เปิดหุ้นเต็ง 'ทิวา ชินธาดาพงศ์' ปีนี้..ลุ้น 'INTUCH-SIRI-JAS

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
Rocker
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4915
ผู้ติดตาม: 246

เปิดหุ้นเต็ง 'ทิวา ชินธาดาพงศ์' ปีนี้..ลุ้น 'INTUCH-SIRI-JAS

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เปิด 3 หุ้นเต็ง..เซียนหุ้นร้อยล้าน 'ทิวา ชินธาดาพงศ์' ปีนี้ลุ้น INTUCH-SIRI-JAS ปีที่ผ่านมาทำกำไรหุ้นเข้ากระเป๋า 60% สร้างสถิติใหม่ส่งท้ายปี

ตลาดหุ้นปี 2555 จะเป็น "งูใหญ่ดุร้าย" หรือ "มังกรทองนำโชค" ยังต้องติดตามกันต่อไป ท่ามกลางข่าวร้ายเดิมๆ ที่ยังไม่เจือจาง ขณะที่การเมืองปีนี้ทำท่าจะกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง สำหรับตลาดหุ้นปีกระต่าย (2554) ที่ผ่านมา นับเป็นปีที่ "ย่ำแย่" สำหรับการลง เพราะปี 2553 ดัชนีปิดที่ 1,032 จุด ปี 2554 ดัชนีปิดที่ 1,025 จุด ปิดขาดทุน 7 จุดใครจับหุ้นผิดตัวส่วนใหญ่จะ "มือพอง"

แต่สำหรับเซียนหุ้นอดีตวินมอเตอร์ไซค์ "มี่" ทิวา ชินธาดาพงศ์ กลับเป็นปีที่ดีสำหรับเขา สร้างผลตอบแทนทะลุเป้าที่ตั้งไว้ 20% สามารถทำกำไรได้ถึง 60% โดยปีนี้ เซียนหุ้นร้อยล้านเปิดโพยหุ้นเต็ง 3 ตัวที่ถือมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ได้แก่ บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH) บริษัทแม่ ADVANC และ THCOM บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ของ พิชญ์ โพธารามิก และ บมจ.แสนสิริ (SIRI) ของ เศรษฐา ทวีสิน

ทิวาเป็นหนึ่งในเซียนหุ้นลูกทุ่ง หนุ่มวัย 30 แก่ๆ ผู้กล้าได้กล้าเสียเจ้าของนามแฝง SAI ในเว็บไซต์หุ้นชื่อดัง ผู้ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เขาจบการศึกษาเพียงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนพร้อมพรรณวิทยา ย่านประชาสงเคราะห์ เคยประกอบอาชีพมาสารพัดอย่างทั้งไกด์นำเที่ยว, เซลส์แมน, ขายประกัน, เป็นลูกจ้างขายโทรศัพท์มือถือ

รวมทั้งเคยขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง และเคยติดการพนันจนหมดเนื้อหมดตัว ชีวิตที่ผ่านมาประสบความสำเร็จบ้างแต่ล้มเหลวเป็นส่วนใหญ่ จนวันหนึ่งก้าวเข้ามาสู่ตลาดหุ้นแล้วประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในยุคหลังแฮมเบอร์เกอร์ ไครซีส (2552-2554) เส้นทางชีวิตของเซียนหุ้นรายนี้กรุงเทพธุรกิจ BizWeek เคยนำเสนอผ่านสายตาผู้อ่านไปแล้ว


"ปี 2554 ถือเป็น “ปีกระต่ายทอง” ของผมก็ว่าได้ เพราะสามารถทำกำไรสูงกว่าเป้าหมายค่อนข้างมากตั้งเป้าไว้ 20% แต่ทำได้ถึง 60% หุ้นในพอร์ต 8-9 ตัว เป็น “พระเอก” ทุกตัว" ทิวา เปิดฉากเล่า

เขาบอกว่า ก่อนลงทุนหุ้นทุกตัวจะศึกษารายละเอียดจนแน่ใจแล้วว่าหุ้นตัวนั้นไม่มีความเสี่ยง และสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงตามเป้าหมาย โดยยึดเรื่อง "ความเสี่ยง" มาก่อนปัจจัยอื่น อย่างแย่ที่สุดลงทุน "ถูก 2 ต้องผิดแค่ 1" และถ้าเป็นไปได้ต้อง "ถูก 3 ครั้ง และพลาดให้น้อยที่สุด"

