อ่านข่าว เพลิน ๆ ชวนสงสัยว่า พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ?

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
pakhakorn
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 957
ผู้ติดตาม: 0

อ่านข่าว เพลิน ๆ ชวนสงสัยว่า พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ?

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โพสต์ทูเดย์
14 เมษายน 2556 เวลา 11:05 น.
http://bit.ly/10Uamjq



คลังมะกันย้ำชัด เงินหยวนยังอ่อนค่า จี้เอเชียเลี่ยงแทรกแซงค่าเงิน

กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยในรายงานสรุปความเคลื่อนไหวด้านสกุลเงินรอบครึ่งปี ย้ำชัดว่า ค่าเงินหยวนของจีนยังคงอ่อนค่ากว่าอัตราแลกเปลี่ยนจริงในตลาด แม้ยังคงไม่ได้ระบุว่าจีนปั่นค่าเงินก็ตาม

รายงานระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2553 รัฐบาลจีนปล่อยให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นเพียงราว 10% เมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐ ซึ่งสหรัฐมองว่าเงินหยวนควรแข็งค่าขึ้นกว่าในปัจจุบัน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว นับเป็นการตอกย้ำว่า ทางการสหรัฐยังวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มค่าเงินหยวนที่อ่อนค่า ซึ่งส่งผลให้ราคาสินค้าจากแดนมังกรในตลาดโลกมีราคาถูก และทำให้สหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนยาวนาน โดยเมื่อปี 2555 สหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนทุบสถิติสูงสุดที่ 3.15 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 9.13 ล้านล้านบาท)

อย่างไรก็ตาม สหรัฐยังคงรักษาท่าทีไม่กล่าวหาจีนโดยตรงว่ากำลังปั่นค่าเงิน เนื่องจากกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แม้ผู้ประกอบการในประเทศเรียกร้องให้คองเกรสเร่งอนุมัติร่างกฎหมายเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อประเทศที่แทรกแซงค่าเงินเพื่อหวังผลการส่งออกก็ตาม

รายงานดังกล่าวยังมุ่งเป้าไปยังญี่ปุ่น โดยสหรัฐตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการเชิงรุกเพื่อแก้ปัญหาเงินฝืดของรัฐบาลญี่ปุ่น ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ ว่ากำลังกดดันให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่เดือน ต.ค.ปีที่แล้ว เงินเยนปรับตัวอ่อนยวบลงจาก 77 เยนต่อเหรียญสหรัฐ มาอยู่ที่เกือบ 100 เยนต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลให้ยอดขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่นขยายตัวขึ้นอีก

สหรัฐมองว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระดับมหภาคของญี่ปุ่นจะส่งผลดีในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากนโยบายดังกล่าวไม่สามารถนำมาทดแทนการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นภาคการผลิตของประเทศได้ พร้อมเรียกร้องให้กรุงโตเกียวเปลี่ยนมาใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน แทนการแทรกแซงค่าเงินเพื่อหวังผลด้านการส่งออกอีกด้วย

นอกจากนี้ สหรัฐ ระบุว่า เกาหลีใต้กำลังแทรกแซงค่าเงินเพื่อกดให้เงินวอนอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งทางสหรัฐพร้อมจะกดดันให้รัฐบาลเกาหลีใต้ผ่อนปรนการดำเนินนโยบายแทรกแซงค่าเงินโดยเร็ว เนื่องจากกังวลว่าอาจส่งผลให้เกิดความไร้เสถียรภาพได้ในอนาคต

“สหรัฐจะเรียกร้องให้เกาหลีใต้ รับรองว่าการใช้มาตรการกำกับดูแลสถาบันการเงิน มีเป้าหมาย เพื่อลดความเสี่ยงในภาคการเงินในประเทศ มากกว่าการควบคุมเงินทุนไหลเข้าและลดแรงกดดันอัตราแลกเปลี่ยน” รายงานระบุ

ทั้งนี้ ประเด็นการอ่อนตัวของค่าเงินเยนอาจเป็นหนึ่งในหัวข้อหารือในการประชุมกลุ่มประเทศเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ (จี20) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 เม.ย.นี้
pakhakorn
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 957
ผู้ติดตาม: 0

Re: อ่านข่าว เพลิน ๆ ชวนสงสัยว่า พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ?

