อดีตที่ฝ่าฟัน อนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์ (SSI) เชื่อได้หรือไม่

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
lb
Verified User
โพสต์: 440
ผู้ติดตาม: 0

อดีตที่ฝ่าฟัน อนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์ (SSI) เชื่อได้หรือไม่

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ทุกคนที่ลงทุนในหุ้นตัวนี้ คงรู้ว่าตั้งแต่เริ่มต้น บริษัทได้ฝ่าฟันอุปสรรคมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลท้องถิ่น มวลชล นักการเมือง จนมาระยะหนึ่งก็ดีขึ้นมีกำไรที่พอจ่ายปันผลได้ แล้วก็มาจับโรงถลุง ที่ถลุงเงินบริษัทไปจนแทบไม่เหลือจนต้องเพิ่มทุนหลายต่อหลายครั้ง
และมาวันนี้(ในวันที่แถลง Opportunity Day & Company Highlights ) ว่าบริษัทจะเริ่มมีกำไรแล้ว ตามสรุปที่นำมาวางไว้ท้ายนี้


SSI คาดผลประกอบ​การปี 57 พลิก​เป็นกำ​ไร หลังขาดทุนต่อ​เนื่อง

ข่าวหุ้น-​การ​เงิน สำนักข่าวอิน​โฟ​เควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม 2556 17:37:44 น.

บมจ.สหวิริยาอินดัสตรี(SSI) คาดว่าผลประกอบ​การของบริษัทจะ​เริ่ม break event ตั้ง​แต่​ไตรมาส 4/56 ​และจะ​เริ่มมีกำ​ไร​ในปี 57 หลังจากประสบกับภาวะขาดทุนอย่างต่อ​เนื่อง

นายวิน วิริยประ​ไพกิจ ประธาน​เจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ​และกรรม​การ​ผู้จัด​การ​ใหญ่ SSI ​เปิด​เผยว่า ​แนว​โน้มผลประกอบ​การ​โดยรวม​ทั้งปีบริษัทฯตั้ง​เป้าราย​ได้รวมอยู่ที่ 70,000 ล้านบาท ​และมั่น​ใจจะ​ถึงจุดคุ้มทุน​ได้​ใน​ไตรมาส 4 นี้ ​และจะพลิกกลับมา​เป็นกำ​ไร​ได้​ใน​ไตรมาส 1/57 หลังจากขาดทุนต่อ​เนื่อง ​โดย​ไตรมาส 2 ขาดทุน​แล้ว 465 ล้านบาท ​ซึ่งขะกลับมา​เป็นกำ​ไร​ได้​เนื่องจาก​โครง​การ PCI สามารถช่วยลดต้นทุน​การผลิต​ได้

​ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่าปริมาณ​การขาย​แผ่น​เหล็กรีดร้อน​ในประ​เทศ​ทั้งปีจะอยู่ที่ 2.7 ล้านตัน ​เพิ่มขึ้น 8.3% จากปี 55 อยู่ที่ 2.5 ล้านตัน ​และจากตลาดรวม​ทั้งหมด​ในประ​เทศอยู่ที่ 7.7 ล้านตัน ​โดยปัจจุบันมีสัดส่วน​การตลาดอยู่ที่ 30%

นอกจากนี้ ปริมาณ​การขาย​แผ่น​เหล็กรีดร้อน(HRC)ของบริษัท​ใน​ไตรมาส 3/56 จะกลับสู่ภาวะปกติ ​โดยราคาขาย HRC ​และราคา Slab มี​แนว​โน้มลดลง​เล็กน้อย​ในช่วงต้น​ไตรมาส หลังจากนั้นจะ​เริ่มปรับตัวดีขึ้น​ในปลาย​ไตรมาส ส่งผล​ให้ HRC Roling Margin จะอยู่ที่ 14-16% ​และคาดว่าปริมาณ​การขาย Slab จะ​เพิ่มขึ้น​เล็กน้อย ​โดย​เป็น​การขาย​ให้บุคคลภายนอกประมาณ 50% ของยอดขายรวม ราคาขาย​เฉลี่ยปรับตัวลดลงประมาณ 10% ​เมื่อ​เทียบกับ​ไตรมาสก่อน ​ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลดลงจากผลของ​โครง​การ PCI ​โดย Slab Margin คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 19-21%

"​ทั้งปีมองว่าคงจะมี​แค่​ไตรมาส 2 ที่มี​แนว​โน้มลดลง ​ซึ่งขณะนี้ราคา​เหล็ก​เริ่มกลับมาดีขึ้น ยอดขาย​ไตรมาส 3-4 น่าจะกลับมา​ทำยอดขาย​ได้​เหมือน​เดิม ตัว PCI ​เริ่ม​เดิน​เครื่อง​ได้ตาม​แผน​ซึ่งจะส่งผล​ให้มีต้นทุนต่ำลง ​โดยขณะนี้มีกำลัง​การผลิตอยู่ที่ 9,000 ตัน/วัน ​และอยาก​เห็นกำลัง​การผลิตอยู่ที่ 10,000 ตัน/วัน​ในต้นปีหน้า

ส่วน SSI UK มี​แนว​โน้มขาดทุนลดลง ​เนื่องจากมีกำลังซื้อจากกลุ่มประ​เทศที่อยู่​แอต​แลนติกส์​เพิ่มขึ้น อย่าง​ไร​ก็ตามยังคงกังวลต่อสถาน​การทาง​การ​เมือง ​และภัยธรรมชาติ ​โดย​เฉพาะน้ำท่วม หาก​ไม่​เกิด​เหตุ​การณ์ตรงนี้จะ​ทำ​ให้ยอดขายดีขึ้น สำหรับสถาน​การณ์​เศรษฐกิจ​โลกดีขึ้นมาก​เมื่อ​เทียบกับปีที่​แล้ว ​ซึ่งยัง​ไม่น่า​เป็นห่วง"

