Recession บ้าอะไร? Dow, S&P, Nasdaq break-out ไปแล้ว!

[วรันศ์ บัฟเฟต]

ไม่ได้มีเจตนาพูดเรื่องสัญญาณเทคนิคในเชิงชี้นำ แต่จะผูกเข้ากับเรื่องความกังวลทุกอย่างที่สร้างให้เกิด new-low ไปไม่นานมานี้ ฉุดหุ้นไทยร่วงเละไปด้วย หลักจากทำ new low ... ตอนนี้ตลาด USA ทำ new period high - BREAK OUT...........

ความกังวลหายไป..... (เดี๋ยวไม่ใช่วันเสาร์-อาทิตย์ข่าวร้ายมาอีก -_-') .... ต้องรอติดตามต่อไปครับ.... ว่าต้มกบใคร...ขา bull หรือขา bear

อิงราคาปิดทั้ง 3 ดัชนีทำการ breakout เรียบร้อยจากที่ร่วงลงมา......... ถึงจะไม่ได้ทะลุทะลวงอะไรมากแต่ก็ยืนเหนือได้ หากพูดทั้งเชิง technical ที่สะท้อนถึง sentiment นลท. แปลว่าดีมาก

Dow จากที่ร่วงมา 12724 และ sideway อยู่ชาตินึง ทำจุดปิดสูงสุดก่อนวันนี้หรือจุดตัดการ break-out ที่ 11613.. วันนี้ปิดไป 11644!!

S&P จากประมาณ 1345 ร่วงมา ........sideway break-out ต้องผ่าน 1218 วันนี้ปิดไป 1225

Nasdaq จาก 2858 ร่วงมา ......... sideway breakout ต้องผ่าน 2622 ... ปิดไป 2668

ขอบอกว่า tech ตอนนี้แรงมากกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

google , apple, ibm.. top estimates หมด แม้แต่พวก STX, WDC โอ๊ย......... bullish สุดๆ


ผมเคยพูดเรื่อง VIX ไว้ ตอนนี้พาดหัวข่าว "VIX Tumbles the Most in 19 Years"............

ตอนนี้กำลังจะทำ low break down หลุด 30, หากหลุดจริงก็กลับไประดับปกติแถว 15-20

คนเล่น option เปิด call ไปรอบ ตอนตลาด sideway swing สูงๆ ตอนนี้ทางเดียว เปิด put โคตรรวยเลย

จัดไป VIX http://www.bloomberg.com/apps/quote?ticker=VIX:IND

เครื่องมือมากมาย................. ผมอาจจะ post ออกไปทางเรื่อง market manipulation มากหน่อยยังไงขออภัยด้วย

natural votility ผมไม่เคยกลัว กลัวนี่แหละอย่างเดียว .... engineered votility... ผมรออย่างเดียวให้ natural deviation มันกลับมาซะทีสำหรับ micro-small cap...... ติดอยู่ใน systematic mechanism น่าเบื่อ

น้ำท่วมดูแลตัวเองและคนรักกันให้ดีนะครับ ขอให้ทุกคนปลอดภัย

[Green]

ตามพวกนี้มากๆ ระวังเครียดนะครับ

[chiraponge]

เปนมุมมองแบบ เม่าๆ ที่เราคิดรึเปล่าครับ
ของพวกนี้สร้างได ถ้ามีเงินพอ

[CheNz]

สงสัยอ่าน 56-1 งบการเงิน ตามข่าวน้ำท่วม พื้นฐานบริษัทมากเกินไป
เข้ามาอ่านกระทู้นี้แล้ว มึนครับ

[sylph]

แล้ววอลุ่ม เป็นไงมั่งครับ พี่วรันต์

[sai]

