อยากสอบถามความเสี่ยงของห้างสรรพสินค้าครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
noooon010
Verified User
โพสต์: 2712
ผู้ติดตาม: 2

อยากสอบถามความเสี่ยงของห้างสรรพสินค้าครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆทุกท่านครับ
พอดีผมอ่าน Forbes Thailand ฉบับเดือนก่อน พออ่านไปเรื่อยๆก็นึกถึงห้างสมัยผมยังเด็กๆ ตั้งแต่ Siam Jusco, เยาวฮัน , (ไปไหนไป)เมโทร ฯลฯ เมอรี่คิงสะพานควายนี่ แต่ก่อนก็ไปบ่อยพอสมควร (แต่ตอนนั้นยังเรียนมัธยม วิเคราะห์ไม่ค่อยเป็นครับ)

อยากทราบว่า ทำไมห้างเหล่านี้ ถึงไม่ประสบความสำเร็จหรือครับ

แล้วแบบนี้ ห้างที่เค้ามีแผนว่าจะเปิดกันหลายๆที่ หลายๆเจ้า เค้าจะมีความเสี่ยงเหมือนดั่งห้างสมัยก่อนไหมครับ

ห้างแถวบ้านอย่าง ยูเนี่ยนมอล เดิมก็เงียบมากๆ
ผมไม่แน่ใจว่าอะไรคือจุดพลิกผันทำให้ห้างนี้เกิดฮิตขึ้นมาน่ะครับ
เพราะเค้าไปเน้นเสื้อผ้าวัยรุ่น หรืออะไรน่ะครับ

ผมเองไม่แน่ใจเลย

ขออนุญาติสอบถามที่นี่ล่ะกันนะครับ

ขอบคุณมากๆที่ชี้แนะครับ
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม


นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
CARPENTER
Verified User
โพสต์: 431
ผู้ติดตาม: 1

Re: อยากสอบถามความเสี่ยงของห้างสรรพสินค้าครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ความสดวก คือ คำตอบ ยิ่งสดวกมากยิ่งดี
ห้างสรรพสินค้าที่มีครบทุกอย่าง เข้าไปที่เดียวมีบริการทุกอย่าง
ร้านอาหาร โรงเรียนกวดวิชา ธนาคาร ประกันภัย ไฟฟ้า โทรศัพท์ ซุปเปอมาเกต
แต่ถ้าใหญ่เกินไป บางทีก็ไม่สดวก เพราะต้องเดินไกล ระหว่าง ที่จอดรถ กับ ธุระกรรมที่ต้องทำ
ตลาดสด และ ร้านขายของและบริการที่เป็นสแตนด์อโลน เช่น คลีนิค หมอฟัน ร้านขายยา
ร้านหนังสือ ร้านเครื่องเขียน จะทยอยเลิกกิจการ
ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า community mall จะขยายไปเรื่อยๆ จนมากกว่าคนใช้บริการ
ตอนนี้ หลายๆที่ก็เริ่มมีอาการแล้ว ที่อยู่ได้ในตอนนี้ ทั้งที่ GDP โตน้อยมาก เพราะกำลัง
แย่งผู้บริโภคมาจาก traditional trade
ภาพประจำตัวสมาชิก
คนขายของ
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 792
ผู้ติดตาม: 121

Re: อยากสอบถามความเสี่ยงของห้างสรรพสินค้าครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอตอบหมอนุ่นดังนี้ครับ ห้างเก่าๆที่หายไปส่วนใหญ่เป็นเพราะ

1) ผ่านวิกฤตปี 2540 มาไม่ไหว เช่น เยาฮัน เมโทร และ สยามจัสโก้ ขนาดโรบินสันยังเกือบไม่รอด เข้าแผนฟื้นฟูไปแล้ว ที่ผ่านมาได้เพราะเซ็นทรัลอัดฉีดเงินเข้าไปอีกครับ

