R37: CASINO กับ ตลาดหุ้น

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
randomwalk
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 728
ผู้ติดตาม: 1

R37: CASINO กับ ตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 1

โพสต์

มือใหม่หัดเขียนครับ ถ้าสนใจอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ http://randomwalk.bloggang.com
12-06-21 casino.jpg
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมได้มีโอกาสไปเที่ยวมาเก๊าซึ่งเป็นเมืองคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย (และอีกไม่ช้าคงใหญ่สุดในโลก) เพราะนักท่องเที่ยวที่ไปนั้นส่วนใหญ่จะมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งผมเชื่อว่าในที่สุดแล้วคนจีนจะต้องรวยขึ้นกว่านี้อีกหลายเท่า สำหรับเมืองมาเก๊านั้นเป็นเมืองที่เล็กมากแต่อัดแน่นไปด้วยโรงแรมมากมายและภายใต้ชั้นล่างของโรงแรมนั้นก็จะมีคาสิโนให้นักท่องเที่ยวเล่น บางคนมาที่มาเก๊าเล่นคาสิโนอยู่ในโรงแรมอย่างเดียวโดยไม่ออกไปไหนก็มี โรงแรมที่นี่หลายแห่งจะถูกตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปที่สวยงามเพื่อเป็นการดึงดูดลูกค้า และสำหรับที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คงจะเป็นโรงแรมที่ชื่อ Venetian ซึ่งจำลองบรรยากาศในเมืองเวนิสในประเทศอิตาลีมาไว้ในโรงแรม เรียกได้ว่าถ้าไปมาเก๊าแล้วยังไม่ได้ไปถ่ายรูปที่โรงแรมนี้ก็ถือว่ายังไปไม่ถึงมาเก๊า

ผมได้ลองสำรวจเกมการเล่นในคาสิโน ซึ่งจะมีโต๊ะเกมต่างๆให้เล่นมากมาย เช่น บาคาร่า แบลคแจ๊ค รูเล็ต ลูกเต๋าไฮโล และตู้เกมสลอตแมชชีน อย่างที่เราคงได้ทราบกันว่ากติกาขของเกมในคาสิโนทั้งหมดจะถูกออกแบบมาให้เจ้ามือมีความน่าจะเป็นในการชนะมากกว่าผู้เล่นอยู่เสมอ ในระยะสั้นผู้เล่นอาจจะสามารถเอาชนะเจ้ามือได้ แต่ในระยะยาวถ้าเราเล่นไปเรื่อยๆแบบไม่เลิกแล้วในที่สุดเจ้ามือก็จะชนะเรามากกว่าอยู่ดี สำหรับเกมที่ผมคิดว่ามีโอกาสมากที่สุดที่จะชนะเจ้ามือก็คือเกมที่มีความน่าจะเป็นใกล้เคียง 50:50 มากที่สุด ซึ่งนั่นก็คือการทายสูงต่ำ หรือ แดงดำ หรือ คู่คี่ หรือ หัวก้อย

สำหรับเกมที่มีความน่าจะเป็น 50:50 นั้นจะมีบางคนเชื่อว่าการออกหน้าใดหน้าหนึ่งติดกันหลายๆครั้ง แล้วครั้งหน้ามีโอกาสที่จะเป็นหน้าตรงข้ามมากกว่า เช่น ออกหัวติดกัน 5 ครั้ง แล้วครั้งหน้าความน่าจะเป็นของก้อยมากกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้วความน่าจะเป็นของการเกิดหัวก้อยจะเป็น 50:50 ทุกครั้ง เพราะการออกแต่ละครั้งเป็นอิสระต่อกัน ซึ่งหมายความว่าครั้งต่อไปความน่าจะเป็นของหัวและก้อยก็คือ 50:50 เหมือนเดิม