ตลาดก็แบบนี้ล่ะครับ มันมีปัจจัยต่างต่างมากมาย ทั้งปริมาณเงินในระบบ ทั้งอัตราดอกเบี้ย และ ที่สำคัญที่สุดคือการเตรียมพร้อมของนักลงทุน ( ความเชื่อส่วนตัวผมคือ หากนักลงทุนส่วนมากระมัดระวังในเรื่องใดเรื่องหนึ่งพร้อมกันแล้ว มีการเตรียมตัวอย่างดี เช่น ขายหุ้นถือเงินสดมากมาก แบบ ช่วงที่ผ่านมา จะทำให้แม้หากเกิดวิกฤติจริงจริง ก็จะทำให้มีแรงขายไม่มากนัก และหากดัชนีตกต่ำถึงระดับหนึ่งก็จะเหลือแต่แรงรอช้อนเป็นต้นครับ ทำให้ดัชนีลงได้จำกัดครับ ) ซึ่งผมเชื่อว่า ในท้ายที่สุดแล้วมีโอกาสที่ปัญหาเหล่านี้จะปะทุ แล้ว เกิดเป็นวิกฤติจริงมีอยู่พอควรครับ แต่บ่อยครั้งก็มักจะเกิดขึ้นตอนนักลงทุนส่วนมากผ่านภาวะที่ตลาดหุ้นมีการปรับตัวลงแล้วขึ้นสลับกันไปหลายหลายรอบ พร้อมทั้งมีข่าวการแก้ปัญหาต่างต่างจากต่างประเทศ สิ่งนี้จะทำให้นักลงทุนส่วนมากเกิดภาวะ moral hazard (ประมาณว่าเกิดภาวะย่ามใจ ประมาณว่า ไม่เห็นน่ากลัวเลยไม่เป็นไรหรอก ทำให้กล้าลงทุนด้วยความเสี่ยงสูงขึ้น เช่น ถือหุ้นที่มีความเสี่ยงในการคาดเดารายได้ได้ยาก หรือ ใช้มาร์จิ้นช่วยเร่งในการลงทุนครับ ) หากเปรียบเทียบไปก็จะคล้ายกับสถาณการณ์ช่วง วิกฤต แฮมเบอร์เกอร์ มีผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนมากมาย ทั้ง ดร. ศุภวุฒิ สายเชื้อ ดร. ปิยศักดิ์ มานะสันต์ แต่ กว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริงแบบ หลายหลายท่านได้คาดการณ์นั้น ก็ผ่านไปสองสามปีเลยทีเดียว แต่ในรอบสองสามปีนั้นก็เกิดภาวะ รถไฟเหาะตีลังกาอยู่หลายรอบ ทำให้นักลงทุนช่วงนั้นเกิดภาวะย่ามใจ ลงทุนด้วยความเสี่ยงที่สูงขึ้น ประกอบกับฟางเส้นสุดท้ายอย่างวาณิชธนกิจเกิดขาดทุนจากสิ้นเชื่อซีดีโอต่างต่างอย่างมหาศาล (แถมบริษัทเหล่านี้ยังไปซื้อประกันความเสี่ยงกับ เอไอจี ไว้อีกด้วยเป็นต้นเหตุที่ เอไอจีก็เกือบจะล้มกับเค้าด้วย ) เป็นต้นเหตุของการตกต่ำของตลาดหุ้นรอบปี 2008 ครับ ดังนั้นถึงแม้ดัชนีรอบนี้จะไม่ได้ลงรุนแรง ก็ไม่ควรประมาทนะครับ ยังควรยึดหลักการลงทุนในการลงทุนแบบเน้นคุณค่าอย่างเคร่งครัด และ รู้จริงในสิ่งที่เราลงทุนอยู่เสมอครับ ดังที่ อ. ด้านการลงทุนท่านหนึ่งที่ผมนับถือ (แม้แกจะอายุน้อยกว่าผมนะ แต่เก่งจริงจริงครับ ) บอกผมเสมอว่า จงโลภอย่างมีสติ ครับผม

[บูรพาไม่แพ้]

เหมือนกับว่า ..เราควรลงทุนในแนวที่เราถนัดมากกว่าที่จะไปตามเขาเพราะอย่างไรเราก็สู้เขาไม่ได้ ผมคิดว่าแนววีไอน่าจะดีที่สุดสำหรับผม ปู่วอร์เรนก็เคยออกมาบอกก่อนหน้านี้แล้วว่า มันไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่ จอร์จ โซรอส พูด หากเราติดตามตลาดอยู่ตลอดเวลาเราก็จะพบว่าตลาดเอาแน่เอานอนไมได้เลย วันนี้วิตกหรุ่งนี้คลายวิตกมะรืนนี้กลับมาวิตกอีกหล่ะ ทั้งๆที่ปัญหากรีซนั้นยังไม่ได้รับการแก้ไขเลย เรื่องเดิมๆแต่สามารถเปลี่ยนอารมณ์กลับไปกลับมาได้ทุกวัน น่าแปลกใจนะครับ