2) เดินหมากผิด ขยายสาขาพลาด การทำสาขาแรกแล้วคนรู้จักดี พอไปเปิดสาขาสอง สาม แล้วไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้เป็นตัวฉุด ไดมารู ย้ายไปเสรีก็แย่ โตคิวเคยเปิดที่รัชดาก็ต้องเลิกไป

3) ไม่ตอบโจทย์คนไทย และ ไม่มี EOS พอ เช่น Printemps ของฝรั่งเศส Galarie Lafayette ที่มาเปิดที่ เพนนิน ราชดำริ

ห้าง และ Malls ต่างๆที่มาเป็นที่นิยมมากขึ้นในยุคหลังเป็นยุคหลังต้มยำกุ้ง เพราะหลังวิกฤต การเข้ามาของค้าปลีกข้ามชาติอย่าง TESCO, CASINO, CARREFOUR และ TOPS ซึ่งถูก Take Over ไปโดย Royal Ahold ทำให้ คนไทยเรียนรู้เรื่องการบริหารจัดการค้าปลีกเพิ่มมากขึ้น และ ลูกค้าชาวไทยก็เริ่มเปลี่ยนจากการซื้อของจาก Traditional trade มาเป็น modern trade ในอัตราที่สูงขึ้น ทำให้การขยายตัวของห้างและมอลล์เป็นไปด้วยอัตราเร่ง เท่าที่ผมทราบ demand สำหรับพื้นที่ค้าปลีกในไทยยังสูงอยู่ครับ ส่วนหนึ่งเพราะร้านค้าย้ายมาจากตึกแถวขึ้นห้างกันหมด และ demand จากร้านค้าปลีกข้ามชาติที่เข้าคิวกันมาเปิดร้านในไทย ดังนั้นผมคิดว่าธุรกิจห้างยังคงไปได้ แต่ถ้าวันใด developers หันมาสร้างกันเยอะมากจนเกินไป เราก็คงได้เห็นสภาพห้างร้างอย่างที่เมืองจีนกันบ้าง

ส่วนคำถามเรื่อง union mall นั้นผมไม่เคยไปเดินเลยครับ เลยขอไม่ comment ละกัน

เข้ามาตอบคำถามนี้ของหมอนุ่น น้องๆรู้กันหมดเลยว่าเป็นคนยุคไหน...ผมยังทันนะครับ spot โฆษณาที่ว่า.....ไปไหนไปไหน...ไปเมโทร :D
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
miracle
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 18396
ผู้ติดตาม: 75

Re: อยากสอบถามความเสี่ยงของห้างสรรพสินค้าครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ความเสี่ยงของห้างสรรสินค้า ในความคิดของผมมีดังนี้
1. เรื่องของพฤติกรรมผู้บริโภค เคยคิดบ้างไหมทำไมเมืองไทย หน้าร้อนคนเดินห้างอย่างหนาแน่น นั้นคือหนีร้อนไปพึ่งเย็น หาแอร์เย็นๆๆ ไม่ต้องเปิดแอร์บ้านนั้นเอง
2. Event ของห้าง จัดถี่ เปลี่ยน theme ไปเรื่อยๆเพื่อดึงดูดประชาชน ถ้าไม่มี Event มันทำให้ห้างไม่มีคนเดินได้
3. ซัพพลายเอออร์ อันนี้ คือ ร้านค้า มีความหลากหลายไหม มีแม่เหล็กดึงดูดคนไหม
เหมือนกันสิ่งที่ห้างต้องมีคือ ธนาคารพาณิชย์ ร้านอาหาร (บางที่มีที่เรียนหนังสือ เมื่อก่อนมีสวนสนุก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีแล้ว) มีโรงหนัง แต่ระยะหลังบางแห่งก็ไม่มีแล้ว ร้านเสื้อผ้า อาจจะมีร้านทำผมด้วยในบางแห่ง มีค่ายมือถือมาเปิดร้านเพื่อรับจ่ายเงิน หรือ Customer care เลยทีเดียว อาจจะมีร้านขายเครื่องประดับ จนกระทั่งเฟอร์นิเจอร์ด้วย พวกนี้คือสิ่งดึงดูดให้ประชาชนมาเดิน
4. ที่จอดรถต้องมีเพียงพอ ยิ่งจอดฟรีไม่เสียเงิน ประชาชนชอบเลยทีเดียว
ประมาณนี้ครับ
:)
:)
noooon010
Verified User
โพสต์: 2712
ผู้ติดตาม: 2

