WR

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
BLACK-NINJA
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 599
ผู้ติดตาม: 0

WR

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เป็นอีกหนึ่งบริษัทฯที่มีโครงสร้างรายได้มาจากการปล่อยเช่าพื้นที่community mallเป็นหลัก อนาคตอาจจะกลายเป็นturnaround stock ได้ หากได้กลับมาซื้อขายอีกครั้ง
BLACK-NINJA
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 599
ผู้ติดตาม: 0

Re: WR

โพสต์ที่ 2

โพสต์

บริษัท วีรีเทล จำกัด (มหาชน) (เดิมชื่อ บริษัทไดโดมอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)) จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทะเบียนเลขที่ 12084/25331เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2533 และจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชน จำกัด เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2544 ทะเบียนเลขที่ 0107544000019
ตั้งอยู่เลขที่ 100/1 อาคารวรสมบัติ ชั้น 17 ถนนพระราม 9 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
ประกอบธุรกิจ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และพื้นที่เชิงพาณิชย์ (เดิมประกอบธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น)
หมายเลขโทรศัพท์ (02) 619-2171-4
หมายเลขโทรสาร (02) 619-2175
ทุนจดทะเบียนบริษัท หุ้นสามัญ 826,309,820 หุ้น หุ้นละ 5 บาท
เป็นจำนวนเงิน 4,131,549,100 บาท
ทุนเรียกชำระ หุ้นสามัญ 799,325,574 หุ้น หุ้นละ 5 บาท
เป็นจำนวนเงิน 3,996,627,870 บาท
รอบระยะเวลาบัญชี 1 มกราคม – 31 ธันวาคม
ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต นางสาวศิราภรณ์ เอื้ออนันต์กุล เลขทะเบียน 3844
บริษัท สำนักงาน เอินส์ท แอนด์ ยัง จำกัด
BLACK-NINJA
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 599
ผู้ติดตาม: 0

Re: WR

โพสต์ที่ 3

โพสต์

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2554 บริษัทได้มีการจำหน่ายสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจร้านอาหารทั้งหมด และเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2554 บริษัทได้ซื้อหุ้นสามัญร้อยละ 99.99 ของบริษัท
เซ็นเตอร์พ้อยท์ ช้อปปิ้ง มอลล์ จำกัด (“Centre Point”) ซึ่งดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพื่อทดแทนธุรกิจเดิมที่จำหน่ายไปแล้ว โดยบริษัทได้แจ้งเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท วีรีเทล จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2554
บริษัทมีแผนเบื้องต้นที่จะพัฒนาโครงการศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และพื้นที่เชิงพาณิชย์ โดยแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่
ช่วงแรก (1 – 2 ปีแรก) เป็นการพัฒนาโครงการศูนย์การค้าแบบเปิด (Open Shopping Complex) ในรูปแบบของศูนย์การค้าชุมชน (Community Mall) ซึ่งใช้เงินลงทุนในแต่ละโครงการไม่มากนัก และต่อมาจะพัฒนาโครงการศูนย์การค้าแบบปิด (Closed Shopping Complex) และอาคารสำนักงานให้เช่า
ช่วงที่ 2 (3 – 5 ปีต่อไป) เป็นการพัฒนาโครงการศูนย์การค้าชุมชนเพิ่มเติม จำนวน 3 -5 โครงการ และให้บริการพื้นที่เชิงพาณิชย์ เป็นการพัฒนาโครงการศูนย์การค้าในบริเวณที่อยู่ใกล้แหล่งชุมชนที่พักอาศัย และ/หรือ ตามแนวระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้า
ปัจจุบัน บริษัท และ Centre Point เป็นเจ้าของที่ดิน 7 แปลง และถือครองสิทธิการเช่าที่ดินอีกจำนวน 11 แปลง ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาแบบก่อสร้าง และการเจรจาขอซื้อที่ดินเพิ่มเติม เพื่อเตรียมพัฒนาโครงการศูนย์การค้า ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาแบบก่อสร้าง และการเจรจาขอซื้อที่ดินเพิ่มเติม เพื่อเตรียมพัฒนาโครงการศูนย์การค้า

การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการที่สำคัญเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจและการบริหารงานที่ผ่านมาของบริษัทในปี 2554 – 2555
เดือนตุลาคม 2554
• อนุมัติการจำหน่ายสินทรัพย์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจร้านอาหาร ตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท ครั้งที่ 1/2554 เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2554 ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท รวมทั้งเครื่องหมายการค้าไดโดมอน ให้แก่บริษัท ฮอทพอท จำกัด (มหาชน) และเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2554 บริษัทได้มีการจำหน่ายสินทรัพย์ดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว ทำให้บริษัทไม่มีการดำเนินธุรกิจใดๆ และมีสถานะเป็นบริษัทที่มีเพียงเงินสด (Cash Company)
เดือนพฤศจิกายน 2554
ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท ครั้งที่ 2/2554 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทดำเนินการลดทุน และเพิ่มทุนดังนี้
• อนุมัติลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 63,272 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท จากเดิมทุนจดทะเบียน 247 ล้านบาท เป็น 246.68 ล้านบาท โดยเป็นการลดทุนจดทะเบียนในส่วนที่ยังไม่ได้เรียกชำระ
• อนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 3,884.87 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 246.68 ล้านบาท เป็นจำนวน 4,131.55 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 776,973,092 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท เพื่อรองรับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Right Offering) และเพื่อรองรับการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เซ็นเตอร์พ้อยท์ ช้อปปิ้ง มอลล์ จำกัด (“Centre Point”) จากบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) (“PF”) และบริษัทตกลงที่จะชำระค่าซื้อหุ้นดังกล่าวด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท
• อนุมัติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวนไม่เกิน 776,973,092 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท ให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้
- อนุมัติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวนไม่เกิน 363,818,182 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท ให้แก่ PF ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ในราคาหุ้นละ 1.10 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 400.20 ล้านบาท เพื่อเป็นการตอบแทน PF ที่นำหุ้นสามัญ Centre Point ที่ตนถืออยู่จำนวน 5,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 400.20 ล้านบาท มาชำระเป็นค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทดังกล่าวแทนการชำระด้วยเงินสด
- อนุมัติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวนไม่เกิน 413,154,910 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นเดิมแต่ละรายถืออยู่ (Right Offering) ในอัตราจัดสรร 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 1.10 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 454.47 ล้านบาท
เดือนธันวาคม 2554
• เพิ่มทุนที่ออกและชำระแล้วของบริษัทจาก 246.68 ล้านบาท เป็น 2,065.77 ล้านบาท โดยจัดสรรหุ้นสามัญจำนวน 363,818,182 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาทให้กับ PF และมีส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นเป็นจำนวนเงิน 1,404.39 ล้านบาท ทำให้ส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นมีมูลค่ารวมเป็นจำนวน 1,534.39 ล้านบาท โดยบริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนที่กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2554
• แต่งตั้งกรรมการบริษัทใหม่จำนวน 3 ท่าน ซึ่งเป็นกรรมการที่ได้รับการเสนอชื่อจากผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้น แทนกรรมการท่านเก่าที่ลาออก
เดือนมกราคม 2555
