หน้า 1 จากทั้งหมด 1

'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิตติกุ

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 13, 2013 1:28 pm
โดย pakapong_u
'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิตติกุล'
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)

Monday, May 13, 2013 06:29


"ผู้ชายคนนี้เก่งมาก เรื่องการลงทุน" "โจ-อนุรักษ์ บุญแสวง" นายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) เจ้าของนามแฝง "โจ ลูกอีสาน" ในเว็บไซต์ Thaivi.com ชักชวนให้ทาความรู้จัก "ตี้" "ธนะสิน พิพัฒน์กิตติกุล" ผู้ยกระดับพอร์ตจากจุดเริ่มต้นที่ "5 หมื่นบาท" สู่หลัก "ร้อยล้าน"
เซียนหุ้นวีไอรายนี้ คือบุรุษผู้ต้องมนต์ ทฤษฎี"กาไรทบต้น" สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของไอน์สไตน์ แถมยังมี "ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร" และ "ปีเตอร์ ลินซ์" 2 บุรุษ เป็นไอดอล
เคล็ดลับการลงทุนในหุ้น สาคัญที่สุด ต้องอดทนต่อความผันผวน ดูธุรกิจใน "เชิงคุณภาพ" มากกว่า "เชิงปริมาณ"
แค่อ่านหนังสือ "คนดังรวยหุ้น" ก็ยกระดับพอร์ตสู่ "ร้อยล้าน" ได้ "ธนะสิน พิพัฒน์กิตติกุล" เซียนวีไอ บุรุษผู้ต้องมนต์ ทฤษฎี "กำไรทบต้น" ชายคนนี้แหละ!! ที่ "โจ ลูกอีสาน" ประดับตรา "เก่งไร้ที่ติ"
"ผู้ชายคนนี้เก่งมาก เรื่องการลงทุน""โจ-อนุรักษ์ บุญแสวง" นายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) เจ้าของนามแฝง "โจ ลูกอีสาน" ในเว็บไซต์ Thaivi.com ผู้เดินตามทฤษฎี "กำไรทบต้น" สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของไอน์สไตน์ ตั้งสเตตัส ชักชวนให้ "กรุงเทพธุรกิจ BizWeek" ไปทำความรู้จัก "ตี้" ธนะสิน พิพัฒน์กิตติกุล รุ่นพี่คนสนิท ที่รู้จักกันมานาน 7 ปี
"ชายวัย 46" สมาชิกเว็บไซต์ รู้จักเขาดีในฐานะ ผู้ใช้นามแฝง TY การลงทุน "เชิงคุณภาพ" แทน "เชิงปริมาณ" ทำให้คุณพ่อลูก 2 ชาวหาดใหญ่รายนี้ (ลูกสาววัย 15 ปี และ ลูกชายวัย 10 ปี) ค้นพบคำว่า "กำไรทบต้น" จนสามารถครอบครองพอร์ตลงทุนหลัก "ร้อยล้าน" ได้ภายในระยะเวลาเพียง 12 ปี!!!10 โมงตรงเป๊ะ ได้เวลานัด "ชายกลางคน" ปรากฏตัวขึ้น ท่ามกลางความสงสัยภายในใจ "ใช่หนุ่มปักษ์ใต้จริงหรือนี่" ด้วยรูปร่าง "สูงขาว" กระเดียดไปทางหนุ่มตี๋ "ธนะสิน พิพัฒน์กิตติกุล" เปิดบทสนทนาว่า เขาเป็นคนหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มาตั้งแต่กำเนิด เป็นลูกคนที่ 3 จากจำนวนพี่น้อง 5 คน พี่คนโต อายุ 50 ปี ที่บ้านยึดอาชีพเย็บชุดนักเรียนอยู่ในตัวเมืองหาดใหญ่
ใช้ชีวิตวัยเด็กอยู่หาดใหญ่ จนเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ก่อนจะสอบเรียนต่อคณะบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ในปี 2528 เรื่องเงินๆทองๆมี "เส่นห์มาก" บังเอิญไม่ชอบท่องจำ แต่รักที่จะทำความเข้าใจ ฉะนั้นวิชาที่เกี่ยวข้องกับคำนวณ เลือกแล้วว่าเหมาะสมกับตัวเอง มากที่สุด
หลังเรียนจบปริญญาตรีในปี 2532 นอนอยู่บ้านได้ 1 สัปดาห์ ก็เริ่มต้นชีวิตการทำงานครั้งแรกในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบภายในภาคใต้ ณ ธนาคารกสิกรไทย "ผมไปสมัครงานที่นี่ตอนใกล้เรียนจบ พอดีเขามาเปิดรับพนักงานใหม่ถึงรั้วมหาวิทยาลัย นั่งทำงานได้ 3 เดือน ก็ย้ายไปทำตำแหน่งผู้ช่วยผู้ตรวจสอบบัญชีในบริษัท สำนักงาน เอส จี วี ณ ถลาง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม อาร์เธอร์ แอนเดอร์สัน"