ทิวา เลือกวิเคราะห์หุ้นเด่นในพอร์ตให้ฟัง 3 ตัว โดย บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH) เป็นหุ้นดาวเด่นในพอร์ตมาตั้งแต่ปี 2554 เด่นทั้งผลประกอบการ เด่นทั้งการจ่ายเงินปันผล โดยเข้าเก็บหุ้นตัวนี้มาได้พักใหญ่แล้ว เจ้าตัวยืนยันจะถือต่อไปเรื่อยๆ ถ้ามีจังหวะช่วงที่หุ้นตกจะซื้อเพิ่ม ส่วนตัวเชื่อว่าในปี 2555 นี้ ชิน คอร์ปอเรชั่นอาจมีรายได้ขยายตัวประมาณ 10% แต่กำไรจะเติบโตโดดเด่นมาก นี่ยังไม่รวมกำไรจาก 3G ที่จะเปิดประมูลภายในปีนี้ มั่นใจว่าอนาคตต้องสดใสอย่างแน่นอน

"เอไอเอส (บริษัทลูก) มีฐานลูกค้าในมือ 34 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าระดับกลาง-บน และมีส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดในระบบ 55% จุดเด่นนี้ทำให้หุ้น (แม่) INTUCH ดีไปด้วย นอกจากนี้ผลประกอบการปี 2554 ยังได้กำไรจากการขายหุ้น ADVANC จำนวน 61 ล้านหุ้น ที่ราคา 130 บาทต่อหุ้น เอากำไรทั้งหมดมาจ่ายปันผลหุ้นละ 2.34 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 7,503 ล้านบาท"

หุ้นอีกตัวที่เก็บเข้าพอร์ตคือ บมจ.แสนสิริ (SIRI) หุ้นตัวนี้ก็สะสมมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งผู้บริหารของบริษัทออกมาประเมินว่าปี 2555 อาจมียอดขาย 26,000-27,000 ล้านบาท ถือว่าสูงเป็นอันดับหนึ่งแทนที่ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ที่ประกาศเปิดโครงการลดลงเพราะเจอพิษน้ำท่วม แต่แสนสิริได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมเพียง 4 โครงการ แต่น้ำเข้าไปถึงในตัวบ้านแค่ 2 โครงการ

"ผมมองว่าหุ้น SIRI ราคายังต่ำกว่าพื้นฐาน หุ้นตัวนี้ยังมีช่องว่างให้ขึ้นได้อีกมาก"


ตัวสุดท้าย บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ทิวา กล่าวว่า เก็บมาตั้งแต่ราคา 1.80 บาท มองว่าโอกาสไปต่อยังมี เพราะปี 2555 ผู้บริหารเขาคาดว่าจะมีรายได้เติบโต 15% จากปี 2554 ที่คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท

"ผมมองว่าอุตสาหกรรมสื่อสารมีโอกาสเติบโตเกิน 10% ต่อปี เชื่อว่าภายใน 3-5 ปีข้างหน้า คนไทยจะใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพิ่มขึ้นเป็น 36-37 ล้านราย จากปัจจุบันยังใช้กันไม่มาก ซึ่งดูตัวเลขเติบโตขึ้นทุกปีสถิติปี 2551 มีคนใช้ 11 ล้านราย ปี 2552 เพิ่มเป็น 18.3 ล้านราย และปี 2553 จำนวน 24 ล้านราย"

แม้ใครจะมองว่าตลาดหุ้นปี 2555 จะไม่สดใสอีกปี แต่สำหรับเซียนหุ้น ม.3 เจ้าของพอร์ตหลักร้อยล้านบาท กลับมองว่า ตลาดหุ้นปีนี้ "ยังน่าลงทุนมากกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ" เขามองเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา และยังได้แรงกระตุ้นจากเม็ดเงินฟื้นฟูของรัฐบาล บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ได้ประโยชน์จากภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23%

"วันนี้ยังไม่มีใครทำนายได้ว่าปัญหาหนี้ยุโรปจะจบลงช่วงไหน แต่ผมยังเชื่อว่าตลาดหุ้นยังน่าลงทุน แต่ให้เน้นหุ้นบริษัทที่มีกระแสเงินสดยั่งยืน หุ้นพวกดีแค่ปีเดียวอย่าไปซื้อ สำหรับกลยุทธ์ส่วนตัวของผม ปีนี้เล็งจะซื้อหุ้นกลุ่มสื่อสารเพิ่มคิดว่าน่าจะมาแรง คงจะซื้อทั้งตัวใหม่และตัวเก่า"

