เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองในอนาค

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
PLUSLOVE
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1524
ผู้ติดตาม: 3

เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองในอนาค

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ในมุมมองด้านการลงทุนของผม ผมเริ่มมองเห็นโอกาศในอนาคต ซึ่งจะมาจากเม็ดเงิน

ที่มาจากโครงการ2.2ลล บาทที่ทยอยลงทุนปีละ 3แสนล้านบาท

ผมเห็นอะไร เราต้องเกริ่นไปถึงสมัยยุคที่การก่อสร้างรุ่งเรืองมากที่สุด คือ

ในปีก่อนเกิดวิกฤติ ช่วงนั้นการก่อสร้างเกิดขึ้นมากมาย ตัวเลขจากสมาคมก่อสร้าง ชี้ชัดว่า

มีมูลค่าสูงถึง 5-6แสนล้านบาท ก่อนจะชะงัักไปตอนต้มยำกุ้ง

ซึ่งลองคิดดูว่าสมัยนั้น มันเฟื่องขนาดไหน แทบจะทุกที่มีเครน มีการก่อสร้างการค้าขาย

อสังหาริมทรัพย์ การบริโภค เฟื่องไปหมด ทีนี้กลับมามองบ้างว่า ถ้า2.2 ลล ผ่าน

เม็ดเงินจะไหลเข้ามาปีละ 3แสนล้านบาท จะเท่าๆกับ 1/2 หรือมากกว่า1/2ของ ช่วงที่พีคๆ

เป็นเวลา 7 ปี

อะไรจะตามมาแน่นอน DEMANDของวัสดุก่อสร้างทั้งหมด จะมีมหาศาลทั้งเหล็ก ปูน

อิฐ หิน ดินทราย แรงงานกรรมกร วิศวะกร ถึงตอนนั้น 300บาทก้คงต่ำไปถ้าจะจ้างคน

พอคนเหล่านี้มีเงิน จะไปไหน ก้ต้องกินใช้ให้มากขึ้น พอนายเอ ได้ค่าจ้าง ซื้อของนายบี

นายบี เอาเงินไปซื้อวัตถุดิบนายซี นายซี จ่ายให้กับนายดี เงินจะหมุนครับ หมุนเป็นก้อน

ที่ใหญ่ขึ้นๆ การบริโภคในประเทศก้จะเริ่มฟื้น เพราะเงินมันเยอะ การกล้ากินใช้ก้จะมากขึ้น

แน่นอน เมื่อผลประกอบการหรือเจ้ามือตัวจริงของ บริษัทจดทะเบียนดีขึ้น ความเชื่อมั่น

ก้จะมากขึ้น ราคาหุ้นในหลายๆกลุ่มก้จะเริ่มตอบสนองต่อผลประกอบการ

นี่ยังไม่รวมถึงการที่ USAและยุโรปเริ่มฟื้นตัว ซึ่งในระยะยาวแล้วเราไม่สามารถปฎิเสธได้เลย

ว่ายังไงการส่งออกก้ต้องดีขึ้น


แต่


ช่วงนี้เราจะอาจจะได้เห็นการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น ในระดับเล็กน้อยเพื่อดึงดูดเงินให้เข้า

มาเพื่อที่ธนาคารจะได้นำเงินไปปล่อยกู้ให้ภาครัฐ ซึ่งผมเชื่อมั่นว่า กนงไม่คิดจะขึ้น

ดอกเบี้ยให้มากไป เพราะตอนนี้หนี้ภาคครัวเรือนยังคงสูงอยู่


ดังนั้น รอวันที่ฟ้าหลังฝนใหญ่ ในรอบนี้ แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์จะมา แล้วความมั่งคั่ง

จะมีแก่ผู้ที่มองเห็นภาพใหญ่ๆว่า 2 ลล ใครได้ประโยชน์
PLUSLOVE
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1524
ผู้ติดตาม: 3

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 2

โพสต์

GDP = C + I + G + (X - M)

Cถูกกระตุ้นด้วนโยบายบ้านหลังแรก รถคันแรก

Gถูกกระตุ้นด้วย 2.2 ลล

X-M เป็นไปตามกลไลตลาดโลก ที่ตอนนี้สถานการณ์จะค่อยๆดีขึ้น เพราะประเทศยักษ์ใหญ่

เริ่มส่งสัญญานฟื้นตัว

I เมื่อภาคเอกชนเห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้น การลงทุนก้จะมากขึ้นตามไปเอง

ปีหน้าหลัง 2.2 ลล เราจะค่อยๆเชิดหัวขึ้น สู่การบินในโหมด 40000ฟุต
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ii'8N
Verified User
โพสต์: 3682
ผู้ติดตาม: 7

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 3

โพสต์

เฮ้อ... ประเทศไทยรวมเลือดเนือชาติเชื้อไทย



กลัวว่า....ข้าได้แค่ฝัน
แนบไฟล์
จริง.jpg
ฝัน.jpg

ภาพประจำตัวสมาชิก
kongkiti
Verified User
โพสต์: 5830
ผู้ติดตาม: 19

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 4

โพสต์

อ่านหัวข้อไวๆ นึกว่าท่านกุนซือจะย้ายไปลงทุนที่ปักกิ่ง :P
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee

FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
CARPENTER
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 433
ผู้ติดตาม: 3

