Bubble

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
kongkiti
Verified User
โพสต์: 5830
ผู้ติดตาม: 19

Bubble

โพสต์ที่ 1

โพสต์

น้ำมัน เละเป็น coco crunch ไปแล้ว...
oil brent.png
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee

FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
ภาพประจำตัวสมาชิก
kongkiti
Verified User
โพสต์: 5830
ผู้ติดตาม: 19

Re: Bubble

โพสต์ที่ 2

โพสต์

“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee

FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
ภาพประจำตัวสมาชิก
kongkiti
Verified User
โพสต์: 5830
ผู้ติดตาม: 19

Re: Bubble

โพสต์ที่ 3

โพสต์

history-insert-2 (2).jpg
Tulipomania.gif
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee

FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
ภาพประจำตัวสมาชิก
kongkiti
Verified User
โพสต์: 5830
ผู้ติดตาม: 19

Re: Bubble

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ฟองสบู่ทะเลใต้/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
http://topicstock.pantip.com/sinthorn/t ... 48182.html
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee

FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
ภาพประจำตัวสมาชิก
kongkiti
Verified User
โพสต์: 5830
ผู้ติดตาม: 19

Re: Bubble

โพสต์ที่ 5

โพสต์

southseapanic.jpg
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee

FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
ภาพประจำตัวสมาชิก
kongkiti
Verified User
โพสต์: 5830
ผู้ติดตาม: 19

Re: Bubble

โพสต์ที่ 6

โพสต์

behavioral-finance-and-investor-returns-2-728.jpg
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee

FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
ภาพประจำตัวสมาชิก
kongkiti
Verified User
โพสต์: 5830
ผู้ติดตาม: 19

Re: Bubble

โพสต์ที่ 7

โพสต์

บัฟเฟตพูดเกี่ยวกับทอง ในอีก 100 ปีข้างหน้า
http://pantip.com/topic/30363911
ในบรรดาสินทรัพย์จำพวกนี้ อันดับหนึ่งคือ “ทองคำ” ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของนักลงทุนที่กลัวสินทรัพย์อื่นๆ แทบจะทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินกระดาษ (อันที่จริง สินทรัพย์หลายชนิดก็มีเหตุผลควรที่สมควรจะกลัวอยู่)

อย่างไรก็ตาม ทองคำมีจุดอ่อนอยู่สองประการ คือ ตัวมันเองเอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ ทั้งยังไม่ทำให้เกิดผลิตผลอะไรขึ้นมาได้เลย จริงอยู่ที่ทองคำมีประโยชน์ในแง่ของอุตสาหกรรมและใช้เป็นเครื่องประดับได้ แต่อุปสงค์ในแง่ดังกล่าวมีอยู่จำกัด และไม่สามารถทำให้ทองเพิ่มปริมาณขึ้นได้

ถ้าคุณมีทองคำหนึ่งออนซ์ ทองคำนั้นย่อมมีปริมาณหนึ่งออนซ์เท่าเดิมตราบจนชั่วกัลปาวสาน

สิ่งสำคัญที่ดึงดูดแฟนพันธุ์แท้ทองคำคือความเชื่อที่ว่า ผู้คนจะเกิดความกลัวในสินทรัพย์อื่นมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ความเชื่อดังกล่าวก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริง

ยิ่งไปกว่านั้น ราคาที่สูงขึ้นของทองคำก็ยิ่งทำให้คนมีความกระตือรือร้นอยากจะซื้อมัน จนดึงดูดให้ผู้ลงทุนเชื่อว่าการเพิ่มขึ้นของราคาทองเป็นไปตามข้อสรุปทางการลงทุนที่สมเหตุสมผลแล้ว

นักลงทุนที่ชอบแห่ตามกันไม่ว่าจะเป็นการลงทุนประเภทไหน มักจะสร้างความจริงของตัวเองขึ้นมาเสมอ อย่างน้อยก็ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ทั้งหุ้นอินเทอร์เน็ตและบ้านได้แสดงให้เห็นถึงภาวะความเฟ้อเกินไป อันเป็นผลมาจากการผสมผสานกันระหว่างข้อสรุปที่มีเหตุผลกับราคาที่เกินกว่าเหตุ

