Uncommon Stocks and Uncommon Profits

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6490
ผู้ติดตาม: 868

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 1

โพสต์

หุ้นในตลาดหลักทรัพย์มีประมาณ 400 ตัว
แต่มีไม่เกิน 100 ตัวที่น่าสนใจ
และส่วนใหญ่ใน 100 ตัวนี้เป็นหุ้นธรรมดา
คือหุ้นที่มีผลตอบแทนพอสมควร 5-15 % ต่อปี
ซึ่งคงไม่ทำให้นักลงทุนร่ำรวยขึ้นมาได้ แค่พออยู่พอกิน
(เว้นแต่ว่าพอร์ทเราใหญ่ ผลตอบแทนประมาณ 10% ก็อาจจะใช้ไม่หมด)

ดังนั้นหากเราต้องการรวย และยอมรับความเสี่ยงได้ควรลงทุนในหุ้นไม่ธรรมดาเท่านั้น คำตอบน่าจะอยู่ที่หุ้นที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูง หรือ growth stock เท่านั้น!! หุ้นเหล่านี้ให้ผลตอบแทนในระยะยาวอาจจะหลายเท่าตัว หรือหลายสิบเท่าตัว ซึ่งทำให้เรารวยได้

แล้วจะดูอย่างไรว่าเป็นหุ้นที่มีศักยภาพที่จะเป็น growth stock

-อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง เช่น รถยนต์ ,out- sourcing ,อุตสาหกรรมบริหาร เช่นการแพทย์ ท่องเที่ยว ฯ

- ไม่มีคู่แข่งหรือคู่แข่งน้อย หรือเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม

- ตลาดยังไม่อิ่มตัว

-กำไรควรจะเพิ่มเท่าตัวภายใน 5 ปี

หากพิจารณาอย่างนี้ ผมไม่คิดว่าหุ้นหลายตัว เช่น SCC PTT BEC CPF MAKRO SSC จะเป็นหุ้นโตเร็วครับ

แม้จะเจอะเจอหุ้น growth stock เราต้องพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ด้วยก่อนซื้อ

1. ราคา ต้องไม่แพงเกินไป ผมคิดว่าพีอีเกิน 15 เท่าก็ต้องระวังแล้ว หากมากกว่า 20 เท่าก็อาจจะต้องขายไปก่อน การซื้อหุ้นดีที่ราคาสูงเกินไป นอกจากทำให้ผลตอบแทนน้อยลงแล้ว หากตลาดเกิดพลิกผัน จะทำให้มีโอกาสขาดทุนได้สูง เพราะ margin of selfty มีน้อย

2.โครงสร้างของทุนต้องดี คือมีเงินสดมาก และควรจะมีหนี้น้อย หากจะต้องขยายงานควรเรียกระดมทุนจากผู้หุ้นเป็นลำดับสุดท้าย ควรใช้กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานของบริษัทเองมากกว่า ตัวอย่างหุ้นโตเร็วที่ต้องระดมทุนที่ผ่านมาคือ HMPRO RGR KTC


เพื่อนๆคิดว่าอย่างไรครับ และใครคิดว่าตัวไหนเป็น growth stock ที่ราคายังไม่แพง ช่วยบอกหน่อยเถอะครับ เพราะหาไม่เจอจริงๆครับ :roll: :lol:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
wpong not login
ผู้ติดตาม: 0

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 2

โพสต์

พี่ลูกอีสานครับ ผมคิดว่าการที่หุ้นตัวใดจะเป็น Growth Stock ได้นั้นจะต้องเก่งบวกเฮงครับ คือปัจจัยแวดล้อมอำนวยให้ กลยุทธของบริษัทประสบผลครับ โดยปกติหุ้นประเภทนี้ควรจะอยู่ในระยะเริ่มต้นโครงการซึ่งมีความเสี่ยง หรือยากต่อการคาดเดาสำหรับผู้คนทั่วไป ยกตัวอย่างในอดีตเช่น SHIN ,PTT , PTTEP หรือ STANLY
ผมเห็นว่าหุ้นในกลุ่มนี้ไม่ควรใช้ PE หรือ PBV เป็นตัวประเมินค่า ในเชิงปริมาณควรใช้ NPV หรือ DCF มากกว่าครับ ซึ่งต้องตั้งสมมติฐานหลายๆกรณี
ในเชิงคุณภาพควรประเมินจากคน คือเจ้าของกิจการ ผู้บริหาร และดูความเป็นไปได้ของโครงการเป็นหลักครับ :oops:

หุ้นที่ผมคิดว่าคุ้มค่าที่เราจะประเมินว่าเป็น Growth Stock หรือไม่คือ
BH , BGH, CP7-11,PL,STA ,SATTEL ...
ยกตัวอย่างการวิเคราะห์ในเชิงคุณภาพของ CP7-11
ผมคงต้องมาดูว่ากลยุทธ์ในปัจจุบันจะทำให้ร้านโชวห่วยในอีก 3 ปีข้างหน้า สูญพันธ์หรือเหลือรอดสักกี่เปอร์เซ็นต์ หากสมมติฐานนี้เกิดขึ้นจริงมูลค่าหุ้นบวกกับความโลภของคนจะทำให้มันมีมูลค่าประมาณเท่าไร โดยสรุปแล้วจะใช้ความน่าจะเป็นมาประเมินมูลค่าด้วย
ผมไม่คิดว่าการระดมทุนเป็นปัจจัยที่เราควรนำมาคัดแยกหุ้นออก เนื่องจากประโยชน์ของการเข้าตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทต่างๆ คือลดต้นทุนทางการเงิน และเสริมภาพลักษณ์ของบริษัท ดังนั้นหากผู้บริหารมีคุณธรรม การระดมทุนจึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย
ลองคิดใจเขาใจเราสิครับ ถ้าไม่ระดมทุนแล้วจะเอาบริษัทที่มีโครงการดีๆเข้าตลาดหลักทรัพย์ทำไม

Growth / Down Stock อีกกรณีหนึ่งควรเป็นหุ้นที่ผลประกอบการในไตรมาสที่กำลังจะประกาศ มีผลกับราคาหุ้นอย่างมาก เช่น FANCY เนื่องจากผู้ถือหุ้นตัวนี้กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจซื้อเพิ่มเพื่อเฉลี่ยราคา หรือขายทิ้ง

ต้องขอโทษพี่ลูกอีสานที่อาจตอบไม่ตรงคำถาม

ผมเชื่อว่าหุ้นเหล่านี้จะมีความเสี่ยงลดลงเมื่อเราศึกษามากขึ้น

ที่เขียนนี่ไม่ได้หมายถึงให้ซื้อตอนราคาแพงนะครับ
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6490
ผู้ติดตาม: 868

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ตอบตรงคำถามแล้วครับคุณ wpong
(แต่ยังไม่บอกเลยว่าหุ้นตัวไหนน่าสนใจ... :lol: :lol: )