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ผมเห็นถึงการคอรัปชั่นของนักการเมือง
เห็นถึงการตกต่ำของประเทศไทย
ผมหมดศรัทธา ต่อ การโกหกหลอกลวง
ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ เช่น เชื่อนแม่วงศ์
และยังมีอีกมากที่ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
PLUSLOVE
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1524
ผู้ติดตาม: 3

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 6

โพสต์

CARPENTER เขียน:ผมเห็นถึงการคอรัปชั่นของนักการเมือง
เห็นถึงการตกต่ำของประเทศไทย
ผมหมดศรัทธา ต่อ การโกหกหลอกลวง
ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ เช่น เชื่อนแม่วงศ์
และยังมีอีกมากที่ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
ตั้งแต่ผมเกิดมาไม่มีรัฐบาลไหนไม่โกงไม่กิน รัฐบาลที่ไม่โกงกินคงมีได้แต่ในอุดมคติ

แต่ถ้าผมเป็นนายก ผมสัญญาว่าผมจะไม่โกงกิน ผมเองอยากเห็นประเทศไทยเรา

เจริญกว่านี้ คนมีกินมากกว่านี้ คนสบายๆกว่านี้ ความหดหู่เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อผมต้องขับรถ

ผ่านแล้วมองเห็น ภาพคนแก่ๆที่บางทีก้อายุมาก ต้องออกมาเดินขอทานบ้าง เข็นรถขายของ

บ้าง หรือ ต้องมานั่งทำงานหนัก มันแสดงให้เห็นถึงว่า คนรุ่นพ่อแม่เรากลับถูกปล่อยละเลย

คนรุ่นใหม่ใส่ใจแต่ตัวเอง จนลืมมองคนที่เลี้ยงเค้ามา ผมสารภาพตรงๆว่า หดหู่ใจทุกครั้ง

ที่ต้องเจอภาพแบบนั้น

ภายใต้แสงไฟแห่งกรุงเทพและความเจริญศิวิไล ผู้คนใส่หน้ากากเข้าหากัน อวดร่ำรวยกัน

น่าแปลก ที่USA มหาเศรษฐีอย่าง บิลเกต หรือ วอเรนท์บัฟเฟต กลับมอบสมบัติของตัวเอง

คืนแก่สังคม ผมกลับมองว่าในโลกตะวันตก เค้ากลับเข้าถึงการปล่อยวางมากเสียกว่าคน

ตะวันออกที่นับถือพระพุทธศาสนา เค้ากลับมองว่า เค้าจะทำอะไรเพื่อสังคมได้บ้าง

แต่อย่างน้อยสิ่งดีๆสิ่งหนึ่งที่ผมได้เห็น คือ การที่สมาคมเน้นคุณค่าแห่งประเทศไทย

เก็บค่าสมาชิก แล้วเงินที่เหลือ ก้ยังมีแนวคิดจะกลับไปทำประโยชน์เพื่อสังคม เช่น

อาจจะไปสร้าง ร.พ.ในที่ที่ห้่างไกล ให้คนเหล่านั้นได้เข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างรวดเร็ว


เราอาจจะแก้การเมืองไม่ได้ เราอาจจะไม่บริหารประเทศ แต่อย่างน้อยจุดเล็กๆที่เรายืน

เราทำแต่สิ่งดีๆให้สังคม เพียงจุดเล็กๆในหลายๆจุด ผมเชื่อว่าสังคมจะน่าอยู่
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4641
ผู้ติดตาม: 23

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 7

โพสต์

อย่าถามครับว่าประเทศไทยจะให้อะไรกับเรา

เราจะให้อะไรกับประเทศชาติครับ

ช่วยกันตอบ เริ่มจากจุดเล็กๆ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
TTCFZO
Verified User
โพสต์: 6
ผู้ติดตาม: 0

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ตั้งแต่40-50ปีก่อน จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยก็แทบจะไม่เคยดูได้ว่ามีอานาคตเหมือนกันครับ
ความคิดในตอนนั้นของผู้คนที่มีอายุ50-60ปีในตอนนี้ ผมว่ามีไม่กี่คนที่คิดว่าประเทศเราจะพัฒนาได้
จนมาเป็นแบบทุกวันนี้ ในสมัยก่อนการเมืองแรงกว่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องโกงที่มีทุกยุคทุกสมัยอยู่แล้ว
ยังมีทั้งลัทธิคอมมิวนิสต์ และรัฐบาลที่มาจากทหาร เป็นศพกันมานักต่อนักยิ่งกว่านี้เยอะ
แต่ประเทศเราก็พัฒนาและเจริญขึ้นมาได้ ซึ่งสมัย40-50ปีก่อน ไฟฟ้าและน้ำประปาและถนนลาดยางเข้าถึงต่างจังหวัด
น้อยกว่านี้มาก แทบจะไม่ถึง50%ของที่มีในปัจจุบัน

สิ่งที่น่าจะมองผมอยากให้มองพื้นฐานของประเทศทางด้านอื่นๆด้วยครับ อย่างเรื่อง ทรัพยากรน้ำ
ชลประทาน และเกษตรกรรม ตอนปี40เศรษฐกิจล้มลงมาสาเหตุหลักเพราะธุรกิจภาคการเงิน
แต่เรายังมีภาคเกษตรนี้ร้องรับไว้ได้ อาจจะเป็นเพราะภาคเกษตรเป็นสินค้าโภคภัณฑ์
เราจึงไม่ได้สนใจอะไรกันมาก