ทิวา ย้ำว่าก่อนจะลงทุนหุ้นตัวใด ขอให้นักลงทุนทำประมาณการงบการเงินของบริษัทนั้นล่วงหน้า 2 ปี (ข้างหน้า) เน้นเก็บข้อมูล "งบกำไรขาดทุน" และ "งบกระแสเงินสด" ย้อนหลัง 4-5 ปีเอามาวิเคราะห์ ซึ่งตัวเลข 2 ตัวนี้สำคัญมาก เพราะจะบ่งบอกได้ว่าบริษัทนี้มีกำไรจริงๆ หรือเป็นเพียงกำไรทางบัญชี รวมทั้งควรหาข้อมูลและศึกษาเพิ่มพูนความรู้ตลอดเวลา..ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น "ผมยังทำได้...คุณก็ต้องทำได้"
ภาพประจำตัวสมาชิก
Rocker
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4915
ผู้ติดตาม: 246

Re: เปิดหุ้นเต็ง 'ทิวา ชินธาดาพงศ์' ปีนี้..ลุ้น 'INTUCH-SIRI

โพสต์ที่ 2

โพสต์

สุดยอดเลยครับ พี่ มี่ :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3352
ผู้ติดตาม: 327

Re: เปิดหุ้นเต็ง 'ทิวา ชินธาดาพงศ์' ปีนี้..ลุ้น 'INTUCH-SIRI

โพสต์ที่ 3

โพสต์

รูปในหนังสือพิมพ์หล่อมากๆ... :B
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
Dekfaifah
Verified User
โพสต์: 1220
ผู้ติดตาม: 0

Re: เปิดหุ้นเต็ง 'ทิวา ชินธาดาพงศ์' ปีนี้..ลุ้น 'INTUCH-SIRI

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณสำหรับข่าวดีๆครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

Re: เปิดหุ้นเต็ง 'ทิวา ชินธาดาพงศ์' ปีนี้..ลุ้น 'INTUCH-SIRI

โพสต์ที่ 5

โพสต์

:Dเท่ห์อย่างแรงครับพี่มี่^^
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
sirimethagul
Verified User
โพสต์: 320
ผู้ติดตาม: 0

Re: เปิดหุ้นเต็ง 'ทิวา ชินธาดาพงศ์' ปีนี้..ลุ้น 'INTUCH-SIRI

โพสต์ที่ 6

โพสต์

:o พึ่งรู้จักคนชื่อ ทิวา ชินธาดาพงศ์ ก็วันนี้แหละ เคยอ่านประวัติ เคยเห็นตังจริงเคยคุย แต่ไม่รู้ว่าเป็นพี่มี่ เฮ้อ ๆ แย่จัง
ถ้าพี่มี่อ่านอยู่ สวัสดีนะครับ อิอิ :shock: :shock: :shock:
ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเข​า…
จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว
ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมื​อนใค­ร
แค่บินไปให้ถึงฝัน เท่านั้นพอ :)
patongpa
Verified User
โพสต์: 1904
ผู้ติดตาม: 1

Re: เปิดหุ้นเต็ง 'ทิวา ชินธาดาพงศ์' ปีนี้..ลุ้น 'INTUCH-SIRI

โพสต์ที่ 7

โพสต์

กระทู้นี้ตกไปแล้วครับ น่าเสียดายที่หลายคนยังไม่ได้อ่าน เพราะ intuch. Siri. มากันแล้วจะไปต่อแค่ไหนบอกไม่ได้. แต่ยังมีอีกตัวนึงที่ผมไม่กล้าเชียร์. ลุ้นกันเอาเองละกันครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3352
ผู้ติดตาม: 327

Re: เปิดหุ้นเต็ง 'ทิวา ชินธาดาพงศ์' ปีนี้..ลุ้น 'INTUCH-SIRI

โพสต์ที่ 8

โพสต์

Sai effect
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
AS965
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 331
ผู้ติดตาม: 5

Re: เปิดหุ้นเต็ง 'ทิวา ชินธาดาพงศ์' ปีนี้..ลุ้น 'INTUCH-SIRI

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ขาดแต่ jas ยังไม่วิ่ง
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 1