ผมเห็นด้วยครับว่าการจะหาหุ้นตัวเล็กๆ ที่วันหนึ่งข้างหน้าจะกลายเป็นหุ้นใหญ่สุดฮิต ทำกำไรให้กับผู้ถือหุ้นเป็นกอบเป็นกำไม่ใช่เรื่องง่าย ลำพังอาศัยตัวเลข pe pb คงไม่พอครับ ต้องอาศัยสัญชาตญานและกึ๋นพอสมควร แต่ก็ไม่ใช่จะเป็นเรื่องยากเกินไป เพราะก็น่าจะมีเบาะแสให้รู้บ้าง อย่างเช่น stanly ครับ เป็นที่รับรู้หลายปีมาแล้วว่า วันหนึ่งไทยจะอาจจะกลายเป็นฐานการผลิตรถที่สำคัญ ใครทีถือหุ้นตัวนี้และไม่เคยขาย น่าจะทำกำไรได้มากพอสมควร หรือในกรณี vng ก็เช่นกัน

การระดมทุนที่ผมไม่ต้องการให้เกิดกับหุ้นที่ผมถือ คือการเพิ่มทุนครับ (ไม่ใช่ระดมทุนครั้งแรกหรือ ipo นะครับ) เพราะผมตอบแทนที่ผมต้องการประมาณ 15-20% ต่อปี ในขณะที่หากทำการกู้เงินเสียดอกเบี้ยไม่น่าจะเกิน 7-8% แถมยังหักดอกเบี้ยจ่ายจากกำไรได้อีก เงินทุนจากผู้ถือหุ้นเป็นต้นทุนทีสูงที่สุดครับ

แม้ว่าการเพิ่มทุนจะไม่เลวร้ายมากนัก พิจารณาจากหุ้นที่เคยผ่านการเพิ่มทุน ราคาก็ยังทรงตัวอยู่ได้ดีครับ เช่น STA RGR HMPRO KTC และที่กำลังจะทำการเพิ่มทุนเช่น VNG SATTEL แต่ยังไงหากมีทางเลือก ผมขอเลือกหุ้นที่สามารถโตได้ โดยไม่รบกวนเงินทุนของผู้ถือหุ้นจะดีกว่าครับ :roll:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
Minesweeper
Verified User
โพสต์: 472
ผู้ติดตาม: 0

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 4

โพสต์

อย่าง GMMM นี่เป็นยังไงบ้างครับ
ผมลองดูๆ แล้วยอดขายโตดีเหลือเกิน แต่ว่า margin ลดค่อนข้างเยอะ

สำหรับผม ผมว่าผลตอบแทน 15 - 20% ต่อปีในระยะยาว ก็น่าจะเป็นที่พอใจในระดับนึงแล้ว (แต่แน่นอนครับ ว่าคงไม่ได้ทำให้ใครรวยได้) ตอนนี้ก็พยายามหัดคัด 100 ออกจาก 400 ให้ได้ดีน่ะครับ

ส่วนเรื่องที่จะหาหุ้นที่เป็น superstock ได้จริงๆ นั้น มันเป็นเหตุการณ์ที่นานๆ จะเกิดขึ้นที อย่างน้อยๆ ผมว่าก็ต้องมี inside เยอะ ๆ หน่อย เพราะ มันมักจะดู ไม่ค่อยถูก (P/E, P/B สูง) ในสายตาของคนที่มองหา value ทั่วๆ ไป และต้องใช้ความกล้า + ความมั่นใจในข้อมูลของตัวเอง พอสมควรก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะ downside risk มันอาจจะเยอะกว่าหุ้นปกติทั่วไป ถ้าเหตุการณ์ดีๆ ต่างๆ ที่คาดการณ์ไว้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง หรือ เป็นไปในทางตรงกันข้าม ...
มือใหม่
Verified User
โพสต์: 403
ผู้ติดตาม: 0

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ผมว่าน่าจะ egcomp นะ

1. คู่แข่งในตลาดน้อย (ผูกขาด) ผันผวนน้อยตามราคาวัตถุดิบ
2. ลักษณะธุรกิจหรือProduct เป็นที่ต้องการของตลาด (ยังไม่ตัน อีกไกลเลยล่ะ)

3. ราคาถูก p/e=6.49 p/bv=1.43

ผมคิดคำนวน ตามกฎเกณฑ์ พี่ ลูก อีสาน นะครับ เห็น ว่า egcomp เข้าค่ายอ่ะครับ

ท่านอื่นว่าไงลองบอกตัวอื่นๆหน่อยครับ หรือคิดว่า egcomp ไม่ใช่ลองแย้งมาครับ :D
ท้าชนความคิด vi ทุกสถาบัน
นักดูดาว
Verified User
โพสต์: 2513
ผู้ติดตาม: 1

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 6

โพสต์

egcomp เป็นหุ้นดี แต่จริงๆแล้วถือว่าโตช้านะครับ

ลองเปรียบเทียบ egcomp กับ SE-ED ในแง่การลงทุนเพื่อเพิ่มยอดขาย
จะเห็นได้ว่าโครงการสร้างโรงไฟฟ้านั้นใช้เวลามากกว่าการสร้างห้างขายสินค้า เพราะต้องทำการศึกษาปัจจัยทางวิศวกรรม ทางการเมือง สิ่งแวดล้อม และการเงิน egcomp ไม่สามารถรอกระแสเงินสดจากการดำเนินการมาลงทุนได้ เพราะต้องมีภาระดอกเบี้ยจ่ายและเงินปันผลจ่ายมหาศาล ถ้าจะลงทุนเพิ่มต้องระดมทุนด้วยวิธีต่างๆ มาลงทุนครับ กำไรที่เห็นว่าเติบโตดีนั้น เป็นผลของการลงทุนมายาวนานในอดีตเริ่มทำกำไรมากกว่าครับ

ในขณะที่ SE-ED สามารถใช้เงินสดจากการดำเนินงานมาเปิดสาขาใหม่ได้ ในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อเปิดดำเนินการแล้วก็ทำให้มีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้น นำมาสร้างธุรกิจได้อีก ลักษณะอันนี้หากมองในแง่การเติบโต SE-ED เติบโตเร็วกว่า egcomp มากครับ

ตอบคำถามพี่ลูกอิสาน SE-ED เข้าข่ายหุ้นโตเร็วนะครับ แต่ผมบอกไม่ได้ว่าจะหยุดโตหรือยัง ปัญหาหนึ่งของบริษัทที่โตเร็วเกินไป ก็คือความไร้คุณภาพในการควบคุมดูแล เราจะเห็นได้ชัดเจนจากธนาคารครับ ธนาคารเป็นกิจการที่เคยเติบโตเป็นอย่างมากในอดีต แต่เมื่อการควบคุมดูแลโตตามการขยายตัวของสินเชื่อไม่ทัน ผลก็คือลูกหนี้ด้อยคุณภาพเกิดขึ้นมากมาย เมื่อนั้นการเติบโตจะสิ้นสุดลง และเริ่มเข้าสู่ความถดถอย
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป

-จีรนุช เปรมชัยพร
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6490
ผู้ติดตาม: 868

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 7

โพสต์

อิอิ :lol: ....งั้นขอเสนอด้วยคน
ขอสวนกระแสส่ง ไทย เรยอน หรือ TR เข้าประกวดครับ
เหตุผลคือ...