• แต่งตั้งประธานกรรมการ และรองประธานกรรมการของบริษัท ซึ่งเป็นกรรมการที่ได้รับการเสนอชื่อจากผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท
• แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัท รวมจำนวน 2 ท่าน
เดือนมีนาคม 2555
• อนุมัติการเข้าซื้อที่ดินจำนวน 2 แปลง บริเวณถนนสาทร – กัลปพฤกษ์ รวมพื้นที่ 1,026.50 ตารางวา มูลค่ารวมไม่เกิน 123 ล้านบาท จากเจ้าของที่ดินซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท
เดือนเมษายน 2555
• อนุมัติการกู้ยืมเงินจำนวนไม่เกิน 10 ล้านบาทจาก Centre Point ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
• อนุมัติไม่จัดสรรกำไรสำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2554 และงดจ่ายเงินปันผล เนื่องจากบริษัทเพิ่งออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ และบริษัทยังมีขาดทุนสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก
• แต่งตั้งกรรมการใหม่จำนวน 3 ท่าน แทนกรรมการที่ต้องออกจากตำแหน่งตามกำหนดวาระกลับเข้าดำรงตำแหน่งอีกครั้งหนึ่ง และแต่งตั้งกรรมการใหม่เพิ่มเติมอีก 1 ท่าน ทำให้จำนวนกรรมการบริษัท มีทั้งสิ้น 7 ท่าน
• แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนของบริษัท รวมจำนวน 3 ท่าน
• อนุมัติให้มีการกำหนดค่าตอบแทนให้กรรมการ กรรมการตรวจสอบ และกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน ประจำปี 2555
• แต่งตั้งให้ผู้สอบบัญชีของบริษัท สำนักงาน เอินส์ท แอนด์ ยัง จำกัด โดยนางสาวทิพวัลย์ นานานุวัฒน์ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตทะเบียนเลขที่ 3459 และ/หรือนางสาวศิราภรณ์ เอื้ออนันต์กุล ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตทะเบียนเลขที่ 3844 และ/หรือนายกฤษดา เลิศวนา ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตทะเบียนเลขที่ 4958 เป็นผู้สอบบัญชีของบริษัท และบริษัทย่อยประจำปี 2555 และกำหนดเงินค่าตอบแทนให้ผู้สอบบัญชีเป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท
เดือนพฤษภาคม 2555
• แต่งตั้งกรรมการตรวจสอบเพิ่มเติม อีก 1 ท่าน ทำให้จำนวนคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัท มีทั้งสิ้น 3 ท่าน
เดือนกรกฎาคม 2555
• อนุมัติการให้กู้ยืมเงินจำนวน 250 ล้านบาท แก่ Centre Point ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของ Centre Point
• อนุมัติให้ Centre Point ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เข้าทำสัญญาเช่าช่วงที่ดินเพื่อประโยชน์ในการดำเนินโครงการศูนย์การค้า จำนวน 8 แปลง บริเวณ ตำบลดินแดง อำเภอห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เนื้อที่เช่าตามสัญญาเช่าช่วงรวม 8 โฉนด เนื้อที่รวมประมาณ 13 ไร่ 3 งาน 9.2 ตารางวา กับบริษัท พร้อม เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท มูลค่ารวมไม่เกิน 2,727.35 ล้านบาท
• อนุมัติการออกหุ้นสามัญจำนวน 386,170,664 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท ในราคาหุ้นละ 1.10 บาท รวมเป็นจำนวนเงิน 424.79 ล้านบาท ตามการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ และมีส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นเป็นจำนวนเงิน 1,506.07 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีทุนที่ออกและชำระแล้วเพิ่มขึ้นจาก 2,065.77 ล้านบาท เป็น 3,996.63 ล้านบาท และส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นมีมูลค่ารวมเพิ่มขึ้นจากเดิม 1,534.39 ล้านบาท เป็น 3,040.46 ล้านบาท โดยบริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนที่กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2555
เดือนสิงหาคม 2555
• อนุมัติการให้กู้ยืมเงินจำนวน 250 ล้านบาท แก่ Centre Point ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของ Centre Point
เดือนพฤศจิกายน 2555
• อนุมัติการกู้ยืมเงินจาก PF ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกับบริษัทเนื่องจากเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท จำนวน 100 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ทำให้บริษัทมีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจมากยิ่งขึ้น
BLACK-NINJA
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 599
ผู้ติดตาม: 0

