบคุณมากๆครับ
Mr.Kcip
Verified User
โพสต์: 87
ผู้ติดตาม: 0

Re: MoneyTalk@MAI Forum 1 กค 2559

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ขอบคุณพี่อมรครับ
LivX
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 14
ผู้ติดตาม: 1

Re: MoneyTalk@MAI Forum 1 กค 2559

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
จอมยุทธอินทรี
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 524
ผู้ติดตาม: 226

Re: MoneyTalk@MAI Forum 1 กค 2559

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
neuhiran
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 817
ผู้ติดตาม: 9

Re: MoneyTalk@MAI Forum 1 กค 2559

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
judas
Verified User
โพสต์: 20
ผู้ติดตาม: 0

Re: MoneyTalk@MAI Forum 1 กค 2559

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ขอบคุณคับ
โพสต์โพสต์