- มีโอกาสการเจริญเติบโตของผลกำไร จากการลงทุนในบริษัทลูกต่างๆ เช่น

ไทยคาร์บอนแบล็ค 25 เปอร์เซนต์
ไทยอคลิริค 30 -
ไทยออกานิคส์ 49 -
ไทยโพลี่ฟอสเฟต 49 -
ไทยอีพ็อกซี่ 25 - ถือผ่าน ไทยออกานิคส์
พีที ลิเบอร์ตี้ 40 -
เอวี เซลอิงค์ 17 -
อเลกซานเดรีย ไฟเบอร์ 27 -
โครงการโรงงานเส้นใยสังเคราะห์ในประเทศจีน
นอกจากนั้นยังถือหุ้น ไทยซัลไฟล์ แอน เคมีคัล ผ่าน TCB

หลายบริษัทมีการขยายกำลังการผลิตค่อนข้างมากครับ

- กลุ่มเบอร์ล่ามีการจัดการบริหารที่ดีมากครับ ทำให้มีต้นทุนการผลิตค่อนข้างต่ำ ทำให้หลายประเภทสินค้ามีส่วนแบ่งในตลาดโลกค่อนข้างสูง

-โครงสร้างทุนแข็งแกร่ง สามารถขยายงาน ลงทุนโดยไม่ต้องเพิ่มทุน

- ที่สำคัญ ราคาถูกหรือเชื่อครับ พีอีแค่ประมาณ 6 เท่า !

ส่วนข้อเสียเรื่องการปันผลน้อย แต่บางท่านอาจจะมองเป็นข้อดี เพราะกิจการจะได้มีเงินสดเพื่อขยายงาน Peter Lynch เคยพูดว่าการที่บริษัทจ่ายปันผลมากๆ เป็นเพราะผู้บริหารไม่มีไอเดียที่จะคิดทำอะไรให้ดีกว่า (การปันผล) :roll:

เพื่อนๆ มีความเห็นหรือข้อโต้แย้ง ยินดีรับฟังเป็นอย่างยิ่งครับ จะได้ทราบมุมมองที่มีประโยชน์อื่นๆครับ

ส่วน GMMM SE-ED EGCOMP ขอศึกษาข้อมูลก่อนมาคุยดีกว่าครับ.
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
มือใหม่
Verified User
โพสต์: 403
ผู้ติดตาม: 0

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 8

โพสต์

se-ed สนใจอยู่ครับ แต่เมื่อหักมูลค่า se-ed-w1 แล้วควรอยู่ที่เท่าไหร่ครับ
ราคา ณ ปัจจุบันมองแล้วผมว่ายังแพงอยู่นะครับ

ส่วน tr ผมดีใจครับ ที่ พี่ลูกอีสาน มองเป็นหุ้นดี (เพราะผมก็ถืออยู่)
บทเรียนที่ได้จาก tr ค่อนข้างเจ็บปวด คือซื้อราคาค่อนข้างแพง (344) พอราคาถูก หุ้นระดับราคา 200-300 up ไล่เก็บได้ไม่กี่ครั้งก็หมดแม็กแล้วครับ :lol:
ท้าชนความคิด vi ทุกสถาบัน
Invisible hand
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 357
ผู้ติดตาม: 70

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ผมเองก็หาอยู่ตลอดเหมือนกันครับ หุ้น growth ที่จะให้ผลตอบแทนเกิน 100% ได้ แต่จากการที่ปีที่แล้วหุ้นขึ้นมาเยอะทำให้การหาหุ้นประเภทนี้ยากเต็มทีครับ

ผมคิดว่าหุ้นที่จะให้ผลตอบแทนสูงๆ มี 3 ประเภทครับ

1 หุ้นที่ถูก re-rated P/E เช่น หุ้นที่เดิมอาจจะมี p/e แค่ 4-5 เท่า แต่อุตสาหกรรมหรือกลุ่มกลับมาได้รับความนิยม ซึ่งอาจจะเกิดจากภาพรวมของธุรกิจที่มี growth สูง หุ้นประเภทนี้ก็เช่น หุ้นกลุ่มยานยนต์ shiping ผมจำได้ว่า stanly ตอนราคา 24 บาทเมื่อปี 01 นั้นมี p/e แค่ 4 เท่าเอง หรือ psl เมื่อก่อนมี p/e 2 เท่าเอง

ผมคิดว่าหุ้นประเภทข้อ 1 เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีแล้ว เพราะหุ้นตัวเล็กๆ ดีๆ ที่ p/e 4-6 เท่า ตอนนี้ก็ถูกไล่ซื้อจน p/e 8-12 เท่ากันเป็นส่วนมากแล้ว หุ้นที่ p/e ต่ำๆ มากๆ ตอนนี้ก็มักจะอยู่ในกลุ่มที่ไม่น่าสนใจนัก เช่น บรรจุภัณฑ์ แต่ยังไงผมก็ยังเห็นว่าพอจะมีหุ้นประเภทนี้หลงเหลือบ้างนะครับ

2 หุ้นที่มี growth สูงกว่า p/e มากๆ จะแบ่งได้ 3 ประเภทหลักๆ คือ

2.1 ตลาดรวมโตสูงมาก เช่น หุ้นอสังหาฯ หรือวัสดุก่อสร้าง ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

2.2 ตลาดรวมโตปกติ แต่หุ้นตัวนี้ได้ market share เพิ่มขึ้นมาก ซึ่งอาจจะเกิดจาก marketing ที่เหนือกว่าคู่แข่งหรือการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพเหนือคู่แข่ง หรือการ take over ครับ

2.3 ตลาดรวมโตสูง และ market share เพิ่มขึ้นด้วย หุ้นอย่างนี้ดีมากครับ เจอแล้วต้องรีบคว้าไว้เลยครับ

ผมคิดว่าหุ้นในข้อ 2 ยังพอจะมีอยู่ครับ

3. หุ้น turnaround ก็คงไม่ต้องให้คำจำกัดความมากนักครับ ก็เป็นหุ้นที่ฟื้นขึ้นมาได้จากภาวะธุรกิจที่ฟื้นอย่างรุนแรง การปรับโครงสร้างหนี้ การเปลี่ยนผู้บริหาร ผมคิดว่าหุ้นประเภทนี้เหลือไม่มากแล้ว พวกที่ยังไม่ turn ถึงปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่ก็คงจะไม่ turn แล้วล่ะครับ


ตอนนี้ port การลงทุนของผมส่วนใหญ่อยู่ในหุ้นประเภท 2 ครับ ส่วนหุ้นประเภท 1 มีอยู่บ้างแต่ไม่ทราบว่าหุ้นจะถูก re-rated P/e ขึ้นมาเมื่อไหร่

คุณลูกอีสานครับ ผมคิดว่าถ้าเป็นหุ้นที่เป็น manufacturing การที่จะเพิ่ม sale หรือ net profit มากๆ จะต้องขยายกำลังการผลิตและใช้ working cap ทำให้จะต้องตามมาด้วยการเพิ่มทุน หุ้นที่มี fixed asset มากๆ อย่าง โรงแรม โรงพยาบาล หรือศูนย์การค้าก็เช่นกันครับ