Re: อยากสอบถามความเสี่ยงของห้างสรรพสินค้าครับ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอบคุณพี่ชาย และทุกๆท่านมากๆนะครับ

มีคนบอกว่า เราได้ Know How จากต่างชาติเยอะมากในหลายๆอุตสาหกรรมครับ
ขนาดการรถไฟ ที่สมัย ร.5 เรายังได้ Know how จากต่างชาติมาเยอะมาก จนไทยเป็นประเทศที่น่าจับตามองเลยครับ

Union mall นี่วัยรุ่นมาตรึมเลยครับ ผมลองถามเพื่อนๆของน้องๆที่บ้านผม หรือคนวัย 12-55ปี
เค้าบอกว่า แฟชั่นมันโดนใจ ร้านเยอะดี ซื้อเยอะก็มีส่วนลด
ไม่ต้องไป platinum

ขนาดพี่ที่ผมรู้จัก วันนี้อายุ 59แล้ว พี่เค้านังขอไปเดินดูเสื้อที่นี่เลยครับ
บอกว่าเดินเสร็จ ข้ามสะพานลอยไปเซ็นทรัลลาดพร้าวต่อได้ด้วยครับ
จ๊าบจริงๆ

....อยากหาความรู้ที่ไหน มาไทยวีไอ ดอทโออาร์จี ครับ :D

ขอบคุงอีกครั้งครับ
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม


นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
KHOBJAI
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 196
ผู้ติดตาม: 21

Re: อยากสอบถามความเสี่ยงของห้างสรรพสินค้าครับ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

มีข้อสงสัยและมองไม่ทะลุว่า ในอนาคตพฤติกรรมรูปแบบการซื้อของผ่านห้างจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เท่าที่เดินห้าง ส่วนใหญ่แล้วแผนกที่ลูกค้าใช้บริการมากมักจะเป็นร้านอาหารและดูแล้วน่าจะดีไปอีกนาน ส่วนสินค้าบริการอื่นๆเมื่อมีความก้าวหน้าเทคโนโลยีมากขึ้น น่าจะมีผลต่อรูปแบบการบริโภคที่เปลี่ยนไป(ซึ่งคงค่อยๆเปลี่ยน) อาจมีผลกระทบต่อธุรกิจแบบเดิมๆ และส่งผลต่อการดำเนินงานของห้างได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
vim
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2770
ผู้ติดตาม: 23

Re: อยากสอบถามความเสี่ยงของห้างสรรพสินค้าครับ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

จุดจบของห้างในไทยรอบปี 40 นี่ผมตอนนั้นยังไม่รู้ประสีประสาเลย คุ้นๆว่าห้างขนาดเล็กจำพวก community mall ในสมัยนั้นเริ่มร้าง ไม่มีคนเดิน พ่อค้าแม่ค้าขายของไม่ได้ก็พากันเลิกเช่ากัน หลักจากนั้นเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้จู่ๆก็ได้ข่าวไฟไหม้กันหลายห้าง เห็นว่ากันว่าสาเหตุส่วนมากคือไฟฟ้าลัดวงจร แต่จนถีงวันนี้ผมยังแอบสงสัยอยู่เลยว่าจริงหรือเปล่า เพราะพอได้เงินเคลมประกันไปแล้วก็ปิดห้างไปเลย