โพสต์ที่ 2

โพสต์

Putin Calls for Stimulus Plan After Recession Alarm

By Agnes Lovasz - Apr 16, 2013 9:35 PM GMT+0700


Russian President Vladimir Putin urged the government to come up with a plan to revive the flagging economy after a minister warned that a recession is possible as companies cut investment and export demand wanes.

Putin told Prime Minister Dmitry Medvedev, who will address lawmakers tomorrow, to devise steps to aid “shoots” of growth, according to televised remarks. While not the main scenario, Russia risks sliding into a recession without stimulus, Economy Minister Andrei Belousov said last week after cutting this year’s growth forecast.


ข่าวจาก Bloomberg
ดูรายละเอียดข่าวเพิ่มได้
http://www.bloomberg.com/news/2013-04-1 ... alarm.html
pakhakorn
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 957
ผู้ติดตาม: 0

Re: อ่านข่าว เพลิน ๆ ชวนสงสัยว่า พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ?

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ผู้ว่า ธปท.มองเงินบาทเริ่มแข็งค่ามากเกินปัจจัยทางพื้นฐานแล้ว

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ค่า
เงินบาทเมื่อ เทียบกับดอลลาร์ในขณะนี้ เริ่มเกินปัจจัยพื้นฐานไปบ้างแล้ว
' ก็รู้สึกว่าจะเกิน fundamental ไปบ้างแล้ว' นายประสาร ระบุ
ผู้ว่า ธปท.กล่าวเรื่องดังกล่าว ภายหลังจากที่เมื่อเช้านี้ ค่าเงินบาท เช้านี้ทำนิวไฮใหม่
ต่อเนื่อง แข็งค่าสุดในรอบ 16 ปี โดยเปิดตลาดที่ระดับ 28.68 -28.70 บาท/ดอลล์



เรียบเรียง โดย ชัชชญา อังคุลี
อนุมัติ โดย อนุรักษ์ ลีประเสริฐสุนทร
อีเมล์แสดงความคิดเห็น [email protected]

ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 19/04/13 เวลา 9:50:05
ภาพประจำตัวสมาชิก
บูรพาไม่แพ้
Verified User
โพสต์: 2533
ผู้ติดตาม: 1

Re: อ่านข่าว เพลิน ๆ ชวนสงสัยว่า พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ?

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอถามเป็นความรู้หน่อยนะครับ คือผมไม่รู้จริงๆครับ ว่าค่าเงินแข็งเกินไปมีผลกระทบอย่างไรบ้างครับ ขอความรู้หน่อยครับ ขอบคุณมากครับ :D :D :D
Jaturont
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 289
ผู้ติดตาม: 7

Re: อ่านข่าว เพลิน ๆ ชวนสงสัยว่า พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ?

โพสต์ที่ 5

โพสต์

-ต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุน มองว่า เค้าต้องใช้เงินมากขึ้น ในการลงทุน
-บริษัทส่งออกของไทย ต้นทุนเท่าเดิม(เงินบาท) แต่รายได้ลดลง(เงิน ตปท)
My way, or the highway
pakhakorn
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 957
ผู้ติดตาม: 0

Re: อ่านข่าว เพลิน ๆ ชวนสงสัยว่า พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ?

โพสต์ที่ 6

โพสต์

บูรพาไม่แพ้ เขียน:ขอถามเป็นความรู้หน่อยนะครับ คือผมไม่รู้จริงๆครับ ว่าค่าเงินแข็งเกินไปมีผลกระทบอย่างไรบ้างครับ ขอความรู้หน่อยครับ ขอบคุณมากครับ :D :D :D
ผมไม่ได้ เรียนจบเศรษฐศาสตร์ บัญชี การเงิน การธนาคาร
จึงขอออกตัวก่อนว่า กรอบและวิธีคิด อาจจะไม่สามารถอ้างอิง วิชาการ หรือ ไม่สามารถหาตำราอ้างอิงให้ได้ ถือว่าแลกเปลี่ยนมุมมองกัน นะ ครับ