อดีต "เอส จี วี ณ ถลาง" เคยเป็นบริษัท ที่ปรึกษาทางด้านบัญชีและที่ปรึกษาทางธุรกิจชั้นนำระดับแนวหน้าของเมืองไทย ใครที่จบ ด้านบัญชี ส่วนใหญ่อยากลงเอยในสายวิชา ที่เรียนมาทั้งนั้น ทิ้งใบสมัครในบริษัทนี้ไม่นาน เขาก็โทรมาตาม ทำงานได้ 4 ปี ลาออกอีก เพราะอยากกลับไปช่วยธุรกิจที่บ้าน เพิ่งหยุดทำงานช่วยที่บ้านเมื่อปี 2555 และยกหน้าที่ให้พี่น้องดูแลธุรกิจแทน "ธนะสิน" เล่า ...เพราะอยากใช้เวลาเพื่อลงทุนในตลาดหุ้นมากๆ
"คุณพ่อลูกสอง" เล่า "จุดสนใจ" ในตลาดหุ้นให้ฟังว่า ลงทุนครั้งแรกตอนเรียนอยู่ปี 4 บังเอิญไปรู้จักรุ่นพี่คนหนึ่ง เขาทำงานเป็น มาร์เก็ตติ้ง คุยไปคุยมาดัน "ปิ๊งไอเดีย" อยากลงทุน กับเขาบ้าง หลังเห็นรุ่นพี่พูดถึงผลตอบแทน เขาบอกว่า "ได้กำไรมากกว่าฝากแบงก์อีก"
"รุ่นพี่ชวนผมไปเปิดพอร์ตที่โบรกเกอร์ธนชาต "เงินตั้งต้น" น่าจะประมาณ 2 หมื่นบาท จำได้ว่าซื้อหุ้นแค่ 1-2 ตัว เน้นหุ้นจำพวก ปันผลสูงๆ ข้อมูลพื้นฐานไม่ต้องถามเลย!! แทบไม่สนใจ ถือได้ 6 เดือน ก็ขายทิ้ง ชนิดไม่รอเงินปันผลด้วยซ้ำ ได้กำไรนิดหน่อยก็หรูแล้ว ช่วงนั้นเรียนจบพอดี รู้สึกไม่อยากให้เวลากับตลาดหุ้นมากไปกว่างานประจำ เลยขายทิ้งทั้งหมดและเลิกเล่น"
"ธนะสิน" เล่าว่ากลับมาสนใจตลาดหุ้นอีกครั้ง หลังกลับมาช่วยธุรกิจที่บ้าน ตอนนั้น ประมาณปี 2538 วันหนึ่งเดินเข้าไปในร้านหนังสือ เหลือบตาไปเห็นหนังสือ "พ่อรวย สอนลูก" (Rich Dad Poor Dad) ของ "โรเบิร์ต คิโยซากิ" และหนังสือ "ตีแตก" ของ "ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร" ผู้เผยแพร่แนวคิดการลงทุน แบบเน้นคุณค่าคนแรกในประเทศไทย หนังสือ 2 เล่มนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนชั้นหนังสือแนะนำ แต่ก็สะดุดตาจนต้องซื้อมาอ่าน
"ผมอ่าน 2 เล่มนี้ ได้ 1-2 สัปาดห์ ความรู้สึก "อยากลงทุน" กลับมาอีกครั้ง คราวนี้ตัดสินใจหอบเงิน 5 หมื่นบาท ไปเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ นวธนกิจ ช่วงนั้นยอมรับยังสับสนกับหลักการลงทุนเล็กน้อย ทำให้ยึดกลยุทธ์ เน้นซื้อหุ้น ที่มี P/E ต่ำๆ 7-8 เท่า และเงินปันผลสูงๆ "หุ้นกลุ่มสิ่งทอ" ถือว่าเข้าหลักการมากสุดในตอนนั้น ลงทุนได้ไม่นาน เมืองไทยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ทำให้พอร์ตลงทุนของผมติดลบ"
ขาดทุน 40-50% !!
แต่ถ้าคิดเป็นจำนวนเงินก็ไม่มาก เพราะเงินตั้งต้นต่ำเพียง 5 หมื่นบาท ไม่รู้สึกเครียดเท่าไร ไม่ค่อยเสียกำลังใจ "ฉะนั้นผมยังคงลงทุนต่อไป"
ผ่านมาถึงปี 2546 กลับมาทบทวนเรื่องการลงทุนใหม่อีกครั้ง คราวนี้เริ่มหันมาสนใจดูธุรกิจใน "เชิงคุณภาพ" แทน "เชิงปริมาณ" มากขึ้น พูดง่ายๆ เราต้องดูว่าธุรกิจนั้นๆ มีความสามารถในการแข่งขันหรือไม่ มีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน
อย่าไปนั่งดูเพียงตัวเลขการเงินอย่างเดียว ต่อให้หุ้นตัวนั้นมีค่า P/E ต่ำมากแค่ไหน แต่ถ้าอนาคตมีแววรุ่งยาก ธุรกิจก็มีสิทธิไม่สวยได้เหมือนกัน หุ้นกลุ่มส่งออกจำพวกอาหาร ถือว่าเข้าหลักเกณฑ์ในขณะนั้น สามารถทนต่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ำได้ ตอนโน่นรวมถึงตอนนี้ด้วย (ยิ้ม)
ธนะสิน ยังเล่าว่า มักเลือกลงทุนหุ้น 2 แบบ คือ 1.แบบที่มีอัตราการเติบโตระยะยาว ภายใน 5-10 ปี เฉลี่ยปีละ 20% 2.ระยะสั้นช่วง 2-3 ปี เฉลี่ยผลเติบโตประมาณ 50-100% ต่อปี วิธีคิดลักษณะนี้ ถือว่าสร้างผลตอบแทนที่ดีมาก โดยเฉพาะในปี 2553 ถ้าจำไม่ผิดนะ...
เคยโกยกำไร 230% สูงสุดในชีวิตการลงทุน!!!
ช่วงนั้นเพิ่งผ่านวิกฤติการเงิน (แฮมเบอร์เกอร์ ไครซิส) มาหมาดๆ หลังได้กำไร 230% ทำให้มูลค่าลงทุน ขยับขึ้นมายืน 8 หลักปลายๆ