การเล่นแบบ martingel หรือว่าทบต้นไปเรื่อยๆถ้าผิด ก็เป็นอีกวิธีการเล่นที่ค่อนข้างจะอันตราย เพราะจำนวนเงินจะเพิ่มเป็นอัตราเร่งที่สูงมาก กล่าวคือจาก 1 2 4 8 16 32 64 128 256 512 หมายความว่าจำนวนเงินจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และในบ่อนจะมีกติกาที่มีจำกัดการเดิมพันสูงสุดเอาไว้ซึ่งจะทำให้เราเพิ่มเงินไม่ได้ถ้าเราผิดติดต่อกันหลายครั้ง สมมติว่าเราเริ่มต้นที่เงิน 1,000 บาท เราจะต้องมีเงินทุนทั้งหมด 1,023,000 บาทถ้าผิดติดต่อกัน 10 ครั้ง และบ่อนก็มีการจำกัดการเดิมพันไม่ให้ลงถึงเงินจำนวนนั้นอยู่ดี

ถ้าถามว่าการผิดติดต่อกัน 10 ครั้งเป็นโอกาสที่น้อยใช่หรือไม่ ที่จริงแล้วถึงจะน้อยแต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ คำนวณความน่าจะเป็นได้จาก 0.5^10 คือประมาณ 1 ใน 1,000 ซึ่งผมมั่นใจว่าถ้านั่งอยู่ในบ่อนไปเรื่อยๆต้องเล่นเกินกว่า 1,000 ตาอยู่แล้ว และก็จะต้องมีสักครั้งที่พบกับการหมดตัว วิธีที่น่าจะประสบความสำเร็จก็คือการเลิกเล่นในขณะที่ได้กำไรอยู่ ถ้าฝืนเล่นไปเรื่อยๆโอกาสที่เราจะหมดตัวก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ในความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้นเพราะคนส่วนใหญ่เวลาได้กำไรก็มักจะไม่เลิกเล่นเพราะคิดว่าน่าจะได้เพิ่มขึ้นอีก อย่างครั้งนี้ผมไปก็เจอเหตุการณ์ที่รูเล็ตออกแดงติดต่อกัน 12 ครั้งเช่นกัน ถ้าคนเล่นวิธี martingel ก็คงจะหมดตัวเป็นแน่

สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นจะแตกต่างจากการเล่นในคาสิโน ผมคิดว่าความน่าจะเป็นในการชนะจะขึ้นอยู่กับวิธีการลงทุนของเรา ถ้าเราลงทุนโดยคิดว่าจะมีขึ้นหรือลงโดยอาศัยดวงอย่างเดียวแบบการพนัน ความน่าจะเป็นในการชนะก็คงเป็น 50:50 แต่ถ้าเราลงทุนโดยใช้เหตุผลหรือเห็นคุณค่าที่ซ่อนอยู่ในตัวบริษัท ความน่าจะเป็นในการชนะก็คงมากกว่า 50:50 อย่างไรก็ตามก็ไม่ใช่ว่ามีโอกาสชนะ 100% อยู่ดี ถึงเราจะมีเหตุผลมากมายมารองรับในการลงทุนเราก็ควรเผื่อใจไว้เสมอว่าเรามีโอกาสที่จะผิดในครั้งนั้นได้

ในอีกมุมมองหนึ่งถึงแม้ว่าเราจะมีความน่าจะเป็นในการชนะเพียงแค่ 50:50 หรือน้อยกว่านั้นเราก็อาจจะมีโอกาสได้กำไรในระยะยาวได้ถ้าเรามีความได้เปรียบในเชิงขนาดของรางวัล การเล่นพนันเมื่อแทงถูกจะได้เท่าตัว และเมื่อผิดก็เสียเท่าตัว คือได้ 1 เสีย 1 แต่สำหรับการลงทุนนั้นถ้าเราสามารถทำให้ครั้งที่ผิดเสียน้อยจากการ cut loss และครั้งที่ถูกได้มากจากการ let profit run ก็น่าจะสามารถทำให้เราได้เปรียบเชิงขนาดของรางวัล และทำให้เราได้กำไรในระยะยาวในที่สุดถึงแม้ว่าเราจะมีความน่าจะเป็นในการชนะเพียง 50:50
ศิษย์เซียน007
Verified User
โพสต์: 1252
ผู้ติดตาม: 0