ค่าเงินแข็ง มีทั้งผู้ได้ประโยชน์ และผู้เสียประโยชน์ แต่จะดู ด้านเสีย ก่อน

1. อาจจะไม่สร้างปัญหามาก ก็ได้ ถ้าคุณมีสิ่งที่มีความโดดเด่นมากๆ จนคู่ค้า ขาดคุณไปไม่ได้ แต่ในความเป็นจริง ถึงมีสิ่งแบบนี้ ก็อาจคงอยู่ได้ไม่นานก็ได้ เพราะคนที่ขาดก็จะพยายามสร้างสิ่งอื่นๆมาทดแทน

2. กรณีทั่วไป แบบของไทยเรา (ยังหาสิ่งที่เป็นแบบข้อ 1. ไม่ได้) การแข็งค่าของค่าเงิน จะสร้างปัญหามากได้ ถ้าแข็งมากกว่าและรวดเร็วกว่ากลุ่มที่ค้าขายกันอยู่ เช่น
กรณีเงินแข็งค่ามากกว่าของคู่ค้าเรา สินค้าเราก็เท่ากับแพงขึ้น ในขณะที่คู่ค้าของเราก็เป็นคู่ค้าของคนอื่นๆด้วย และคนอื่นๆก็สามารถผลิตสิ่งที่เรามี ส่งให้คู่ค้าเราได้ด้วย

กรณีนี้แบบเบาๆ คือเราขายสินค้าให้คู่ค้าเราได้ยากมากขึ้น หรือขายไม่ได้ เท่ากับขาดรายได้ที่จะเข้ามา

แต่ถ้ารุนแรงมากขึ้น ก็ถึงเราอาจต้องเลิกผลิตสิ้นค้านั้น แล้วเปลี่ยนไปเป็นผู้ซื้อแทน ส่งผล ไม่มีรายได้เข้า แล้วยังต้องจ่ายออกไปอีก

สินค้าหลายๆอย่าง ก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เมื่อการเติบโตของประเทศเปลี่ยนไป เราก็ต้องเลิกทำ เพราะไม่คุ้ม หรือแข่งขันสู้ไม่ได้

สำคัญที่ ขั้นตอน วิธีการ ระยะเวลา การเปลี่ยนผ่าน ใครจะทำได้ดีกว่ากัน

แต่ระดับประเทศ ผมจึงมองว่า มันต้องทำงานในเป็นทีม ทั้ง 1.รัฐบาล 2. ธปท. และ 3. เอกชน
ทั้งสามส่วน ต้องเดินให้สอดคล้องกัน คอยระวังหลัง หรือช่วยอุดจุดอ่อนให้แก่กัน ช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน ต้องมองภาพให้เห็นปัญหาและการเลือกทางแก้ไข ออกมาในแนวทางที่ยอมรับกันได้ทั้งสามส่วน แล้วแบ่งหน้าที่กันทำไป ในส่วนที่ตนเองมีอำนาจจัดการ หรือต้องทำ

ผมถึงว่า มันลำบากมากๆที่จะสำเร็จ ถ้าแต่ละส่วน คิดว่าตัวเองมีอำนาจหรือสิทธิ์ที่เหนือกว่าอีกส่วน
แล้วหากมีส่วนใดในสามส่วนนี้หวังชนะกันเอง ก็คงได้ชัยชนะในส่วนตนเอง แต่อาจจะส่งผลก่อเป็นความพ่ายแพ้ระดับประเทศในระยะต่อไป

ขามันถูกผูกติดกันทั้งสามส่วนอยู่แล้ว แต่ถ้าแต่ละส่วนเลือกคนละแบบ คนหนึ่งจะวิ่งอีกคนจะเดิน คนหนึ่งไปทางซ้ายอีกคนจะไปทางขวา มันคงไม่ต้องไปไหนกันหรือต้องหกล้มในไม่ช้า แล้วก็อาจจะเป็นเหยื่ออันแสนอร่อยให้ฝูงหมาป่าในไม่ช้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
บูรพาไม่แพ้
Verified User
โพสต์: 2533
ผู้ติดตาม: 1

Re: อ่านข่าว เพลิน ๆ ชวนสงสัยว่า พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ?