หุ้น Commodity คือ "พระเอก" ของพอร์ต
ตอนโน่นมองว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่ำตกมาก หลังโดนวิกฤติเล่นงาน แต่เชื่อว่าอีก ไม่นานราคาจะเด้งกลับมา สุดท้ายใช้เวลาเพียง 1 ปี ราคาวนกลับมาเร็วมาก ถามถึงชื่อ "พระเอก" เขา บอกว่า หนึ่ง ในนั้น คือ หุ้น โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) หรือ PTL ถือลงทุนมา 1 ปี "เสน่ห์" ของหุ้น PTL คือ หลังวิกฤติราคาแผ่นฟิลม์ตกต่ำมาก เรียกว่าต่อเนื่องมาตั้งแต่อุตสาหกรรมเลิกใช้วีดีโอเทปแล้วเปลี่ยนมาใช้แผ่นซีดีในรูปแบบของดิจิทัล ทำให้ไม่มีการเพิ่มกำลังการผลิต
เมื่อพ้นช่วงวิกฤติความต้องใช้สูงขึ้น ทำให้เขามีกำไรสูงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ราคาหุ้นก็เติบโตเร็วเช่นกัน ทุกครั้งที่เกิดวิกฤติธุรกิจ ที่เกี่ยวข้องกับวัฏจักรมักจะกลับมา ตอนนั้นหุ้น เอ.เจ.พลาสท์ (AJ) ก็น่าสนใจ แต่บังเอิญหุ้น PTL ราคาถูกกว่านิดหนึ่ง
หุ้น เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ (SNC) รับบท "ผู้นำ" ของพอร์ตเหมือนกัน ตอนนั้นเขาเปลี่ยนจากธุรกิจท่อทองแดงมาเป็นประกอบแอร์สำเร็จรูป ถือเป็นการเปลี่ยนโมเดลธุรกิจที่ดี เพราะได้ประโยชน์เต็มๆ ถือลงทุนมา 3 ปี ผลประกอบการและราคาหุ้นเติบโตต่อเนื่อง
"การลงทุนในหุ้น สิ่งสำคัญ คือ คุณต้อง อดทนต่อความผันผวน แม้จะมองว่าใน ระยะยาวจะให้ผลตอบแทนสูงก็ตาม"
หลังปี 2554 ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นอย่างไร?? เซียนหุ้นวีไอ เล่าว่า เฉลี่ย 40-50% บนสมมติฐานที่มีหุ้นในพอร์ต 10 ตัว แบ่งเป็นตัวหลักๆ 5 ตัว คิดเป็น 90% ของพอร์ตลงทุน อีก 5 ตัว คิดเป็น 10% ของพอร์ต ตอนนั้นชอบ "หุ้นเทิร์นอะราวด์" เน้นเฉพาะตัวที่ต้องมี แนวโน้มดีขึ้นภายใน 1 ปี ถ้ารอนานเกินไปจะเสียโอกาส
จากนั้นไม่นานพอร์ตลงทุน ก็ทะยานสู่ 9 หลัก!!
ทุกครั้งที่ได้ "กำไร" จะนำเงินไปใช้ แต่หลังเปลี่ยนกลยุทธ์ เมื่อได้กำไรจะนำไป "ทบต้น" ตลอด เรียกว่าได้ส่วนต่างมากก็นำไปลงทุนต่อ
ถามถึงพอร์ตลงทุนปัจจุบัน? ตอนนี้ เทรดผ่านอินเทอร์เน็ต 100% ที่บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย),บล.ฟินันเซีย ไซรัส และ บล.ไทยพาณิชย์ ทุกวันนี้ก็ยังคงแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเหมือนเดิม คือ 30% ใส่ไปใน "หุ้นเติบโตสม่ำเสมอ" เน้นพวกกลุ่มวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะกระเบื้อง และเซรามิก และกลุ่มค้าปลีก อีก 70% เป็น "หุ้นเทิร์นอะราวด์" อาทิ กลุ่มพัฒนานิคมอุตสาหกรรมขนาดเล็ก และเทคโนโลยี เป็นต้น ตามสถิติ "หุ้นเติบโตสม่ำเสมอ" มักมี ผลประกอบการขยายตัวปีละ 15-30% ต่อเนื่อง ถึง 5 ปี ขณะที่ราคาหุ้นจะขยับประมาณ 20% ส่วน "หุ้นเทิร์นอะราวด์" ผลประกอบการจะเติบโต 100% เพียง 1-2 ปี และราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้น 300% ต่อปี เขาวิเคราะห์
"หนุ่มวีไอ" เผยชื่อหุ้นบางตัวที่ถือลงทุนว่า "ผมชอบ หุ้น ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม (TFD) ซื้อมาปี 2555 ต้นทุน 3 บาท ราคาตอนนี้เฉลี่ย 16 บาท กะจะถือไปเรื่อยๆ รอดูสถานการณ์ไปก่อน สมมุติมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันจนทำให้พื้นฐานของหุ้นเปลี่ยนแปลงไป ก็จะขาย ไม่เคยยึดติดในตัวหุ้น พร้อมจะสละได้ตลอดเวลา
นิคมอุตสาหกรรมบ้านเรา อาจได้รับดีจากการที่ประเทศญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตมาเมืองไทยมากขึ้น เพราะค่าแรงในญี่ปุ่นสูงขึ้น แถมยังจะย้ายฐานการผลิตจากเมืองจีนบ้านเราด้วย เพราะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศออกอาการไม่ค่อยดีนัก เท่าที่ฟังผู้บริหารเขาบอกว่า เริ่มเห็นสัญญาณย้ายมาบ้างแล้ว