ย้อนไปยุคต้นๆที่ประเทศเรา เริ่มจะมาเน้นที่เศรษฐกิจทุนนิยม โดยเน้นลงไปที่ภาคอุตสาหกรรม
เราก็มีภาคเกษตรที่เป็นฐานมาก่อน ให้เศรษฐกิจเราได้ตั้งตัวขึ้นมาได้ ก่อนที่จะเน้นไปที่ภาคอุตสาหกรรม
ผมนึกไม่ออกว่าถ้าประเทศไทยที่มีแต่ทะเลทรายแล้วไม่มีน้ำมันดิบขุดขึ้นมาขาย
ผมว่าประเทศเราคงไม่เป็นประเทศไปแล้ว

พืชอาหาร เช่น ข้าว ประเทศเราผลิตได้เยอะ แล้วยังเหลือครึ่งนึงไว้ส่งออก ผลิตเยอะจนราคาตกต่ำ
เรามีความมั่นคงตรงพืชอาหารครับ และยังมีพืชที่เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอีก เช่น ยางพารา

เรื่องการเมือง กับคนเห็นแก่ตัวมันเป็นเรื่องคู่กัน ดังนั้นต้องเน้นที่การตรวจสอบเป็นหลักครับ
ให้ประชาชนและสังคมได้เกิดการเรียนรู้ถึงผลที่จะตามมาในแบบต่างๆ
ประเทศเรามีประชาธิปไตยมาแค่81ปี ต่างจากตะวันตกหลายๆประเทศที่มีจริงจังมา3-4ร้อยปีแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
canuseeme
Verified User
โพสต์: 302
ผู้ติดตาม: 0

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ผมว่า ว่า ทุกคนควร หา นโยบายที่จะมารองรับผลจาก เงินก้อนนี้ที่หมดลง
หลังจากนั้น จะทำยังกับกำลังผลิตด้าน อุตสาหกรรมก่อสร้าง ในเมื่อโครงการทั้งหมดเสร็จสิ้น

ต้องทยอย เคลื่อย้ายอุตสากรรมด้านนี้มาทางบริการ หรือ หา โครงการอื่น มาต่อไปเรื่อยๆ
ปัญญาไม่มีในผู้ไม่พิจารณา

There is no fate but what we make

https://www.facebook.com/pages/คัดหุ้นซวย
prichar s.
Verified User
โพสต์: 1426
ผู้ติดตาม: 0

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ผมเองก็อยาก (นั่งรถไฟ) ไปปักกิ่งเหมือนกันครับ
แต่ไม่แน่ใจว่าชีวิตที่เหลือนี้จะมีโอกาสเป็นจริงหรือเปล่า

เรื่องยุทธศาสตร์เชื่อมต่อกับจีน ทางผ่านสู่อินเดืีย และเป็นศูนย์กลางอาเซียนนั้น
ผมได้ยินมานาน(น่าจะเกิน 10 ปีแล้ว)
ประเด็นคือ (สมมติว่าเกิดได้จริง) เหล่านี้เป็นเรื่องเศรษฐกิจพื้นฐานเชิงมหภาค การเล็งให้เห็นมองให้ทะลุ
กลุ่มธุรกิจใดจะได้ประโยชน์มากน้อย ต้องเพิ่มเข้าใจในระดับจุลภาคเข้าไปอีก
แค่นี้ก็กระเจิงกันหมดแล้ว

ตลาดหุ้นนั้น ใคร ๆ ก็ว่าสะท้อนเศรษฐกิจล่วงหน้า(6 เดือนเป็นอย่างน้อย)
แต่ส่วนตัวเห็นว่า ตลาดหุ้นมองสั้น ถึงสั้นมาก เช่น เคลื่อนไหวตามข่าวบวกข่าวลบ เสียเป็นส่วนมาก
ยิ่งประชากรตลาดหุ้นด้วยแล้ว ไม่เพียงมองสั้น ยังมองแบบเบลอ ๆ อีกด้วย
คือ ไม่ศึกษา ไม่ทำความเข้าใจ ไม่สนใจจริงจังว่าอะไรเป็นอะไร
ถ้า "เค้า" ว่าดี ก็ดีตาม "เค้า" ว่าไม่ดีก็ไม่ดีตาม แอคชั่น ที่ตามมาจึงสับสนอลม่าน
เดี๋ยวไล่ซื้อ เดี๋ยวเทขาย

กระแสของคนส่วนใหญ่มีอิทธิพลต่อทิศทางตลาดหุ้น (เล็ก ๆ) อย่างตลาดหุ้นไทย
อย่างมีนัยยะนะครับ (ตามความเห็นของผม)

แน่นอนครับว่าในระยะยาว ตลาดต้องเติบโตตามเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง
(วันนี้ เทียบกับเมื่อ 10-15 ปีก่อน เมืองไทยเปลี่ยนไปมาก-คนไทยมีเงินมากขึ้น ฯลฯ)
แต่จะมีสักกี่คนที่ตั้งใจรอ (บังเอิญรอ เผลอรอ รอไปงั้น ๆ)
เห็นมีต่อคนใจร้อน อยากมั่งคั่งเร็ว ๆ

ด้วยเหตุนี้ จำนวนคนที่ประสบความสำเร็จมั่งคั่งจากตลาดจึงเป็นเพียงคนกลุ่มน้อย
และนับวันแนวโน้มจะน้อยลงเรื่อย ๆ



+++++++++++++++++++++++++++++++++++
https://www.facebook.com/pages/Prichar- ... 0152437577
meadow
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 217
ผู้ติดตาม: 5