แต่ถ้าเป็นหุ้นประเภท service ก็อาจจะไม่ต้องเพิ่มทุน หรือธุรกิจประเภท trading ที่มีหน้าร้านหรือสาขา ขายสด ซื้อเชื่อ พวกนี้จะมี operating cash flow ดีมาก ทำให้มักจะสามารถ finance การขยายสาขาด้วยเงินตัวเอง และสามารถจ่ายปันผลได้สูงด้วยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
yoyo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4833
ผู้ติดตาม: 159

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ใจผมขอยกให้ se-ed เป็น growth stock คุณภาพดีตัวหนึ่ง
บางคนมองว่า se-ed ไม่ได้มีแบรนที่แข่งแกร่ง
เวลาซื้อหนังสือ ซื้อที่ร้านไหนก็ได้ ไม่ได้ยึดติดว่าต้อง se-ed
ผมเองแม้จะถือหุ้น se-ed อยู่เยอะ หลายๆครั้งผมก็ยังซื้อที่ศูนย์หนังสือจุลา
asia book หรือว่าจะเป็นดอกหญ้า
แต่ผมเอา se-ed ไปเปรียบกับ 7-11 เลยทำให้ถูกใจ
7-11 เองก็ไม่ได้มี DCA มายมากอะไร .. ซื้อกินซื้อหมน หรือของใช้จุกๆจิกๆ
ผมเอาสะดวกเป็นสำคัญ ไม่ได้ติดว่าต้องเป็น 7
คล้ายๆกันล่ะครับ se-ed ผมซื้อความสะดวก ด้วยว่าร้านเค้าเข้าถึงง่าย
มีให้เห็นได้ทั่วๆไป ....
อีกอย่างข้อดีของกิจการร้านหนังสือนี่คือ แม้จะมีคู่แข่ง
แต่จะไม่ค่อยเกิดการมาเปิดร้านใกล้ๆกัน ขายตัดราคากัน
เพราะฉะนั้นแล้ว margin ของกิจการนี้จะขึ้นอยู่กับการบริหารและต้นทุนซะมากกว่า
เพราะฉะนั้น กำไรมากน้อยยังไงก็วัดกันที่ยอดขายซะมาก
คนไทยยังอ่านหนังสือกันน้อยครับ
ผมว่ายังมีที่ทางให้โตได้อีกเยอะ
ForrestGump
Verified User
โพสต์: 1435
ผู้ติดตาม: 0

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ผมขอเสนอหุ้น CPI ครับ

แต่ข้อมูลเอาไว้ผมมาพิมพ์อีกที ตอนนี้ง่วงแล้วครับ

ฝันดีทุกท่าน :lol:


ขอถาม คุณ Invisible Hand ต่อจากเวปกระทิงคุณค่าเลยนะครับ

คุณมีอิสรภาพทางการเงินหรือยังครับ?
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
wpong not login
ผู้ติดตาม: 0

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ผมเคยอ่านกระทู้ที่พีเจ๋งเป็นผู้ตั้ง และพี่ครรชิตสนับสนุนข้อมูล โดยใช้เงื่อนไขว่าบริษัทที่มีกำไรเพิ่มขึ้นทุกปี และใน 4 ปีมีกำไรเพิ่มขึ้นมากกกว่า 100 % ปรากฎว่าพี่ครรชิตแสดงข้อมูลพบมี 10 กว่าบริษัท
ผมว่าการที่เราจะหา 10 กว่าบริษัทชนิดนี้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก :oops:
ผมคิดว่า Growth Stock ยังมีหลายตัวในปัจจุบัน แต่เราควรจะเลือกให้ตรงกับความถนัดของเรา
ผมเลือก PL ครับ โดยสรุปแล้วหุ้นตัวนี้มี Upside Gain สูงในขณะที่ Down side risk ต่ำ ผมไม่กังวลในการถือหุ้นตัวนี้ครับ
อย่างไรก็ตามหุ้นตัวนี้ก็มีข้อเสียบ้างในแง่ของการไม่สามารถสร้างความได้เปรียบในระยะยาว เมื่อเปรียบเทียบกับ
EASTWATER ซึ่งเป็น Monopolyสุดๆ
BH ไม่ต้องกังวลเศรฐกิจโลกเลยครับ คงอีกนานที่คู่แข่งจะตามทัน
7-11 ผมว่ามันไม่ใช่ร้านขายสินค้านะครับ มันเป็นช่องทางการตลาดที่ดีที่สุดที่สินค้าใหม่ต้องการ คุณคิดว่าอำนาจการต่อรองตอนนี้เขามีระดับใหนครับ แล้วในอนาคตจะเป็นอย่างไร เขายอมขาย Lotus แต่เก็บ 7-11 ครับ

ปกติผมชอบหุ้นที่มีการใช้ประโยชน์จากกระแสเงินสด และนำกำไรไปสร้างความได้เปรียบเยอะๆ แต่ก็ตกหลุมรัก PL ในราคาแถวๆนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น บางคนบอกว่าที่เขาอยู่ได้เพราะ KBANK ช่วย แต่จะมีสักกี่คนที่ไปดูว่าเมื่อเขาขยายตัวไปรับลูกค้านอกเครือ KBANK ตัว Gross Margin เขาเพิ่มขึ้นเท่าไร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของทั้งตลาด และตัวบริษัทเอง ผมคิดว่าราคาที่เขาคิดกับลูกค้าเก่า คิดแบบไม่เอากำไรเท่าไรครับ
อีกอย่างหลายคนกลัวกำไรจากการขายรถจะลด ครับมันอาจลดในบางไตรมาส แต่เราก็สามารถหาต้นทุนของรถโดยประมาณจากอัตราค่าเสื่อมราคาที่บริษัทตั้งไว้ได้ ลองเอาทรัพย์สินถาวรตั้ง หารด้วยค่าเสื่อมราคาและตัดบัญชี ลองทำหลายงวดก็จะพบครับ
งบเขาสะอาดและใช้ประโยชน์ได้เยอะครับ
Operating Lease นี่โกงยาก ไม่เหมือน Hiring Purchase
ผมชอบองค์กรที่มีความกระตือรือล้น :evil:

พี่ลูกอีสานครับผมไม่มีความเข้าใจในธุรกิจสิ่งทอ อีกทั้งบริษัท TRก็ติดตามข้อมูลยาก ปัจจบันก็มีกำลังการผลิตเต็มที่ ธุรกิจหลักแต่เดิมคือ Rayon ก็มีแต่จะเสื่อมถอย ซ้ำรายยังต้องระวังการใช้ Insider อีก ถ้าจะกรุณาช่วยแนะนำวิธีหาข้อมูลของ TR หน่อยครับ :shock:

Egcomp มีข้อดีที่เป็น Cost Plus คือไม่ขาดทุน แต่ผมว่าเลือกทั้งทีน่าจะเลือกบริษัทที่มันเพิ่มราคาได้ตามใจฉัน เช่น BH, RGR น่าจะดีกว่านะครับ เอาแบบ Win Win นะครับ เราชอบกำไร ลูกค้าชอบหรู ชอบเป็น HISO