หุ้น พรีเมียร์ เทคโนโลยี (PT) ตัวนี้ก็ชอบ เขาจะได้รับประโยชน์จากระบบ 3 G เพราะบริษัทขายอุปกรณ์ให้โอเปอเรเตอร์ทั้ง 3 ราย (DTAC ,AIS, TRUE) ที่สำคัญเขายังมีศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีอัตราเติบโตสูงมาก ฉะนั้นในช่วง 1-2 ปี บริษัทน่าจะมีรายได้เติบโตปีละ 50% จากนั้นจะมีอัตราเติบโตปีละ 10-20% ตามปกติ ซื้อหุ้น PT มาเมื่อปี 2555 ต้นทุนเท่าไรจำไม่ได้ ไม่ค่อยสนใจจำราคาเท่าไร
ที่ผ่านมาไม่เคยตั้ง "จุดตัดขาดทุน" (Stop-Loss) ส่วนใหญ่จะดูพื้นฐาน ของธุรกิจอย่างเดียว เว้นเสียแต่ราคาหุ้นตกหนัก ก็จะกลับมาทบทวนว่า คิดผิดหรือเปล่า แต่ถ้าพบว่าไม่มีอะไรผิดพลาดจะถือลงทุนต่อไป แต่ถ้าพบข้อ ผิดพลาด ก็จะขายทันที แม้ว่าภาวะนั้นจะ ขาดทุนหรือกำไรก็ตาม ตรงกันข้าม หากราคาหุ้นสูงมาก แต่อนาคตยังดีอยู่ก็จะถือต่อไป "ผมไม่เคยนำราคาหุ้นมาเป็นตัวตั้ง"
"ข้อดี" ของการมีหุ้นน้อยตัว ทำให้เรา ดูแลได้ทั่วถึง ติดตามรายละเอียดได้ดี แต่การลงทุนไม่มาก ไม่ได้หมายถึงศึกษาน้อย ตรงข้ามเราวิเคราะห์หุ้นเกือบทั้งตลาด เพียงแต่คัดตัวที่ดีที่สุดมาอยู่ในพอร์ต ซึ่งผลตอบแทนจะสูงกว่าการกระจายการลงทุน แต่ไม่ควรถือเพียง 1-2 ตัว มีติดพอร์ต 4-5 ตัว โอเคสุด
"วิธีหาข้อมูล ผมก็ทำเหมือนๆ นักลงทุนทั่วไป คือ อ่านหนังสือพิมพ์ เปิดดู งานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) ทางอินเทอร์เน็ต เรียกว่าส่องเกือบ ทุกตัว ไปงานประชุมผู้ถือหุ้น ทุกครั้ง ที่รับข้อมูลมาจะกลับมานั่งวิเคราะห์ถึง ความเป็นไปได้ ส่วนใหญ่จะเข้าข้างตัวเอง (ยิ้ม) หากข้อมูลของบริษัทกับของเราตรงกันผมจะซื้อลงทุน"
เขาเล่าว่า หลังๆ ดูงบการเงินน้อย เน้นวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้มากกว่า การดูงบการเงินเป็นเพียงการยืนยันความเชื่อของเราเท่านั้น ส่วนใหญ่จะดูตัวเลขยอดขาย กำไรขั้นต้น กำไรสุทธิ และอัตราผลตอบแทน ผู้ถือหุ้น (ROE) ตัวหลังจะดูเป็นพิเศษ (ROE) ยิ่งสูงยิ่งดี เพราะจะบ่งบอกถึงความสามารถ ในการทำกำไร ส่วนอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน ก็ดูบ้าง เน้นหุ้นที่ให้อัตราส่วน 4% ขึ้นไป
ที่ผ่านมาไม่เคยตั้งเป้าหมาย ขอแค่ โตเฉลี่ยปีละ 15% ก็พอใจแล้ว
ตั้งแต่ลงทุนในตลาดหุ้น แน่นอนสิ่งที่ได้รับมาตลอด คือ "ผลกำไร" ทำให้สามารถ นำมาเป็นความมั่นคงในชีวิต แต่ผลกำไรมักเกิดจากการเรียนรู้ก่อนลงทุน
"ดร.นิเวศน์" และ "ปีเตอร์ ลินซ์" 2 บุรุษ คือ ไอดอลการลงทุนของธนะสิน
"เซียนหุ้นร้อยล้าน" จบบทสนทนา ด้วยการทำนายดัชนีไทยในปี 2556 ว่า สุดท้ายตัวเลขจะยืนระดับไหน คงตอบไม่ได้ เพราะมีส่วนผสมหลายๆอย่าง โดยเฉพาะอารมณ์ ของนักลงทุน แต่น่าจะขยายตัวประมาณ 15% จากต้นปี นักลงทุนรุ่นใหม่ และคนที่มีอายุจะหันมาสนใจหุ้นมากขึ้น
นักลงทุนมือใหม่ควรแบ่งเงินมาลงทุนมาในตลาดหุ้น ตามความมั่นใจและความรู้ของตัวเอง10% ที่เหลือ 90% ลงทุนในกองทุนเปิดตราสารหนี้ ผลตอบแทนตราสารหนี้น่าจะ 3% แต่หากมีความรู้เพียงพอ ก็ลงทุนหุ้นไปเลย 50% ตอนนี้มีหน้าใหม่เข้ามาเล่นหุ้นเยอะมาก เพราะเห็นว่ามีผลตอบแทนสูง เชื่อมั๊ย!! แทบ ไม่เคยดูพื้นฐานกิจการด้วยซ้ำ "น่ากลัวมาก" การลงทุนที่ถูกต้อง คือ...
"จงเข้ามาในช่วงถูกๆ ไม่ใช่ในเวลาแพงๆ" ฉะนั้นคุณต้องขยันหาความรู้ หากอยากอยู่ในตลาดหุ้นนานๆ
บรรยายใต้ภาพ
ธนะสิน พิพัฒน์กิตติกุล--จบ--