Re: WR

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ผู้ถือหุ้น
รายชื่อกลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ถือหุ้นสูงสุด 10 อันดับแรก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 ปรากฏดังนี้
รายชื่อผู้ถือหุ้น จำนวนหุ้นสามัญ อัตราส่วนร้อยละ
1. บริษัท พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) 727,824,048 91.05
2. นายกัมพล ตติยกวี 51,181,818 6.40
3. กลุ่มทองแตง 6,376,289 0.80
4. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 3,689,600 0.46
5. ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) 2,247,200 0.28
6. กลุ่มฟูคูด้า 1,400,117 0.18
7. นางสาวสุพรรณ ปิยเจษฎากุล 1,004,000 0.13
8. นายเกรียงไกร ศิระวณิชการ 902,000 0.11
9. นางกนกวรรณ พรทรัพย์อนันต์ 640,328 0.08
10. นายสุรัตน์ แซ่ลี้ 304,500 0.04
ที่มา: บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด
BLACK-NINJA
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 599
ผู้ติดตาม: 0

Re: WR

โพสต์ที่ 5

โพสต์

post ไว้เผื่อติดตามข้อมูล หากใครมีเพิ่มเติมช่วยแนะนำด้วยครับ
BAZUGA
Verified User
โพสต์: 118
ผู้ติดตาม: 0

Re: WR

โพสต์ที่ 6

โพสต์

สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อย (F45-3)
บริษัท วีรีเทล จำกัด (มหาชน)

(หน่วย : พันบาท)
งบการเงินรวม
ไตรมาสที่ 1
สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม
ปี 2556 2555
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (6,802) (6,029)
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (0.0085) (0.0146)
ต่อหุ้น (บาท)


งบการเงินเฉพาะกิจการ
ไตรมาสที่ 1
สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม
ปี 2556 2555
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (2,432) (3,222)
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (0.003) (0.0078)
ต่อหุ้น (บาท)

ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไข

หมายเหตุ

โปรดดูรายละเอียดงบการเงิน รายงานของผู้สอบบัญชี และหมายเหตุประกอบ
งบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์

"ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งงบการเงิน
ฉบับเต็มผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์และส่งต้นฉบับให้กับสำนักงาน ก.ล.ต.
เรียบร้อยแล้ว"



ลงลายมือชื่อ ___________________________
( นายกัมพล ตติยกวี )
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ
BAZUGA
Verified User
โพสต์: 118
ผู้ติดตาม: 0

Re: WR

โพสต์ที่ 7

โพสต์

โครงสร้างผู้ถือหุ้น ในปัจจุบันนะครับ
ผู้ถือหุ้นรายย่อย ณ วันที่ 26/03/2556

จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free float) 958

% การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (% Free float) 2.54


หมายเหตุ: ข้อมูลผู้ถือหุ้นปรับตามรอบของการปิดสมุดทะเบียน

ภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 26/03/2556 ประเภทการปิดสมุดทะเบียน : XM

จำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมด 1,073

% การถือหุ้นแบบไร้ใบหุ้น 1.08


ลำดับ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จำนวนหุ้น (หุ้น) % หุ้น



1. บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) 727,824,048 91.05

2. นายกัมพล ตติยกวี 51,181,818 6.40


SHAMU SHAMU
Verified User
โพสต์: 109
ผู้ติดตาม: 0

Re: WR

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ดูจากการกระจายหุ้นในมือรายย่อยแล้วไม่น่าจะอยู่ในตลาดได้เลย ควรจะทำการตั้งโต๊ะรับซื้อแล้วออกจากตลาดไปนะครับ หุ้นส่วนใหญ่อยู่ในมือเจ้าของหมดแล้วนะครับ
Kopite
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 199
ผู้ติดตาม: 0

Re: WR

โพสต์ที่ 9

โพสต์

พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค หยั่งรากชิงเกมค้าปลีก
Submitted by Supattha Sukchoo on Mon, 06/10/2013 - 09:41

ผุดขึ้นมาชุกชุมราวดอกเห็ดช่วงหน้าฝน จนหลายคนเริ่มสงสัยว่า กรุงเทพฯ กำลังเข้าสู่ยุคทองของ “คอมมูนิตี้มอลล์” หรือกำลังก้าวเข้าสู่ยุคฟองสบู่ของ “ศูนย์การค้าขนาดย่อม” กันแน่

ในช่วง 2-3 ปีนี้ ตลาดคอมมูนิตี้ มอลล์ ได้เปิดรับ “ผู้เล่น” ใหม่มากหน้าหลายตา ไม่เพียง “ผู้เล่น” ที่คร่ำหวอดในวงการพัฒนาอสังหาฯ ผู้ประกอบการธุรกิจอื่นที่ข้ามมาชิมลางธุรกิจนี้ ก็มีไม่น้อย อาทิ ศูนย์การค้าสุพรีม สามเสน ของกลุ่มผู้ผลิตเครื่องดื่มตรา “สก็อต”, พาซิโอ ของกลุ่มโตโยต้า ทีบีเอ็น หรือ เดอะ ซิตี้ วีว่า ของกลุ่มบริษัทนิมิต ซึ่งเริ่มต้นธุรกิจหลักจากการค้ากระดาษ โดยทวี ศรีสมบูรณานนท์ น้องชายของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เป็นต้น