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 11

โพสต์

สงสัยเราต้องพิมพ์เงินออกมาใช้อัดฉีดแบบ เมกา จะไม่ต้องเป็นกังวลการหาเงินมาใช้หนี้ในอนาคต
T&T
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 95
ผู้ติดตาม: 0

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ผมเห็นด้วยกับคุณ Micky1115 ที่ว่า "ตั้งแต่ผมเกิดมาไม่มีรัฐบาลไหนไม่โกงไม่กิน" แต่ที่ประเทศเราต่างจากที่อื่นก็ตรงที่ไอ้คนที่โกงกินของเราไม่เคยต้องรับผิดหรือถูกลงโทษเลย อย่างมากก็หนีไปเสวยสุขต่างประเทศ ในขณะที่ประเทศที่เราคิดว่าล้าหลังกว่าเราอย่างจีนหรือเวียดนามนั้นยังพอที่จะเอาคนโกงมาลงโทษให้เป็นเยี่ยงอย่างได้ สำหรับผมตรงนี้เป็นข้อแตกต่างสำคัญที่จะกำหนดความเจริญรุ่งเรืองในอนาคตของเราครับ และสำหรับผมอนาคตของเราน่าจะตรงข้ามกับความเจริญรุ่งเรืองครับ

เท่าที่สังเกตุประเทศที่จะเจริญได้ต้องประกอบไปด้วยส่วนต่างๆที่จะเป็นรากฐานช่วยผลักดันไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา ศาสนา สังคม การเมือง ซึ่งที่ผมแยกดูเป็นข้อๆแล้วก็ได้แต่ปลง

การศึกษา เราสู้ใครได้มั๊ย???
ศาสนา หลายคนอาจเถียงว่าพระดีๆมีอีกเยอะ แต่ผมมั่นใจว่าหลายคนเข้าใจว่าผมจะบอกอะไร???
สังคม คนสมัยนี้เห็นแก่ตัวน้อยลง??? สามัคคีปรองดองเอาประโยชน์ของชาติเป็นหลัก???
การเมือง คงไม่ต้องอธิบายมั๊ง???

นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมก็คือ "การทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ซึ่งผมเสียใจที่จะบอกว่าในประเทศนี้หาดูยาก ผมมีคนรู้จักรับราชการตำแหน่งค่อนข้างสูงถูกหัวหน้าบังคับให้เซ็นอนุมัติสั่งซื้อของมูลค่าหลักร้อยล้านบาท แต่ไม่ยอมเซ็นเพราะรู้ว่ามีการคอรัปชั่นเลยถูกแกล้งต่างๆนาๆและถูกย้ายในที่สุด ท่านใกล้เกษียนแล้วเลยไม่อยากมีเรื่องเพราะอาจไม่ได้เกษียนดังหวังและอายุก็มากแล้ว นี่เป็นแค่หนึ่งในตัวอย่างที่มีให้เห็นทั่วไปในระบบราชการ แล้วใครมันจะกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องละครับ แล้วใครมันจะอยากทำดีละครับ แล้วประเทศมันจะเจริญยังไงละครับ ในทางกลับกันคนที่ทำชั่วแล้วได้ดีมีให้เห็นทั่วไป มีหน้ามีตาออกทีวีมีคนสรรเสริญ สิ่งแวดล้อมในประเทศนี้มันไม่เอื้อให้คนทำดีจริงๆ

ปรกติที่ประเทศอื่นเห็นตำรวจแล้วอุ่นใจ แต่ที่นี่เห็นแล้วตกใจไม่รู้จะโดนไถหรือยัดข้อหารึเปล่าเหมือนที่เป็นข่าว ตามถนนหนทางรถวิ่งสวนเลนมีให้เห็นทั่วไป แถมกระพริบไฟบีบแตรไล่พวกมาถูกทางซะอีก ตำรวจคงกำลังยุ่งกับการตั้งด่านอยู่???

น้องใบเตยอาร์สยามกล้าทำก็กล้าพูด กลับถูกผู้ใหญ่บอกว่าโง่ พูดไม่คิด แล้วก็ยอมรับผิดที่พูดความจริง ซึ่งทำให้ผมงงมาก แล้วผู้ใหญ่ก็บอกว่าทีหลังอย่าทำอีก (อย่าพูดความจริงอีก) ทั้งๆที่เราพรํ่าสอนกันมาว่าโกหกเป็นสิ่งไม่ดี ในเมื่อพวกเราไม่เคยเชื่อในสิ่งที่เราสอนแล้วเด็กที่ไหนมันจะเชื่อ สิ่งที่ถูกกับสิ่งที่ผิดในสังคมเราทุกวันนี้มันถูกบิดเบือนจนบางครั้งมันกลับกันไปหมด แล้วถ้าเมื่อไหร่ที่ความดีกับความเลวมันแยกกันไม่ออกเมืองไทยคงอยู่ยากกว่านี้อีกมาก

เราคงเจริญได้แค่ตราบที่เรายังสามารถกู้เงินก้อนโตมาลงทุนได้อย่างต่อเนื่องเท่านั้นเองครับ
Seattle
Verified User
โพสต์: 1119
ผู้ติดตาม: 0

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 13

โพสต์

micky1115 เขียน:GDP = C + I + G + (X - M)