โพสต์ที่ 7

โพสต์

pakhakorn เขียน:
บูรพาไม่แพ้ เขียน:ขอถามเป็นความรู้หน่อยนะครับ คือผมไม่รู้จริงๆครับ ว่าค่าเงินแข็งเกินไปมีผลกระทบอย่างไรบ้างครับ ขอความรู้หน่อยครับ ขอบคุณมากครับ :D :D :D
ผมไม่ได้ เรียนจบเศรษฐศาสตร์ บัญชี การเงิน การธนาคาร
จึงขอออกตัวก่อนว่า กรอบและวิธีคิด อาจจะไม่สามารถอ้างอิง วิชาการ หรือ ไม่สามารถหาตำราอ้างอิงให้ได้ ถือว่าแลกเปลี่ยนมุมมองกัน นะ ครับ

ค่าเงินแข็ง มีทั้งผู้ได้ประโยชน์ และผู้เสียประโยชน์ แต่จะดู ด้านเสีย ก่อน

1. อาจจะไม่สร้างปัญหามาก ก็ได้ ถ้าคุณมีสิ่งที่มีความโดดเด่นมากๆ จนคู่ค้า ขาดคุณไปไม่ได้ แต่ในความเป็นจริง ถึงมีสิ่งแบบนี้ ก็อาจคงอยู่ได้ไม่นานก็ได้ เพราะคนที่ขาดก็จะพยายามสร้างสิ่งอื่นๆมาทดแทน

2. กรณีทั่วไป แบบของไทยเรา (ยังหาสิ่งที่เป็นแบบข้อ 1. ไม่ได้) การแข็งค่าของค่าเงิน จะสร้างปัญหามากได้ ถ้าแข็งมากกว่าและรวดเร็วกว่ากลุ่มที่ค้าขายกันอยู่ เช่น
กรณีเงินแข็งค่ามากกว่าของคู่ค้าเรา สินค้าเราก็เท่ากับแพงขึ้น ในขณะที่คู่ค้าของเราก็เป็นคู่ค้าของคนอื่นๆด้วย และคนอื่นๆก็สามารถผลิตสิ่งที่เรามี ส่งให้คู่ค้าเราได้ด้วย

กรณีนี้แบบเบาๆ คือเราขายสินค้าให้คู่ค้าเราได้ยากมากขึ้น หรือขายไม่ได้ เท่ากับขาดรายได้ที่จะเข้ามา

แต่ถ้ารุนแรงมากขึ้น ก็ถึงเราอาจต้องเลิกผลิตสิ้นค้านั้น แล้วเปลี่ยนไปเป็นผู้ซื้อแทน ส่งผล ไม่มีรายได้เข้า แล้วยังต้องจ่ายออกไปอีก

สินค้าหลายๆอย่าง ก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เมื่อการเติบโตของประเทศเปลี่ยนไป เราก็ต้องเลิกทำ เพราะไม่คุ้ม หรือแข่งขันสู้ไม่ได้

สำคัญที่ ขั้นตอน วิธีการ ระยะเวลา การเปลี่ยนผ่าน ใครจะทำได้ดีกว่ากัน

แต่ระดับประเทศ ผมจึงมองว่า มันต้องทำงานในเป็นทีม ทั้ง 1.รัฐบาล 2. ธปท. และ 3. เอกชน
ทั้งสามส่วน ต้องเดินให้สอดคล้องกัน คอยระวังหลัง หรือช่วยอุดจุดอ่อนให้แก่กัน ช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน ต้องมองภาพให้เห็นปัญหาและการเลือกทางแก้ไข ออกมาในแนวทางที่ยอมรับกันได้ทั้งสามส่วน แล้วแบ่งหน้าที่กันทำไป ในส่วนที่ตนเองมีอำนาจจัดการ หรือต้องทำ

ผมถึงว่า มันลำบากมากๆที่จะสำเร็จ ถ้าแต่ละส่วน คิดว่าตัวเองมีอำนาจหรือสิทธิ์ที่เหนือกว่าอีกส่วน
แล้วหากมีส่วนใดในสามส่วนนี้หวังชนะกันเอง ก็คงได้ชัยชนะในส่วนตนเอง แต่อาจจะส่งผลก่อเป็นความพ่ายแพ้ระดับประเทศในระยะต่อไป

ขามันถูกผูกติดกันทั้งสามส่วนอยู่แล้ว แต่ถ้าแต่ละส่วนเลือกคนละแบบ คนหนึ่งจะวิ่งอีกคนจะเดิน คนหนึ่งไปทางซ้ายอีกคนจะไปทางขวา มันคงไม่ต้องไปไหนกันหรือต้องหกล้มในไม่ช้า แล้วก็อาจจะเป็นเหยื่ออันแสนอร่อยให้ฝูงหมาป่าในไม่ช้า
ขอบคุณมากครับ :D :D :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
dome@perth
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4741
ผู้ติดตาม: 21

Re: อ่านข่าว เพลิน ๆ ชวนสงสัยว่า พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ?