Re: เปิดหุ้นเต็ง 'ทิวา ชินธาดาพงศ์' ปีนี้..ลุ้น 'INTUCH-SIRI

โพสต์ที่ 10

โพสต์

โลกในมุมมองของ Value Investor 14 พฤษภาคม 54
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
เล่นหุ้นตามเซียน

ในช่วงเร็ว ๆ นี้ แนวทางการลงทุนหรือการเล่นหุ้นที่เป็นที่กล่าวขวัญถึงมากที่สุดน่าจะเป็นการลงทุนแบบ “Value Investment” เพราะหุ้น “Value” หรือหุ้นที่มี “พื้นฐาน” ที่ดี หลาย ๆ ตัวนั้น มีราคาปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น นอกจากนั้น ปริมาณการซื้อขายหุ้นก็เพิ่มสูงขึ้นมาก หลาย ๆ ตัวกลายเป็นหุ้นยอดนิยมที่มีปริมาณการซื้อขายติดอันดับสูงสุดหนึ่งในสิบของตลาดหุ้นทั้ง ๆ ที่เป็นหุ้นขนาดเล็ก ถ้ามองเฉพาะปริมาณการซื้อขายก็น่าจะพูดได้ว่าหุ้นเหล่านี้เป็นหุ้น “เก็งกำไรอย่างรุนแรง” ไปแล้ว หุ้นที่เรียกว่า “Value” ที่คนเล่นกันทั้งตลาดนั้นเอง ถ้ามองจากข้อมูลตัวเลขและการวิเคราะห์ตามมาตรฐานของ Value Investor “พันธุ์แท้” ก็ดูเหมือนว่าหุ้นเหล่านั้นที่อาจจะ “เคย” เป็นหุ้น Value หมดความเป็น Value ไปแล้วด้วยเหตุผลที่ว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปเกิน “พื้นฐาน” มาก
อะไรทำให้หุ้นคุณค่ากลายเป็นหุ้นยอดนิยม ? คำตอบผมคิดว่าเกิดจากจำนวนของนักลงทุนที่เป็น Value Investor หรือ VI มีจำนวนมากขึ้นและที่สำคัญกว่าก็คือ มีเม็ดเงินที่ใช้ในการลงทุนมากขึ้นมาก นักลงทุนหน้าใหม่ที่เข้าตลาดในช่วงหลัง ๆ นี้ เริ่มเห็นคุณค่าของการลงทุนในกิจการที่ดีและมีราคาถูกให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับการฝากเงินซึ่งให้ดอกเบี้ยน้อยมาก แต่ปัญหาของนักลงทุนก็คือจะหาหุ้นตัวไหนที่จะเป็นหุ้น “Value” ไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่จะวิเคราะห์หุ้นได้อย่างลึกซึ้ง ดังนั้น ทางออกก็คือ คอยดูว่าคนที่วิเคราะห์หุ้นเก่ง ๆ ระดับ “เซียน” ว่าเขาซื้อหุ้นตัวไหน เสร็จแล้วก็ซื้อตาม นี่เป็นวิธีการ “ลอกการบ้าน” ที่ไม่มีครูจับได้ ในอีกด้านหนึ่ง เซียนเอง บ่อยครั้งก็อยากให้ลอกการบ้าน หลาย ๆ คนพยายามกระจายคำตอบให้คนอื่นลอกด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้ามีคนซื้อหุ้นตามมาก ๆ หุ้นที่ตนเองซื้อไว้ก็จะมีราคาปรับตัวขึ้น ดังนั้น ทั้งคนลอกการบ้านและคนให้ลอกต่างก็ได้ประโยชน์ โดยเฉพาะในช่วงสั้น ๆ ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไป และนี่คือสิ่งที่ผมจะพูดถึงการลงทุน “กระแสใหม่” ที่ผมอยากจะเรียกว่าการ “เล่นหุ้นตามเซียน” หรือถ้าจะเรียกให้เท่ขึ้นไปหน่อยก็คือ Celebrity Investment หรือเรียกย่อ ๆ ว่า CI ซึ่งเป็นการเล่นหุ้นตามคนดังหรือ “เซียน VI”