สำหรับตลาด​เหล็กภาย​ในประ​เทศ ยังอยู่​ในภาวะทรงตัว ​เนื่องจากภาค​การส่งออกยัง​ได้รับผลกระทบจาก​เศรษฐกิจ​โลกที่ชะลอตัว ประกอบกับน​โยบายกระตุ้น​เศรษฐกิจของภาครัฐลดลง ​แต่ยังมีอานิสงส์จากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ยัง​เติบ​โตดี ​โดยระดับ​การผลิตกลับสู่ภาวะปกติ ​จึงคาดว่า​ใน​ไตรมาสนี้ปริมาณ​เหล็กรีดร้อนชนิดม้วนจะอยู่ที่ 1.85 ล้านตัน ลดลง 1.6% ​เมื่อ​เทียบกับ​ไตรมาสก่อน ​แต่ปริมาณ​การผลิต​ทั้งปีจะ​เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อนที่มี 7.7 ล้านตัน

นายวิน กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรม​เหล็ก​ในตลาด​โลกจะ​เริ่มทรงตัวจาก​ไตรมาส 2/56 ​โดยต้องติดตามสถาน​การณ์ภาค​การผลิต ก่อสร้าง​และอุตสาหกรรมรถยนต์ หากส่งสัญญาณฟื้นตัวชัด​เจน จะ​เป็นปัจจัยหนุน​ให้ปริมาณ​การผลิต​ใน​ไตรมาส 3 ​เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณา​แนว​โน้ม​เศรษฐกิจของจีนที่​เป็น​ผู้นำ​เข้าสำคัญว่าจะ​เติบ​โตสูงขึ้นจาก​ไตรมาสก่อน​หรือ​ไม่ ​โดยประ​เมินว่าจีดีพีของจีน​ใน​ไตรมาส 3/56 จะ​เติบ​โตประมาณ 7.8%

ด้านราคา​เหล็ก​ใน​ไตรมาส 3/56 ประ​เมินว่าจะปรับตัวลดลง​เล็กน้อย​ในช่วงต้น​ไตรมาส ​และจะปรับตัวดีขึ้น​ในปลาย​ไตรมาส ​โดยประ​เมินกรอบราคาสิน​แร่​เฉลี่ยที่ 126-128 ​เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนราคา​เหล็ก​แท่ง​แบน​และ​เหล็ก​แผ่นรีดร้อนจะอยู่ที่ 465-475 ​เหรียญสหรัฐต่อตัน ​และ 533-563 ​เหรียญสหรัฐต่อตันตามลำดับ

​ทั้งนี้ ​แผน​การลงทุนของ SSI ยัง​เป็น​การปรับปรุง​โรงถลุง​เหล็ก SSI UK , ​โครง​การ PCI ที่คืบหน้า​ไป​แล้ว 96% ที่​เดิน​เครื่อง​ไปบางส่วน​แล้ว​เมื่อ​เดือนกรกฎาคม คาดว่าจะ​แล้ว​เสร็จภาย​ใน​เดือนกันยายน 56

อิน​โฟ​เควสท์ ​โดย สุวิมล ภูมิคำ/ศศิธร ​โทร.02-2535000 ต่อ 345 อี​เมล์: [email protected]--

ท่านมีความคิดเห็นว่า เช่นใด เมื่อได้อ่านบทความข้างต้น ( ท่านสามารถฟังและชม Opportunity Day ฉบับเต็มได้ที่ www.set.or.th )

ท่านเห็นว่าผู้บริหารมีความสามารถ ทำได้ ตามที่แถลง ได้หรือไม่ ขอความคิดเห็นอย่างมีเหตุมีผลหน่อยครับ
Try to find a  good company.
champ412
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 968
ผู้ติดตาม: 16

Re: อดีตที่ฝ่าฟัน อนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์ (SSI) เชื่อได้หรือไ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

lb เขียน:ทุกคนที่ลงทุนในหุ้นตัวนี้ คงรู้ว่าตั้งแต่เริ่มต้น บริษัทได้ฝ่าฟันอุปสรรคมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลท้องถิ่น มวลชล นักการเมือง จนมาระยะหนึ่งก็ดีขึ้นมีกำไรที่พอจ่ายปันผลได้ แล้วก็มาจับโรงถลุง ที่ถลุงเงินบริษัทไปจนแทบไม่เหลือจนต้องเพิ่มทุนหลายต่อหลายครั้ง
และมาวันนี้(ในวันที่แถลง Opportunity Day & Company Highlights ) ว่าบริษัทจะเริ่มมีกำไรแล้ว ตามสรุปที่นำมาวางไว้ท้ายนี้


SSI คาดผลประกอบ​การปี 57 พลิก​เป็นกำ​ไร หลังขาดทุนต่อ​เนื่อง

ข่าวหุ้น-​การ​เงิน สำนักข่าวอิน​โฟ​เควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม 2556 17:37:44 น.