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ผมคิดง่ายๆอย่างนี้ครับ

ผลกระทบด้านลบ ค่าเงินบาทแข็ง-----ผู้ผลิตสินค้าส่งออกขาย ตปท ใช้วัตถุดิบ ใช้เครื่องจักร ที่ผลิตในประเทศ ต้นทุนเป็นบาท ขายได้ดอลล่าร์----ผู้ผลิตมักจะย้ายฐานการผลิต....เช่นเกิดขึ้นกับ ญี่ปุ่น 10-15 ปีที่ผ่านมา
ผลกระทบด้านบวก ค่าเงินบาทแข็ง----ผู้ผลิตสินค้าขายภายในประเทศ ใช้วัตถุดิบ เครื่องจักร นำเข้าจาก ตปท ต้นทุนเป็นดอลล่าร์ ขายได้เงินบาท----บริษัทข้ามชาติ ผลิตสินค้าตุ้นทุนเป็นเงินดอลล่าร์ ก็จะแห่มาขายสินค้าในไทยมากขึ้น
ไม่มีผลกระทบ ค่าเงินแข็ง---ผู้ผลิตสินค้าขายต่าง ปทต แต่นำเข้าวัตถุดิบ จาก ตปท เช่นกัน----ผู้ผลิตขายในประเทศ ต้นทุนผลิตเป็นเงินบาท

กิจการที่ไม่ต้องพึ่งพาการแลกเปลี่ยนเงินตรา...ไม่น่ามีผลกระทบใดๆ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง
"
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4485
ผู้ติดตาม: 88

Re: อ่านข่าว เพลิน ๆ ชวนสงสัยว่า พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ?

โพสต์ที่ 9

โพสต์

dome@perth เขียน: ผลกระทบด้านบวก ค่าเงินบาทแข็ง----ผู้ผลิตสินค้าขายภายในประเทศ ใช้วัตถุดิบ เครื่องจักร นำเข้าจาก ตปท ต้นทุนเป็นดอลล่าร์ ขายได้เงินบาท----บริษัทข้ามชาติ ผลิตสินค้าตุ้นทุนเป็นเงินดอลล่าร์ ก็จะแห่มาขายสินค้า
ในไทยมากขึ้น
อันนี้น่าสนใจครับ หลายบริษัทที่เคยได้มาร์จิ้นดีๆ อาจเจอคู่แข่งข้ามชาติคราวนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4485
ผู้ติดตาม: 88

Re: อ่านข่าว เพลิน ๆ ชวนสงสัยว่า พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ?

โพสต์ที่ 10

โพสต์

อีกพวกคือ OEM ที่ต่างชาติเคยจ้างให้ผลิตเพราะสาเหตุที่ต้นทุนต่ำ คราวนี้อาจเปลี่ยนใจไปจ้างคู่แข่งที่ค่าเงินอ่อนกว่าเราก็ได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
บูรพาไม่แพ้
Verified User
โพสต์: 2533
ผู้ติดตาม: 1

Re: อ่านข่าว เพลิน ๆ ชวนสงสัยว่า พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ?

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ขอบคุณมากครับ :D
Onemai Ch.
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 149
ผู้ติดตาม: 0

Re: อ่านข่าว เพลิน ๆ ชวนสงสัยว่า พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ?

โพสต์ที่ 12

โพสต์

อยากให้ค่าเงินอ่อนพิมพ์แบงค์เพิ่มได้ไหมครับ อิอิ
pakhakorn
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 957
ผู้ติดตาม: 0

Re: อ่านข่าว เพลิน ๆ ชวนสงสัยว่า พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ?