เรื่องการเล่นหุ้นตามเซียนนี้ ปีเตอร์ ลินช์ เขียนไว้ในหนังสือ One Up on Wall Street ว่า เขาไม่แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นตามเซียนหรือตัวเขาเอง เหตุผลมี 3 ข้อ คือ 1) เซียนหรือ ปีเตอร์ ลินช์อาจจะผิด (เขาบอกว่าเขาผิดประมาณ 40% ของการเลือกซื้อหุ้น) ข้อ 2) แม้ว่าเขาจะถูก คุณก็ไม่มีทางรู้ว่าเขาจะเปลี่ยนใจเกี่ยวกับหุ้นและขายไปเมื่อไร) และข้อ 3) คุณมีข้อมูลที่ดีกว่า และมันอยู่รอบ ๆ ตัวคุณ สิ่งที่ทำให้มันดีกว่าก็คือ คุณสามารถที่จะติดตามมันได้ เช่นเดียวกับที่ ปีเตอร์ ลินช์ ติดตามหุ้นของเขา อย่างไรก็ตาม คำแนะนำของลินช์เองนั้น ผมคิดว่าคนที่จะปฎิบัติตามน่าจะเป็นคนที่มีความรู้หรือมีความสามารถหรือมีความตั้งใจสูงที่จะศึกษาวิธีการลงทุนแบบ VI ส่วนคนที่ “เล่นหุ้น” นั่นก็คือ คนที่หวังทำกำไรอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้นคงจะไม่เห็นด้วยและคิดว่า CI น่าจะให้ผลได้ดีกว่า
การลงทุนแบบ CI นั้น ดูเหมือนว่าจะไม่ยากโดยเฉพาะในยุคที่ข่าวสารต่าง ๆ สามารถกระจายไปได้อย่างรวดเร็วผ่านสื่ออีเล็คโทรนิคส์สมัยใหม่ต่าง ๆ วิธีก็คือ ขั้นแรก ดูว่าใครคือ “เซียน” นี่ก็คือการเข้าไปตามเวบไซ้ต์หรือสื่อต่าง ๆ ที่มีการกล่าวขวัญถึงว่าใครสามารถซื้อขายหุ้นทำกำไรได้มากมายขนาดไหนในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนั้น การบอกต่อ ๆ กันในหมู่นักลงทุนก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ เมื่อกำหนดได้แล้วว่าใครคือเซียน สิ่งที่จะต้องทำต่อมาก็คือ คอยติดตามว่าเซียนกำลังจะเข้าซื้อหุ้นตัวไหน ซึ่งบางทีก็ไม่ยาก เพราะเซียนจำนวนไม่น้อยก็พยายามบอกต่ออยู่แล้ว ไม่โดยตรงก็โดยอ้อม ในบางครั้ง ถึงเซียนจะไม่ได้บอก แต่เนื่องจากเซียนได้เข้าซื้อหุ้นบางตัวจนมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ซึ่งจะถูกรายงานในเวบไซ้ต์ของตลาดเมื่อมีการปิดบุ๊คเพื่อการประชุมผู้ถือหุ้น แต่ข้อมูลนี้อาจจะไม่เป็นปัจจุบันมากนัก บางกรณีอาจจะเกิดขึ้นมาแล้วเป็นปีก็เป็นได้
เมื่อกำหนดได้แล้วว่าใครคือเซียน CI แต่ละคนดูเหมือนจะรู้ว่าเซียนแต่ละคนนั้น มี “กระบวนท่า” หรือใช้หลักการลงทุนแนวไหน เช่น ชำนาญทางด้านหุ้นโตเร็ว หุ้นวัฏจักร หุ้นฟื้นตัว หุ้นมีสตอรี่ หรืออื่น ๆ รวมถึงระดับของพอร์ตหรือเม็ดเงินที่มักจะเข้าซื้อหุ้นด้วย ประเด็นก็คือ CI นั้น มักจะซื้อตามเซียนที่มีแนวคิดหรือ “จริต” ที่สอดคล้องกับตัวเองและไม่ตามเซียนที่มีแนวทางอีกแบบหนึ่ง ตัวอย่างเช่น ถ้าตนเองนั้นชอบเล่นหุ้นแบบสั้น ๆ ไม่เกินปีหรือไม่เกินหนึ่งเดือน โอกาสก็คือ เขาจะไม่สนใจเซียนที่ชอบลงทุนระยะยาว แต่จะชอบเซียนที่เน้นลงทุนในหุ้นที่จะมีผลการดำเนินงานในระยะสั้นที่ดีมากกว่า