บมจ.สหวิริยาอินดัสตรี(SSI) คาดว่าผลประกอบ​การของบริษัทจะ​เริ่ม break event ตั้ง​แต่​ไตรมาส 4/56 ​และจะ​เริ่มมีกำ​ไร​ในปี 57 หลังจากประสบกับภาวะขาดทุนอย่างต่อ​เนื่อง

นายวิน วิริยประ​ไพกิจ ประธาน​เจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ​และกรรม​การ​ผู้จัด​การ​ใหญ่ SSI ​เปิด​เผยว่า ​แนว​โน้มผลประกอบ​การ​โดยรวม​ทั้งปีบริษัทฯตั้ง​เป้าราย​ได้รวมอยู่ที่ 70,000 ล้านบาท ​และมั่น​ใจจะ​ถึงจุดคุ้มทุน​ได้​ใน​ไตรมาส 4 นี้ ​และจะพลิกกลับมา​เป็นกำ​ไร​ได้​ใน​ไตรมาส 1/57 หลังจากขาดทุนต่อ​เนื่อง ​โดย​ไตรมาส 2 ขาดทุน​แล้ว 465 ล้านบาท ​ซึ่งขะกลับมา​เป็นกำ​ไร​ได้​เนื่องจาก​โครง​การ PCI สามารถช่วยลดต้นทุน​การผลิต​ได้

​ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่าปริมาณ​การขาย​แผ่น​เหล็กรีดร้อน​ในประ​เทศ​ทั้งปีจะอยู่ที่ 2.7 ล้านตัน ​เพิ่มขึ้น 8.3% จากปี 55 อยู่ที่ 2.5 ล้านตัน ​และจากตลาดรวม​ทั้งหมด​ในประ​เทศอยู่ที่ 7.7 ล้านตัน ​โดยปัจจุบันมีสัดส่วน​การตลาดอยู่ที่ 30%

นอกจากนี้ ปริมาณ​การขาย​แผ่น​เหล็กรีดร้อน(HRC)ของบริษัท​ใน​ไตรมาส 3/56 จะกลับสู่ภาวะปกติ ​โดยราคาขาย HRC ​และราคา Slab มี​แนว​โน้มลดลง​เล็กน้อย​ในช่วงต้น​ไตรมาส หลังจากนั้นจะ​เริ่มปรับตัวดีขึ้น​ในปลาย​ไตรมาส ส่งผล​ให้ HRC Roling Margin จะอยู่ที่ 14-16% ​และคาดว่าปริมาณ​การขาย Slab จะ​เพิ่มขึ้น​เล็กน้อย ​โดย​เป็น​การขาย​ให้บุคคลภายนอกประมาณ 50% ของยอดขายรวม ราคาขาย​เฉลี่ยปรับตัวลดลงประมาณ 10% ​เมื่อ​เทียบกับ​ไตรมาสก่อน ​ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลดลงจากผลของ​โครง​การ PCI ​โดย Slab Margin คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 19-21%

"​ทั้งปีมองว่าคงจะมี​แค่​ไตรมาส 2 ที่มี​แนว​โน้มลดลง ​ซึ่งขณะนี้ราคา​เหล็ก​เริ่มกลับมาดีขึ้น ยอดขาย​ไตรมาส 3-4 น่าจะกลับมา​ทำยอดขาย​ได้​เหมือน​เดิม ตัว PCI ​เริ่ม​เดิน​เครื่อง​ได้ตาม​แผน​ซึ่งจะส่งผล​ให้มีต้นทุนต่ำลง ​โดยขณะนี้มีกำลัง​การผลิตอยู่ที่ 9,000 ตัน/วัน ​และอยาก​เห็นกำลัง​การผลิตอยู่ที่ 10,000 ตัน/วัน​ในต้นปีหน้า

ส่วน SSI UK มี​แนว​โน้มขาดทุนลดลง ​เนื่องจากมีกำลังซื้อจากกลุ่มประ​เทศที่อยู่​แอต​แลนติกส์​เพิ่มขึ้น อย่าง​ไร​ก็ตามยังคงกังวลต่อสถาน​การทาง​การ​เมือง ​และภัยธรรมชาติ ​โดย​เฉพาะน้ำท่วม หาก​ไม่​เกิด​เหตุ​การณ์ตรงนี้จะ​ทำ​ให้ยอดขายดีขึ้น สำหรับสถาน​การณ์​เศรษฐกิจ​โลกดีขึ้นมาก​เมื่อ​เทียบกับปีที่​แล้ว ​ซึ่งยัง​ไม่น่า​เป็นห่วง"

สำหรับตลาด​เหล็กภาย​ในประ​เทศ ยังอยู่​ในภาวะทรงตัว ​เนื่องจากภาค​การส่งออกยัง​ได้รับผลกระทบจาก​เศรษฐกิจ​โลกที่ชะลอตัว ประกอบกับน​โยบายกระตุ้น​เศรษฐกิจของภาครัฐลดลง ​แต่ยังมีอานิสงส์จากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ยัง​เติบ​โตดี ​โดยระดับ​การผลิตกลับสู่ภาวะปกติ ​จึงคาดว่า​ใน​ไตรมาสนี้ปริมาณ​เหล็กรีดร้อนชนิดม้วนจะอยู่ที่ 1.85 ล้านตัน ลดลง 1.6% ​เมื่อ​เทียบกับ​ไตรมาสก่อน ​แต่ปริมาณ​การผลิต​ทั้งปีจะ​เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อนที่มี 7.7 ล้านตัน