ในภาวะฟองสบู่ มหาชนที่เคยลังเลสงสัย มักยอมศิโรราบต่อ “ข้อพิสูจน์” ที่ตลาด “จัดให้” และกลุ่มของผู้ซื้อก็จะขยายตัวออกไปอย่างใหญ่หลวง จนเพียงพอที่จะทำให้พฤติกรรมแห่ตามกันนั้นหมุนเวียนต่อไปเรื่อยๆ แต่แล้วฟองสบู่ที่โตเกินก็จะแตกโพละออก และเมื่อนั้น ภาษิตโบราณก็จักได้รับการตอกย้ำอีกครั้งหนึ่ง …

“สิ่งที่คนฉลาดทำในตอนเริ่มต้น คนโง่จะทำมันในท้ายที่สุด”

ณ วันนี้ คลังทองคำของโลกมีอยู่ประมาณ 170,000 เมตริกตัน หากเอาทองทั้งหมดมาหลอมรวมกัน เราจะได้ลูกบาศก์ทองคำที่มีความกว้างยาวลึกด้านละ 68 ฟุต (เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ขนาดของมันวางลงบนสนามเบสบอลได้พอดิบพอดี) ณ ราคา 1,750 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ ในเวลาที่ผมเขียนบทความนี้ ราคาของทองคำทั้งหมดในโลกจะมีมูลค่ารวมกันเท่ากับ 9.6 ล้านล้านดอลล่าร์ โดยเราจะเรียกสิ่งนี้ว่า “ก้อน A”

เอาล่ะ ทีนี้มาสร้าง “ก้อน B” กันบ้าง ก้อน B ที่ว่านี้มีราคาเท่ากับก้อน A แต่เราสามารถใช้มันซื้อไร่นาทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา (จำนวน 400 ล้านเอเคอร์ ทำรายได้รวมกัน 2 แสนล้านเหรียญต่อปี) บวกกับบริษัท Exxon Mobil จำนวน 16 บริษัท (Exxon Mobil คือบริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดในโลก โดยสมมุติว่าเรามีบริษัทนี้อยู่ 16 แห่ง แต่ละแห่งทำกำไรได้ปีละ 4 หมื่นล้านเหรียญ) หลังจากซื้อของดังกล่าวแล้ว เราจะยังเหลือเงินติดตัวไว้ใช้ราวๆ หนึ่งล้านล้านดอลล่าร์ (สมมุติว่าเราไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองใช้เงินเกินตัว)

คุณพอจะใช้จินตนาการได้ไหมว่า จะมีนักลงทุนคนไหนในโลกที่มีเงิน 9.6 ล้านล้านดอลล่าร์ แล้วจะเลือกซื้อก้อน A แทนที่จะซื้อก้อน B ?!!

นอกจากมูลค่าของทองจะถูกประเมินอย่างไม่สมเหตุสมผลแล้ว ราคาปัจจุบันยังทำให้ตัวมันถูกผลิตขึ้นปีละคิดเป็นมูลค่า 160,000 ล้านดอลล่าร์ ซึ่งผู้ซื้อ ไม่ว่าจะซื้อเพื่อเป็นเครื่องประดับหรือซื้อไปใช้ในทางอุตสาหกรรม รวมทั้งคนที่กำลังกลัวและนักเก็งกำไร จะค่อยๆ รับเอาอุปทานส่วนเพิ่มนี้ไว้เรื่อยๆ ก่อนที่ราคา ณ ปัจจุบันจะกลายเป็นราคาสมดุลในที่สุด

ในเวลาหนึ่งศตวรรษนับจากนี้ ที่ดิน 400 ล้านเอเคอร์จะผลิตข้าวโพด ธัญพืช ค้อตต้อน และพืชผลอื่นๆ ได้อีกเป็นจำนวนมาก และจะผลิตผลผลิตที่มีคุณค่าเหล่านั้นต่อไป ไม่ว่าค่าเงินจะเป็นอย่างไรก็ตาม ในขณะที่ Exxon Mobil จะทำเงินปันผลให้กับเจ้าของอีกนับล้านล้านเหรียญ และจะเป็นเจ้าของสินทรัพย์มูลค่าหลายล้านล้านเหรียญเช่นกัน (อย่าลืมว่าคุณมี Exxon อยู่ 16 บริษัท) ในขณะที่ทองคำ 170,000 ตัน จะไม่เพิ่มปริมาณขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว และไม่สามารถสร้างผลิตผลอะไรใดๆ ได้ทั้งสิ้น