ก่อนจบขอแนะนำหนังสือชื่อคล้ายๆกับ 13ปี 14นายครับ

ผมว่าการลงทุนมันสนุกก็ตรงที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และได้ใช้จินตนาการนี่หละครับ สำหรับผลตอบแทนในรูปของเงินได้เยอะก็ดี ได้น้อยก็ไม่เป็นไร
ภาพประจำตัวสมาชิก
LOSO
Verified User
โพสต์: 2512
ผู้ติดตาม: 1

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 13

โพสต์

..
บุคคลทั่วไป
ผู้ติดตาม: 0

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 14

โพสต์

se-ed ไม่เหมาะที่จะถือครับ ราคาแพงมาก ในขณะที่ net profit มีค่าคงที่ ประมาณ 5% ทุกปี

รอให้ราคาลงมาเหลือ 2.2 ถึงจะน่าสนใจ
ภาพประจำตัวสมาชิก
yoyo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4833
ผู้ติดตาม: 159

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 15

โพสต์

เอ๊ะ อันนี้พี่นักดูดาวปลอมตัวมาเชียร์ขายรึเปล่าครับเนี่ย
2.20 บาท
บุคคลทั่วไป
ผู้ติดตาม: 0

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 16

โพสต์

เป็นสิ่งที่นักลงทุน เสาะแสวงหากันทุกคนครับ

growth/ super growth stock

ปีที่ผ่านมาก็มี กลุ่มเดินเรือ กลุ่มปิโตรเคมี นี่นับว่าเข้าข่าย

เป็นหุ้นที่ไม่เคยมีใครมอง ใครพูดถึงมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่แล้ว

จากนี้ไปอีกสัก 3-5 ปี มีตัวใด ในกลุ่มใดที่เข้าข่าย ?

กลุ่มเกษตร ? เชื่อว่าน่าจะมี

กลุ่มพานิชย์ ? ก็น่าจะมี

กลุ่มพลังงาน ? ขึ้นมาเยอะ แต่ยังมี

กลุ่มโรงพยาบาล ? มีแน่นอน

กลุ่มอาหาร ? มีโอกาสเหมือนกัน

กลุ่มยานยนต์ ? มีรึเปล่า อาจหลงหูหลงตาได้
นักดูดาว
Verified User
โพสต์: 2513
ผู้ติดตาม: 1

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 17

โพสต์

yoyo เขียน:เอ๊ะ อันนี้พี่นักดูดาวปลอมตัวมาเชียร์ขายรึเปล่าครับเนี่ย
2.20 บาท
ผมถูกใส่ร้าย!!!!

ผมแค่คิดๆ

ยังไม่ได้เชียร์เลยคับ ฮ่าๆ
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป

-จีรนุช เปรมชัยพร
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6490
ผู้ติดตาม: 868

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 18

โพสต์

คุณ กู้ระเบิดครับ ผมไปดูตัวเลขคร่าวๆ ของ GMMM แล้ว
น่าสนใจครับ พอจะจับประเด็นได้ว่า..

- บริษัทมีเงินสดประมาณ 1200 ล้านอยู่ในบริษัทหรือประมาณ 6 บาทต่อหุ้น ในขณะที่ราคาหุ้นในตลาดประมาณ 25 บาท คิดเป็นพีอีประมาณ 13-14 เท่า


- ธุรกิจมีมาร์จินดีมากครับ และไม่ต้องลงทุนในสินทรัพย์ถาวรมาก แต่ต้องลงทุนในการหาสัมปทานวิทยุครับ ทำให้มีเงินปันผลค่อนข้างสูง

- เป็นกิจการในเครือแกรมมี่ ทำให้มีข้อได้เปรียบคู่แข่งหลายอย่าง

บริษัทำธุรกิจวิทยุ ผลิตรายการโทรทัศน์ นิตยสาร image และอาจจะผลิตภาพยนต์ด้วยหรือเปล่าครับ

ธุรกิจวิทยุ บริษัทเป็นเจ้าตลาด แต่กำลังโดนแย่งตลาดจากรายใหม่ๆ เช่น เวอร์จินเรดิโอ นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงจากการไม่ได้รับการต่อสัปทานคลื่นซึ่งอาจจะส่งผลต่อกำไรมากครับ

รายการโทรทัศน์ - นิตยสาร ค่อนข้างมีการแข่งขันกันสูงครับ และบริษัทไม่ได้เป็นผู้นำตลาด ส่วนการผลิตภาพยนต์ ผมมองว่าเป็นธุรกิจที่เสี่ยงมากครับ

ดูภาพรวมผมคิดว่าบริษัทอยู่ในธุรกิจที่แข่งขันกันมากครับ ธุรกิจมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง และตลาดก็แคบแค่ในประเทศ โอกาสที่จะทำกำไรให้สูงกว่านี้ 1 เท่าภายใน 5 ปี ผมมองว่าไม่ง่ายเลยครับ


ส่วน EGCOMP บริษัทมีโครงการคือ

โครงการโรงไฟฟ้าขนอม ซึ่งคิดเป็นกำลังผลิตเฉพาะในส่วนของเอ็กโก 235 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าน้ำเทิน ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ 25% คิดเป็นกำลังการผลิตประมาณ 267.5 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าแก่งคอยถือหุ้นในสัดส่วน 50% คิดเป็นกำลังการผลิตประมาณ 350 เมกะวัตต์ ทั้งนี้เมื่อนับรวมกำลังการผลิตไฟฟ้าเดิมของบริษัทที่มีอยู่ 2,413.8 เมกะวัตต์ กับส่วนที่เพิ่มเข้ามาอีก 3 โครงการ จะทำให้เอ็กโกมีกำลังการผลิตประมาณ 3,266.3 เมกะวัตต์

ประเด็นที่น่าสนใจคือ
-สัญญาขายไฟฟ้า มีสูตรที่จะทำให้กำไรของบริษัท ลดลงนับจากปีที่ผ่านมาจริงหรือเปล่า หากไม่ทราบความหมายในสัญญาจริง ๆ จะทำให้มีความเสี่ยงครับ
- โครงการมีความไม่แน่นอนสูง เช่นโครงการขยายของโรงขนอม หรือโครงการของแก่งคอย ในการชดเชยค่าเสียหายจาก กฟผ นอกจากนั้นยังอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบบริษัทแม่ กฟผ ซึ่งเป็นคนกำหนดนโยบายทั้งหมด
- โครงการขยายมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นไม่มากเท่าที่ควร และต้องรอการรับรู้รายได้อีกหลายปี

แต่กิจการก็มีข้อดีคือ มีฐานะทางการเงินที่ดี สามารถขยายกำลังการผลิตได้อีกมาก โดยไม่ต้องเพิ่มทุน และราคาหุ้นก็ซื้อขายกันที่พีอี ค่อนข้างต่ำ แต่ปันผลก็ค่อนข้างน้อย เพราะต้องกันเงินไว้คืนหนี้และใช้ในโครงการใหม่ๆ