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

Re: 'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิต

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 13, 2013 3:08 pm
โดย saichon
เห็นด้วยกับพี่โจที่ว่า"ผู้ชายคนนี้เก่งมากครับ" :wink:

Re: 'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิต

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 13, 2013 4:24 pm
โดย oatty
มาเพิ่มอีกอย่าง
น้าจิตน้ำใจก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าท่านนายกฯ เลยครับ

Re: 'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิต

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 13, 2013 5:36 pm
โดย หมอวิ
confirm ครับ
เก่ง และ จิตใจดี จริงๆครับ

Re: 'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิต

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 13, 2013 6:02 pm
โดย patongpa
Ptl. Pt หุ้นหลายเด้งทั้งนั้น. Tfd ได้อีก 5เด้ง จะไม่รวยได้ไง มีตัวใหม่บอกด้วยนะ อิอิ

Re: 'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิต

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 13, 2013 6:27 pm
โดย หมอวิ
confirm ครับ
เก่ง และ จิตใจดี จริงๆครับ

Re: 'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิต

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 13, 2013 10:53 pm
โดย monsoon
พี่ตี้ สุดยอดครับ..น้ำใจประเสริฐ จิตใจดี มีฝีมือ ^^

Re: 'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิต

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 14, 2013 12:05 am
โดย sorn adis
สุดยอดครับพี่ตี้ พี่เป็นต้นแบบนักลงทุนอย่างแท้จริง

