โมเดลเศรษฐกิจของไทย กำกับโดย FED

[CARPENTER]

1 USA EU Japan จะเพิ่มปริมาณเงินไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะ USA
2. เงินจะไหลออกจาก USA EU Japan ไปลงทุนทุกชนิดในเอเซีย รวมทั้งไทย
3. อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สูงของไทย ทำให้USA มีความสุขมาก
4.เงินจำนวณมหาศาลนั้นทำให้ ทรัพย์สินทุกชนิดมีราคาสูงขึ้น รวมทั้งค่าเงินบาท
5.ราคาหุ้นจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ คนมีหุ้นก็รวยขึ้น โดยท่องคำว่า หุ้นขึ้นให้ขาย หุ้นลงให้ซื้อ
6.นักลงทุนซื้อๆขายๆ ไปเรื่อยๆ นักลงทุนมีเงินมากขึ้น แต่มีหุ้นน้อยลง
7.คนกำไรจากหุ้นเต็มไปหมด ปริมาณคนมหาศาลก็เริ่มเข้าตลาดหุ้น
8.คนยิ่งกู้มากลงทุนมากยิ่งกำไรมาก ใครถือเงินสดจนลงทุกวันเมื่อเปรียบเทียบกับทรัพย์สิน
9.หุ้นเมื่อขึ้นตอนแรกๆมาจากการซื้อของ ตปท หลังๆคนไทยกู้เงินมาซื้อเอง
10.คนไทยที่สามารถกู้ ตปท ได้ก็จะกู้มาลงทุน ซื้อสินทรัพย์ทุกชนิดมากขึ้นเรื่อยๆ และก็รวยกันทุกคน
11.เงินที่ตอนแรกเข้า ฝรั่งเอามาลงทุนช่วงหลังคนไทยไปกู้ ตปท มา
12.หนี้ของ เอกชน และหนี้ ของรัฐบาลสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
13.คนรวยเต็มประเทศ ทุกคนคิดว่า ตัวเองรวย เพราะ ทรัพย์สินมีมากกว่าหนี้สิน
14.ทรัพย์สินราคายิ่งสูงขึ้นกู้เงินได้มากขั้น
15.เมื่อ FED เห็นว่างานเลี้ยงควรเลิกได้แล้ว FED ก็ลดปริมาณเงินทันที มีผลให้ EU Japan ลดตาม
16.มีการเรียกหนี้คืนอย่างรวดเร็ว ค่าเงินบาทก็อ่อนอย่างรวดเร็ว ทรัพย์สินราคาลดฮวบ
17.คนไทยกลายเป็นคนที่เคยรวยโดยอัตโนมัติ

[CARPENTER]

คนมีอายุ 50ขึ้นไป ที่เคยได้รับกรรมจากต้มยำกุ้ง
คนที่เคยเจ้งหุ้น พวก RR FCI CMIC จากราคาหลายร้อย กลายเป็น 1ส.ต.
คิดว่าจะป้องกันตนเอง โดยไม่ซื้อหุ้น ไม่ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ
ซื้อแต่ พันธบัตร ฝากประจำ และซื้อทองบ้างเล็กน้อยไว้เผื่องานแต่งลูกหลาน
เมื่อทรัพย์สินต่างๆขึ้น หุ้นขึ้นไปเรื่อย คนกลุ่มนี้ ก็จนลงทุกๆวัน
ข้าวของทุกชนิดก็แพงขึ้นเรื่อยๆ บ้าน ที่ดิน เสื่อ หมอน แพงขึ้นเรื่อยๆ
คนกลุ่มนี้ ที่เก็บหอมรอมริบ ใช้จ่ายอย่างประหยัดกลายเป็นคนที่ได้รับกรรมก่อนกลุ่มอื่นๆ
ราคาสินทรัพย์ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะลง
จริงๆแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าฟองสบู่นี้จะแตกเมื่อไหร่
มันอาจจะแสดงอาการจะแตกแต่ก้ไม่แตก ที่เรียกว่าปรับฐานใหญ่แต่ก็ขึ้นต่อ
แม้แต่ FED เองก็ไม่รู้ว่า ฟองสบู่ ในประเทศเอเซียจะแตกเมื่อไหร่
ใครกลัว รีบออกจากงานเลี้ยงเร็วเกินไป ก็อาจจะต้องแกล่วอยู่นอกงานกลายเป็นคนนอกไป

[oonngg51]

คนทีคิดว่าจะไปถึงข้อ 15-17 โดยด่วน แล้วกำเงินสดไว้ ไม่ลงทุน ก็จนลงเรื่อยๆเพราะเงินเฟ้อ

แล้วคิดว่าตอนนี้เราอยู่ ณ ข้อไหนกันละ โดยส่วนตัวมองว่ายังไม่ผ่านข้อ 11 12 นะครับ

เหมือนตกอยู่ในภาวะไม่มีทางเลือก กลัวจนเพราะเงินเฟ้อ ก็ต้องกัดฟันถือหุ้นลงทุนไปก่อน