ญี่ปุ่นหวั่นแผนน้ำท่วม จ่อย้ายฐานผลิตหนีไทย

[คนอุดร]

นักลงทุนญี่ปุ่นหวั่นแผนป้องกันน้ำท่วม-การเมืองไทย จ่อย้ายฐานผลิต วอน รบ.แจงข้อมูลบริหารน้ำโดยเร็ว ด้านยานยนต์เชื่อผลิตตามเป้า 2 ล้านคัน

นายมาซาโอะ ทาคากิ อดีตเลขาธิการหอการค้าญี่ปุ่น กรุงเทพฯ กล่าวในงานสัมมนา “อุตฯชิ้นส่วนยานยนต์ไทยรับการผลิต 2 ล้านคัน” ซึ่งจัดโดย หน่วยพัฒนาการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม (BULD) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) วานนี้ (6 มี.ค.) ระบุว่า ที่ผ่านมาได้ทำการสำรวจนักธุรกิจวชาวญี่ปุ่นที่ลงทุนในประเทศไทยที่มีอยู่กว่า 1,345 บริษัท โดย 366 บริษัท หรือ 27% ได้ตอบแบบสำรวจ โดยเฉพาะผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์กว่า 40% ได้รับผลกระทบโดยตรง ขณะที่ 275 บริษัทจาก 336 บริษัทได้รับผลกระทบทางอ้อม

ขณะที่เหตุการณ์น้ำท่วมทำให้ผู้ประกอบการ มีการย้ายฐานการผลิตไปแล้ว 1% ส่วนใหญ่ 88% ยังคงตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย และที่เหลืออีก 11% กำลังมองหาทำเลการผลิตที่เหมาะสมในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนชาวญี่ปุ่น ต้องการให้รัฐบาลไทยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดแผนป้องกันน้ำท่วมแห่งชาติ รวมถึงการให้ข้อมูลแก่นักลงทุนอย่างรวดเร็วและถูกต้อง อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาได้มีการย้านฐานการผลิตชั่วคราวไปที่ญี่ปุ่น จีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนามแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการเมืองไทยทำให้นักลงทุนญี่ปุ่น มองภาพลักษณ์ของประเทศไทยในแง่ลบ อีกทั้งการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน 300 บาท ส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการผลิต และเริ่มมีการปรับตัวด้วยการเพิ่มกำลังผลิต และไม่รับพนักงานเพิ่ม

นางทัศนา พิริยพฤทธิ์ รองผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวว่า ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ไทยปี 2555 ได้ตั้งเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปีนี้ไว้ที่ 2 ล้านคัน เทียบกับปีที่ผ่านมาที่ผลิตได้ 1.8 ล้านคัน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากอุทกภัยช่วงปลายปีที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ยังได้ตั้งเป้าว่าจะขึ้นเป็น 1ใน 3 ของผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลก ซึ่งจะเห็นได้จากกำลังการผลิตรถยนต์จากค่ายรถต่างๆ ปีนี้ จะมีกำลังผลิตได้ 2.6 ล้านคันต่อปี โดยเฉพาะยอดการผลิตรถปิกอัพ และอีโค คาร์ ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตรถยนต์ในประเทศเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้

ปัจจุบันประเทศไทยมีค่ายผู้ผลิตรถยนต์ 13 ค่าย ผู้ผลิตจักรยานยนต์ 7 ค่าย ผู้ผลิตชิ้นส่วนส่วน 695 ราย มีการจ้างงานมากกว่า 5 แสนคน โดยมีนักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่ลงทุนในประเทศไทย 28 ราย จาก 29 รายในญี่ปุ่น ขณะที่ประเทศอื่นๆ เริ่มทยอยเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ช่วงเดือน ม.ค. 2555 พบว่ากำลังการผลิตรถยนต์ของไทยเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ หรือมีกำลังการผลิต 1.4 สานคัน ใกล้เคียงกับกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำลังการผลิต 1.6 แสนคัน

ยอดขายรถปี 54 ติดลบ 0.6%ด้านยอดขายรถในประเทศปี 2554 ที่ผ่านมา ติดลบ 0.6% เป็นผลมาจากเหตุการณ์น้ำท่วม ขณะที่รถปิกอัพได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากรัฐบาลลดอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตลดลงจาก 67% เหลือ 46% ในปัจจุบัน ขณะที่รถยนต์นั่งยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่อง

ส่วนการส่งออกรถยนต์ของไทยปี 2554 ติดลบ 18% หรือคิดเป็น 735,627 คัน เทียบกับปี 2553 ที่ส่งออกไปกว่า 8 แสนคัน โดยเฉพาะตลาดเอเชีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เป็นต้น โดยส่งออกในภูมิภาคเอเชียคิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนการส่งออกทั้งหมด เนื่องจากได้รับประโยชน์จากการเปิดเสรีการค้าในภูมิเอเชียด้วยกันเอง

ขณะที่การส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ของไทย มีการเติบโต 14% คิดเป็นมูลค่า 413,265 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีการเติบโต 33% คิดเป็นมูลค่า 361,454 ล้านสบาท แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์และจักรยานยนต์ 28% แบตเตอรี่ 2% ชุดสายไฟ 3% อุปกรณ์ไฟจุดระเบิด 2% เพลา 2% เครื่องยนต์ 21% กระจก 1% และอื่นๆ 42% ขณะที่การนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 17%

อย่างไรก็ตาม มองว่าการเปิดการค้าเสรี หรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 จะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายอย่างเสรี ทั้งบุคคลากร วัตถุดิบ สินค้า และบริการ โดยผู้ประกอบการไทยจะต้องปรับตัวและสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เพื่อสร้างขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลก

ขณะเดียวกันผู้ประกอบการไทย จะต้องหันมาให้ความสำคัญกับตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเน้นการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อการส่งออกควบคู่กับการผลิตใช้ในประเทศ อีกทั้งต้องเร่งพัฒนาคุณภาพสินค้าเพื่อให้ได้มาตรฐานสากล หรือ คิวซีดีอีเอ็ม และยังต้องรวมตัวเป็นกลุ่มคลัสเตอร์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในด้านการพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด รวมถึงการเพิ่มบุคลากรให้เพียงพอ และต้องมีบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุน

http://bit.ly/z9oqIa

[siamkrub]

บ่นๆไปงั้นแหละครับ ตามประสาพี่ยุ่น. อยากให้รัฐบาลแอ็คทีฟหน่อย เพื่อนผมทำงานบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของญี่ปุ่น บอกกำลังขยายการผลิตขนานใหญ่ ประเทศไทยมีชัยภูมิที่ดีมากๆ ในอาเซียน ทั้งด้านการขนส่ง และวิถีชีวิตซึ่งคนญี่ปุ่นมาทำงานไม่อยากกลับญี่ปุ่นทั้งนั้น อยู่บ้านเราสบายทุกอย่าง อยู่อย่างราชา ทั้งเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโด ลองไปถามคนญี่ปุ่นจริงๆดู ว่าเค้าอยากไปทำงานมั๊ย