Cถูกกระตุ้นด้วนโยบายบ้านหลังแรก รถคันแรก

Gถูกกระตุ้นด้วย 2.2 ลล

X-M เป็นไปตามกลไลตลาดโลก ที่ตอนนี้สถานการณ์จะค่อยๆดีขึ้น เพราะประเทศยักษ์ใหญ่

เริ่มส่งสัญญานฟื้นตัว

I เมื่อภาคเอกชนเห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้น การลงทุนก้จะมากขึ้นตามไปเอง

ปีหน้าหลัง 2.2 ลล เราจะค่อยๆเชิดหัวขึ้น สู่การบินในโหมด 40000ฟุต
ไปเอาข้อมูลมาจากไหนครับ คิดเองเออเอง มันจะหลงทางได้ง่าย

มีแหล่งที่มาข้อมูลแต่ละตัวไหมครับ อันตรายมากๆเลยนะถ้าคิดหยาบๆแบบนี้

การมองภาพเศรษฐกิจโดยรวม มันไม่ง่ายอย่างที่พิมพ์มาเลยครับ

ไม่ว่า ธปท TDRI และ หน่วยงานเศรษฐกิจระดับประเทศยังไม่กล้าสรุปง่ายๆแบบนี้เลย

ไปอ่านข่าวเศรษฐกิจตามหน้า นสพ มาแล้วเหมาสรุปง่ายๆ ผมว่ามันสรุปไปคนละทิศคนละทางนะครับ
PLUSLOVE
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1524
ผู้ติดตาม: 3

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 14

โพสต์

Seattle เขียน:
micky1115 เขียน:GDP = C + I + G + (X - M)

Cถูกกระตุ้นด้วนโยบายบ้านหลังแรก รถคันแรก

Gถูกกระตุ้นด้วย 2.2 ลล

X-M เป็นไปตามกลไลตลาดโลก ที่ตอนนี้สถานการณ์จะค่อยๆดีขึ้น เพราะประเทศยักษ์ใหญ่

เริ่มส่งสัญญานฟื้นตัว

I เมื่อภาคเอกชนเห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้น การลงทุนก้จะมากขึ้นตามไปเอง

ปีหน้าหลัง 2.2 ลล เราจะค่อยๆเชิดหัวขึ้น สู่การบินในโหมด 40000ฟุต
ไปเอาข้อมูลมาจากไหนครับ คิดเองเออเอง มันจะหลงทางได้ง่าย

มีแหล่งที่มาข้อมูลแต่ละตัวไหมครับ อันตรายมากๆเลยนะถ้าคิดหยาบๆแบบนี้

การมองภาพเศรษฐกิจโดยรวม มันไม่ง่ายอย่างที่พิมพ์มาเลยครับ

ไม่ว่า ธปท TDRI และ หน่วยงานเศรษฐกิจระดับประเทศยังไม่กล้าสรุปง่ายๆแบบนี้เลย

ไปอ่านข่าวเศรษฐกิจตามหน้า นสพ มาแล้วเหมาสรุปง่ายๆ ผมว่ามันสรุปไปคนละทิศคนละทางนะครับ

ผมไม่เคยไปอ่านข่าวหนังสือพิมพ์แล้วค่อยเขียนทัศนะครับ แต่ผมจะเขียนทัศนะก่อนที่

หนังสือพิมพ์จะเขียนข่าว ผมมองไปข้างหน้าก่อน เดินก่อนคิดก่อน และเห็นก่อน

ถึงมันจะดูหยาบๆง่ายๆ แบบคนไม่ประสีประสา แต่บางที ความง่ายก้ดีที่สุดครับ

คุณ seatle ลองย้อนในกระทู้ IT SIAM ดูครับ จะรู้เองว่าผมมองไปข้างหน้าก่อนกี่เดือน
ภาพประจำตัวสมาชิก
anubist
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1373
ผู้ติดตาม: 7

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 15

โพสต์

micky1115 เขียน:GDP = C + I + G + (X - M)

Cถูกกระตุ้นด้วนโยบายบ้านหลังแรก รถคันแรก

Gถูกกระตุ้นด้วย 2.2 ลล

X-M เป็นไปตามกลไลตลาดโลก ที่ตอนนี้สถานการณ์จะค่อยๆดีขึ้น เพราะประเทศยักษ์ใหญ่

เริ่มส่งสัญญานฟื้นตัว

I เมื่อภาคเอกชนเห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้น การลงทุนก้จะมากขึ้นตามไปเอง

ปีหน้าหลัง 2.2 ลล เราจะค่อยๆเชิดหัวขึ้น สู่การบินในโหมด 40000ฟุต
Cบ้านหลังแรก รถคันแรก มันแผ่วไปแล้วนี่ครับ แล้วโครงการก็มีแค่ปีเดียว
หนี้ครัวเรือนก็กว่า80% ถึงต่อโครงการ จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อของใหญ่ๆอีก

G2.2ล้านๆ จริงแล้วคือปีละ 3แสนล้าน 7ปีไม่ใช่เหรอครับ

X-M ยังคงต้องรอดูอีกสักพักนะครับ เมกาเพิ่งshutdownไป(เพื่อจะเปิดอีกรอบก็ตาม)
อิตาลีที่ปัญหาหนักๆ นักการเมืองอย่างเบลุสโคนี่ที่เคยบอกร่วมรัฐบาลเพิ่งสั่งไม่ยกมือให้รัฐบาลแล้ว