เข้าใจธุรกิจที่ลงทุนดีมาก วาดภาพอนาคตของบริษัทได้ถูกต้องชัดเจน

และมีน้ำใจแนะนำน้องๆแบบไม่กั๊กเลย เป็นสุดยอดวีไอตัวจริงเสียงจริงอีกคนหนึ่ง

Re: 'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิต

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 14, 2013 12:09 am
โดย zephyr
ผมว่าปี 2538 ยังไม่น่ามีหนังสือ ตีแตก ของอาจารย์นิเวศน์นะครับ

สงสัยบทความอาจสรุปสัมภาษณ์มาไม่ถูก :D

Re: 'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิต

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 14, 2013 8:35 am
โดย dr1
อาจารย์โผม ๆ

หนังสือตีแตกเล่มแรกปกสีฟ้าๆมั้ยครับ
น่าจะราว2538-40มั้ง
Set in the cityครั้งแรก
ไม่รู้หนังสือออกแล้วยัง
แต่ผมได้ฟังอ.นิเวศน์กะอ.ไพบูลย์ตัวจริงครั้งแรกตอนนั้นแหละ

Re: 'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิต

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 14, 2013 11:18 am
โดย Cyberbots
หนังสือตีแตกหน้าปกสีฟ้าๆ ตีพิมพ์ปี 2542 ครับ อาจารย์ท่านเขียนช่วง เดือนกรกฏา ถึงเดือน กันยายน 2541
ส่วนพ่อรวนสอนลูก น่าจะออกช่วงปี 2544 นะครับ เหมือนผมจะมีเล่มพิมพ์ครั้งแรกนี้อยู่
ข้อมูลคงผิดพลาดเล็กน้อย อย่าเอาเป็นประเด็น
ประเด็นคือ ผมก็มีสองเล่มนี้ ทำไม ไม่รวยเหมือนพี่ตี้บ้างละเนี่ย :B

Re: 'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิต

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 14, 2013 12:18 pm
โดย syj
สุดยอดนักลงทุน VI ที่มี
อาวุธครบมือจริงๆ ถ้าเป็น
มวย ก็ต้องเรียกว่า หมัด เขา ศอก
เตะ ทุกอาวุธครับ ...

Re: 'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิต

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 14, 2013 12:22 pm
โดย syj
จากการบอกเล่าในการประชุม VI ใต้ นะครับ
ทั้ง สามเซียน แกนนำหลัก (ท่านนายกฯ โจ,
เซียนตี้, เซียนวรพงษ์) มีจุดเริ่มต้นก่อนหน้า
ประวัติศาสตร์ VI ไทย (ถือว่าการออกหนังสือ
'ตีแตก' เป็นการนับหนึ่งของ VI ไทย) โดย
ท่านนายกฯ โจ กับเซียนตี้เล่าว่า จาก นสพ.
ที่มี Peter Denis เป็นคนเขียนบทความ (ไม่ทราบ
จำชื่อผิดหรือเปล่า) ส่วนเซียนวรพงษ์ บอกมี
โอกาสเจอนักลงทุนต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทย
ถามว่าเขาทำอะไรถึงมีเวลามีเงินมาเที่ยว

ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยมาจากความทรงจำครับ

Re: 'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิต

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 14, 2013 2:59 pm
โดย Proxity
ผมอ่านบ่อยๆ นะครับบทความของกรุงเทพธุรกิจ ที่นำเอานักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมาสัมภาษณ์และให้ความรู้แก่คนทั่วไปว่า การลงทุนแนว VI นี้ สร้างความมั่งคั่งอย่างมั่นคงในระยะยาวได้

แต่ที่ขัดตา ขัดใจกับบทความ (ขัดใจคนเขียน ไม่ใช่ขัดใจผู้ให้สัมภาษณ์นะครับ) คือ ทำไมไปสร้างความคิดในการลงทุนว่า ลงเงินน้อย ได้เงินมาก (ผ่านมาหลายบทความแล้ว) อย่างกรณีนี้ บอกว่า ลง 2 หมื่นบาท ลง 5 หมื่นบาท มี 100 ล้าน ซึ่งผมเชื่อว่าที่จริงแล้วระหว่างทางการลงทุน คุณ TY มีการใส่เงินเพิ่มเข้าไปด้วย (ขออภัยหากผมเข้าใจผิด)

พอเขียนบทความในลักษณะนี้ ผลกระทบที่เราจะเห็นบ่อยๆ คือ นักลงทุนรายใหม่ๆ ก็จะกระโจนเข้าตลาดโดยคาดหวังว่าจะได้ กำไรจากการลงทุน 5% ในสัปดาห์ หรือ 20% ต่อเดือน (แบบที่เราเห็นบ่อยๆ ในสินธร) ซึ่งมันไม่ใช่หลักการลงทุนแล้ว แต่เป็นการหวังรวยแบบพนันขันต่อ