“ต่อไป คอมมูนิตี้ มอลล์ จะมีสัดส่วนเป็นอันดับหนึ่งของธุรกิจค้าปลีก และผมเชื่อว่าไม่ “โอเวอร์ ซัปพลาย” แน่นอน” ชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแห่ง บมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) กล่าว

แม้ PF จะเป็น “เจ้าเก่า” และเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำของเมืองไทย แต่ต้องถือว่าเป็น “น้องใหม่” ล่าสุดในวงการคอมมูนิตี้ มอลล์ เพราะหลังจากปล่อยให้เพื่อนร่วมวงการอสังหาฯ ทั้งรายเล็ก รายใหญ่ ประกาศเปิดตัวโครงการศูนย์การค้าขนาดย่อมนำไปก่อนหลายขุม PF เพิ่งออกมาประกาศเปิดตัวโครงการศูนย์การค้าชุมชนพร้อมกันถึง 2 แห่ง

แห่งแรก “เมโทร เวสต์ ทาวน์” บนถนนกัลปพฤกษ์ ห่างจากสถานีบีทีเอส วุฒากาศ ราว 2 กม. มีพื้นที่โครงการกว่า 2 หมื่น ตร.ม. ตั้งอยู่หน้าโครงการ “เดอะ เลค @ เมโทร พาร์ค” ของ PF ซึ่งมีชุมชนรองรับ 4 พันครัวเรือน และจะขยายเป็น 5 พันครัวเรือนในเร็วๆ นี้ คาดว่าจะเปิดโครงการได้ราวไตรมาส 4 ปี 2557

อีกแห่ง “เมโทร อีสต์ ทาวน์” บนถนนสุขุมวิท 77- ลาดกระบัง ใกล้ทางด่วนมอเตอร์เวย์ และแอร์พอร์ตลิงก์สถานีลาดกระบัง ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 1.5 กม. พื้นที่โครงการราว 1.5 หมื่น ตร.ม. ตั้งอยู่หน้าโครงการเพอร์เฟค เพลส และเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ ของ PF ซึ่งมีชุมชนรองรับ 1 พันครัวเรือน และจะขยายเพิ่มเป็น 1.6 พันครัวเรือน คาดว่าจะเปิดบริการในไตรมาส 3 ปี 2557

ปัจจุบัน ทั้ง 2 โครงการขายพื้นที่ได้แล้วกว่า 70% ซึ่งพื้นที่ขายสำคัญคือ ซูเปอร์มาร์เก็ต ได้ MaxValue เข้ามาเป็นผู้เช่า มูลค่าของทั้ง 2 โครงการรวมกันราว 1.5 พันล้านบาท โดย PF ให้ “วีรีเทล (We Retail)” บริษัทย่อยที่ PF ถือหุ้นอยู่ 90% เป็นผู้พัฒนา ลงทุน และบริหาร โครงการชอปปิ้งมอลล์ของกลุ่ม โดยชูกิมมิค “พัฒนาโครงการให้เกิดเป็นคู่”

“วีรีเทล” เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เดิมชื่อ “ไดโดมอน กรุ๊ป” แต่หลังจากกลุ่ม PF ได้ขายหุ้นไดโดมอนให้กับกลุ่มฮอทพอตไปแล้ว PF จึงได้ดำเนินจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “วีรีเทล” เมื่อเดือน พ.ย. 2554 พร้อมกับวัตถุประสงค์ของบริษัท คือเพื่อดำเนินธุรกิจด้านศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์

เป็นเวลาเพียงปีกว่าหากนับจากวันที่เปลี่ยนชื่อและตั้งวัตถุประสงค์ของ “วีรีเทล” เพื่อมุ่งสู่ธุรกิจศูนย์การค้าอย่างชัดเจน แต่อันที่จริงชายนิดใช้เวลาศึกษาเรื่องการเปิดศูนย์การค้ามานานกว่า 4 ปี เพียงแต่ที่ผ่านมา เขาต้องอดใจรอกว่าจะได้พื้นที่และผู้บริหารที่เหมาะสม