Re: R37: CASINO กับ ตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณคับ เห็นด้วยคับผมเชื่อว่าตลาดหุ้นเพิ่มโอกาสชนะให้มากขึ้นได้ด้วยความรู้และความสามารถที่เพิ่มมากขึ้น :D

ปล.ขอเสริมนิดหนึ่งคับเกมที่มีความน่าจะเป็นใกล้เคียง 50:50 และคนนิยมเล่นกันมากที่สุดน่าจะเป็นบาร์คาร์ร่าคับ ผู้เล่นบางคนก็ใช้วิธีเล่นแบบคิดตรงข้ามจากวิธีที่อธิบายมาคือการคิดค้นการหาวิธีแบบจับมังกรคับ(ถ้าเปรียบก็คงเหมือนการfollow treandในการเทรดหุ้นก็ได้คับ) แม้แต่pokerเองถ้าถึงช่วงที่เรียกว่า"badbeat"(ซึ่งอาจจะกินเวลาได้หลายวันเลยทีเดียวจากประสบการณ์ส่วนตัวคับ)ต่อให้คุณเล่นดียังไงก็ต้องเสียอยู่ดีคับ เช่นแบบในคลิปที่โปรเล่นกัน



หลายคนดูแล้วจะสงสารdurrมากแต่ผมว่าเฮียที่ถือkkก็น่าเศร้าเช่นกันคับที่turn ไพ่ออกมาเช่นนี้ ถ้าผมได้kkมาผมก็เล่นแบบในคลิปเหมือนกันคับ :B
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง

http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html



http://goo.gl/VjQ4cG
ภาพประจำตัวสมาชิก
Sumotin
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1145
ผู้ติดตาม: 52

Re: R37: CASINO กับ ตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ผมเคยเล่น baccarat ตอนไปสิงค์โปร์ 2 ครั้ง ตอนนั้นก็ใช้หลักการเดียวๆกันกับที่คุณ randomwalk ได้บอกมาคือถ้าแพ้จะทบต้นไปเรื่อยๆ แต่ก่อนเล่นก็ดูถ้า banker หรือ player ชนะติดๆกันซัก 7-8 ครั้งผมก็วางด้านตรงข้ามละ โดยวางตาละ 25 SGD ถ้าพลาดทบไปเป็น 50 และ 100 ตามลำดับ สรุปทั้ง 2 ครั้งได้ตังรวมๆ ประมาณ 500 SGD แต่ใช้เวลานานมาก 2-3 ชม. เล่นจริงๆไม่กี่ตาเพราะว่าต้องรอให้เจอโต๊ะที่มีการชนะติดๆกันของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หนะครับ

อย่างไรก็ตาม การทดลอง 2-3 ครั้งคงตอบไม่ได้ว่าจะเป็นวิธีที่ใช้ได้หรือไม่ เพราะเคยเห็นโต๊ะนึง banker ชนะติดต่อกัน 26 ครั้ง ถ้าตอนนั้นเล่นโต๊ะนั้นไปคงเสียหมดแล้วครับ :x
Timing is everything, no matter what you do.

CAGR of 34% in the past 15 years of investment
ภาพประจำตัวสมาชิก
MO101
Verified User
โพสต์: 3226
ผู้ติดตาม: 2

Re: R37: CASINO กับ ตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 4

โพสต์

randomwalk เขียน:มือใหม่หัดเขียนครับ ถ้าสนใจอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ http://randomwalk.bloggang.com
12-06-21 casino.jpg
สมมติว่าเราเริ่มต้นที่เงิน 1,000 บาท เราจะต้องมีเงินทุนทั้งหมด 1,023,000 บาทถ้าผิดติดต่อกัน 10 ครั้ง และบ่อนก็มีการจำกัดการเดิมพันไม่ให้ลงถึงเงินจำนวนนั้นอยู่ดี
น่าจะ 1,024,000 บาท นะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
pporkha
Verified User
โพสต์: 91
ผู้ติดตาม: 0