I เอกชนเพิ่งลงทุนหนักปี54เพื่อทดแทนของเดิม
แต่อย่าลืมว่าการลงทุนตรงนี้เป็นเครื่องจักรใหม่ที่ประสิทธิ์ภาพดีกว่าเดิม
ฉนั้นถ้าไม่มีสัญญาณการเติบโตแบบแรงๆ คงไม่มีการลงทุนใหญ่ๆ

ผมเห็นด้วยที่2.2ล้านๆจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ผลคงไม่ได้ออกมาเร็วๆนี้
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
TTCFZO
Verified User
โพสต์: 6
ผู้ติดตาม: 0

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ผมขอแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติ่มจากที่พิมพ์ไว้ข้างบนแล้ว

ผมจะเกริ่นนำในเชิง"ประวัติศาสตร์"กว้างๆในเรื่องการเมืองการปกครองที่มีปัญหา
ผมขอย้อนไปสมัยยุคกรุงศรีอยุธยาเลย ประมาณ300ปีก่อน
ถ้าผมเกิดสมัยนั้นคงไม่คิดว่าอีกหลายๆรุ่น หลายชั่วอายุคนต่อมา ลูกหลายผมจะนั่งกดคอมพิวเตอร์อยู่แบบนี้ได้
ตอนนั้นบ้านเมืองแตกแยกมากมาย ไหนจะศึกสงครามจากต่างแดนและการก่อกบฏภายใน
มีการแย่งชิงความเป็นใหญ่ มีผู้อื่นที่ไม่ได้เป็นผู้สืบทอดการครองแผ่นดิน แต่กลับมาอ้างสิทธิในราชบัลลังค์
และมีหลายราชวงในแผ่นดินเดียวกัน การเปลี่ยนแผ่นดินหลายครั้งมาจาการนองเลือด และประเทศเคยสูญเสียเอกราช
ให้กับประเทศเพื่อนบ้าน

มายุคนี้เราเริ่มมีเรื่องราวทางการเมืองที่ไม่สงบและมีเรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้นในบ้านเมืองมากมายแบบนี้
ก็ตั้งแต่ตอนเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 โดยคณะคณะราษฎร ทำการการปฏิวัติสยาม
ให้เป็นประชาธิไตยจนมาถึงปัจจุบัน ก็มีความแตกแยกมาตลอด มีการใช้อานาจที่อ้างว่าได้มาจากประชาชน
กระทำการต่างๆมากมาย มีการเข้าสู่อำนาจโดยการยึดอนาจเป็นการการรัฐประหาร 12ครั้ง และมีการรัฐประหารไม่สำเร็จ
จึงกลายเป็นกบฏ อีก12ครั้ง รวมเป็น24ครั้งภายใน81ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยจะมีก่อการ ประมาณทุกๆ3ปี

เรื่องการแย่งชิงอำนาจความเป็นใหญ่ โดยการผิดกฎหมายบ้านเมืองที่ร้ายแรงที่สุด ผู้กระทำหรือมีส่วนร่วมทั้งหมด
มีโทษถึงขั้นเป็นกบฏต่อแผ่นดินต่อประเทศ ผมพอจะมองออกเลยว่าการใช้ความพยายาม
ในการแย่งชิงอำนาจกันสูงขนาดนั้น และบ่อยขนาดนั้น อำนาจที่ได้มาคงจะหอมหวาน
คงจะมีผลประโยชน์แอบแฝง และมีผลประโยชน์จากการทุจริตอยู่ไม่น้อย ผมว่าลองไปย้อนดูประวัติศาสตร์แบบนี้กับแทบทุกๆประเทศ
ก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่น้อยกว่าบ้านเราครับ แต่เขาก็พัฒนาเปลี่ยนแปลงกันขึ้นมาได้จุดสำคัญมันน่าจะอยู่ตรงนี้ ว่าเขาพัฒนาและเปลี่ยนแปงได้อย่างไร

หลายคนหวังให้นักการเมืองไม่ว่าจะฝ่ายไหนในปัจจุบันดีขึ้นมาบ้าง
หรือจะไปหวังให้การตรวจสอบของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการหรือดำเนินคดีต่างๆ ให้ทำอย่างเด็ดขาดและให้ได้ผล
หรือหวังให้ประชาชนได้เกิดการเรียนรู้ที่จะเลือกนักการเมืองที่ดี และหวังให้ประชาชนไม่หวังแต่ผลประโยยชน์ที่ตัวเองจะได้เฉพาะหน้าคือกการซื้อเสียง
หรือหวังผลประโยชน์จากโนยบายต่างๆที่นักการเมืองจะให้ ที่หวังจะให้สิ่งเหล่านี้ดีขึ้นมา ทุกคนหวังอยู่แล้ว
แต่ผมขอหวังอีกอย่าง คือ

หวังอยากให้คนไทยที่"เก่งและดี"ที่เป็นผู้บริหาร ตามบริษัทใหญ่ๆดังๆในประเทศเราหรือที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ
ที่ที่มีเงินเดือนหลายแสนหรือเป็นล้านตอนนี้ ซึ่งเรียนเก่งมากหรือจบนอก ถ้าเขาอยากเห็นความเจริญของประเทศ ผมอยากให้เขามี"แนวคิด"
ที่จะเสียสละตัวเองในด้านภาระหน้าที่ซึ่งสำคัญในบริษัทนั้น และเสียสละที่ตัวเองจะได้ผลตอบแทนมากๆ
จากที่เขาทำงานอยู่ แล้วเข้ามาทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม ด้วยการเข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมืองต่างๆ
และเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารประเทศ ผมอยากเห็นแบบนี้บ้างในช่วงนี้ของปรเทศเรา ตอนนี้ผู้บริหารรุ่นใหม่ๆในบริษัทต่างๆ
ก็มีมากขึ้นมาเยอะนะครับ