ผู้บริหารที่ชายนิดหมายถึงคือ สมคิด ตันทัดวาณิชย์กุล ผู้ที่นับว่าเป็น “มือฉมัง” ด้านการค้าปลีก โดยเฉพาะในรูปแบบคอมมูนิตี้ มอลล์ เขาเป็นอดีตซีอีโอของ “สยามฟิวเจอร์ พร็อพเพอร์ตี้” ในเครือสยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ (SF) และอยู่ในวงการนี้มากว่า 24 ปี

ปัจจุบันสมคิดก่อตั้งบริษัท ธิงค์เวิร์ค ขึ้นมาเพื่อรับเป็นที่ปรึกษาให้กับโครงการชอปปิ้งมอลล์ขนาดย่อม ตัวอย่างโครงการที่ผ่านมา ได้แก่ เดอะเซอร์เคิล, เสนาเฟสต์, พอร์โตชิโน่, “เอ-ลิงก์” ของบริษัท แอร์พอร์ต ลิ้งค์ สแควร์ ผู้พัฒนา ชอปปิ้งมอลล์ที่เชื่อมต่อกับสถานีแอร์พอร์ตลิงก์รามคำแหง และ “โชว์ ดีซี” ซึ่งเป็นศูนย์กระจายสินค้ารูปแบบใหม่ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างนักลงทุนไทย-จีน-มาเลเซีย รวมถึง โครงการ “ซูเปอร์แบรนด์ มอลล์” ในเซี่ยงไฮ้ เป็นต้น

เนื่องจากการทำงานกับกลุ่ม PF สมคิดเข้ามานั่งตำแหน่งที่ปรึกษาและผู้บริหารโครงการ เขายอมรับว่า เวลาส่วนใหญ่ในช่วง 2-3 ปีนี้ เขาคงต้องทุ่มเทให้กับงานของกลุ่ม PF มากขึ้น เพราะต้องดูทั้งเรื่องการขายและการบริหาร

ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการอสังหาฯ ส่วนใหญ่เลือกสร้างชอปปิ้งมอลล์ในโครงการบ้านหรือคอนโดของตน แต่ก็มีบางรายที่เลือกสร้างชอปปิ้งมอลล์ขนาดย่อมนอกทำเลของตน เพื่อเป็นการชิมลางในตลาดค้าปลีกที่ร้อนแรงแต่ยั่วใจ

กระแสความนิยมสร้างคอมมูนิตี้ มอลล์ ของบริษัทพัฒนาบ้านและคอนโด ทำให้หลายฝ่ายมองว่า ในอนาคต หากโครงการคอนโดหรือบ้านใดไม่มีชอปปิ้งมอลล์ในอาณาบริเวณ คงอยู่ได้ยากแล้ว ทั้งในแง่ของการตลาดและการขาย รวมถึงการประกาศศักดาของบริษัทในวงการอสังหาฯ (หรือแบรนดิ้ง) ด้วยเหตุนี้ บางรายถึงขนาดต้องหาพันธมิตรเพื่อมาสร้าง ชอปปิ้งมอลล์ในโครงการอสังหาฯ ของตน อาทิ เพียวสัมมากร และ LPN เป็นต้น

“เฉพาะเมโทร ทาวน์ 2 โครงการนี้ที่จะอยู่ใกล้โครงการบ้านและคอนโดของพร็อพเพอร์ตี้ฯ เพื่อสร้างผลงานให้กับแบรนด์ก่อน แต่ในอนาคต ศูนย์การค้าของเราจะใหญ่ขึ้น และจะเน้นทำเลใกล้รถไฟฟ้าเป็นหลัก โดยจะมีหรือไม่มีโครงการของเราอยู่ด้วยก็ได้ เพราะต่อไปทิศทางการเติบโตของศูนย์การค้าจะขยายไปตามการเติบโตของเมือง ซึ่งเกิดจากการขยายเส้นทางรถไฟฟ้า” ชายนิดกล่าวพร้อมระบุว่า PF สะสมที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าไว้ถึง 2,200 ไร่