นายวิน กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรม​เหล็ก​ในตลาด​โลกจะ​เริ่มทรงตัวจาก​ไตรมาส 2/56 ​โดยต้องติดตามสถาน​การณ์ภาค​การผลิต ก่อสร้าง​และอุตสาหกรรมรถยนต์ หากส่งสัญญาณฟื้นตัวชัด​เจน จะ​เป็นปัจจัยหนุน​ให้ปริมาณ​การผลิต​ใน​ไตรมาส 3 ​เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณา​แนว​โน้ม​เศรษฐกิจของจีนที่​เป็น​ผู้นำ​เข้าสำคัญว่าจะ​เติบ​โตสูงขึ้นจาก​ไตรมาสก่อน​หรือ​ไม่ ​โดยประ​เมินว่าจีดีพีของจีน​ใน​ไตรมาส 3/56 จะ​เติบ​โตประมาณ 7.8%

ด้านราคา​เหล็ก​ใน​ไตรมาส 3/56 ประ​เมินว่าจะปรับตัวลดลง​เล็กน้อย​ในช่วงต้น​ไตรมาส ​และจะปรับตัวดีขึ้น​ในปลาย​ไตรมาส ​โดยประ​เมินกรอบราคาสิน​แร่​เฉลี่ยที่ 126-128 ​เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนราคา​เหล็ก​แท่ง​แบน​และ​เหล็ก​แผ่นรีดร้อนจะอยู่ที่ 465-475 ​เหรียญสหรัฐต่อตัน ​และ 533-563 ​เหรียญสหรัฐต่อตันตามลำดับ

​ทั้งนี้ ​แผน​การลงทุนของ SSI ยัง​เป็น​การปรับปรุง​โรงถลุง​เหล็ก SSI UK , ​โครง​การ PCI ที่คืบหน้า​ไป​แล้ว 96% ที่​เดิน​เครื่อง​ไปบางส่วน​แล้ว​เมื่อ​เดือนกรกฎาคม คาดว่าจะ​แล้ว​เสร็จภาย​ใน​เดือนกันยายน 56

อิน​โฟ​เควสท์ ​โดย สุวิมล ภูมิคำ/ศศิธร ​โทร.02-2535000 ต่อ 345 อี​เมล์: [email protected]--

ท่านมีความคิดเห็นว่า เช่นใด เมื่อได้อ่านบทความข้างต้น ( ท่านสามารถฟังและชม Opportunity Day ฉบับเต็มได้ที่ http://www.set.or.th )

ท่านเห็นว่าผู้บริหารมีความสามารถ ทำได้ ตามที่แถลง ได้หรือไม่ ขอความคิดเห็นอย่างมีเหตุมีผลหน่อยครับ
ผมเคยเชื่อมาตั้งแต่แกบอกว่าปี 2555 ไตามาส 3 จะกำไร (ลองไปดูให้ห้องได้ครับ)

ตอนนี้ผมลองทำตัวเลขเองยังไงๆก็ยากครับ อย่างดีก็ EBITDA บวกเพื่อชำระหนี้ไปก่อน
jokerz
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1739
ผู้ติดตาม: 21

Re: อดีตที่ฝ่าฟัน อนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์ (SSI) เชื่อได้หรือไ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ผมคิดว่าตัวผู้บริหารมีความตั้งใจแน่วแน่ครับ แต่เป็นเพราะตัวธุรกิจที่ค่อนข้างผันผวนและคาดเดาลำบาก มีปัจจัยมากระทบเยอะ ทำให้การคาดการณ์หลายๆครั้ง ไม่ค่อยตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
raynus
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 720
ผู้ติดตาม: 0

Re: อดีตที่ฝ่าฟัน อนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์ (SSI) เชื่อได้หรือไ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ตัวธุรกิจมันผันผวนมากครั้บเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

ผมเคยเอา รายงานประจำปี + คาดการณ์ของ Nippon Steel , AM , Bluescope ,TATA
มาอ่านคาดการณ์ สถานการณ์อยู่พักใหญ่ๆ

(แน่นอนว่าผิดหมด)

รวมถึงนักวิเคราะห์ในไทยที่ปีที่แล้วทายว่าเหล็กจะเป็นขาขึ้นเต็มตัวในปีน้

ไม่มีใครทายถูกเลยครับ


ผู้บริหารมีความตั้งใจจริงหรือไม่ เรื่องนี้ก็นานาจิตตัง

ใครที่สนใจในหุ้นตัวนี้ ผมยังแนะนำให้รอดู Q3 ครับ

:mrgreen:
สายปันผลครับ

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
leaderinshadow
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1765
ผู้ติดตาม: 22

Re: อดีตที่ฝ่าฟัน อนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์ (SSI) เชื่อได้หรือไ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

แล้วประวัติผู้บริหารเป็นอย่างไรบ้างครับ
มีชื่อเสียงและชื่อเสียในวงการเป็นอย่างไรบ้าง
lb
Verified User
โพสต์: 440
ผู้ติดตาม: 0

Re: อดีตที่ฝ่าฟัน อนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์ (SSI) เชื่อได้หรือไ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอบคุณ ทุกความคิดเห็นครับ
Try to find a  good company.
lb
Verified User
โพสต์: 440
ผู้ติดตาม: 0

Re: อดีตที่ฝ่าฟัน อนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์ (SSI) เชื่อได้หรือไ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

รัฐสกัดนำเข้าเหล็กอุ้มสหวิริยา ค่ายรถยนต์โวยเจอแจ็กพอตซ้ำ

updated: 19 ก.ย. 2556 เวลา 13:07:00 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ฝุ่นตลบเก็บภาษีเหล็กรีดเย็น-รีดร้อน "นิวัฒน์ธำรง" ไฟเขียวขึ้นภาษี Safeguard ปิดประตูนำเข้าจาก 165 ประเทศ ล่าสุด "งัด" มาตรการชั่วคราวเก็บภาษี เหล็กแผ่นรีดเย็นโดนด้วย อุตสาหกรรมยานยนต์