โพสต์ที่ 13

โพสต์

วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 10:30 น. ข่าวสดออนไลน์

ค่า "บาท" แข็งสุดรอบ 16 ปี ธปท.ห่วงเปลี่ยนแปลงเร็ว

รายงานพิเศษ


ค่าบาทแข็งหลุด 29 บ. มากสุดรอบ 16 ปีนับตั้งแต่ลอยตัวค่าเงิน ผู้ว่าการแบงก์ชาติห่วงค่าเงินเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว คาดเหตุนักลงทุนต่างชาติจ่ายเงินซื้อหน่วยลงทุนกองทุนบีทีเอส ส่วนตลาดหุ้นดัชนีลด การซื้อขายเบาบางเหตุใกล้หยุดยาว

นักค้าเงินจากธนาคารพาณิชย์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 9 เมษายน เปิดตลาดที่ระดับ 29.14-29.16 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากปลายสัปดาห์ก่อนที่ปิดตลาดในระดับ 29.32-29.34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยในช่วงเช้าค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าหลุด 29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แตะที่ระดับ 28.91-28.95บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นนับตั้งแต่ปี 2540 (รอบ 16 ปี) โดยการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทยังเป็นไปในทิศทางแข็งค่าต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากการที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าคาด ขณะเดียวกันมีกระแสเงินทุนไหลเข้าจากต่างชาติ ส่วนหนึ่งอาจเข้ามาเพื่อชำระกองทุนโครงสร้างพื้นฐานของบีทีเอส

ทั้งนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงบ่าย แต่โดยรวมยังไปในทิศทางที่แข็งค่าเพราะยังมีปัจจัยเรื่องเงินทุนไหลเข้า ซึ่งในวันเดียวกันนี้ ค่าเงินบาทแข็งค่าสุดในภูมิภาค

นักค้าเงินจากธนาคารพาณิชย์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามาแทรกแซง เนื่องจากเป็นการเคลื่อนไหวตามภาวะปกติ ซึ่งค่าเงินบาทในวันเดียวกันนี้แกว่งตัวค่อนข้างแรง อย่างไรก็ตาม มองว่าค่าเงินบาทในวันที่ 10 เมษายน จะเคลื่อนไหวระหว่าง 28.90-29.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การแข็งค่าของเงินบาทครั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยพิเศษที่มีเข้ามาคือนักลงทุนต่างชาติต้องชำระเงินในการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนโครงสร้างพื้นฐานของบีทีเอส กำหนดชำระวันที่ 11 เมษายนนี้ ซึ่งเงินลงทุนจากต่างชาติโดยรวมมีมูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ทำให้ต้องมีการขายเงินดอลลาร์ออกมา อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินบาทที่ต่ำกว่า 29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐจะเป็นเพียงช่วงสั้น เมื่อเงินทุนจำนวนนี้เข้ามาหมดแล้วเงินบาทอาจจะกลับขึ้นไปยืนเหนือ 29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้อีกครั้ง โดยธนาคารยังคงประมาณการค่าเงินบาทไว้ในระดับเดิมคือปลายปีนี้อาจจะอยู่ที่ 28.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เพราะยังไม่มีปัจจัยใหม่เกิดขึ้นชัดเจน

นายธิติกล่าวถึงราคาทองคำในประเทศวันเดียวกันนี้ ว่า สมาคมค้าทองคำประกาศราคาทองคำลดลง 3 ครั้งรวม 250 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำแท่งในประเทศรับซื้อ 21,550 บาทต่อบาททองคำ ขายออกอยู่ที่ 21,650 บาทต่อบาททองคำ ทองคำรูปพรรณรับซื้อ 21,240 บาทต่อบาททองคำ ขายออกอยู่ที่ 22,050 บาทต่อบาททองคำ เป็นไปตามทิศทางทองคำในตลาดโลกที่ลดลงอยู่ระดับ 1,573.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. ได้พบปะสื่อมวลชนประจำเดือน โดยตอบข้อซักถามประเด็นเรื่องเงินบาทแข็งค่า ว่า ยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาทค่อนข้างแข็งค่าเร็ว หากเปรียบเทียบวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าดอลลาร์สหรัฐ 1.4% หากเทียบกับเงินเยนแล้ว ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าถึง 4%

"ยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงค่าเงินบาทวันที่ 9 เมษายนนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว เท่าที่ติดตามการซื้อขายเงินตราต่างประเทศปริมาณการขายเงินตรามากกว่าปกติ สันนิษฐานว่าสาเหตุสำคัญมาจากมาตรการทางการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นที่ผ่อนคลายมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยสังเกตเห็นว่าเมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา เงินในภูมิภาคละตินอเมริกาแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน ประกอบกับสัปดาห์นี้จะมีวันหยุดยาว ปริมาณการซื้อเงินตราต่างประเทศจึงค่อนข้างเบาบางและเห็นการเคลื่อนไหวเร็วกว่าปกติ สาเหตุอีกส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากนักลงทุนต่างชาติโยกเข้าลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอส (บีทีเอสจีไอเอฟ) ด้วย ธปท. จึงเป็นห่วงเพราะว่าค่อนข้างเปลี่ยนแปลงเร็วและจะติดตามความเคลื่อนไหวในตลาดการเงินอย่างใกล้ชิดต่อไป" นายประสารกล่าว

ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า การแข็งค่าของค่าเงินบาทนั้นหากเทียบในภูมิภาคเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว ริงกิตของมาเลเซียแข็งค่ามากกว่าค่าเงินบาท เกาหลีประสบกับภาวะความตึงเครียดของสงคราม อินโดนีเซียขาดดุลงบประมาณ สิงคโปร์ก็มีปัญหาพอประมาณ ทำให้ทิศทางของประเทศดังกล่าวมีทิศทางที่อ่อนค่าลง มีเพียงฟิลิปปินส์ที่เทียบเคียงแล้วมีภาวะการแข็งค่าใกล้เคียงค่าเงินบาทนายประสารกล่าวว่า การดูแลค่าเงินบาทของ ธปท.ได้ใช้เครื่องมือที่มีอยู่เข้าไปดูแลเงินบาท และยังไม่มีแผนใช้มาตรการควบคุมเงินทุนเคลื่อนย้าย เพียงแต่ติดตามอย่างใกล้ชิด แต่หากการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเป็นไปในทิศทางที่ผิดปกติจากพื้นฐานเศรษฐกิจ การแทรกแซงค่าเงินด้วยการเข้าซื้อเงินตราต่างประเทศก็เป็นเครื่องมือที่ทาง ธปท.พร้อมใช้หากมีสัญญาณเช่นนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 9 เมษายนว่า ดัชนีเปิดการซื้อขายที่ 1,489.59 จุด ปรับตัวขึ้นไป 5.71 จุด ที่ 1,495.24 จุด ก่อนจะปรับตัวต่ำสุดของวันที่ระดับ 1,470.22จุด ปรับตัวลดลง 19.31 จุด ก่อนมีแรงซื้อเข้ามาช่วงก่อนปิดตลาดภาคเช้า ดัชนีลดลง 11.94 จุด ที่ระดับ 1,477.59 จุด ลดลง 11.94 จุด ส่วนช่วงบ่ายยังคงผันผวนโดยเปิดตลาดช่วงบ่ายดัชนีปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่อง แต่ปรับตัวลดลงอีกครั้งช่วงก่อนปิดตลาดที่ระดับ 1,470.70 จุด ปรับตัวลดลง 18.81 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง 38,016.43 ล้านบาท

นายชัย จิระเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระพัฒนสิน จำกัด เปิดเผยว่า การซื้อขายหุ้นครั้งนี้ค่อนข้างเบาบาง ผลจากใกล้จะมีวันหยุดยาวหลายวันติดต่อกันทำให้นักลงทุนหยุดการซื้อขาย และจะเข้ามาทำการซื้อขายอีกครั้งหลังเทศกาลสงกรานต์ ส่วนดัชนีอยู่ในแดนลบเป็นหลัก ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งของคาบสมุทรเกาหลี ส่วนปัจจัยภายในประเทศน่าจะเป็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหลัก ส่วนค่าเงินบาทแข็งค่าสะท้อนให้เห็นการเคลื่อนย้านเงินจากพันธบัตรมายังหุ้น ซึ่งจะเกิดขึ้นมาเป็นระยะ

นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการสายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยอยู่ในแดนลบสวนทางกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นผลจากตลาดหุ้นไทยมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นต่อเนื่องส่งผลให้หลายหลักทรัพย์ที่มีราคาลดลงอย่างมาก เพราะเมื่อนักลงทุนขายหุ้นออกมา ไม่มีแรงซื้อ ทำให้ราคาการซื้อขายกระโดดข้ามช่องได้ เชื่อว่าดัชนีตลาดหุ้นน่าจะรักษาระดับเช่นนี้ตลอดทั้งสัปดาห์ค