Re: R37: CASINO กับ ตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 5

โพสต์

อ่านแล้วให้นึกการบริหารเงินหน้าตักของ kelly ตามหลักการนี้เขาจะตั้งเป้าว่าเงินหน้าตักต้องไม่เป็นศูนย์ โดยการแทงครั้งละ 10 % ของหน้าตัก โดยหลักการนี้เมื่อเราเสียเงินติดต่อกันเราจะเสียน้อยลงเรื่อย ๆ แต่ถ้าได้ก็จะได้มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ต้องคำนึงความน่าจะเป็นของเกมส์ที่เราเล่นด้วยว่าเป็นเท่าไหร่
If tomorrow never come.
ภาพประจำตัวสมาชิก
blackninja
Verified User
โพสต์: 176
ผู้ติดตาม: 1

Re: R37: CASINO กับ ตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 6

โพสต์

จะหาวิธียังไงมันก็สู้ไม่ได้หรอกครับเพราะทุกๆเกมส์เราจะเสียเปรียบโต๊ะอยู่ 3-5% เลยไปเรื่อยๆก็หมด แต่ผมก็ชอบเล่นนะ แต่จะเล่นแบบ let's profit run และมีจุด stop loss คือได้กูไม่เลิก เสียเมื่อไรกูเลิก แต่เสียทุกทีเลย 555555
wiwatwcom
Verified User
โพสต์: 217
ผู้ติดตาม: 0

Re: R37: CASINO กับ ตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 7

โพสต์

HK 1299. กับ LVS ก็น่าสนใจ หากคิดในแง่บัญเทิง
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

Re: R37: CASINO กับ ตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 8

โพสต์

randomwalk เขียน: สำหรับเกมที่มีความน่าจะเป็น 50:50 นั้นจะมีบางคนเชื่อว่าการออกหน้าใดหน้าหนึ่งติดกันหลายๆครั้ง แล้วครั้งหน้ามีโอกาสที่จะเป็นหน้าตรงข้ามมากกว่า เช่น ออกหัวติดกัน 5 ครั้ง แล้วครั้งหน้าความน่าจะเป็นของก้อยมากกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้วความน่าจะเป็นของการเกิดหัวก้อยจะเป็น 50:50 ทุกครั้ง เพราะการออกแต่ละครั้งเป็นอิสระต่อกัน ซึ่งหมายความว่าครั้งต่อไปความน่าจะเป็นของหัวและก้อยก็คือ 50:50 เหมือนเดิม
......
สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นจะแตกต่างจากการเล่นในคาสิโน ผมคิดว่าความน่าจะเป็นในการชนะจะขึ้นอยู่กับวิธีการลงทุนของเรา ถ้าเราลงทุนโดยคิดว่าจะมีขึ้นหรือลงโดยอาศัยดวงอย่างเดียวแบบการพนัน ความน่าจะเป็นในการชนะก็คงเป็น 50:50 แต่ถ้าเราลงทุนโดยใช้เหตุผลหรือเห็นคุณค่าที่ซ่อนอยู่ในตัวบริษัท ความน่าจะเป็นในการชนะก็คงมากกว่า 50:50 อย่างไรก็ตามก็ไม่ใช่ว่ามีโอกาสชนะ 100% อยู่ดี ถึงเราจะมีเหตุผลมากมายมารองรับในการลงทุนเราก็ควรเผื่อใจไว้เสมอว่าเรามีโอกาสที่จะผิดในครั้งนั้นได้
ตรงนี้ขออนุญาติเห็นต่างนะครับ ถูกต้องว่าการมองเป็นครั้งต่อครั้งโอกาสคือ50-50จริง
แต่หากลองถอยหลังออกไปมองภาพรวมใหญ่ๆที่เป็นระบบความน่าจะเป็นอาจจะต่างออกไป
เช่นเราเอาเหรียญ1เหรียญโยน2ครั้ง โอกาสที่จะออก หัวในแต่ละครั้งเป็น50-50
แต่ถ้าเราถอยหลังออกมามองทั้งระบบ(ไม่ใช่เกมส์เดียว) โอกาสออก หัว-หัวผมว่าไม่ใช่50-50แน่นอครับ ถ้านึกภาพการมองความน่าจะเป็นของทั้งระบบไม่ออก ผมเสนอให้ลองจินตนาการว่า
เราเล่นสองเกมส์นี้พร้อมกัน=การโยน2ครั้งพร้อมกัน=การโยน2เหรียญ
(ห-ห),(ห-ก),(ก-ห),(ก-ก) ดังนั้นโอกาสออกหัวสองครั้งเป็นเพียง25%เท่านั้น!!!