มองในแง่รายได้ สมคิดระบุว่า จริงๆ แล้วค่าเช่าจากโครงการ “เมโทร ทาวน์” ทั้ง 2 แห่ง คงสร้างรายได้ให้บริษัทรวมกันแค่เพียงกว่า 200 ล้านบาทต่อปี แต่ความสำคัญของทั้ง 2 โครงการ อยู่ที่เป็น “ก้าวเล็กๆ” อันเป็นก้าวสำคัญก้าวแรกของ PF ในวงการค้าปลีก โดยชายนิดย้ำหนักแน่นว่า ในอนาคต ธุรกิจค้าปลีกจะเป็นอีก “ขาสำคัญ” ในพอร์ตรายได้ของ PF

นอกจากนี้ ชายนิดยังได้วางยุทธศาสตร์ในการสร้างรายได้จากคอมมูนิตี้ มอลล์ ทั้ง 2 โครงการนี้ ด้วยการนำไปขายเป็นสินทรัพย์สำหรับจัดตั้งกองทุนอสังหาฯ (Property Fund) ในปี 2558 ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ถึง 2 พันล้านบาท

ประจักษ์พยานที่ยืนยันการให้ความสำคัญและและความเอาจริงเอาจังในธุรกิจค้าปลีกของ PF ได้เป็นอย่างดี นอกจากตัวบริษัท “วีรีเทล” และตัวผู้บริหารมืออาชีพอย่าง “สมคิด” แล้ว ก็ยังมีแผนการก่อสร้างศูนย์การค้าขนาดใหญ่อีก 2 แห่ง ภายในไม่เกินต้นปีหน้า

โครงการแรกคือ โครงการศูนย์การค้าระดับมณฑล (District Mall) บนถนนรามอินทรา พื้นที่กว่า 1.5 แสน ตร.ม. ใช้งบลงทุน 6 พันล้านบาท อีกโครงการอยู่บนถนนรัชดาภิเษก บนพื้นที่กว่า 3 แสน ตร.ม. เป็น 2 อาคารอยู่ตรงข้ามกันบนถนนสองฝั่ง พัฒนาเป็นศูนย์การค้าระดับมหานคร (City Mall) มูลค่าโครงการรวม 1.2 หมื่นล้านบาท

นั่นหมายความว่า ในระยะเวลา 3 ปี วีรีเทลจะมีโครงการศูนย์การค้าอย่างน้อย 4 โครงการ รวมพื้นที่ก่อสร้างทั้งสิ้น 5 แสน ตร.ม. มูลค่าการลงทุนรวม 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งนับเป็นเงินทุนก้อนหนาที่สุดเท่าที่เคยมีบริษัทผู้พัฒนาบ้านและคอนโดไทยออกมาประกาศว่าได้เตรียมไว้ทุ่มในธุรกิจค้าปลีก

ทั้งนี้ เงินลงทุนที่จะนำมาใช้ ส่วนหนึ่งมาจากการขายคอมมูนิตี้ มอลล์ 2 โครงการแรกเข้ากองทุนอสังหาฯ อีกส่วนมาจากการนำหุ้นของวีรีเทลกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2558 และจากพันธมิตรญี่ปุ่น ซึ่งชายนิดแย้มว่า กำลังคุยกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น 2 ราย โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปชัดเจนภายในปีหน้า

สำหรับว่าที่พันธมิตรรายแรก เป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกของญี่ปุ่น โดยหลายคนคาดว่าเป็น AEON ซึ่งกำลังโหมรุกหนักในอาเซียน และแสดงความสนใจในการเข้ามารุกธุรกิจค้าปลีกในเมืองไทยอย่างชัดเจน ส่วนอีกรายเป็นกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งคาดกันว่าน่าจะเป็นกลุ่มมิตซุย เนื่องจากทั้งคู่เป็นพันธมิตรในการบริหาร “คิโรโระ สกีรีสอร์ท”

ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรรายใด ก็น่าจะทำให้พอร์ตธุรกิจค้าปลีกของ PF แข็งแกร่งมากขึ้น ยิ่งบวกกับที่ดินในทำเลใกล้รถไฟฟ้ากว่า 2 พันไร่ของ PF การเติบโตแบบก้าวกระโดดในธุรกิจนี้ของ PF ก็คงเกิดขึ้นได้ไม่ยาก...