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์/มติชน

http://www.khaosod.co.th/view_newsonlin ... t3TVE9PQ==


____________________________________________________________________


ลองย้อนอ่านข่าวเก่า สักหน่อย
ลองดู คำอธิบาย มุมมองแต่ละมุม
ทั้งผู้มีหน้าที่ดูแล ผู้สามารถหาผลประโยชน์จากเหตุนี้ได้ และผู้อื่นๆ

คิดแล้ว. ช่างคล้ายอะไร กับนักวิเคราะห์อธิบาย หุ้นขึ้น หุ้นลง ทุกๆวัน
ที่อธิบายหลังจากเกิดเหตุขึ้นแล้ว
รู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น.

แต่วันนี้ก็ไปไกล กว่าข่าวข้างบนมากแล้ว
สงสัย. คงรอข่าวต่อไป จะอธิบายอะไรอีก
wc
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 233
ผู้ติดตาม: 0

Re: อ่านข่าว เพลิน ๆ ชวนสงสัยว่า พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ?

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ถ้าเงินบาทอ่อนค่าจาก 28 ไปเป็น 40 บาท
เราต้องบริโภคน้ำมัน จากลิตรละ 35 บาท ไปเป็นลิตรละ 50 บาทหรือเปล่าคับ
แล้วดีเซล จะต้องขึ้นจากลิตรละ 30 บาท เป็นลิตรละ 43 บาทหรือไม่
ช่วยแนะนำทีครับ
Things are almost never clear on Wall Street,
or when they are, then it’s too late to profit from them.
pakhakorn
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 957
ผู้ติดตาม: 0

Re: อ่านข่าว เพลิน ๆ ชวนสงสัยว่า พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ?

โพสต์ที่ 15

โพสต์

wc เขียน:ถ้าเงินบาทอ่อนค่าจาก 28 ไปเป็น 40 บาท
เราต้องบริโภคน้ำมัน จากลิตรละ 35 บาท ไปเป็นลิตรละ 50 บาทหรือเปล่าคับ
แล้วดีเซล จะต้องขึ้นจากลิตรละ 30 บาท เป็นลิตรละ 43 บาทหรือไม่
ช่วยแนะนำทีครับ
หากดูแต่เพียงตัวเลขที่ว่า ก็ใช่ ครับ
แต่สิ่งที่ผมอยากเห็น ไม่่ใช่ตัวเลข ง่ายๆแบบนี้

เกมส์นี้ ไทย เราเขียนกติกาเองไม่ได้
ผมไม่กล้าจะขอตัวเลขอย่างว่า กลัวกว่าจะได้ ต้องจ่ายอย่างหนัก ทั้งก่อนและหลังได้
ผมอาจจะขี้เหนียวไปหน่อย ไม่อยากเห็นผู้ดูแลต้องจ่าย แบบเกินความจำเป็นไปจากตลาด

แค่อยากเห็น ผู้มีหน้าที่ ช่วยดูแล โชว์ความสามารถ
แบบทำนองว่า เป็นกวางก็วิ่งอยู่แถวกลางๆฝูงขึ้นไป
ไม่ใช่ตัวค่อนๆสุดท้าย หรือตัวสุดท้าย ที่ฝูงหมากำลังวิ่งไล่มาติดๆ

เกมส์นี้ ในความเห็นส่วนตัว การอยู่รอด
ไม่ใช่ แข็ง หรือ อ่อน โดยไม่เปรียบเทียบกับกลุ่มคู่ค้าและคู่แข่ง
หากแต่ต้องดำรงสถานะอยู่ให้กลางๆกลุ่มให้นานที่สุด
นานเพียงพอที่ ฝูงหมาป่าจะได้อาหารจากส่วนอื่นๆจนอิ่ม การไล่ล่าก็จะชะลอลงหรือหยุดช่วยคราว
ก็หมายถึง การต่อเวลา ให้กิจการภายในประเทศ มีเวลาปรับตัว และอื่นๆ ได้อย่างเพียงพอ
โพสต์โพสต์