กลับมาเรื่องเรื่องเศรษฐกิจ ในมุมมองของผม ทุกประเทศก็มีปัญหาครับ ประเทศกำลังพัฒนา ก็มีความไม่พร้อมและมีปัญหา
ทางด้านพื้นฐานและโครงสร้างหลายๆอย่างรายละเอียดขอข้ามไป ส่วนประเทศที่พัฒนาแล้วก็มีปัญหาเหมือนกันคือ
พัฒนามาเต็มขั้นแล้ว พัฒนาต่อเพิ่มไปอีกก็ยากมาก เหลือแต่การคงสถานะที่พัฒนาแล้ว เอาไว้

แต่แทบทุกประเทศมีการกู้เงินและยังเป็นหนี้กันอยู่ครับ และก็กู้เพิ่มกันตลอด พันธบัตรรัฐบาลก็ยังออกมาเรื่อยๆ
และบางประเทศแม้แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วก็มีการกู้เงินที่มากมายมหาศาล กู้ไปเรื่อยๆถึงแม้หนี้จะทะลักแล้วก็ตาม

ส่วนเล็กลงมามองถึงบริษัทจดทะเบียน แทบจะไม่มีบริษัทไหนไม่กู้เงิน ล่าสุดบางบริษัทของไทยเราที่ร้านสะดวกซื้อที่ไม่ใหญ่มาก
แต่มีสาขาเยอะมากอยู่ทั่วประเทศ ไปกู้เงินจากนอกมาซื้อไปซื้อบริษัทจดทะเบียนอีกแห่งที่ทำห้างใหญ่เน้นขายสินค้าให้ได้ราคาส่ง

ในระบบเศรษฐกิจมีเรื่องของนำทุนต่อไปต่อทุน คือมีกำไรก็ขยายลงทุนเพิ่ม แต่หลายๆอย่างมันเป็นเรื่องการดึงเงินในอนาคตมาใช้
เป็นการก่อหนี้ไปต่อทุน (หรือหนี้ไปต่อหนี้อีกก็มี) เพื่อที่จะเติบโตและขยายก่อนในระยะสั้นนี้
เพราะอยากจะอาจจะชิงความได้เปรียบเอาไว้ก่อน หรือเพราะเห็นโอกาสและพื้นฐานจริงๆ แต่ก็ต้องดูเรื่องความเสี่ยงด้วยเช่นกัน

สุดท้ายผมเชื่อ ทุกเรื่องที่เน่าเฟะในประเทศเราต้องมีการพัฒนาไปเรื่อยๆในทางที่ดี ผมเชื่อแบบนั้น
แต่จะพัฒนาไปจนดีมากขนาดไหนผมก็ไม่ได้คาดหวัง ซึ่งตราบใดที่พื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจ
และพื้นฐานในการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐาน ในประเทศเรายังมีอยู่ ซึ่งเราไม่ต้องไปซื้อนำเข้ามาซะหมดทุกอย่าง
ทำให้เราก็ยังมีชีวิตและครองสติปัญญากันอยู่ได้ การพัฒนาก็ต้องมีครับ การแข่งขันแก่งแย้งชิงดีก็ต้องมีต่อไป
การเรียนรู้และการปรับตัวของคนต้องเกิดขึ้น เผ่าพันธุ์มนุษย์เราวิวัฒนาการมากมากหลายแสนหลายล้านปี

ปล.เราเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา และมีช่องว่างเหลือให้พัฒนาขึ้นไปอีกเยอะ พื้นฐานเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีและมีเพิ่มหรือพัฒนาขึ้นไปเช่นกัน
แม้แต่เรื่องหุ้นในที่นี้ เราก็ดูพื้นฐานและเน้นที่คุณค่าที่มี ในการที่จะเลือกลงทุน แต่มันไม่มีอะไรแน่นอนทุกอย่างมีความเสี่ยง
และตนแลเป็นที่พึ่งของตน คนเราชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไปครับ
Seattle
Verified User
โพสต์: 1119
ผู้ติดตาม: 0

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 17

โพสต์

micky1115 เขียน: ผมไม่เคยไปอ่านข่าวหนังสือพิมพ์แล้วค่อยเขียนทัศนะครับ แต่ผมจะเขียนทัศนะก่อนที่

หนังสือพิมพ์จะเขียนข่าว ผมมองไปข้างหน้าก่อน เดินก่อนคิดก่อน และเห็นก่อน

ถึงมันจะดูหยาบๆง่ายๆ แบบคนไม่ประสีประสา แต่บางที ความง่ายก้ดีที่สุดครับ

คุณ seatle ลองย้อนในกระทู้ IT SIAM ดูครับ จะรู้เองว่าผมมองไปข้างหน้าก่อนกี่เดือน
ผมไปลองไล่อ่านอีกรอบอย่างละเอียดใน หุ้น ไอทีซิตี้ มาครับตามที่คุณบอกมา แต่หุ้น SIAM ผมไม่ได้สนใจเลยไม่ได้ไปอ่าน

เท่าที่ไล่อ่านมาผมไม่เห็นข้อความไหนเลย ที่แสดงว่าคุณ micky1115 เห็นเหตุการณืก่อนคนอื่นๆ หรือ แสดงวิสัยทัศน์ในการประเมิน