คุณอาจลูบคลำก้อนทองคำนี้ด้วยความรัก แต่มันจะไม่มีปฏิกริยาตอบสนองใดๆ แน่นอน

ต้องยอมรับว่า เมื่อคนในยุคหนึ่งร้อยปีนับจากนี้รู้สึกกลัว พวกเขาก็จะยังกระโดดเข้าหาทองคำอยู่นั่นเอง อย่างไรก็ตาม ผมมั่นใจว่า ก้อน A ที่มีมูลค่า 9.6 ล้านล้านเหรียญ จะทวีมูลค่าต่อไปในอนาคตในอัตราที่ด้อยกว่าก้อน B อย่างมากเป็นแน่แท้
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee

FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
ภาพประจำตัวสมาชิก
kongkiti
Verified User
โพสต์: 5830
ผู้ติดตาม: 19

Re: Bubble

โพสต์ที่ 8

โพสต์

Gold
Gold.png
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee

FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
nu
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 446
ผู้ติดตาม: 15

Re: Bubble

โพสต์ที่ 9

โพสต์

kongkiti เขียน:บัฟเฟตพูดเกี่ยวกับทอง ในอีก 100 ปีข้างหน้า
http://pantip.com/topic/30363911
ในบรรดาสินทรัพย์จำพวกนี้ อันดับหนึ่งคือ “ทองคำ” ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของนักลงทุนที่กลัวสินทรัพย์อื่นๆ แทบจะทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินกระดาษ (อันที่จริง สินทรัพย์หลายชนิดก็มีเหตุผลควรที่สมควรจะกลัวอยู่)

อย่างไรก็ตาม ทองคำมีจุดอ่อนอยู่สองประการ คือ ตัวมันเองเอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ ทั้งยังไม่ทำให้เกิดผลิตผลอะไรขึ้นมาได้เลย จริงอยู่ที่ทองคำมีประโยชน์ในแง่ของอุตสาหกรรมและใช้เป็นเครื่องประดับได้ แต่อุปสงค์ในแง่ดังกล่าวมีอยู่จำกัด และไม่สามารถทำให้ทองเพิ่มปริมาณขึ้นได้

ถ้าคุณมีทองคำหนึ่งออนซ์ ทองคำนั้นย่อมมีปริมาณหนึ่งออนซ์เท่าเดิมตราบจนชั่วกัลปาวสาน

สิ่งสำคัญที่ดึงดูดแฟนพันธุ์แท้ทองคำคือความเชื่อที่ว่า ผู้คนจะเกิดความกลัวในสินทรัพย์อื่นมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ความเชื่อดังกล่าวก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริง

ยิ่งไปกว่านั้น ราคาที่สูงขึ้นของทองคำก็ยิ่งทำให้คนมีความกระตือรือร้นอยากจะซื้อมัน จนดึงดูดให้ผู้ลงทุนเชื่อว่าการเพิ่มขึ้นของราคาทองเป็นไปตามข้อสรุปทางการลงทุนที่สมเหตุสมผลแล้ว

นักลงทุนที่ชอบแห่ตามกันไม่ว่าจะเป็นการลงทุนประเภทไหน มักจะสร้างความจริงของตัวเองขึ้นมาเสมอ อย่างน้อยก็ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ทั้งหุ้นอินเทอร์เน็ตและบ้านได้แสดงให้เห็นถึงภาวะความเฟ้อเกินไป อันเป็นผลมาจากการผสมผสานกันระหว่างข้อสรุปที่มีเหตุผลกับราคาที่เกินกว่าเหตุ

ในภาวะฟองสบู่ มหาชนที่เคยลังเลสงสัย มักยอมศิโรราบต่อ “ข้อพิสูจน์” ที่ตลาด “จัดให้” และกลุ่มของผู้ซื้อก็จะขยายตัวออกไปอย่างใหญ่หลวง จนเพียงพอที่จะทำให้พฤติกรรมแห่ตามกันนั้นหมุนเวียนต่อไปเรื่อยๆ แต่แล้วฟองสบู่ที่โตเกินก็จะแตกโพละออก และเมื่อนั้น ภาษิตโบราณก็จักได้รับการตอกย้ำอีกครั้งหนึ่ง …

“สิ่งที่คนฉลาดทำในตอนเริ่มต้น คนโง่จะทำมันในท้ายที่สุด”