ทั้งสองบริษัทก็เป็นความเห็นส่วนตัวในฐานะนักลงทุนคนนึงนะครับ ถือว่าแลกเปลี่ยนมุมมองกันครับ :D
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6490
ผู้ติดตาม: 868

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 19

โพสต์

คุณลูกอีสานครับ ผมคิดว่าถ้าเป็นหุ้นที่เป็น manufacturing การที่จะเพิ่ม sale หรือ net profit มากๆ จะต้องขยายกำลังการผลิตและใช้ working cap ทำให้จะต้องตามมาด้วยการเพิ่มทุน หุ้นที่มี fixed asset มากๆ อย่าง โรงแรม โรงพยาบาล หรือศูนย์การค้าก็เช่นกันครับ
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับคุณ วิ และหลังจากผมอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ก็ชักจะเห็นด้วยคล้อยตามครับว่า การลงทุนในหุ้นโตเร็วที่ผลิตสินค้า คงหลีกเลี่ยงการเพิ่มทุนได้ยาก แม้การเพิ่มทุึนจะไม่ได้เป็นสิ่งเลวร้าย แต่ผมก็ยังไม่อยากให้เกิดกับหุ้นที่ถือครับ โดยเฉพาะการขายหุ้นเพิ่มทุนที่มีส่วนลดไม่มากจากราคาตลาด ตอนนี้กำลังพยายามหาหุ้นโตเร็วที่มีโอกาสเพิ่มทุนน้อย อยู่ครับ คิดว่าอาจจะพอมีบ้างครับ :lol:
พี่ลูกอีสานครับผมไม่มีความเข้าใจในธุรกิจสิ่งทอ อีกทั้งบริษัท TRก็ติดตามข้อมูลยาก ปัจจบันก็มีกำลังการผลิตเต็มที่ ธุรกิจหลักแต่เดิมคือ Rayon ก็มีแต่จะเสื่อมถอย ซ้ำรายยังต้องระวังการใช้ Insider อีก ถ้าจะกรุณาช่วยแนะนำวิธีหาข้อมูลของ TR หน่อยครับ
คุณ wpong ครับผมก็ไม่ได้เข้าใจกิจการสิ่งทอมากมายครับ แต่อาศัยประโยชน์จากอินเตอร์เนท ค้นคว้าหาข้อมูล ก็เลยพอจะทราบบ้าง ส่วนกิจการผลิตเส้นใจเรยอนของโลก มีการผลิตปริมาณค่อนข้างคงที่ครับ แต่เป็นเปอร์เซนต์ที่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกันเส้นใยชนิดอื่นๆ
เพราะเส้นใยเรยอนมีราคาค่อนข้างสูงกว่าเส้นใยฝ้ายหรือโพลี่เอสเทอร์ครับ แต่ก็มีจุดเด่นหลายประการทีพอจะอ่านได้จากบทความนี้

Rayon is derived from a French word meaning rays of light. The committee members agreed on rayon, and in 1924, the official name rayon was adopted by the industry.
Of all the fibres, rayon is probably the most perplexing to consumers. It can be found in cotton-like end uses, as well as sumptuous velvets and taffetas. It may function successfully in absorbent hygiene and incontinence pads and equally well providing strength in tyre cords.
Unlike most manmade fibres, rayon is not synthetic. It is made from wood pulp, a cellulosic based raw material which is naturally-occurring, relatively inexpensive, and a renewable resource. As a result, rayons properties are more similar to those of natural cellulosic fibres, such as cotton or linen, than those of thermoplastic, petroleum-based synthetic fibres such as nylon or polyester.


ดังนั้นจะเห็นได้ว่าตลาดของเส้นใยเรยอน เป็นตลาดเฉพาะพอสมควรครับ และมีการประยุกต์นำไปใช้ในอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่สิ่งทอมากขึ้น ที่เรียกว่า non-woven เช่น หน้ากาก ฟิวเตอร์ ตัวดูดซับความชื้น เคหะสิ่งทอ เมื่อไม่นานมานี้ TR ได้ปรับเปลี่ยนไลต์การผลิตสินค้าธรรมดา เป็นสินค้าพิเศษเช่น เส้นใยต่อต้านแบคทีเรีย เส้นใยปราศจากคลอรีน เส้นใยยาว-ขาวพิเศษ และมีสัญญาป้อนสินค้าเหล่านี้กับลูกค้าเป็นระยะเวลา 10 ปีครับ ทำให้มาร์จินดีมากครับ แตกต่างจากผู้ประกอบการสิ่งทอทั่วไป

ส่วนการใช้ insider ผมไม่แน่ใจครับ แต่ในความเป็นจริงผมคิดว่ามีทุกบริษัทครับ มากหรือน้อยแค่นั้นเอง แต่ TR อาจจะสังเกตุได้ง่ายกว่า เพราะสภาพคล่องค่อนข้างน้อย ข้อมูลสำหรับผู้สนใจ TR สามารถดูได้จากเวปของ Birla หรือ Grasim group ครับ ในส่วนบริษัทในต่างประเทศ ซึ่งมีหลายๆ บริษัทที่อยู่ในเมืองไทย รวมทั้ง TR ครับ

คุณ มือใหม่ครับ ผมมี TR อยู่นิดหน่อย แต่ต้นทุนต่ำครับ ยัง in money ครับ :lol:

ส่วนบริษัท EASTW ของพี่ปรัชญาและพี่ประจวบ และบริษัท CPI ขอไปศึกษาข้อมูลก่อนครับ
และพี่พลาดไม่ได้กับหุ้นยอดนิยมของชาว TVI คือ SE-ED และ PL ขอไปรวบรวมข้อมูลก่อนเช่นกันครับ

เวปบอร์ดก็ดีอย่างนี้ครับละครับ เพราะการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเท่านั้น ที่จะทำให้เกิดการพัฒนาความรู้ :D
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
eva
Verified User
โพสต์: 20
ผู้ติดตาม: 0

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 20

โพสต์

TTA คับ กะลังต่อเรือน้ำมันเพิ่มอีก ^ ^
get that girl . get that job. get that house.
If you won't , someone will.
Believe ...
ชายสี่
ผู้ติดตาม: 0

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 21

โพสต์

MAJOR(+EGV) ครับ
- แทบจะผูกขาดเรื่องโรงหนัง
- ต้นทุนต่ำกว่าเพื่อน
- คงไม่มีคู่แข่งมากกว่านี้แล้ว
- กระแสการดูหนังยังคงเติบโตไปกับเด็กรุ่นใหม่อีกนานแสนนาน
- ปัจจัยที่จะกระทบต่อธุรกิจมีน้อยมากอาศัยการบริโภคภายในเป็นหลัก
- ปิดประตูขาดทุน นอกจากฟองสบู่แตกอีกรอบแต่นั่นคงเจ๊งกันหมดเหมือนกัน
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 27

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 22

โพสต์

ดูหุ้นใน MAI สิครับ ถ้ามีตัวไหนกำไรก้าวกระโดด และได้ย้ายมา
ตลาดหลัก ผมว่าจัดเป็น growth stock โดยสมบูรณ์แน่ๆ