หากว่าธุรกิจชอปปิ้งมอลล์ในกรุงเทพฯ ไม่ “โอเวอร์ ซัปพลาย” หรือ “ฟองสบู่แตก” ไปเสียก่อน ซึ่งก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด

http://www.gotomanager.com/content/%E0% ... 5%E0%B8%81
ภาพประจำตัวสมาชิก
kongkiti
Verified User
โพสต์: 5830
ผู้ติดตาม: 19

Re: WR

โพสต์ที่ 10

โพสต์

วันที่/เวลา 24 ก.ค. 2556 17:51:49
หัวข้อข่าว แจ้งแก้ไขสารสนเทศเกี่ยวกับการได้มาซึ่งสินทรัพย์และรายการที่เกี่ยวโยงกัน
หลักทรัพย์ WR
แหล่งข่าว WR
รายละเอียดแบบเต็ม
http://www.set.or.th/set/pdfnews.do?fil ... 90677T.pdf
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee

FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
BAZUGA
Verified User
โพสต์: 118
ผู้ติดตาม: 0

Re: WR

โพสต์ที่ 11

โพสต์

สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อย (F45-3)
บริษัท วีรีเทล จำกัด (มหาชน)

(หน่วย : พันบาท)
งบการเงินรวม
ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 30 กันยายน
ปี 2556 2555 2556 2555
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (15,587) (7,389) (33,830) (16,645)
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (0.012) (0.01) (0.036) (0.031)
ต่อหุ้น (บาท)


งบการเงินเฉพาะกิจการ
ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 30 กันยายน
ปี 2556 2555 2556 2555
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (6,065) (4,517) (14,359) (9,337)
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (0.005) (0.006) (0.015) (0.018)
ต่อหุ้น (บาท)

ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไขและมีข้อสังเกต

หมายเหตุ

โปรดดูรายละเอียดงบการเงิน รายงานของผู้สอบบัญชี และหมายเหตุประกอบ
งบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์

"ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งงบการเงิน
ฉบับเต็มผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์และส่งต้นฉบับให้กับสำนักงาน ก.ล.ต.
เรียบร้อยแล้ว"



ลงลายมือชื่อ ___________________________
( คุณชายนิด อรรถญาณสกุล )
กรรมการและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ
ภาพประจำตัวสมาชิก
thumbman2001
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 8119
ผู้ติดตาม: 42

Re: WR

โพสต์ที่ 12

โพสต์

สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อย (F45-3)
บริษัท วีรีเทล จำกัด (มหาชน)

(หน่วย : พันบาท)
งบการเงินรวม
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 30 มิถุนายน
ปี 2557 2556 2557 2556
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (8,842) (11,441) (17,684) (18,243)
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (0.007) (0.014) (0.014) (0.023)
ต่อหุ้น (บาท)


งบการเงินเฉพาะกิจการ
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 30 มิถุนายน
ปี 2557 2556 2557 2556
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (2,671) (5,862) (4,238) (8,294)
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (0.002) (0.007) (0.003) (0.01)
ต่อหุ้น (บาท)

ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไข

หมายเหตุ

โปรดดูรายละเอียดงบการเงิน รายงานของผู้สอบบัญชี และหมายเหตุประกอบ
งบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์

"ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งงบการเงิน
ฉบับเต็มผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์และส่งต้นฉบับให้กับสำนักงาน ก.ล.ต.
เรียบร้อยแล้ว"



ลงลายมือชื่อ ___________________________
( คุณชายนิด อรรถญาณสกุล )
กรรมการและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ
______________________________________________________________________
สารสนเทศฉบับนี้จัดทำและเผยแพร่โดยบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข้อมูลหรือเอกสารใดๆของบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์
ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่มีความรับผิดชอบใดๆ
ในความถูกต้องและครบถ้วนของเนื้อหา ตัวเลข รายงานหรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฎในสารสนเทศฉบับนี้
และไม่มีความรับผิดในความสูญเสียหรือเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใด ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัย
หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ซึ่งได้จัดทำ
และเผยแพร่สารสนเทศฉบับนี้
โพสต์โพสต์