ถ้ามาดูห้างต่างประเทศ จุดจบของห้างในยุโรปเท่าที่ผมเห็น คือพฤติกรรมคนเปลี่ยนไปมาก ผมแบ่งเป็นสามยุคให้เข้าใจง่ายๆดังนี้

1. ยุค Department Stores
จากสมัยก่อน คนไม่รู้จะซื้อของที่ไหนก็จะไปห้างสรรพสินค้า ห้างพวกนี้เป็นห้างที่มีเจ้าของเดียว แต่มีหลายๆแผนกแล้วแบ่งเป็นเคาน์เตอร์ ในยุโรปก็เช่น Galeria Kaufhof (เจ้าของเดียวกับ Metro/Makro), Karstadt, Galeries Lafayette, P&C เป็นต้น หรืออย่างในไทยก็ เซ็นทรัล เดอะมอลล์

2. ยุค Shopping Centers
แต่ในระยะต่อมา ยี่ห้อของร้านค้าเริ่มมีบทบาทมากขึ้น คนเริ่มหันไปซื้อของที่ช็อปของร้านโดยตรงไม่ผ่านเคาน์เตอร์ห้าง เช่นร้าน H&M, ZARA, Primark เป็นต้น สิ่งที่เห็นคือห้างเก่าๆนั้นเริ่มปิดไป ขณะที่ระบบ "ศูนย์การค้า" ที่มีลักษณะแบ่งพื้นที่ให้ร้าค้าเช่า กลับเป็นที่นิยม โดยมีร้านค้าดังๆเป็นตัวดึงลูกค้า ร้านไหนยิ่งดังยิ่งมีอำนาจต่อรองค่าเช่าเยอะ ระบบห้างสรรพสินค้าแบบเดิมเริ่มไม่สร้างกำไรเพราะคนไม่ไปเดิน

3. ยุค Online Shopping
ปัจจุบัน คนซื้อของออนไลน์กันเป็นหลัก ซึ่งช่องทางการขายออนไลน์นั้นเป็นช่องทางที่ใช้ต้นทุนต่ำที่สุด ทำให้โมเดลร้านค้าแบบเดิมๆไม่สามารถขายของได้ เพราะคนจะไปทดลองสินค้าตามหน้าร้านแต่ไม่ซื้อ จะไปซื้อผ่านทางออนไลน์แทนเพราะถูกกว่าและมีรุ่น/สี/ไซส์ตามที่ต้องการ พวกนี้ร้านค้าไหนที่ไม่มีช่องทางออนไลน์ที่ดีพอก็จะสู้คนอื่นลำบาก พวกศูนย์การค้าที่อยู่รอดมักจะเป็นศูนย์การค้าแบบเฉพาะทางที่ซื้อของผ่านเน็ตไม่ได้

เทรนด์จาก 1 -> 2 เริ่มเกิดขึนไทยเมืองไทยมาสักพัก ลักษณะห้างสรรพสินค้าเชิงเดี่ยวก็น่าจะเปลี่ยนไป มีศูนย์การค้าแบบแบ่งพื้นที่เช่ามากขึ้น แต่เหมือนว่าเทรนด์นี้ยังไม่จบดี ขณะที่เทรนด์ออนไลน์ 2 -> 3 ก็กำลังมาเหมือนกันแต่ติดที่โครงสร้างพื้นฐานอินเตอร์เน็ตยังไม่ดีพอ จะเห็นแต่ซื้อขายผ่านเฟสบุคกับไลน์ที่สเกลค่อนข้างเล็ก
Vi IMrovised
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11444
ผู้ติดตาม: 84

Re: อยากสอบถามความเสี่ยงของห้างสรรพสินค้าครับ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ตอนแรกที่อ่านหัวข้อกระทู้ ผมเข้าใจว่าคุยกันเรื่องห้างสรรพสินค้า เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ ห้างสรรพสินค้าพารากอน ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน

แต่เข้ามาอ่าน ผมเข้าใจว่าหมอนุ่น หมายถึงธุรกิจ ศูนย์การค้า แบบ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า ศูนย์การค้ามาบุญครอง ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ii'8N
Verified User
โพสต์: 3682
ผู้ติดตาม: 7

Re: อยากสอบถามความเสี่ยงของห้างสรรพสินค้าครับ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

union mall แจ้งเกิดได้ เพราะตอน central ลาดพร้าวปิดปรับปรุงยาวเป็นปี
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3352
ผู้ติดตาม: 325

Re: อยากสอบถามความเสี่ยงของห้างสรรพสินค้าครับ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ผมว่าจุดพลิกผันที่ทำให้ Union Mall เกิดน่าจะมาจากที่ทำเลแถวนั้นมีกำลังซื้อมากและกว้างอยู่แล้ว ทีนี้พอ Central ลาดพร้าว renovate บวกกับ up ตัวเองให้ high ขึ้นไปอีกระดับ อีกทั้งกลุ่มคนเดินจตุจักรอากาศร้อนมากมาย เลยเกิดช่องว่างในตลาดกลางล่าง อีกทั้งช่วงนั้น โมเดลห้างอย่าง Platinum แสดงให้เห็นแล้วว่าตลาดมี เลยอาศัยทำเล จังหวะ และ demand ที่พอดีๆ กัน ส่วนผสมลงตัว เลยเกิดขึ้นมาได้

อันนี้เดามั่วๆ ล้วนๆ เลยนะครับ... แหะๆ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3352
ผู้ติดตาม: 325

Re: อยากสอบถามความเสี่ยงของห้างสรรพสินค้าครับ

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ผมว่า Key Success Factor ของห้างนี่ ละเอียดยิบเลยนะครับ เคยได้ยินคำพูดมาว่า Retail is Detail

- ห้างบ้างห้างมีจุดขายเดียว เอาอยู่ เดินเกมส์พลาดบ้าง ยังมีโอกาสปรับตัวได้อีกเยอะ... (อย่างเช่น IKEA ทำให้ Mega Bangna ประสบความสำเร็จ ทั้งๆ ที่ตอนแรกออกแบบห้างมาได้ผิดพลาดมากๆ แต่ก็ยังสามารถถูไถแก้ไปเรื่อยๆ จนลงตัวได้)

- ห้างบ้างห้างไม่มีจุดขายที่เด่นชัด แต่มีของครบครัน บริการเป็นยอด เลือกสินค้า และแสดงสินค้าได้อย่างลงตัว (อย่างเซ็นทรัลชิดลม)

- ห้างบ้างห้างเน้นเฉพาะทาง บ้างห้างเน้นหลากหลาย บ้างห้างเน้น Lifestyle

- ห้างเน้นนักท่องเที่ยวก็ทำอย่างหนึ่ง ทำเลอย่างหนึ่ง ห้างชานเมืองก็ทำอีกอย่าง

ฯลฯ

ผมว่าห้างที่ดีต้องตอบโจทย์ การตอบโจทย์ในวันนี้ ไม่ได้หมายถึงตอบโจทย์ในอนาคต เราจึงเห็นห้างต้อง renovate ปรับพื้นที่ขายเป็นระยะๆ เพราะ มันช่าง dynamic เหลือเกิน... ใครที่คิดว่าธุรกิจห้าง maintenance capex น้อยนี่ เดี๋ยวนี้คงจะไม่ใช่แล้ว เพราะ การแข่งขันรุนแรงเหลือเกิน และการทำ renovation เดี๋ยวนี้ทำให้ระดับ minor renovation ก็เอาไม่อยู่แล้ว สงครามรุนแรงมาก เดี๋ยวห้างนอกเมืองแย่ง Traffic ห้างในเมือง ห้างนอกเมืองซัดกับห้างนอกเมือง ห้างในเมืองเปิดขึ้นมาซดกับห้างในเมือง เดินห้างบางห้างที่เมื่อก่อนคนเดินชนกันจะเหยียบกัน เดี๋ยวนี้ว่างเดินชิวมากมาย