ถ้าจะมองเกมส์ที่เยอะขึ้น สมมุติ10เกมส์ ก็นึกภาพ10เหรียญแล้วโยนพร้อมกันดู จะพบว่าโอกาสออก หัวหมด10ครั้งต่ำมากๆ แต่จุดบอดของการเล่นแบบทบต้นคือ โอกาสเกิดน้อย แต่ใช่ว่าจะไม่เกิด เหมือนกับการที่เรา เล่นเกมส์ที่มีโอกาสพลาดแพ้แค่1% แต่ถ้าเราดวงซวยมาเจอ1%นี้เราจะหมดตัวทันที นั่นหมายความว่าระบบเราพอรันไปได้99ครั้ง ครั้งที่100 ถ้าเจอเกมส์ที่แพ้คือการล้มโต๊ะทันที!!! อันนี้จึงเป็นระบบที่ใช้จริงค่อนข้างอันตราย เพราะเราชนะ99ครั้งเงินเราเพิ่มเยอะมากเท่าไหร่ไม่สำคัญแต่ถ้าเราเจอDefect1%เมื่อไหร่เงินที่เราได้มาทั้งหมด หาย0 นั่นหมายความว่าครั้งที่101คุณจะไม่มีโอกาสแก้ตัวแล้ว ถ้านึกภาพไม่ออกให้นึกอีกแบบคือเราเล่นเกมส์ที่เรามีโอกาสแพ้10%แต่พอแพ้แล้วเราแค่บาดเจ็บพอพักให้หายเจ็บก็กลับมาเล่นใหม่ได้ แต่ถ้าเกมส์แบบที่1%มีโอกาสตายถ้าโดนไปแล้วคือจบเกมส์ทันทีไม่มีโอกาสได้กลับมาแก้ตัวใหม่ ดังนั้นผมว่าระบบนี้น่ากลัวจริง


randomwalk เขียน: ในอีกมุมมองหนึ่งถึงแม้ว่าเราจะมีความน่าจะเป็นในการชนะเพียงแค่ 50:50 หรือน้อยกว่านั้นเราก็อาจจะมีโอกาสได้กำไรในระยะยาวได้ถ้าเรามีความได้เปรียบในเชิงขนาดของรางวัล การเล่นพนันเมื่อแทงถูกจะได้เท่าตัว และเมื่อผิดก็เสียเท่าตัว คือได้ 1 เสีย 1 แต่สำหรับการลงทุนนั้นถ้าเราสามารถทำให้ครั้งที่ผิดเสียน้อยจากการ cut loss และครั้งที่ถูกได้มากจากการ let profit run ก็น่าจะสามารถทำให้เราได้เปรียบเชิงขนาดของรางวัล และทำให้เราได้กำไรในระยะยาวในที่สุดถึงแม้ว่าเราจะมีความน่าจะเป็นในการชนะเพียง 50:50
ในส่วนเรื่องการลงทุนกับการพนันผมว่าการลงทุนมีความน่าสนใจกว่าที่
1.โอกาสชนะอาจจะ70-30ซึ่งเยอะกว่า50-50
2.พอเวลาที่แพ้เราอาจจะไม่เสีย แต่ได้กำไรน้อยลง เช่นเราเลือกหุ้นที่มีUpsideสูงโอกาส70-30
แต่ถ้าเป็นเคสที่ผิดเราก็ยังมีDownsideอยู่ซึ่งก็ยังกำไรอยู่แต่อาจจะกำไรน้อย ดังนั้นมันเป็นเกมส์คล้ายดันโดย่อมๆเลยทีเดียว