"นิสสัน-ฮอนด้า-จีเอ็ม" โวยลั่นยื่นหนังสือรัฐเร่งแก้ปัญหา

ในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง (Safeguard) เรื่อง มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออื่น ๆ ชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่คณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง มีคำวินิจฉัยขั้นที่สุดว่า การนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออื่น ๆ มีการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นจนก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศจริง

ทั้งนี้การใช้มาตรการ Safeguard เหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออื่น ๆ เป็นผลมาจากคำร้องขอของบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน), บริษัท สหวิริยาเพลทมีล จำกัด (มหาชน), บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) และบริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้ง 4 บริษัทได้รวมกันยื่นคำร้องต่อกระทรวงพาณิชย์ จนมีการเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (Antidumping หรือ AD) สินค้าเหล็กรีดร้อนเจือโบรอนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่นำเข้าจากจีนในอัตรา 14.28% และ 19.47% มาตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2555

แต่การใช้มาตรการ AD ยังไม่สามารถป้องกันการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนราคาถูกที่สำแดงพิกัดอื่น ๆ อาทิ พิกัดเหล็กเจือโบรอน-อัลลอย เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี AD ได้ โดยปริมาณการนำเข้าในพิกัดเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออื่น ๆ (ครอบคลุมพิกัด 722530-722691) ได้เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำเข้าจากจีน

สุดท้ายบริษัทผู้ผลิตภายในประเทศทั้ง 4 บริษัทจึงยื่นคำขอให้มีการเรียกเก็บภาษี Safeguard การนำเข้าทั้งหมดใน 3 ระยะเวลานำเข้าคือสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออื่น ๆ ชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ความหนา 0.9-50.0 มิลลิเมตร ความกว้าง 100-3,048 มิลลิเมตร 1) อัตรา 44.20% ของราคา CIF สำหรับสินค้าที่นำเข้าตั้งแต่ 15 ก.ย. 2556-26 ก.พ. 2557 2) อัตรา 43.57% ของราคา CIF สำหรับสินค้าที่นำเข้า 27 ก.ย. 2556-26 ก.พ. 2558 และ 3) อัตรา 42.95% ของราคา CIF สำหรับสินค้าที่นำเข้าตั้งแต่ 27 ก.พ. 2558-26 ก.พ. 2559 จากประเทศผู้ส่งออกตามบัญชีแนบท้ายประกาศ ก.รวม 165 ประเทศ แต่มีการ "ยกเว้น" ให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ การนำเข้ามาเพื่อชุบแข็งต่อ และเหล็กเกรดพิเศษ

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานเข้ามาว่า การเรียกเก็บภาษี Safeguard ดังกล่าว เท่ากับบีบให้ผู้ใช้เหล็กแผ่นรีดร้อนต้องหันไปซื้อเหล็กจากบริษัทสหวิริยา ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน/รีดเย็นรายใหญ่ที่สุดของประเทศเพียงกลุ่มเดียว ขณะที่ผู้ผลิตอื่น ๆ อาทิ กลุ่มเจ สตีล มีปัญหาในเรื่องของสภาพคล่องและอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้จนต้องให้ผู้ใช้นำเงินมาวางก่อนการผลิต

"เรื่องที่ทุกคนกลัวก็คือ เราไม่มีทางเลือกอื่นในการต่อรองราคาเหล็กกับสหวิริยา เดิมทียังพอมีการนำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อนจากต่างประเทศเข้ามาได้บ้าง ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่า มีการนำเข้าในราคาต่ำจนทำลายอุตสาหกรรมภายในนั้น ผมยอมรับว่า จริง แต่หากผู้ผลิตภายในไม่ขึ้นราคาเกินกว่าราคาตลาดโลกไปมากมาย แถมเวลาจะขายก็ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาส่งมอบได้แบบนี้แล้ว ใครจะอยากซื้อเหล็กนำเข้าที่มีราคาใกล้เคียงกับเหล็กภายในประเทศบ้าง ที่สำคัญมีเหล็กแผ่นรีดร้อนหลายรายการหรือหลายขนาดที่ผู้ผลิตภายในประเทศไม่ผลิต หรือผลิตก็ไม่มีคุณภาพตามมาตรฐาน รายการเหล่านี้ก็ถูกเรียกเก็บภาษี Safeguard หมด" ผู้ใช้เหล็กรายหนึ่งกล่าวให้ความเห็น

ล่าสุดความพยายามในการ "ปิดตลาด" นำเข้าเหล็กได้ขยายไปสู่กรณีของเหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนด้วย หลังจากที่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะประธานคณะกรรมการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) ได้มีมติให้ขยายระยะเวลาเรียกเก็บหลักค้ำประกันมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (มาตรการชั่วคราว) สินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นที่นำเข้าจากจีน-เวียดนาม-ไต้หวัน ออกไปอีก 4 เดือน จากเดิมกำหนดให้เรียกเก็บตั้งแต่ 10 พฤษภาคม 2556 ถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2556 ให้ขยายออกไปเป็นถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2556 นั้น เพื่อรอการพิจารณาอัตราภาษี AD ขั้นสุดท้าย

ทั้งนี้มาตรการชั่วคราวจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 11.76% ของราคา CIF สำหรับสินค้านำเข้าจากจีน 11.86% สำหรับสินค้านำเข้าจากเวียดนาม และ 8.76% สำหรับสินค้านำเข้าจากไต้หวัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2556 เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในตามคำร้องขอของบริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งอยู่ในเครือสหวิริยาเช่นกัน

โดยประกาศฉบับดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้ใช้เหล็กแผ่นรีดเย็นในกลุ่มยานยนต์และส่วนประกอบ ซึ่งมีการนำเข้าเหล็กชนิดนี้ประมาณปีละ 400,000 ตัน เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตภายในประเทศเองก็ไม่สามารถผลิตสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นบางพิกัดได้ แต่ผู้ผลิตเองกลับยืนยันว่า ผลิตได้ทุกประเภท ส่งผลให้ กรมการค้าต่างประเทศ ต้องจัดตั้งคณะอนุกรรมการเชี่ยวชาญพิเศษขึ้นมา และเตรียมประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นของ 2 ฝ่ายอีกครั้ง

ด้านนายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กลุ่มยานยนต์ ซึ่งเป็นผู้ใช้เหล็กรีดเย็นชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนในอุตสาหกรรมยานยนต์และส่วนประกอบ ได้เสนอให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณา "ยกเว้น" การใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นสำหรับอุตสาหกรรม

ยานยนต์และส่วนประกอบ โดยอาศัยหลักการเดียวกันกับการออกมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนจากประเทศเกาหลีและญี่ปุ่นก่อนหน้านี้

"สาเหตุที่จะต้องขอยกเว้น เพราะปัจจุบันผู้ผลิตเหล็กทำเหล็กรีดเย็นได้คุณภาพในระดับหนึ่งเท่านั้น มีบางรายการที่ยังจำเป็นต้องนำเข้า แต่อย่างเหล็กรีดร้อนต้องนำเข้าจากญี่ปุ่น ซึ่งก็ถูกจำกัดด้วยปริมาณโควตา ตามกรอบการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ซึ่งถึงแม้ว่ากรมจะยกเว้นให้สำหรับผู้ผลิตที่นำเข้าตามกฎหมายศุลกากร กฎหมายบีไอโอ แต่ก็มีปัญหาการขอคืนอากรล่าช้า ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เช่น นำเข้าเหล็กแผ่นมา ต้องมาตัดเหลือเป็นสเครปหรือเศษก็ไม่สามารถจะนำมาคำนวณขอคืนภาษีได้"

ทั้งนี้อุตสาหกรรมภายในที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศใช้มาตรการชั่วคราว ประกอบไปด้วย กลุ่มยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.), สมาคมชิ้นส่วนยานยนต์ เช่น กลุ่มนิสสัน ฮอนด้า จีเอ็ม และบริษัทกรุงเทพผลิตเหล็ก ทำลอนหลังคา ได้มีหนังสือคัดค้านการเรียกเก็บหลักประกันอากรดังกล่าวแล้ว

นายนาวา จันทนสุรคน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวยืนยันว่า บริษัทสามารถผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นป้อนอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศได้อยู่แล้ว แต่ในบางพิกัดน่าจะเป็นอุตสาหกรรมพิเศษมากกว่านั้น และทางบริษัท "ไม่มีข้อมูล" ต้องรอรับข้อมูลจากลูกค้าหรือผู้นำเข้าว่ามีความต้องการสินค้าชนิดใด และปริมาณเท่าใด แม้ว่าบางรายการจะมีความต้องการใช้น้อย ที่เป็นเหล็กชนิดพิเศษก็น่าจะบริหารจัดการได้ เนื่องจากมีศูนย์บริหารจัดการเหล็กที่ดูแลอยู่

สำหรับปริมาณผลิตของบริษัทเต็มที่คือ 1 ล้านตัน/ปี แต่เมื่อเกิดปัญหาเหล็กรีดเย็นต่างประเทศเข้ามาทุ่มตลาดส่งผลให้ปริมาณการผลิตเหลือเพียงครึ่งเดียว โดยประเทศที่เลือกฟ้องเก็บภาษีทุ่มตลาด (AD) รวม 3 ประเทศ คือจีน, เวียดนาม, ไต้หวัน ที่มีการทุ่มตลาดมากสุด อย่างไรก็ตาม ยังมีประเทศอื่น ๆ ที่มีสินค้าเหล็กรีดเย็นที่อยู่ในข่ายทุ่มตลาดเหมือนกัน เช่น อินเดีย เกาหลี

ความต้องการใช้ของอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่ที่ 1.2 ล้านตัน/ปี ในขณะที่เมื่อรวมการผลิตของบริษัทเหล็กแผนรีดเย็นกับบริษัท สยามยูไนเต็ด สตีล จำกัด จะมีกำลังผลิตรวมกันที่ 2.4 ล้านตัน/ปี ฉะนั้นในแง่ปริมาณจึงเพียงพอ การประกาศหลักประกันเบื้องต้นที่ 8-11% ของราคา C.I.F ในอัตรานี้สามารถช่วยปกป้องอุตสาหกรรมได้มากขึ้น เห็นได้ชัดจากเดิมมีการนำเข้าจากกลุ่มประเทศนี้เป็น 100,000 ตัน/เดือน แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 60,000 ตัน/เดือน อย่างจีนเคยนำเข้า 10,000 ตัน/เดือน ตอนนี้เหลือ 2,000-3,000 ตัน/เดือน

ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์www.facebook.com/prachachatทวิตเตอร์ @prachachat
Try to find a  good company.
ภาพประจำตัวสมาชิก
[v]
Verified User
โพสต์: 1402
ผู้ติดตาม: 0

Re: อดีตที่ฝ่าฟัน อนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์ (SSI) เชื่อได้หรือไ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