ถ้าให้ฟันธงว่าอะไรคือคุณสมบัติที่ทำให้ห้างประสบความสำเร็จและอยู่รอดในระยะยาว ผมว่า Economy of Scale ครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3352
ผู้ติดตาม: 325

Re: อยากสอบถามความเสี่ยงของห้างสรรพสินค้าครับ

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ส่งท้ายด้วยภาพห้างร้างที่สหรัฐฯ

รูปภาพ

http://www.slate.com/blogs/behold/2014/ ... riday.html
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
ภาพประจำตัวสมาชิก
nephilim
Verified User
โพสต์: 73
ผู้ติดตาม: 0

Re: อยากสอบถามความเสี่ยงของห้างสรรพสินค้าครับ

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ผมว่าจุดที่พลิกผันของ Union mall คือ การทำ sky walk เชื่อมไป central ได้
miracle
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 18396
ผู้ติดตาม: 75

Re: อยากสอบถามความเสี่ยงของห้างสรรพสินค้าครับ

โพสต์ที่ 14

โพสต์

union mall นั้น ตอนแรก ร้างครับ ตอนเปิดใหม่ๆ
ต้องจำเป็นต้องซื้อบ้าน 2-3 หลัง เพื่อเปิดทางให้รถจากถนนพหลโยธินเข้าห้างได้
สร้างจุดต่อเชื่อมสะพานลอยจากเซ็นทรัส ลาดพร้าวเข้าไปยังตัวห้าง และออกจากตัวห้างลงรถไฟฟ้าใต้ดิน
เชื่อมรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่อยู่ สถานีพหลโยธิน และ ลาดพร้าว (มีป้ายบอกทางว่าไป Union mall)

การตลาดดีมากๆ คือ ลดราคาค่าเช่าลดในช่วงแรก ที่ห้างร้าง และทำโปรโมทชั่นเรียกลูกค้าส่งเสริมการขาย
ซึ่งแตกต่างกับ Community mall เช่น Sena Fest ที่ตอนแรกร้านเปิดเต็ม แต่ตอนนี้เริ่มร้าง ที่จอดรถก็จอดได้เพียง 2 ชั่วโมงฟรีเท่านั้น แม่เหล็กดึงดูด ร้านอาหารก็ไม่ค่อยแนวเท่าไร แถมตรงข้ามเจอเจอะโครงการของ RML ตั้งอยู่อีกต่างหาก ประชันกันเลย ถ้าหากไม่ปรับตัวอีก 2-3 ข้างหน้า ที่ โครงการของ Icon siam เสร็จ อาจจะถึงขั้นลบชื่อโครงการนี้ทิ้งก็เป็นไปได้

ไม่ไกลจาก Sean Fest ก็มีเดอะมออล์ ท่าพระ
ส่วนจุดวงเวียนใหญ่นั้น เมอรี่คิงส์ก็ปิดตัวไปนานแล้ว ตอนนี้โรบินสันกำลังลดราคา เพื่อหมดสัญญาเช่าพื้นที่แล้ว
อนาคตจุดนี้อาจจะมีห้างมาลงเพิ่มเติมก็ได้

ส่วนในเมือง แถววัดเล่งไน้ยี่ (วัดมังกรฯ ตลาดเก่า) ตรงไปหน่อยแถวสามแยก มี Community mall ขึ้นอีกแห่ง
ใจกลางเมือง แหล่งคนจีนเลย ตอนนี้กำลังปรับพื้นที่รองรับ สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ตรงจุดนั้นเสียด้วย