ปล.การเล่นแบบCutlossกับLetProfitRun ผมว่ามันมีจุดอ่อนสำคัญคือ ถ้าหุ้นที่คุณลงทุนเป็นหุ้นที่มีโอกาส50-50จะน่ากลัวมาก แต่หากเล่นกับหุ้นที่มีโอกาสชนะมากกว่าแพ้ หรือถ้าแพ้แล้วก็ไม่ถึงขั้นขาดทุน แบบข้อ2 ผมว่าก็เป็นหลักการณ์ที่น่าสนใจนะครับ^^
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
tigerroad197
Verified User
โพสต์: 390
ผู้ติดตาม: 0

Re: R37: CASINO กับ ตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 9

โพสต์

โดยส่วนตัว...ผมไม่ชอบเล่นการพนันครับ แต่ก็มีศึกษามาบ้าง เพราะมี คนรู้จัก อยู่ในวงการ กาสิโน ที่ มาเก๊า ครับ

ในอดีต กาสิโน ที่ มาเก๊า มีเพียง บ่อนเล็ก ๆ และ บ่อนขนาดกลาง ไม่กี่แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การบริหารของ มิสเตอร์โฮ ที่รู้จักกันในนามของ บ่อนกาสิโน ผู่-เก๊ง หรือ Libos

จนกระทั่ง โปรตุเกส ส่งมอบ มาเก๊า คืนสู่ อ้อมกอดของ จีนแผ่นดินใหญ่

โฉมหน้าของ กาสิโน มาเก๊า ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยการปรากฏตัวของ กาสิโน ขนาดใหญ่เป็นแห่งแรกใน มาเก๊า คือ SANDs ที่ใช้ระบบของฝรั่ง หรือ สากล มาบริหารและต้อนรับลูกค้า

.....เริ่มจาก การให้บริการน้ำดื่มใส่ขวดขนาดเล็กฟรี ที่ลูกค้าสามารถหยิบได้เท่าที่ต้องการ , การยกเลิกระบบ หยำ-ฉ่า หรือ ทิป แบบที่ ลูกค้าไม่เต็มใจ กล่าวคือ สมัยก่อนเวลาลูกค้าเล่นได้ ดีลเลอร์ (หรือ คนแจกไพ่) จะหยิบเอาทิปไปโดยพละการ เป็นเหตุให้มีการโต้เถียงกันบ่อย ๆ , รวมไปถึง กฏเกณฑ์ การพนัน หรือ Rule ก็เป็นไปแบบสากล ไม่ใช่ตั้งเอาเองตามใจบ่อนเหมือนสมัยก่อน

ว่ากันว่า SANDs เปิดวันแรก ผู้คนพากันมาร่วมอย่างล้นหลาม ประสบความสำเร็จอย่างสูง

ปัจจุบัน โรงแรมและกาสิโน ในเครือของ SANDs จะประกอบไปด้วย SANDs / Four Seasons และ Venetian ซึ่งกลายเป็นสัญญลักษณ์ที่เชิดหน้าชูตาของ มาเก๊า ไป

นอกเหนือจาก กาสิโน ในเครือ SANDs แล้ว ก็ยัง กาสิโนขนาดใหญ่อื่น ๆ ทะยอยผุดตามขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น Wynn / City Of Dream / MGM / Galaxy

ทีนี้ บางท่านอาจจะนึกสงสัยว่า กาสิโนขนาดใหญ่ ๆ เปิดกันแบบนี้ มิสเตอร์โฮ ก็คงจะตกอับ ตกกระป๋องไปจาก มาเก๊า เป็นแน่