อย่างเช่น LVT ไงครับ IPO แค่ 2 บาท ตอนนี้ เกือบ 7 บาทแล้ว
55555
wpong not login
ผู้ติดตาม: 0

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 23

โพสต์

ข้อมูลเกี่ยวกับ TR ที่พี่เขียนมันน่าสนใจดีครับ ผมจะหาโอกาสทำการบ้านภายหลังครับ ติดตามผลงานพี่มานาน ยอดเยี่ยมครับ

พี่มือล่องหนครับ ถ้าได้กลับมาอ่านกระทู้นี้อีกรอบ ช่วยแนะนำวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลของบริษัทที่มีลูกเยอะอย่าง RGR , BGH หน่อยครับ เราจะติดตามผลงานของบริษัทหล่านี้ได้อย่างไรครับ

ผมเสนอข้อมูลส่วนหนึ่งของ PL ที่น่าสนใจ อยากให้พี่ๆช่วยวิเคราะห์หน่อยครับ คือผมลองเอาสินทรัพย์ถาวรซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ให้เช่า หารด้วยค่าเสื่อมและค่าตัดบัญชี ย้อนหลังไป 4ไตรมาสได้ดังนี้ครับ
1/1/04 - 31/03/04 1/10/03-31/12/03 1/07/03 - 30/09/03 1/4/03-31/06/03

18.07 17.81 19.76 23.23 เท่า

ผมเลยคิดไปเองว่ารถยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีการคิดค่าเสื่อมที่สูงกว่าเดิมมาก ในขณะที่งบกำไรขาดทุน แสดง GPM ที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้น รถยนต์งวดนี้เมื่อมีการขายทอดตลาดจะทำกำไรได้มากครับ
:roll:
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11444
ผู้ติดตาม: 85

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 24

โพสต์

การเลือกลงทุนในบริษัทที่เราคิดว่ามีอัตราการเติบโตที่สูงในอนาคตนั้นเราต้องระวังพอสมควรนะครับ

การที่เราลงทุนในบริษัทที่คิดว่ามีอัตราการเติบโตที่สูงทำให้บางครั้งเรายอมลงทุนในหุ้นที่มีราคาแพงขึ้น (เมื่อคำนึงถึง P/E Yield P/B) เพราะเราคาดหวังว่ากำไรในอนาคตจะเติบโตมากๆนั้นเอง

ถ้าเกิดตลาดผันผวน บริษัทมีอัตราการเติบโตไม่สูงดังคาด ราคาก็ร่วงลงมาได้ง่ายๆ

ผมมักไม่หวังที่จะสามารถลงทุนในบริษัทที่มีอัตราการเติบโตที่สูงมากๆ ผมจึงเลือกที่จะเก็บก้นบุหรี่ ซึ่งก็สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีมากพอสมควรครับ
นักดูดาว
Verified User
โพสต์: 2513
ผู้ติดตาม: 1

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 25

โพสต์

ท่าน CK ครับ เห็นนักลงทุนหลายท่านเรียก LVT ว่าหลุยส์วิตตอง คงจะได้อานิสงค์จากแบรนด์เนมไปไม่น้อย พอๆกับหุ้น BIG หรือ LEE ล่ะครับ ฮ่าๆๆๆ :lol: :lol: :lol:
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป

-จีรนุช เปรมชัยพร
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6490
ผู้ติดตาม: 868

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 26

โพสต์

คราวนี้มาลองดูกันว่า EASTW จะมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นโครตหุ้นหรือเปล่า....

EASTW ถือหุ้นส่วนใหญ่โดย กปน.+EGCOMP+การนิคมฯ
(ตอนนี้ EGCOMP กำลังหาทางขายหุ้นทำกำไร เพราะไม่ใช่ธุรกิจหลัก)
ทำธุรกิจขายน้ำให้นิคมอุตสาหกรรม กปน ขายนำดื่ม กิจการแทบไม่มีคู่แข่งทางตรง กำไรเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี และมีโครงการขยายกำลังการผลิตอย่างมโหฬารดังนี้


ปีนี้บริษัทจะใช้เงินลงทุนในธุรกิจ 700-800 ล้านบาท แต่ปี 2548 จะมีโครงการลงทุนเข้ามามาก โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 1,500-2,000 ล้านบาท และระยะ 3-5 ปีข้างหน้า คาดว่า บริษัทจะใช้เม็ดเงินเพื่อลงทุนในธุรกิจ 6,000-8,000 ล้านบาท

"แนวโน้มการทำธุรกิจของบริษัทดีขึ้น เมื่อประเมินจากความต้องการน้ำในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เราคาดว่าจะใช้เงินลงทุนในธุรกิจหลักประมาณ 6,000 ล้านบาท ที่เหลือ 2-3 พันล้านบาท จะเป็นธุรกิจต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้
บริษัทก็ได้สัมปทานการจัดการน้ำเข้าไปในพื้นที่ๆ ต่างหลายแห่ง เช่น เกาะช้าง เกาะสมุย และเกาะล้าน และยังมีโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับรัฐบาลในการจัดหาตู้น้ำดื่มประมาณ 4 พันตู้ ซึ่งเราก็ได้จัดทำไปแล้วประมาณ 1 พันตู้"


ดูจากการลงทุนอย่างมโหฬารอย่างนี้ กำไรของบริษัทภายใน 5 ปีข้างหน้า มีโอกาสสูงเป็นเท่าตัวได้ครับ แต่ในทางกลับกัน หากมีการลงทุนอย่างนี้ ลำพังกระแสเงินสดจากกิจการคงไม่พอ ดังนั้นต้องมีการก่อหนี้อย่างมาก หรือต้องระดมทุนเพิ่มจากผู้ถือหุ้น สอดคล้องกับการที่บริมีการออกหุ้นเพิ่มอีก 61 ล้านหุ้น ดังนี้

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา มีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 1,050 ล้านบาท เป็น 1,665 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่ 61.5 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท

โดยบริษัทจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม 20 ล้านหุ้น ในสัดส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 10 บาท และเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป 7.5 ล้านหุ้น ซึ่งจะมีการกำหนดราคาอีกครั้ง

ส่วนหุ้นที่เหลืออีก 32 ล้านหุ้นนั้น จะสำรองไว้รองรับใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนท์) ที่จะให้กับผู้ถือหุ้นเดิม และอีก 2 ล้านหุ้นรองรับวอร์แรนท์ที่ให้แก่ประชาชนที่จองซื้อหุ้นใหม่ครั้งนี้ด้วย

โดยประชาชนทั่วไปที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน จะได้รับวอร์แรนท์ฟรี ในสัดส่วน 15 หุ้นต่อ 4 วอร์แรนท์ เช่นเดียวกับผู้ถือหุ้นเดิม จะได้รับจัดสรรวอร์แรนท์ฟรี ในสัดส่วน 15 หุ้นเดิม ต่อ 4 วอร์แรนท์ ทั้งนี้วอร์แรนท์ทั้ง 2 ชุดดังกล่าว มีอายุ 3 ปี มีอัตราการใช้สิทธิ 1 วอร์แรนท์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ส่วนราคาใช้สิทธิจะมีการกำหนดอีกครั้ง