ผมมองว่า บทความให้ความรู้เหล่านี้ ควรจะมีบทสรุปที่เป็นความเห็นของผู้เขียนที่จะบอกนักลงทุนมือใหม่ให้เห็นว่า นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ จะมีผลตอบแทนการลงทุนเฉลี่ยต่อปีเท่าไร แต่ว่าได้พลังของเวลาในการทบทวี และการใส่เงินเพิ่มแบบ Dollar Cost average รวมทั้ง Timing ที่จะมองเห็นโอกาสการลงทุนในเวลาวิกฤต

ขออภัยที่มีความเห็นต่าง.. แต่ย้ำอีกทีว่า ผมไม่ได้มีปัญหากับคุณ TY ที่ให้ความรู้เป็นวิทยาทานต่อคนทั่วไป แต่ผมขัดใจผู้เขียนบทความในกรุงเทพธุรกิจ ที่เหมือนชี้แนะว่า เล่นหุ้นง่าย กำไรเยอะ ลงห้าหมื่นมีร้อยล้าน..

:oops: :oops:

Re: 'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิต

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 14, 2013 4:45 pm
โดย Nanjeng
"ถ้าพบข้อผิดพลาดก็จะขายทันที แม้ว่าภาวะนั้นจะขาดทุนหรือกำไรก็ตาม ตรงกันข้ามหากราคาหุ้นสูงมากแต่อนาคตยังดีอยู่ก็จะถือต่อไป"

ชอบวลีนี้ ขอบคุณมากครับ

Re: 'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิต

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 14, 2013 10:04 pm
โดย canuseeme
Proxity เขียน:ผมอ่านบ่อยๆ นะครับบทความของกรุงเทพธุรกิจ ที่นำเอานักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมาสัมภาษณ์และให้ความรู้แก่คนทั่วไปว่า การลงทุนแนว VI นี้ สร้างความมั่งคั่งอย่างมั่นคงในระยะยาวได้

แต่ที่ขัดตา ขัดใจกับบทความ (ขัดใจคนเขียน ไม่ใช่ขัดใจผู้ให้สัมภาษณ์นะครับ) คือ ทำไมไปสร้างความคิดในการลงทุนว่า ลงเงินน้อย ได้เงินมาก (ผ่านมาหลายบทความแล้ว) อย่างกรณีนี้ บอกว่า ลง 2 หมื่นบาท ลง 5 หมื่นบาท มี 100 ล้าน ซึ่งผมเชื่อว่าที่จริงแล้วระหว่างทางการลงทุน คุณ TY มีการใส่เงินเพิ่มเข้าไปด้วย (ขออภัยหากผมเข้าใจผิด)

พอเขียนบทความในลักษณะนี้ ผลกระทบที่เราจะเห็นบ่อยๆ คือ นักลงทุนรายใหม่ๆ ก็จะกระโจนเข้าตลาดโดยคาดหวังว่าจะได้ กำไรจากการลงทุน 5% ในสัปดาห์ หรือ 20% ต่อเดือน (แบบที่เราเห็นบ่อยๆ ในสินธร) ซึ่งมันไม่ใช่หลักการลงทุนแล้ว แต่เป็นการหวังรวยแบบพนันขันต่อ

ผมมองว่า บทความให้ความรู้เหล่านี้ ควรจะมีบทสรุปที่เป็นความเห็นของผู้เขียนที่จะบอกนักลงทุนมือใหม่ให้เห็นว่า นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ จะมีผลตอบแทนการลงทุนเฉลี่ยต่อปีเท่าไร แต่ว่าได้พลังของเวลาในการทบทวี และการใส่เงินเพิ่มแบบ Dollar Cost average รวมทั้ง Timing ที่จะมองเห็นโอกาสการลงทุนในเวลาวิกฤต

ขออภัยที่มีความเห็นต่าง.. แต่ย้ำอีกทีว่า ผมไม่ได้มีปัญหากับคุณ TY ที่ให้ความรู้เป็นวิทยาทานต่อคนทั่วไป แต่ผมขัดใจผู้เขียนบทความในกรุงเทพธุรกิจ ที่เหมือนชี้แนะว่า เล่นหุ้นง่าย กำไรเยอะ ลงห้าหมื่นมีร้อยล้าน..