แต่จริง ๆ แล้ว ยิ่ง กาสิโน ขนาดใหญ่ เปิดมากเท่าไหร่ มิสเตอร์โฮ ก็ยิ่งร่ำรวยมากขึ้นครับ เพราะทุก ๆ กาสิโน ที่เปิด ต้องจ่ายเปอร์เซ็นต์ ให้กับ มิสเตอร์โฮ ทั้งสิ้นครับ
tigerroad197
Verified User
โพสต์: 390
ผู้ติดตาม: 0

Re: R37: CASINO กับ ตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 10

โพสต์

นอกจากนี้ มิสเตอร์โฮ ได้เปิด กาสิโนขนาดใหญ่ เพื่อไม่ให้น้อยหน้า กาสิโน ขนาดใหญ่แห่งอื่น ๆ ใกล้ ๆ กับ กาสิโน Libos แห่งเดิม

ภายใต้ชื่อว่า Grand Libos ครับ

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

ลูกค้าหลัก ๆ ของ มาเก๊า ส่วนใหญ่คือ คนจาก จีนแผ่นดินใหญ่ ครับ มีทั้งระดับตั้งแต่ อภิมหาเศรษฐี ไล่ลงมาถึง คนชั้นกลางที่มุ่งหวังจะมาเสี่ยงโชค

แต่ทว่า หลักการพนัน ก็คือ หากเล่นได้แล้วไม่ยอมเลิก สุดท้ายจะถูกบ่อนกินกลับ เป็นความจริงเสมอครับ

ดังนั้น สลอตแมชชีน ในห้องระดับ VIP ที่เล่นกัน ตา ละ 10,000 เหรียญฮ่องกงดอลลาร์ หลายต่อหลายเครื่อง จึงมีการปิด เพื่อสำรองให้กับ อภิมหาเศรษฐี ที่มาเล่น แล้วเสียไปนับสิบ ๆ ล้านเหรียญฮ่องกงดอลลาร์ กลับไปขนเงินมาเล่นต่อ

ผลแห่งการที่ คนจีนแผ่นดินใหญ่ มาเล่นพนันที่ มาเก๊า และหลายครอบครัว ( ไม่ว่าจะยากดีมีจน ) ต้องประสบปัญหาทั้งเศรษฐกิจ และปัญหาครอบครัว ทำให้ ทางการ มาเก๊า ควบคุมการเข้าออกของ ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ โดยจำกัดให้เข้ามาได้ เดือนละ 2 ครั้ง ๆ ละ 7 วัน

แต่ถึงแม้จะมีมาตรการจำกัดเช่นนี้ ผู้คนก็ยังคงหลั่งไหลมาแสวงหาโชคกันไม่หยุด
tigerroad197
Verified User
โพสต์: 390
ผู้ติดตาม: 0

Re: R37: CASINO กับ ตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 11

โพสต์

แต่ช่วงอาทิตย์ที่แล้ว ผมไป มาเก๊า มา พบว่า ลูกค้าหลายแห่ง บางตาลงมาก

สอบถามพอได้ความว่า เศรษฐกิจจีนเริ่มมีปัญหา และการปล่อยกู้ของธนาคาร ก็เริ่มเคร่งครัด ทำให้กระเป๋าแฟบลงไปเยอะ สอดคล้องกับที่ผมเคยกล่าวว่า เศรษฐกิจจีน น่าจะมีปัญหาในอนาคตอันใกล้นี้

>>>>>>>>>>

คนที่ไปเสี่ยงโชคที่ มาเก๊า ส่วนใหญ่นิยมเล่น บาคาร่า กัน เพราะว่า เล่นง่าย เลือกแทง Banker หรือ Player แต่ที่ผมทราบมา บาคาร่า นี่แหละที่สร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำให้กับ กาสิโน ได้ดีที่สุด สังเกตจาก โต๊ะบาคาร่า จะมีจำนวนมากที่สุดในบรรดาโต๊ะที่เกี่ยวกับ Cards ทั้งหลายแหล่

ระบบการเล่นที่เรียกว่า ไนติงเกล หรือ ทบไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ คือ หนทางสู่ความวิบัติของนักพนัน ก็ว่าได้