ห้าง นั้น Place เป็นตัวสำคัญด้วย ถ้าสถานที่ตั้งเดินทางไม่สะดวก ก็ไม่ชนะ
ในประวัติศาสตร์ห้างไทยก็มี พาราไดซ์(เสรี) กับ ซีคอน สองห้างนี้ติต่อกันเลยทีเดียว
ตอนนี้ พาราไดซ์ คนเดินน้อยกว่า ซีคอน ถ้าใครขับจากพระราม 9 เข้าถนนศรีนครินทร์ ห้างที่ถีึงก่อนคือ ซีคอน
และในทางตรงข้าม ห้างซีคอน มีสะพานเข้าห้างโดยตรง ไม่ต้องมานั้นกลับรถหลายรอบ

แต่ในอีกบริเวณหนึ่ง คือ มาบุญครอง ,สยามดิฟ ,สยามเซ็นเตอร์ ,สยามพารากอน ,เซ็นทรัสเวิร์ด (แยกราชประสงค์) ทำไมคนเดินกระจายตัวได้ เป็นอย่างดี
จุดนี้เป็นจุดที่ต่อรถไฟฟ้าจุดสำคัญของกรุงเทพ ทำให้ประชาชนเดินมากนั้นเอง และเป็นจุดที่ประชาชนไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาพราหมณ์และฮินดูนั้นเอง

อาจจะมีมือที่มองไม่เห็นคือ เรื่องการจัดการจราจรหน้าห้างประกอบด้วย

อย่างเช่น community แถวสุขุมวิท 24 เลยไปหน่อย ประมาณ 3-4 ป้ายรถเมล์ เมื่อก่อน เติบโตอย่างดีเนื่องจากมีร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ภายใน community mall นี้แต่พอ เปิดเอ็มคอเทียร์ เท่านั้น ประชาชนหายหมดเลย

พวกนี้อาจจะต้องไปนั่งสังเกตด้วยว่า สำเร็จเพราะอะไร /วงรอบในการปรับปรุง

:)
:)
nut776
Verified User
โพสต์: 3350
ผู้ติดตาม: 4

Re: อยากสอบถามความเสี่ยงของห้างสรรพสินค้าครับ

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ไม่รู้ threat ของห้าง คือ ecomerce ป่าวนะคับ
เพราะ ถ้า ไม่กิน ไม่ใช้บริการ. ซื้อผ่านเวป ง่ายกว่า
คนเช้าพื้นที่ คงหายไปบางกลุ่ม ยิ่งถ้าเปิดกันเยอะๆ
ค่าเช่าเด๋วนี้กะแพงมาก เทียบกับ ของขายไม่ดีเท่าเดิม (สินค้าบริการบางชนิด )
ปล. ผมเอามาจาก คุณ ตัน opday ichi
show me money.
nut776
Verified User
โพสต์: 3350
ผู้ติดตาม: 4

Re: อยากสอบถามความเสี่ยงของห้างสรรพสินค้าครับ

โพสต์ที่ 16

โพสต์

vim เขียน:จุดจบของห้างในไทยรอบปี 40 นี่ผมตอนนั้นยังไม่รู้ประสีประสาเลย คุ้นๆว่าห้างขนาดเล็กจำพวก community mall ในสมัยนั้นเริ่มร้าง ไม่มีคนเดิน พ่อค้าแม่ค้าขายของไม่ได้ก็พากันเลิกเช่ากัน หลักจากนั้นเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้จู่ๆก็ได้ข่าวไฟไหม้กันหลายห้าง เห็นว่ากันว่าสาเหตุส่วนมากคือไฟฟ้าลัดวงจร แต่จนถีงวันนี้ผมยังแอบสงสัยอยู่เลยว่าจริงหรือเปล่า เพราะพอได้เงินเคลมประกันไปแล้วก็ปิดห้างไปเลย

ถ้ามาดูห้างต่างประเทศ จุดจบของห้างในยุโรปเท่าที่ผมเห็น คือพฤติกรรมคนเปลี่ยนไปมาก ผมแบ่งเป็นสามยุคให้เข้าใจง่ายๆดังนี้

