Margin of Safety

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 9

Margin of Safety

โพสต์ที่ 1

โพสต์

Margin of Safety

รูปภาพ





ผมมีความคิดเหมือนฟันเลื่อย เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง สร้างความวิงเวียนให้กับลุกน้อง เวลาลงทุนในบริษัท ผมมักสร้างสมมุติฐานของตนเอง แล้วทดสอบมันด้วยเทคนิคการ invert เสมอ เพื่อให้การ balace ทางความคิดของเราครับ ผมเคยทำผิดมาก่อน ผมจึงไม่เชื่อในตัวเองมากเกินไปอีกแล้วและคอยจับผิดตนเอง ทำอย่างนี้แล้วส่วนตัวผมชอบที่จะหาเรื่องตนเองตลอด และที่สำคัญเพื่อคิดค้นเทคนิตใหม่ๆ ของ MOS ขึ้นมาตลอด

ตัวอย่างสมมุติผมต้องการ long ซื้อหุ้นสัก 1 ล้าน ผมอาจจะเริ่มต้นด้วยการขายออก short สัก 2-3 แสน ดูว่ามีคนแย่งขายหรือไม่ หรือดูว่ามีคนตั้งรับซื้อหรือไม่ จากประสบการณ์ผมกับเทคนิคนี้ หุ้นที่ซื้อยากคือหุ้นที่มักให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเสมอ แต่ทำอย่างนี้ระวังข้ออันตราย ถ้ามองจากมุมหลักคณิตศาสตร์ pure mathematics การ Short เวลาไม่เป็นอย่างที่คิด หุ้นตัวนั้นมันจะกินสัดส่วน % เทียบกับทั้งพอร์ตให้โตมากขึ้นเรื่อยๆ ถือว่าเสี่ยงมากเวลามันผิดพลาด เทคนิครับมือกับ Short Strategy's Limitations คือ การกระจายการ short ไปหลายๆ ตัว อย่าให้มันมากเกินไปกับความเสี่ยงในตัวกลยุทธ์ short ของมันเองครับ หลักง่ายๆ ใช้อะไรก็ต้องดูขอเสียของมันก่อน ถ้าเราหาไม่เจอ โพสในเว็บก็ได้ครับ ลองคุยกับสมาชิกท่านอื่นท่เขาไม่ชอบความคิดของเรา หรือลองยกสถานการณ์แบบนักบินที่เขาฝึกกัน เขาฝึกกับเครื่อง simulator แล้วครูจะลองสร้าง harzard ขึ้นมา ไม่ใช่ตัวเดียว แต่เป้นหลายตัวพร้อมๆ กัน แล้วดูว่าเราจะรับมืออย่างไร จากนั้นถ้าวิธีมันถูกต้อง คราวนี้ก็ทำซ้ำแล้วซ้ำอีกให้เกิดความชำนาญ ผมสามารถแยกนักลงทุนเน้นคุณค่าที่เก่งได้ด้วยความคิดอย่างนี้ เขาฝึกเทคนิค value investing จนเกิดความเชี่ยวชาญและสามารถบอกจุดบกพร่องของมันได้

ในขณะที่ Long เวลาราคามันตกลง หุ้นตัวนั้นเมื่อเทียบ % กับพอร์ตก็จะเล็กตามไปด้วย ความเสี่ยงก็จะหดลงตามกรอบของมัน

ด้วยความเข้าใจที่อธิบายด้วยคณิตศาสตร์อย่างนี้ ก็หลัก Algebra ที่เรียนตอนมัธยม ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ เราก็เอามาปรับใช้ในการบริหารพอร์ต ดังนั้นเวลา Short สัดส่วนคร่าว ๆ ไม่ควรเกิน 1% ของพอร์ต และเวลา Long ผมก็ให้น้ำหนักแต่ละตัวไม่เกิน 5 % ยกเว้นว่ามีอะไรที่ดีมากผ่าน cheklist ของบริษัทเกือบหมด อย่างนี้ก็เพิ่มเป็น 10% แต่นานๆ จะเจอทีครับ

ชาลี มังเกอร์เคยพูดถึง วิชาฟิสิกส์ ควรใช้หลักการของมันในการปรับใช้กับอาชีพการลงทุน ผมไม่ชอบเรียนฟิสิกส์เลยเพราะมีอคติกับครูที่สอน ไปแอบขอเรียนจากคนที่เก่งฟิสิกส์อย่าง Richard Feynman เขาได้ the Nobel Prize-winning ทางฟิสิกส์ คนนี้ ชาลี มังเกอร์พูดถึงบ่อยครั้ง สิ่งเดียวที่ผมจำได้แม่น คือ สุนทรพจน์ของเขา เรือง "อย่าหลอกตัวเอง" จาก The Feynman principle ที่บอกว่า "You must not fool yourself—and you are the easiest person to fool," แล้วเอามันมาปรับใช้กับบริหารพอร์ต