ในขณะที่ สลอตแมชชีน เปอร์เซ็นต์การได้กำไรของบ่อน จะน้อยกว่าการพนันประเภทอื่น เพียงแต่ว่า แต่ละรอบกว่าจะออกรางวัลใหญ่จะยาวมากกกกกกกกกกกกกก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จนทำให้รู้สึกเหมือนกับว่า ใส่เงินเท่าไหร่ ก็ไม่เห็นจะออกรางวัลใหญ่ มีแต่รางวัลกระจิ๊บกระจ๊อยเท่านั้น
tigerroad197
Verified User
โพสต์: 390
ผู้ติดตาม: 0

Re: R37: CASINO กับ ตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ถ้าพูดถึงเกมส์ที่เกี่ยวกับ Card ทั้งหลายแหล่แล้ว

Black Jack เป็น เกมส์ที่ผู้เล่นในระดับ " มืออาชีพ " สามารถ " บีบ " กาสิโน ได้ มากที่สุดกว่าเกมส์ชนิดอื่นครับ

Black Jack หรือภาษาจีนเรียกว่า ยี่สิบเอ็ดแต้ม คือ เกมส์ที่ มืออาชีพ ชอบกันมาก เพราะ กฏ หรือ Rule บางอย่าง ทำให้เสียเปรียบ กาสิโน น้อยกว่า เกมส์ชนิดอื่น ๆ

ดังนั้น กาสิโน หลายแห่ง จึงมักมีข้อจำกัดระหว่าง Minimum Bet กับ Maximum Bet ห่างกันที่ 20 เท่า

เนื่องจาก ไม่ได้ต้องการสนับสนุนให้เล่นการพนัน จึงขออธิบายแค่คร่าว ๆ ว่า การที่ มืออาชีพ ชอบเกมส์นี้ ก็เพราะสามารถ " นับไพ่ " เพื่อหาสถิติความน่าจะเป็นของ ไพ่ ที่จะถูกเปิดใบต่อไปได้

แต่ปัจจุบันนี้ กาสิโน มาเก๊า ก็ แก้เผ็ด วิธีการ " นับไพ่ " ด้วยการใช้เครื่อง One 2 Six หรือ เครื่องแจกไพ่ ที่เมื่อจบแต่ละเกมส์ ไพ่จะถูกนำกลับไปในเครื่อง เพื่อสับใหม่ ทำให้ การนับไพ่ เป็นไปได้ยากมากขึ้น

ข้อควรทราบก็คือ การนับไพ่ สำหรับ กาสิโน แล้ว ถือเป็นเรื่อง " ผิด " ที่ ทาง กาสิโน จะ บาร์ ไม่ให้ คนที่นับไพ่ เข้าไปเล่นใน กาสิโน อีกต่อไปได้ครับ
ศิษย์เซียน007
Verified User
โพสต์: 1252
ผู้ติดตาม: 0

Re: R37: CASINO กับ ตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 13

โพสต์

รูปภาพ

เมื่ออีกฝ่ายเบทดุมาที่Flopและไพ่ดีมามีโอกาสชนะสูงก็ถึงเวลาต้องออลดวลกันเมื่อรับออลกันก็แสดงว่าต่างคนก็ต่างมีดี :D

รูปภาพ

the art of poker :ohno:
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง

http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html



http://goo.gl/VjQ4cG
ศิษย์เซียน007
Verified User
โพสต์: 1252
ผู้ติดตาม: 0

Re: R37: CASINO กับ ตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 14

โพสต์

เมื่อศึกษาหลักการลงทุนแนววีไอให้เข้าใจได้บ้างแล้ว การสามารถนำมาประยุกตใช้กับcard gameได้เช่นกันคับ เช่น นำมาประยุกต์ให้เป็นการทำpokerแบบเน้นคุณค่าได้เหมือนกันคับ :mrgreen:

รูปภาพUploaded at Picoodle.com

รูปภาพUploaded at Picoodle.com

รูปภาพUploaded at Picoodle.com

รูปภาพUploaded at Picoodle.com

:ep:
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง

http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html



http://goo.gl/VjQ4cG
โพสต์โพสต์