SCC ชี้น้ำมันดิบพุ่ง ฉุดมาร์จิ้นปิโตรฯ วูบ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
วรันศ์ บัฟเฟต
Verified User
โพสต์: 1679
ผู้ติดตาม: 0

SCC ชี้น้ำมันดิบพุ่ง ฉุดมาร์จิ้นปิโตรฯ วูบ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ASTVผู้จัดการรายวัน - ปูนซิเมนต์ไทยชี้มาร์จิ้นปิโตรเคมีเริ่มหด หลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทำวัตถุดิบพุ่งริ่ว แย้มโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่เวียดนามได้ข้อสรุปเงินกู้ปลายปีหน้า ยันไม่ได้รับผลกระทบจากโครงการโรงกลั่นและปิโตรเคมีของ ปตท.

นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยว่า ขณะนี้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์พลาสติกกับวัตถุดิบแนฟทา (สเปรด) เริ่มลดลง 20-30 เหรียญสหรัฐ/ตันเมื่อเทียบจากไตรมาส 2 ที่มีสเปรดเม็ดพลาสติกอยู่ที่ 600 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นไปด้วย คงต้องรอดูว่าราคาเม็ดพลาสติกจะปรับขึ้นมาทันต้นทุนที่สูงได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 นี้ พบว่าธุรกิจปิโตรเคมีมีรายได้และกำไรสุทธิสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ทำให้บริษัทมีแนวโน้มที่จะปรับเป้าหมายรายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยตั้งเป้าไว้ 4.35 แสนล้านบาท

ส่วนความคืบหน้าโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่เวียดนามคาดว่าจะลงนามสัญญาเงินกู้ได้ภายในปลายปีหน้า ซึ่งขณะนื้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ขายเครื่องจักรและผู้รับเหมาก่อสร้างใหม่อีกครั้งเนื่องจากโครงการนี้ดีเลย์มาหลายปี แต่มั่นใจว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐเท่ากับที่เคยตั้งงบลงทุนเอาไว้ เนื่องจากที่ผ่านมามูลค่าเครื่องจักรลดลง และค่าเงินเยนถูกลงทำให้เครื่องจักรญี่ปุ่นถูกลงด้วย

ส่วนกรณีที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เสนอโครงการลงทุนโรงกลั่นและปิโตรเคมีแบบครบวงจรในเวียดนามนั้น เชื่อว่าไม่กระทบต่อโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ของบริษัท ซึ่งโครงการของบริษัทฯ กว่าจะแล้วเสร็จใช้เวลา 6 ปี และเน้นขายผลิตภัณฑ์ภายในประเทศเวียดนาม

นายกานต์กล่าวต่อไปว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาบริษัทเน้นการซื้อกิจการ (M&A) ใช้เงินลงทุนรวม 5.67 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 60% ของงบลงทุนทั้งสิ้น 9.2 หมื่นล้านบาท สูงกว่างบที่ใช้ในการลงทุนโครงการใหม่ (Green Field) ที่ใช้เงินไปเพียง 3.54 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนในอาเซียนและในไทย และในปัจจุบันบริษัทฯ ก็ยังให้ความสำคัญต่อการซื้อกิจการเป็นอันดับแรกในการเข้าไปลงทุนในอาเซียนแม้ว่าจะใช้เงินทุนเพิ่มมากขึ้นก็ตาม เนื่องจากบริษัทฯ ต้องการดึงคนเข้ามาร่วมงานและโรงงานดังกล่าวก็สามารถผลิตสร้างรายได้ทันที

ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการอยู่ 2-3 ดีลในอินโดนีเซีย และเวียดนาม คาดว่าจะมีความชัดเจนในครึ่งปีหลังนี้
value trap
รูปภาพ
โพสต์โพสต์