ผมปรับใช้อย่างไรหรือครับ ผมไม่มีความสามารถเหมือนมังเกอร์ เขามองอะไรป๊าดเดียวก็บอกจุดอ่อนของมันได้ และผมก็ไม่มีความสามาถเหมือนบัฟเฟตที่สามารถทันอารมณ์ greed และ fear ของตัวเองได้ตลอดเวลา ดังนั้นเวลาลงทุน ก็ต้องมี checklist คอยปรับให้อะไรมันรอดพ้นจากกับดักของ fears and greeds ไปได้ ส่วนใหญ่เอามาจากข้อผิดพลาดที่พบเห้นในตลาด อย่างมีผู็บริหาร CEO ท่านหนึ่งในตลาดหุ้น ผมไปอ่านเจอจากหนังสือที่ไม่ใช่การลงทุน เขามีเมียน้อย และเมียกำลังขอหย่า ฟ้องร้องเรียกเงินหลายสิบล้าน ข้อมูลอย่างนี้ตลาดหลักทรัพย์เขาไม่เอามาลง ผมปรับพอร์ตลงทันที เพราะสมาธิเขาเสียแล้ว กับตันตอนนี้สมาธิไม่อยู๋กับการขับเครื่องบินแล้ว ผู้โดยสารอย่างผมขอเซฟ liverage position ไว้ก่อนดีกว่า หลังจากนั้นเขาก็โดนบอร์ดบีบให้ลาออก ราคาหุ้นก็สะท้อนปรับลงเลยทันที พื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนหรือปล่าวผมไม่แน่ใจ แต่พื้นฐานผู็บริหารกำลังแขวนบนเส้นได้ เราก็ต้องระวัง

สมัยก่อน ไทเกอร์เก่งมาก ไมมีใครชนะได้ นักกอล์ฟอวุโสผิวขาวท่านหนึ่งบอกว่า ถึงเก่งก็ยังเด็กมาก ขาดประสบการณ์ชีวิต ถ้าจะล้มไทเกอร์ มีสองอย่าง คือหนึ่ง สุขภาพมีปัญหา สองเรื่อง ครอบครัวมีปัญหา ไทเกอร์ล้มจริงๆ เพราะไปมีกิ๊ก ชีวิตคู่พัง ชีวิตการเล่นกอล์ฟพังไปด้วย สังคมไม่ยอมรับแล้ว ขนาดกับเมียตัวเองยังไม่ซื่อสัตย์ คนอเมริกันเขาก็มองอย่างนั้น

Buffett กับ Munger ทั้งสองท่าน match กันมากนะครับ ส่วนผสมนี้มันสำเร็จมาแล้ว มันน่าจะใช้กับนักลงทุนคนไทยได้ไหม ผมเลยจับลูกน้องเป็นคู่ตะเกียบทำงานด้วยกัน ไม่มีใครวิเคราะห์หุ้นคนเดียว คนหนึ่งต้องเหมือนมังเกอร์ อีกคนต้องเหมือนบัฟเฟต ผมพยามยามมองหานักลงทุนใหม่ๆ ที่มีคุณสมบัติอย่างนั้น แล้วจับพวกเขามาทำงานด้วยกัน ผลกำไรเป็นเครื่องยืนยันได้ดีครับ

ผมมีลุกน้องหลายคนที่เวลาเข้ามาใหม่และมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสามารถของผู้จัดการกองทุนในการคาดคะเนสิ่งต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ใช่ครับ ผมมองไปข้างหน้า แต่ถ้าผมสามารถมองเห็นทุกอย่างได้จริง ผมคงไม่ต้องมาเป็นนักลงทุนเน้นคุณค่าแล้ว ผมมองไปข้างหน้าและหาทาง MOS ป้องกันต่างหาก เพราะผมเชื่อว่า ไม่มีอะไรแน่นอน ผมจึงต้องหา MOS ส่วนนักลงทุนท่านอื่น ถ้าใครเชื่อว่าสามารถคาดเดาตลาดได้โดยไม่มีทางผิดพลาด ก็ไม่ต้องมาเป้นนักลงทุนเน้นคุณค่าให้เสียเวลาครับ