สรุปว่าน่าลงทุนมากครับ คู่แข่งน้อย ธุรกิจกำลังขยายตัวอย่างมาก โดยเฉพาะการทดแทนการใช้น้ำบาดาล แต่อาจจะมีความเสี่ยงในการระดมทุนจากผู้ถือหุ้น หรือการก่อหนี้จำนวนมาก ทำให้ปันผลค่อนข้างน้อย ปีนี้บริษัทบันทึกกำไรพิเศษ 71 ล้านบาท คาดการณ์กำไรประมาณ 380 ล้าน ที่ 161 ล้านหุ้นแบบ fully dilute พีอีประมาณ 19 เท่า! ราคาก็ไม่ถูกมากครับ... :roll:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6490
ผู้ติดตาม: 868

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 27

โพสต์

ส่วน CPI มีประเด็นที่น่าสนใจคือ

บริษัทมีแผนจะลงทุนมูลค่า 422 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์จาก 300 ตัน CPO/วัน เป็น 600 ตัน CPO/วัน โรงงานใหม่นี้ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีจาก BOI เป็นเวลา 8 ปี บริษัทใช้เงินทุนจากการกู้ยืมทั้งจำนวนโดยมีระยะเวลาชำระคืนหนี้ 7 ปี

นอกจากนี้บริษัทยังมีพื้นที่ปลูกปาล์มอีกถึง 20,000 ไร่
ธุรกิจครบวงจรตั้งแต่ปลูกปาล์ม >> ขายน้ำมันปาล์มกลั่น
หากเจอรถบรรทุกพ่วงสีเขียว และมีคำว่า ลีลา ก็เป็นของบริษัทนี้ละครับ

การขยายกำลังการผลิต น่าจะทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น แต่จะมากน้อยอาจจะขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายๆ อย่าง เพราะคุณ wpong เคยตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ราคาน้ำมันปาล์มกลั่นในมาเลเซียถูกกว่าราคาในประเทศไทยมาก ทั้งที่ราคาขายผลปาล์มในประเทศถูกกว่ามาเลเซียมากเช่นกัน

คุณ Forrest gump คุณ wpong มีประเด็นอะไรช่วยเสริมด้วยนะครับ เพราะน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ตัวจริง :lol:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
มือใหม่
Verified User
โพสต์: 403
ผู้ติดตาม: 0

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 28

โพสต์

CPI มีปัญหาเรื่อง ราคาปาล์มจากประเทศเพื่อนบ้านครับ ทั้ง มาเล อินโด ซึ่งเป็นที่รู้กันในการผลิตปาล์ม

หากเปิดการค้าเสรี AFTA เมื่อไหร่จะมีผลต่อราคาในประเทศอย่างแน่นอน


แต่ข้อดีคือ หนี้น้อย ราคาถือว่าไม่แพง ได้รับการส่งเสริมจาก BOI

แต่ผมจะรอดูแนวโน้มกลุ่มการเกษตรก่อนครับ เพราะช่วงนี้รัฐออกมาตราการให้เกษตรกรไทยปรับตัวจากการเปิดการค้าเสรี :shock:
ท้าชนความคิด vi ทุกสถาบัน
ForrestGump
Verified User
โพสต์: 1435
ผู้ติดตาม: 0

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 29

โพสต์

ฟังจากคุณ ลูกอีสาน งั้นก็เป็นข่าวดีน่ะสิครับ
1.ราคาปาล์มเมืองไทยถูกกว่ามาเลย์ ผู้ซื้อก็จะซื้อจากไทย
2.ต่อไป ราคากลั่นน้ำมันปาล์ม ที่มาเลย์ถูกกว่านั้น ผมเชื่อมือผู้บริหารครับ เพราะ ผมดูจาก Equity growth และ ROE ครับ แถมบ. จ่ายปันผลสม่ำเสมอ

คุณ ลูกอีสาน มีความเห็นกับความเห็นนี้อย่างไรครับ มองง่ายไปป่าวครับ

ปล. แต่เรื่องการลงทุนเพิ่มของบริษัทนี้ผมชอบนะ ครับ เพราะ ดูจากงบ Curent asset ค่อนข้างมีเยอะกว่านี้ ในเมื่อผมเชื่อมือผู้บริหารแล้ว และ ฐานะทางการเงินดีแล้ว ก็ต้องติดตามผลการดำเนินงานกันต่อไปครับ ผมเพิ่งเข้าซื้อไปครับ ที่ 5.55 ก็เลย 555 (หัวเราะร่าน้ำตารินป่าวเนี่ย)

ปล.2ผมไม่ได้เชี่ยวชาญหรอกครับ เป็นแฟนกระทู้ของเพื่อนๆที่นี่มากกว่า แต่สิ่งหนึ่งที่อยากบอกคือ วัสดุก่อสร้าง ตอนนี้ ขึ้นแทบทุกตัวเลยครับ เหล็ก สังกะสี กระเบื้อง ยกเว้น ปูนซีเมนต์
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
Invisible hand
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 357
ผู้ติดตาม: 70

Uncommon Stocks and Uncommon Profits

โพสต์ที่ 30

โพสต์

คุณ Wpong ครับ อย่าง rgr และ bgh ที่มีบริษัทลูกมากๆ นั้น

สำหรับ rgr บริษัทลูกๆ ก็เป็นธุรกิจที่จับต้องง่ายอย่างธุรกิจอาหารหรือโรงแรม สำหรับโรงแรมถ้ามีโอกาสเดินทางไปจังหวัดที่โรงแรมนั้นตั้งอยู่ก็จะหาโอกาสเยี่ยมชมครับ ส่วนเรื่อง accounting ก็คงต้องเชื่อใจผู้บริหารครับ เราคงจะไปตรวจสอบอะไรลำบาก แต่เท่าที่ดูบริษัทนี้ก็ไม่ถึงกับมีรายการระหว่างกันที่น่าเกลียด ( ให้เห็น ) ครับ

ส่วน bgh ที่มีลูกเป็น รพ. ต่างจังหวัดเยอะ ผมก็อาศัยไปเยี่ยมชมด้วยตัวเอง อย่างที่พัทยา ระยอง ผมก็ไปมาแล้วครับ ส่วนจังหวัดไกลๆ หน่อยที่ไม่ได้ไปก็อาศัยถามคนที่อาศัยในจังหวัดนั้นๆ ครับ

ส่วน PL นั้นที่ gm เท่าเดิมแต่ค่าเสื่อมแพงขึ้นก็เป็นเพราะจำนวนรถให้เช่ามากขึ้นครับ แต่ยังไงกำไรจากการขายซากรถก็น่าจะเพิ่มตามจำนวนรถให้เช่าล่ะครับ ผมห่วงหน่อยตรงที่อัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ที่ทำให้รถใหม่ขนาดเล็กราคาถูกลงอาจจะกระทบราคารถมือสองได้ครับ แต่อย่างไรอัตราภาษีใหม่ก็ทำให้รถขนาดใหญ่แพงขึ้นเช่นกัน ซึ่ง port ของ PL มีทั้งรถใหญ่และเล็กผสมกันก็คงจะพอ offset ไปได้ครับ