ณ วันนี้ คลังทองคำของโลกมีอยู่ประมาณ 170,000 เมตริกตัน หากเอาทองทั้งหมดมาหลอมรวมกัน เราจะได้ลูกบาศก์ทองคำที่มีความกว้างยาวลึกด้านละ 68 ฟุต (เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ขนาดของมันวางลงบนสนามเบสบอลได้พอดิบพอดี) ณ ราคา 1,750 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ ในเวลาที่ผมเขียนบทความนี้ ราคาของทองคำทั้งหมดในโลกจะมีมูลค่ารวมกันเท่ากับ 9.6 ล้านล้านดอลล่าร์ โดยเราจะเรียกสิ่งนี้ว่า “ก้อน A”

เอาล่ะ ทีนี้มาสร้าง “ก้อน B” กันบ้าง ก้อน B ที่ว่านี้มีราคาเท่ากับก้อน A แต่เราสามารถใช้มันซื้อไร่นาทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา (จำนวน 400 ล้านเอเคอร์ ทำรายได้รวมกัน 2 แสนล้านเหรียญต่อปี) บวกกับบริษัท Exxon Mobil จำนวน 16 บริษัท (Exxon Mobil คือบริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดในโลก โดยสมมุติว่าเรามีบริษัทนี้อยู่ 16 แห่ง แต่ละแห่งทำกำไรได้ปีละ 4 หมื่นล้านเหรียญ) หลังจากซื้อของดังกล่าวแล้ว เราจะยังเหลือเงินติดตัวไว้ใช้ราวๆ หนึ่งล้านล้านดอลล่าร์ (สมมุติว่าเราไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองใช้เงินเกินตัว)

คุณพอจะใช้จินตนาการได้ไหมว่า จะมีนักลงทุนคนไหนในโลกที่มีเงิน 9.6 ล้านล้านดอลล่าร์ แล้วจะเลือกซื้อก้อน A แทนที่จะซื้อก้อน B ?!!

นอกจากมูลค่าของทองจะถูกประเมินอย่างไม่สมเหตุสมผลแล้ว ราคาปัจจุบันยังทำให้ตัวมันถูกผลิตขึ้นปีละคิดเป็นมูลค่า 160,000 ล้านดอลล่าร์ ซึ่งผู้ซื้อ ไม่ว่าจะซื้อเพื่อเป็นเครื่องประดับหรือซื้อไปใช้ในทางอุตสาหกรรม รวมทั้งคนที่กำลังกลัวและนักเก็งกำไร จะค่อยๆ รับเอาอุปทานส่วนเพิ่มนี้ไว้เรื่อยๆ ก่อนที่ราคา ณ ปัจจุบันจะกลายเป็นราคาสมดุลในที่สุด

ในเวลาหนึ่งศตวรรษนับจากนี้ ที่ดิน 400 ล้านเอเคอร์จะผลิตข้าวโพด ธัญพืช ค้อตต้อน และพืชผลอื่นๆ ได้อีกเป็นจำนวนมาก และจะผลิตผลผลิตที่มีคุณค่าเหล่านั้นต่อไป ไม่ว่าค่าเงินจะเป็นอย่างไรก็ตาม ในขณะที่ Exxon Mobil จะทำเงินปันผลให้กับเจ้าของอีกนับล้านล้านเหรียญ และจะเป็นเจ้าของสินทรัพย์มูลค่าหลายล้านล้านเหรียญเช่นกัน (อย่าลืมว่าคุณมี Exxon อยู่ 16 บริษัท) ในขณะที่ทองคำ 170,000 ตัน จะไม่เพิ่มปริมาณขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว และไม่สามารถสร้างผลิตผลอะไรใดๆ ได้ทั้งสิ้น

คุณอาจลูบคลำก้อนทองคำนี้ด้วยความรัก แต่มันจะไม่มีปฏิกริยาตอบสนองใดๆ แน่นอน

ต้องยอมรับว่า เมื่อคนในยุคหนึ่งร้อยปีนับจากนี้รู้สึกกลัว พวกเขาก็จะยังกระโดดเข้าหาทองคำอยู่นั่นเอง อย่างไรก็ตาม ผมมั่นใจว่า ก้อน A ที่มีมูลค่า 9.6 ล้านล้านเหรียญ จะทวีมูลค่าต่อไปในอนาคตในอัตราที่ด้อยกว่าก้อน B อย่างมากเป็นแน่แท้
เทียบกับ EXXON ตอนนี้อาจจะไม่สวยเท่าไหร่นะ
โพสต์โพสต์