คุณสมบัติของนักลงทุนเน้นคุณค่าต้อง "ไม่หลอกตัวเอง" ต้องยอมรับตัวเองว่า ทำผิดพลาดได้ ผมเคยมีลูกน้องบอกว่า อย่างพี่ไม่มีวันทำผิดพลาดได้ เข้าใจผมผิดครับ ไปว่าพวกเขาไมได้ พวกเขายังเด็ก พวกเขาดูประวัติการลงทุนของบัฟเฟตกับมังเกอร์ ดูจากประวัติการลงทุนของนักลงทุนเน้นคุณค่าคนอื่นที่ออกตามสื่อ และเชื่อว่า ใครก็ตามที่ลงทุนแนว Value Investing จะมีประวัติการลงทุนที่ดีและงย่อมจะมีภูมิคุ้มกันต่อความผิดพลาดอย่างแน่นอน ผมมักขำกับความคิดแบบนี้เสมอ ผมไม่เคยสนว่าผมมีความสามารถในการ "ตีแตก" บริษัทได้เก่งขนาดไหน ผมทำผิดพลาดเต็มไปหมดเลย แต่สิ่งที่ผมเก่งกว่าคนอื่น คือ ผมยอมรับข้อผิดพลาดตัวเองเก่งกว่าคนอื่น นั่นคือเคล้ดลับของความสำเร็จของมังเกอร์และบัฟเฟตที่ผมเอามาปรับใช้ จดจำเกี่ยวกับความผิดพลาดของตนเองและคนอื่น แต่เราไม่เก่งอย่างทั้งสองท่าน เราก็ต้องทำ checklists ขึ้นมาเหมือนนักบินเขาทำจนเป็นนิสัย พวกเขาหา MOS ทางป้องกันและฝึกมันจนชำนาญนั่นเองครับ

ถ้าเรามั่นใจว่า เราไม่เคยหลอกตัวเอง เราก็ไม่ต้องมี MOS ครับ
torpongpak
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2611
ผู้ติดตาม: 63

Re: Margin of Safety

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ล้ำลึกไปอีกขั้นครับ...ต้องเรียกว่าBeyond MOS :D
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3352
ผู้ติดตาม: 327

Re: Margin of Safety

โพสต์ที่ 3

โพสต์

อัตตาคนเรามันใหญ่คับฟ้า การจะยอมรับความผิดพลาด ยอมรับว่าเราไม่ได้เก่ง ไม่ได้มีความสามารถ ว่าเราห่วย ว่าเรามีข้อบกพร่อง ว่าเรามีความบิดเบี้ยวผิดเพี้ยน ว่าเราไม่ได้มองโลกตามความเป็นจริง เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก

แต่ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้... จำเป็นต้องอาศัยการฝึกฝนครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อประคองจิตตัวเองไม่ให้ฟูฟ่องจนมั่นใจจนเกินไป ไม่ข่มจิตตัวเองจนขาดความมั่นใจจนเกินไป... ฝึกแล้วฝึกเล่าจนกว่าจะเจอทางสายกลางที่เราจะสามารถลงทุนได้อย่างมีความสุข ด้วยความปลอดภัยทั้งกับทรัพย์สินเงินทอง และกายใจของเราเอง

วิธีการ invert ของพี่ humdrum เป็นวิธีการที่โหด และทำได้ยากมากสำหรับผม สำหรับผมจะใช้วิธีการมักง่ายกว่านั้น คือ การใช้สติตามดูสิ่งที่เกิดขึ้นไปเรื่อยๆ มากกว่า ตามระดับปัญญาที่มีในขณะนั้น พอผิดพลาดก็ยอมรับและเรียนรู้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ถึงแม้ความผิดพลาดนั้นจะทำให้หมดเนื้อหมดตัว ก็ต้องพร้อมจะเรียนรู้สิ่งี่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งวิธีการของผมมีอันตรายต่อพอร์ทมากกว่าพี่ humdrum อย่างแน่นอน
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 9

Re: Margin of Safety

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ไปดูพระเอกเรื่อง Revolver เอาชนะ "ตัวกรู" ครับ เรื่องนี้ผู้จัดการกองทุนโวตกันให้เป็นหนังที่เข้าใจยากที่สุด 10 ลำดับแรก การตะหนักรู้ในตนเองนั้นเป็นทักษะ MOS risk management ที่สำคัญครับ



เรืองที่สอง ไปดูเชอร์อค โฮม ใช้เทคนิค MOS ที่เรียว่า " Visualization" การมองภาพสิ่งต่าง ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจ การมองไปข้างหน้า แล้วหาทางป้องกันเป็นทักษะ MOS risk managment ที่สำคัญมากเช่นเดียวกันครับ




ไปเรียนรู้ดูว่าหมอเคใช้ MOS อย่างไร กับงาน Thaivi ครับ แม้แต่งานชุมนุม พวกเขายังปรับใช้ MOS ได้อย่างดีเยียมครับ
THAIVI MEETING "S MOS
1. ลืมสลิป
- ยืนยันตัวตน ร่วมกับ login เข้าเวปต่อหน้าโต๊ะลงทะเบียน. แค่นี้ เรียบร้อยแล้วครับ
แต่เพื่อให้สะดวก ไม่เสียเวลา ให้ นำสลิปมา เร็วกว่าเยอะครับ