เมื่อพบว่าเซียนได้เข้าซื้ออย่างมีนัยสำคัญแล้ว CI “วงใน” นั่นคือ CI ที่อาจจะคุ้นเคยกับเซียนก็จะซื้อตามก่อน ต่อมาข้อมูลที่ว่าเซียนได้เข้าซื้อแล้วก็จะถูก “ถ่ายทอด” ต่อมายัง CI “วงนอก” ที่อาจจะห่างออกมาหน่อยแต่ก็ยังจำกัดอยู่ในกลุ่มคนบางกลุ่มเช่นที่ติดตามเวบไซ้ต์การลงทุนอย่างใกล้ชิดซึ่งจะเริ่มมาซื้อตามหลังจากราคาหุ้นเริ่มเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเนื่องมาจากการที่มีแรงซื้อเพิ่มขึ้นมามาก กระบวนการนี้จะคล้าย ๆ กับสิ่งที่ จอร์จ โซรอส พูดถึง นั่นคือ กระบวนการ Reflexivity หรือกระบวนการที่คนในตลาดซื้อหุ้นทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้พื้นฐานหรือมุมมองต่อหุ้นเปลี่ยนไป ทำให้คนมาซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งก็จะกลับมาเสริมพื้นฐานหรือมุมมองของหุ้นต่อไปอีกต่อเนื่องกันไปเป็นลูกโซ่ ในบางครั้งกระบวนการนี้ก็อาจจะรุนแรงมากขึ้นจนราคาหุ้นกลายเป็นฟองสบู่เนื่องจาก CI ชุดสุดท้ายที่เข้ามาเล่น
CI ชุดท้าย ๆ ก็คือนักเล่นหุ้นทั่ว ๆ ไป ที่ได้ข่าวว่าเซียนได้เข้ามาซื้อหุ้นจากสื่อกระแสหลักเช่นหนังสือพิมพ์และอาจจะบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ พวกเขาจะเข้ามาเก็งกำไรจากความผันผวนของราคาหุ้นเป็นหลัก ด้วยปริมาณการซื้อขายมโหฬารเนื่องจากเป็นการซื้อขายเป็นรายวันหรืออาจจะเป็นรายนาทีCI กลุ่มนี้จะไม่สนใจเลยว่าหุ้นนั้นยังมี Value หรือไม่ สิ่งที่พวกเขาคาดหรือจับตานั้นมีเพียงเรื่องเดียว นั่นก็คือ หุ้นตัวนี้ รายใหญ่หรือจ้าวหรือสปอนเซอร์ ยังเล่นหรือไม่ ถ้ายังเล่น พวกเขาก็พร้อมเข้ามาเสี่ยง ถ้าเลิกก็ “ตัวใครตัวมัน” เหนือสิ่งอื่นใด เขาคิดว่าเขาจะ “ออก” ทันเสมอเนื่องจากปริมาณการซื้อขายหุ้นเมื่อถึงจุดนี้มีสูงมาก อย่างไรก็ตาม หลาย ๆ ครั้ง การตกของหุ้นในจุดนี้จะแรงมากจนหนีไม่ทันก็มี
การเป็น CI นั้น ในช่วง 2- 3 ปี มานี้ ซึ่งเป็นช่วงที่หุ้นบูมเป็นกระทิง ดูเหมือนว่าจะเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ทำเงินได้ไม่น้อยสำหรับบางคนโดยเฉพาะที่เป็น CI วงต้น ๆ เหนือสิ่งอื่นใด อาจจะเป็นช่วงที่ยังมีหุ้น Value ที่ยังถูกมากเหลืออยู่ให้เซียนเข้าไปเก็บและเผื่อไปถึง CI ได้ไม่น้อย อย่างไรก็ตาม อนาคตหลังจากนี้ หุ้นที่เป็น Value อาจจะเหลือน้อยหรือแทบหมดแล้ว และเซียนก็อาจจะผิดพลาดได้ ดังนั้น CI ที่เข้าไปซื้อตามอาจจะพบว่าการทำเงินนั้นยากลำบากมากขึ้นจนถึงกับขาดทุนก็เป็นไปได้โดยเฉพาะ CI วงหลัง ๆ สำหรับผมแล้ว การเป็น CI นั้น ยากที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว ดังนั้น สำหรับ VI ที่มุ่งมั่นแล้ว การวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตนเองจะดีกว่าการ “ลอกการบ้าน” แน่นอน แม้ว่าเราจะไม่เก่งเท่าเซียน
:D :D :D
"Become a risk taker, not a risk maker"
โพสต์โพสต์