เป็นกลุ่มสินค้าที่ขึ้นอยู่กับราคาในตลาดโลกครับ ถ้าความต้องการกับปริมาณการผลิตไม่สอดคล้องกันราคาก็มีขึ้นๆลงๆ ถ้าอุตสาหกรรมเป็นขาขึ้นทำอะไรก็ง่ายไปหมด แต่ถ้าตลาดทรงๆราคาเหล็กก็ไม่ไปไหนหรอกครับ
champ412
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 968
ผู้ติดตาม: 16

Re: อดีตที่ฝ่าฟัน อนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์ (SSI) เชื่อได้หรือไ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ถ้าใครอยากจะวิเคราะห์บริษัทนี้จริงๆผมแนะนำว่าทำแยก 2 ส่วนง่ายกว่าครับ

ส่วนแรกที่ไทย SSI TH นั้นการทำให้กลับมากำไรไม่ยากครับ ค่า HRC spread สัก 130-150 ก็มีโอกาสไม่ยากแล้วครับ ดูจากประวัติก็ได้ครับ

สำหรับที่ SSI UK นั้น ยังไงก็กำไรยากครับ เพราะถ้าไปขุดๆดูไฟล์เก่าๆตอนที่ไปซื้อจะเห็นว่า สมมุติฐานของการเข้าซื้อนั้น SLAB spread 280 USD/TON หรือ ประมาณนั้นนะครับ ปัจจุบันยัง แค่ 100กว่าๆ

และเมื่อเอากำไรจากการดำเนินงานทั้งสองที่มารวมกันก็ประมาณเท่าทุนหรือ ดีสุดก็เขียวอ่อนๆ

แต่อย่าลืมว่าแต่ก่อน SSI ไม่เคยมีหนี้มากขนาดนี้นะครับ และยังเป็นหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นเมื่อเจอดอกเบี้ยเข้าไปจึงทำให้กลับมากำไรยากมากครับ

ปล เว้นแต่ว่าสุดท้ายจะแปลงหนี้เป็นทุนครับ
lb
Verified User
โพสต์: 440
ผู้ติดตาม: 0

Re: อดีตที่ฝ่าฟัน อนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์ (SSI) เชื่อได้หรือไ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

บริษัทรายงานว่า บริษัทเครือ สหวิริยา จำกัด ลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีก พันสองร้อยกว่าล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ .68 บาท เป็นเงิน 822,121,967.921บาท โดยทยอยซื้อ 4 วันคือวันที่ 4-10 ตุลาคม 2556

ทำไม กล้าลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุน ที่ 0.68บาท ต่อหุ้น แพงกว่าตลาดมาก หากใช้เงินจำนวนเดียวกันสามารถซื้อหุ้นได้ มากถึง สองพันกว่าล้านหุ้น แทนที่แค่พันล้านหุ้น

สงสัยว่า มันดีจริง หรือไม่จริง ทำไม ราคาในตลาด วันนี้ ราคาหุ้นละ 0.38 บาท จึงเหมือนกลับไม่มีใครซื้อมากนัก

หากว่าเรามีเงิน 800.-ล้าน ทำไมไม่ใช้เงินนั้น ลากราคาหุ้นในตลาดให้ขึ้นไปที่ 1.-บาท แล้วน่าจะทำให้ ขายหุ้นเพ่ิมทุนได้ทั้งหมด ท่านว่าจริงหรือไม่

สับสน สับสน จริง ๆ จะซื้อ หรือไม่ซื้อเพิ่มดี / 555 / ใครช่วยบอกที
Try to find a  good company.
jokerz
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1739
ผู้ติดตาม: 21

Re: อดีตที่ฝ่าฟัน อนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์ (SSI) เชื่อได้หรือไ

โพสต์ที่ 11

โพสต์

lb เขียน:บริษัทรายงานว่า บริษัทเครือ สหวิริยา จำกัด ลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีก พันสองร้อยกว่าล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ .68 บาท เป็นเงิน 822,121,967.921บาท โดยทยอยซื้อ 4 วันคือวันที่ 4-10 ตุลาคม 2556

ทำไม กล้าลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุน ที่ 0.68บาท ต่อหุ้น แพงกว่าตลาดมาก หากใช้เงินจำนวนเดียวกันสามารถซื้อหุ้นได้ มากถึง สองพันกว่าล้านหุ้น แทนที่แค่พันล้านหุ้น

สงสัยว่า มันดีจริง หรือไม่จริง ทำไม ราคาในตลาด วันนี้ ราคาหุ้นละ 0.38 บาท จึงเหมือนกลับไม่มีใครซื้อมากนัก

หากว่าเรามีเงิน 800.-ล้าน ทำไมไม่ใช้เงินนั้น ลากราคาหุ้นในตลาดให้ขึ้นไปที่ 1.-บาท แล้วน่าจะทำให้ ขายหุ้นเพ่ิมทุนได้ทั้งหมด ท่านว่าจริงหรือไม่

สับสน สับสน จริง ๆ จะซื้อ หรือไม่ซื้อเพิ่มดี / 555 / ใครช่วยบอกที
ขอก๊อปความเห็นพี่ไปแปะในห้อง ssi นะครับ เผื่อมีแนวร่วมช่วยกันถกมากขึ้น :D
lb
Verified User
โพสต์: 440
ผู้ติดตาม: 0

Re: อดีตที่ฝ่าฟัน อนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์ (SSI) เชื่อได้หรือไ

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ผมขอนำข่าวที่เป็นบทสรุปการเพิ่ทุน ซึ่งน่าจะเสร็จสิ้นการเพิ่มทุนแล้ว เพราะเห็นว่าจะลดทุนหุ้นที่ขายไม่หมด ซึ่งแสดงว่าความจำเป็นในการใช้เงินเพิ่มทุน ก็น่าจะผ่อนคลายแล้ว หรืออาจจะพอสรุปได้ว่า ภาวะขาดทุน น่าจะบรรเทา หรืออาจจะมีกำไรในปี 2557 ตามทีเขาคาดการณ์ และเขาที่อาจจะคาดการณ์ไม่ผิดอีกก็ได้ จึงกล้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนแพงกว่าราคาตลาดมาก ๆ ขอแปะไว้ เพื่อเก็บไว้ดูย้อนหลังว่าเขามีความสามารถในการคาดการณ์หรือไม่ หรือสรุปข้อมูลในภายหน้าอีกที


ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 16 ตุลาคม 2556 17:21:22 น.


นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) กล่าวว่า เอสเอสไอได้ดำเนินการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสร็จสิ้นไปแล้วเป็นจำนวน รวม 13,829.55 ล้านหุ้น ประกอบด้วย กลุ่มสหวิริยา 8,199.64 ล้านหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจและผู้ถือหุ้นทั่วไป 2,736.77 ล้านหุ้น คิดเป็นเงินที่ระดมได้รวม 9,404.09 ล้านบาท

ทั้งนี้ มีหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้จำหน่ายรวมจำนวน 5,604.11 ล้านหุ้น ซึ่งเอสเอสไอจะดำเนินการลดทุนจดทะเบียนของเอสเอสไอ โดยการตัดหุ้นสามัญเพิ่มทุนส่วนที่คงเหลือต่อไป

นอกจากนี้ เอสเอสไอได้จำหน่ายเงินลงทุนใน บมจ.เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย(TCRSS)เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ได้รับเงินจำนวน 1,568.25 ล้านบาท ซึ่งได้นำไปลงทุนซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของธุรกิจโรงถลุงเหล็ก ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ยูเค จำกัด ที่ได้ดำเนินการเพิ่มทุนชำระแล้วจาก 473 ล้านเหรียญสหรัฐเป็น 895.61 ล้านเหรียญสหรัฐเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนและลดต้นทุนทางการเงินให้แก่ธุรกิจโรงถลุงเหล็กได้

“เอสเอสไอได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นและพันธมิตรทางธุรกิจเป็นอย่างดีในการระดมทุนโดยการขายหุ้นเพิ่มทุนและการขายทรัพย์สิน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในธุรกิจ วิสัยทัศน์ การบริหารจัดการ และบุคลากรของเอสเอสไอ การเพิ่มทุนครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้เอสเอสไอ และ ทำให้ต้นทุนทางการเงินของเอสเอสไอลดลงอีกด้วย“ นายวินกล่าว

อินโฟเควสท์ โดย รัชดา คงขุนเทียน/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--
Try to find a  good company.
ภาพประจำตัวสมาชิก
raynus
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 720
ผู้ติดตาม: 0

Re: อดีตที่ฝ่าฟัน อนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์ (SSI) เชื่อได้หรือไ

โพสต์ที่ 13

โพสต์

อย่างน้อยก็น่าจะปลอดภัยจากการเพิ่มทุนไปได้จนถึง AGM ครั้งหน้า(?)มั๊งครับ

:mrgreen:
สายปันผลครับ

รูปภาพ
lb
Verified User
โพสต์: 440
ผู้ติดตาม: 0

Re: อดีตที่ฝ่าฟัน อนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์ (SSI) เชื่อได้หรือไ

โพสต์ที่ 14

โพสต์

VAEEEEE เขียน:
lb เขียน:บริษัทรายงานว่า บริษัทเครือ สหวิริยา จำกัด ลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีก พันสองร้อยกว่าล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ .68 บาท เป็นเงิน 822,121,967.921บาท โดยทยอยซื้อ 4 วันคือวันที่ 4-10 ตุลาคม 2556

ทำไม กล้าลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุน ที่ 0.68บาท ต่อหุ้น แพงกว่าตลาดมาก หากใช้เงินจำนวนเดียวกันสามารถซื้อหุ้นได้ มากถึง สองพันกว่าล้านหุ้น แทนที่แค่พันล้านหุ้น

สงสัยว่า มันดีจริง หรือไม่จริง ทำไม ราคาในตลาด วันนี้ ราคาหุ้นละ 0.38 บาท จึงเหมือนกลับไม่มีใครซื้อมากนัก

หากว่าเรามีเงิน 800.-ล้าน ทำไมไม่ใช้เงินนั้น ลากราคาหุ้นในตลาดให้ขึ้นไปที่ 1.-บาท แล้วน่าจะทำให้ ขายหุ้นเพ่ิมทุนได้ทั้งหมด ท่านว่าจริงหรือไม่

สับสน สับสน จริง ๆ จะซื้อ หรือไม่ซื้อเพิ่มดี / 555 / ใครช่วยบอกที
ขอก๊อปความเห็นพี่ไปแปะในห้อง ssi นะครับ เผื่อมีแนวร่วมช่วยกันถกมากขึ้น :D
ได้เลยครับ

วันนี้ ( 18/10/13 )Volume Bid มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะที่0.38บาทต่อหุ้น สงสัยเหลืือเกินว่า จะเอาเงินที่เหลือจากการที่ไม่ต้องซือหุ้นเพิ่มทุน มาไล่เก็บหุ้นในกระดาน แทน เพื่อถั่วเฉลี่ย ต้นทุนหรือเปล่า ?????
Try to find a  good company.
โพสต์โพสต์