2. ฝนตก
- ผมมีแผน b คือ ย้ายลงชั้น 1 ในกรณีฝนตกปรอยๆ
และแผน c คือ ฝนตกหนัก คือ ย้ายไปนั่งทานในร้านครับ
สำรองที่ไว้จำนวนหนึ่ง แต่คิดว่าไม่น่าแออัดเกินไป

จริงๆ ถ้าฝนตกจริง ผมอยากให้ตกหนักมากกว่า เพราะ มันมักจะหยุดเร็ว

3. การเมืองเข้มข้น
มีคนกังวลเรื่องปฏิวัติ และ การห้ามชุมนุม
อันนี้ผมไม่รู้ว่า มีโอกาสเกิดมากน้อยเพียงไร
ถ้าเกิด ก็คงต้อง ถือว่า เกินคาดจริงๆ อันนี้ คงไม่สามารถรับผิดชอบให้ได้ครับ

แต่ไม่ว่า จะอย่างไร ผมและพี่ๆทีมงานก็ยังคงจัดงานตามเดิมแน่นอนครับ

4. หุ้นตก
ผมว่าที่ต้องกังวลมากสุดไม่ใช่เรื่องนี้หรอกเหรอครับ
การคุยกัน วางแผนรับมือกับการลดราคาแบบ ปีละครั้ง นี่มันมีไม่ค่อยบ่อยนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
xavi
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 123
ผู้ติดตาม: 1

Re: Margin of Safety

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอบคุณบทความมากครับพี่ Hum

แต่มีบางส่วนมันล้ำลึกมากจริงๆ ผมเข้าไม่ถึงและไม่เข้าใจ Logic ครับ

ถ้าเปรียบไทเกอร์เป็นนักลงทุน เขา "หลอกตัวเอง" อย่างไร และเขาพลาดเรื่อง MOS ตรงไหนครับ :oops:

ช่วยชี้แนะด้วยครับ :shock:
charonp
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 409
ผู้ติดตาม: 0

Re: Margin of Safety

โพสต์ที่ 6

โพสต์

คนเราเมื่อถึงจุดหนึ่ง ย่อมมีความคิดต่างจากคนทั่วไป

เหมือนตอนเป็นเด็ก เราคิดไม่เหมือนผู้ใหญ่ ประสบการณ์ด้านการลงทุนคงทำให้พี่ humdrum เรียนรู้มากขึ้นจนโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ขอนับถือด้วยใจครับ

ล้มร้อยครั้งแล้วยังเดินต่อ วันหนึ่งผมอาจเป็นเหมือนพี่ humdrum ก็ได้ ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
^^
Verified User
โพสต์: 519
ผู้ติดตาม: 0

Re: Margin of Safety

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณครับพี่ ขอบคุณมากๆ
หุ้นมันอยู่รอบๆตัวเราเสมอ
ภาพประจำตัวสมาชิก
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 4

Re: Margin of Safety

โพสต์ที่ 8

โพสต์

picatos เขียน:อัตตาคนเรามันใหญ่คับฟ้า การจะยอมรับความผิดพลาด ยอมรับว่าเราไม่ได้เก่ง ไม่ได้มีความสามารถ ว่าเราห่วย ว่าเรามีข้อบกพร่อง ว่าเรามีความบิดเบี้ยวผิดเพี้ยน ว่าเราไม่ได้มองโลกตามความเป็นจริง เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก

แต่ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้... จำเป็นต้องอาศัยการฝึกฝนครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อประคองจิตตัวเองไม่ให้ฟูฟ่องจนมั่นใจจนเกินไป ไม่ข่มจิตตัวเองจนขาดความมั่นใจจนเกินไป... ฝึกแล้วฝึกเล่าจนกว่าจะเจอทางสายกลางที่เราจะสามารถลงทุนได้อย่างมีความสุข ด้วยความปลอดภัยทั้งกับทรัพย์สินเงินทอง และกายใจของเราเอง

วิธีการ invert ของพี่ humdrum เป็นวิธีการที่โหด และทำได้ยากมากสำหรับผม สำหรับผมจะใช้วิธีการมักง่ายกว่านั้น คือ การใช้สติตามดูสิ่งที่เกิดขึ้นไปเรื่อยๆ มากกว่า ตามระดับปัญญาที่มีในขณะนั้น พอผิดพลาดก็ยอมรับและเรียนรู้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ถึงแม้ความผิดพลาดนั้นจะทำให้หมดเนื้อหมดตัว ก็ต้องพร้อมจะเรียนรู้สิ่งี่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งวิธีการของผมมีอันตรายต่อพอร์ทมากกว่าพี่ humdrum อย่างแน่นอน
+100 krab
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ

หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
โพสต์โพสต์