:oops: :oops:
มือใหม่ ต้องอ่าน นะครับ หลายครั้งมาก
คือเงินเริ่มต้น นั้นแค่นั้นจริง
แต่ ระหว่างทาง สื่อหรือใครก็ตาม ชอบจะ ทำให้มัวๆไว้ก่อน บทความนั้นก็จะน่าตื่นเต้นร้าวใจขึ้นมาทันที

Re: 'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิต

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 15, 2013 8:19 am
โดย Fon^^
พี่ตี้เก่งมากที่สุดคนหนึ่งตั้งแต่ฝนเข้ามาในตลาดทุน
นอกจากพี่ตี้เป็น idol ด้านการลงทุนแล้วยังเป็น idol ในการใช้ชีวิตของฝนค่ะ

คนนี้ล่ะ ตัวจริงเสียงจริง :bow:

Re: 'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิต

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 15, 2013 9:34 pm
โดย Seattle
ผมอยากจะโฟสข้อความเหมือนอย่าง คุณ Proxity มาหลายครั้งแล้วครับ
แต่กลัวจะทำให้ขัดใจใครหลายๆคน ผมไม่อยากให้ใครก็ตามที่เป็นมือใหม่ หรือ คนที่กำลังลังเลอยู่ที่จะมาลงทุนในหุ้นสามัญ
เข้าใจผิดๆ คิดว่าเล่นหุ้นนั้นรวยง่ายๆ เงินน้อยๆก็รวยได้มหาศาลเป็นร้อยล้าน พันล้านบาท
มันไม่ใช่ที่สำหรับมือสมัครเล่น หรือ คนที่มีประสบการณ์น้อยๆ ไม่กี่ปี แล้วจะรวยได้อย่างง่ายตามที่ปรากฎในหน้าหนังสือพิมพ์

เซียนหุ้นหลายๆท่าน ผมว่าเค้าเหล่านั้นทุ่มเทสรรพกำลังทุกอย่าง ไม่ว่าการอ่านหนังสือหุ้นเป็นจำนวนหลายสิบเล่ม บางคน
อาจจะอ่านเป็นร้อยๆเล่มมาแล้วก็ได้ เข้าอบรมคอร์สวิเคราะห์หุ้น วิเคราะห์ธุรกิจมาเป็นสิบๆคอร์ส อ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจ 1 ถึง 3 เล่มต่อวัน อบรมงบการเงินมาทะลุปุโปร่ง อ่านรายงานประจำปี และ 56-1 มาหลายร้อยบริษัท มาแล้วก็ได้ ศึกษารูปแบบธุรกิจมาแทบทุกอุตสาหกรรมที่อยู่ในตลาดหุ้น ชนิดหลับตาก็นึกได้เลยว่าธุรกิจประเภทนี้ กำไรและยอดขายมาจากสินค้าชนิดใดของบริษัท
แล้วสะสมองค์ความรู้มาเป็นสิบๆปี จนตกผลึกทางความคิด แล้วจึงทำให้พวกเซียนเหล่านี้รวยอย่างที่ท่านเห็นตามสื่อต่างๆ

แต่เค้าไม่ได้บอกอย่างหมดเปลือกหรอกครับ ว่ากลยุทธ์ที่ทำให้รวยขึ้นมามากนะมีอะไรบ้าง เพราะกว่าพวกเค้าจะเป็นอย่างทุกวันนี้นะ เหนื่อยแทบขาดใจเลยครับ

Re: 'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิต

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 15, 2013 10:11 pm
โดย charun
TY เป็นนักลงทุน vi ที่เก่ง รอบรู้ ประสบความสำเร็จ
ที่สำคัญเป็นคนดี มีน้ำใจ กับเพื่อนนักลงทุนเสมอ
ชอบบริจาคเงิน ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสเสมอ
ใครอยากรู้จักตัวจริง เสียงจริง ลองมางาน
ประชุม vi ภาคใต้ ซิครับ

Re: 'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิต

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 18, 2013 5:39 pm
โดย Red24
คนนี้ ผมรู้จักมานาน(ไม่เกี่ยวกับการลงทุน) เรื่องนิสัยใจคอและการใช้ชีวิต ถ้าให้เป็นเกรด ก็เกรด A ครับ
สำหรับการลงทุน ผมรู้จักเขาในแวดวงการลงทุนมาจริงๆ ประมาณ 2 ปี ยอมรับครับว่าเป็นของจริง
(ที่ผ่านมามักเจอแต่นักเล่นหุ้นราคาคุยซะส่วนใหญ่) แต่ก่อนไม่รู้นะครับว่าเพื่อนผมจะเจ๋งขนาดนี้
เจอกันบ่อยๆ ดูไม่ออกเลย Thanks สำหรับสิ่งต่างๆที่เล่าสู่กันฟัง
จาก คนที่นายก็รู้ว่าใคร

Re: 'กำไรทบต้น' คัมภีร์ลงทุนวีไอ 'ขั้นเทพ''ธนะสิน พิพัฒน์กิตติกุ

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 06, 2022 1:18 pm
โดย RnD-VI
ขอขอบคุณอาจารย์ตี้ เช่นกัน ล่าสุดได้มีโอกาสฟังอาจารย์ตี้อีกครั้ง ทำให้ได้มุมมองเรื่องการถือหุ้น ว่าทุกธุรกิจมันต้องเจอปัญหาล่ะ แต่ถ้าบริษัทมีความสามารถในการแข่งขัน เดี๋ยวเขาก้ก็ปัญหาได้เอง