แนวโน้มในอนาคตที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตก่อนคนอื่นๆเลย เท่าที่เห็นโฟสมาส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่ใครๆก็เห็นกันอยู่แล้ว เป็นสิ่งเกิด

ขึ้นไปแล้วทั้งนั้นเลย แต่คุณเอาข้อมูลนั้นๆมาโฟสซ้ำที่หลังคนอื่นๆเสมือนเตือนคนโน้นที เตือนคนนี้ที มันก็มีประโยชน์ในระดับหนึ่งเท่า

นั้น ถ้าคุณสามารถเห็น หรือ คาดการณ์ได้ก่อนใครอื่นจริงๆ ผมน่าจะเคยอ่านเจอแต่ผมยังไม่เคยเห็นเลยจริงๆครับ

มันไม่ง่ายหรอกครับ ที่คุณจะสามารถประเมินอนาคตได้ง่ายๆ ไม่งั้นก็รวยกันทั้งโลกแล้วละครับ ที่บอกมานี่เพราะไม่อยากจะให้หลงทาง

ไปไกลมากกว่านี่ ไม่ได้มีเหตุผลอื่นใดเลยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
anubist
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1373
ผู้ติดตาม: 7

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 18

โพสต์

ลองอ่านSCBEIC Outlook Q3/56ก่อนนะครับ
แม้จะค่อนข้างเก่าสักนิด ฉบับใหม่กำลังจะออก แต่ก็พอกล้อมแกล้มได้
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
anubist
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1373
ผู้ติดตาม: 7

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 19

โพสต์

ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
TTCFZO
Verified User
โพสต์: 6
ผู้ติดตาม: 0

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 20

โพสต์

ในระสั้น1-2ปี เรื่องเศรษฐกิจคาดการณ์ยากมากๆ วิธีแก้ของผมคือไม่คาดการณ์เลย
หรือมองยาวๆและมองกว้างๆ5-10ปี ว่าเขาจะดีสุดหรือจะแย่สุดกันตอนไหนและก็แค่ติดตามไปเรื่อย
เน้นดูพื้นฐานธรรมดาๆที่เป็นเรื่องใหญ่ๆที่ผลจริงๆก็พอ ซึ่งก็คล้ายๆหุ้นครับ

แต่ผมให้น้ำหนักเรื่องเศรษฐกิจไม่ได้เยอะนะครับ หลักๆขอแค่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดีมากน้อยแค่ไหนในตอนนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ii'8N
Verified User
โพสต์: 3682
ผู้ติดตาม: 7

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 21

โพสต์

....

[youtube]tKufaHVx-zc[/youtube]
Artofid
Verified User
โพสต์: 86
ผู้ติดตาม: 0

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 22

โพสต์

ส่วนตัวคิดว่า ค่าแรง 300 บาท อาจจะคงเดิม คือ ตอนนี้เราขาดแรงงาน ต้องง้อ แต่หากเปิด AEC ให้แรงงานต่างชาติเข้ามาได้ง่ายหน่อย คิดว่า คงมีแรงงานอยากเข้ามาเยอะ พอคนเยอะ ก็ไม่ต้องขึ้นค่าแรงเพื่อง้อก็ได้มังครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
anubist
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1373
ผู้ติดตาม: 7

Re: เดินหน้าสู่ปักกิ่งในมุมมองของผม สู่ความเจริญรุ่งเรืองใน

โพสต์ที่ 23

โพสต์

Artofid เขียน:ส่วนตัวคิดว่า ค่าแรง 300 บาท อาจจะคงเดิม คือ ตอนนี้เราขาดแรงงาน ต้องง้อ แต่หากเปิด AEC ให้แรงงานต่างชาติเข้ามาได้ง่ายหน่อย คิดว่า คงมีแรงงานอยากเข้ามาเยอะ พอคนเยอะ ก็ไม่ต้องขึ้นค่าแรงเพื่อง้อก็ได้มังครับ
ไม่อยากได้แรงงานราคาถูก แต่มาเบียดเบียนโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค การศึกษา การแพทย์ครับ
แล้วยังมีปัญหาด้านอาชญากรรมที่นับวันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
แรงงานต่างด้าวเหล่านี้ต้นทุนชีวิตต่ำ ก่อคดีแล้วก็หนีข้ามฝั่งไป เรื่องเงียบก็กลับมาก่อเรื่องต่อ
ผมอยากให้แรงงานไทยน้อยๆแต่มีคุณภาพ สามารถยกระดับproductivityของประเทศขึ้นได้
เพื่อได้มีค่าตอบแทนสูงๆ ต้นทุนชีวิตสูง แรงจูงใจในการก่ออาชญากรรมลดลง

การมีแรงงานน้อยก็มีข้อดีคือ เป็นการบีบให้บ.ห้างร้านต่างๆพยามหาวิธีการเิ่พิ่มคุณภาพคนในองค์กร
นอกจากดึงคนเก่งจากบ.อื่นอย่างเดียว เพราะต้นทุนการปั้นคนเก่งจะต่ำกว่าการดึงคนจากบ.อื่น
ส่วนคนเก่งก็ได้เงินเดือนสูง เป็นการสร้างแรงจูงใจในคนรอบข้างพยามพัฒนาตัวเอง
เพราะอยากได้เงินเดือนสูงๆบ้าง
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
โพสต์โพสต์