1. ยุค Department Stores
จากสมัยก่อน คนไม่รู้จะซื้อของที่ไหนก็จะไปห้างสรรพสินค้า ห้างพวกนี้เป็นห้างที่มีเจ้าของเดียว แต่มีหลายๆแผนกแล้วแบ่งเป็นเคาน์เตอร์ ในยุโรปก็เช่น Galeria Kaufhof (เจ้าของเดียวกับ Metro/Makro), Karstadt, Galeries Lafayette, P&C เป็นต้น หรืออย่างในไทยก็ เซ็นทรัล เดอะมอลล์

2. ยุค Shopping Centers
แต่ในระยะต่อมา ยี่ห้อของร้านค้าเริ่มมีบทบาทมากขึ้น คนเริ่มหันไปซื้อของที่ช็อปของร้านโดยตรงไม่ผ่านเคาน์เตอร์ห้าง เช่นร้าน H&M, ZARA, Primark เป็นต้น สิ่งที่เห็นคือห้างเก่าๆนั้นเริ่มปิดไป ขณะที่ระบบ "ศูนย์การค้า" ที่มีลักษณะแบ่งพื้นที่ให้ร้าค้าเช่า กลับเป็นที่นิยม โดยมีร้านค้าดังๆเป็นตัวดึงลูกค้า ร้านไหนยิ่งดังยิ่งมีอำนาจต่อรองค่าเช่าเยอะ ระบบห้างสรรพสินค้าแบบเดิมเริ่มไม่สร้างกำไรเพราะคนไม่ไปเดิน

3. ยุค Online Shopping
ปัจจุบัน คนซื้อของออนไลน์กันเป็นหลัก ซึ่งช่องทางการขายออนไลน์นั้นเป็นช่องทางที่ใช้ต้นทุนต่ำที่สุด ทำให้โมเดลร้านค้าแบบเดิมๆไม่สามารถขายของได้ เพราะคนจะไปทดลองสินค้าตามหน้าร้านแต่ไม่ซื้อ จะไปซื้อผ่านทางออนไลน์แทนเพราะถูกกว่าและมีรุ่น/สี/ไซส์ตามที่ต้องการ พวกนี้ร้านค้าไหนที่ไม่มีช่องทางออนไลน์ที่ดีพอก็จะสู้คนอื่นลำบาก พวกศูนย์การค้าที่อยู่รอดมักจะเป็นศูนย์การค้าแบบเฉพาะทางที่ซื้อของผ่านเน็ตไม่ได้

เทรนด์จาก 1 -> 2 เริ่มเกิดขึนไทยเมืองไทยมาสักพัก ลักษณะห้างสรรพสินค้าเชิงเดี่ยวก็น่าจะเปลี่ยนไป มีศูนย์การค้าแบบแบ่งพื้นที่เช่ามากขึ้น แต่เหมือนว่าเทรนด์นี้ยังไม่จบดี ขณะที่เทรนด์ออนไลน์ 2 -> 3 ก็กำลังมาเหมือนกันแต่ติดที่โครงสร้างพื้นฐานอินเตอร์เน็ตยังไม่ดีพอ จะเห็นแต่ซื้อขายผ่านเฟสบุคกับไลน์ที่สเกลค่อนข้างเล็ก
ผมว่า นอกจาก infra แล้ว ยังเรื่อง. epayment อะคับ
ทำให้c2c. ลำบากเกิน. ยังไม่รวมว่า ยังไม่เห็น bank nonbank. รายไหนกล้ามาเป็นเจ้าภาพ
+ รับประกัน ให้ buyer หรือ ดีล ปัญหาระหว่าง merchant vs buyer เลย
show me money.
noooon010
Verified User
โพสต์: 2712
ผู้ติดตาม: 2

Re: อยากสอบถามความเสี่ยงของห้างสรรพสินค้าครับ

โพสต์ที่ 17

โพสต์

ขอบคุณทุกๆท่านมากๆเลยครับ
ขออภัยพี่ฉัตรด้วยนะครับ ผมยังงงตัวเองเลยครับ >.<
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม


นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
โพสต์โพสต์