ชะตากรรมของคนกลุ่ม Occupy Wall Street

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 9

ชะตากรรมของคนกลุ่ม Occupy Wall Street

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เช้านี้ผมได้ยินข่าวเรื่องหนึ่งครับ
ผู้ประท้วงวอลล์สตรีทที่ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวอเมริกัน กำลังเดินขบวนมายังสะพานบรูกลิน นครนิวยอร์ก เมื่อวันเสาร์(1) ก่อนจะถูกตำรวจจับกุมตัวไปกว่า 700 คน ผู้ประท้วงเหล่านี้คัดค้านการที่รัฐบาลสหรัฐฯอุ้มชูแต่ธุรกิจยักษ์ใหญ่ในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 แต่ล้มเหลวอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาคนว่างงานในปัจจุบัน

เอเอฟพี - จอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินเมื่อวันจันทร์(3) ออกโรงสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านวอลล์สตรีท ชี้ความโกรธกริ้วของประชาชนมีต้นตอมาจากการจ่ายโบนัสที่เลยเถิดของธนาคารต่างๆท่ามกลางปัญหาทางเศรษฐกิจ

"ผมคิดว่าผมเข้าใจมุมมองของพวกเขานะ" โซรอสแถลงต่อผู้สื่อข่าว ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ เมื่อถูกถามถึงกรณีผู้ประท้วงพยายามบุกยึดสะพานบรูกลินในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และเรียกร้องให้มีการชุมนุมรอบใหม่ในย่านการเงินของนิวยอร์กวันพุธนี้

โซรอส หนึ่งในบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลกบอกต่อว่าอารมณ์โกรธกริ้วอย่างมากของกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านทุนนิยมและกลุ่ม Tea Party ในรีพับลิกัน เป็นผลสืบเนื่องจากพฤติกรรมของเหล่าธนาคารต่างๆ

"แน่นอนว่า ผมเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา" โซรอสกล่าว พร้อมยกตัวอย่างประกอบถ้อยแถลงที่ชี้ถึงความเจ็บปวดของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่เจอค่าบริการบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8.0 เป็นร้อยละ 28 หลังเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจในปี 2008

"คนที่อาศัยเครดิตนั้นดำเนินธุรกิจ จำนวนมากที่ต้องปิดกิจการไป ขณะอีกด้านหนึ่งพวกธนาคารต่างๆกลับได้รับการปลดเปลื้องหนี้เสียแถมยังยอมให้พวกเขาจ่ายเงินโบนัสก้อนโตกันอีก" เขากล่าว

กลุ่มผู้ประท้วงนำโดย “ขบวนการยึดวอลล์สตรีท” (Occupy Wall Street) จัดชุมนุมบริเวณด้านหน้าตึกสำนักงานใหญ่ของตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ก่อนเดินขบวนมาปิดกั้นการจราจรบนสะพานบรูกลินเมื่อวันเสาร์ (1) เพื่อประท้วงรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง จากกรณีที่โอบอุ้มธุรกิจล้มละลายเมื่อปี 2008 ตลอดจนแสดงความไม่พอใจต่อความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาการว่างงาน

"ผมคิดว่าผมเข้าใจมุมมองของพวกเขานะ"
GEORGE SOROS

ผมคิดว่า "ผมเข้าใจมุมมองของโซรอสบ้างเล็กน้อย" ผมมีคำอธิบายการเคลื่อนไหว Occupy Wall Street ด้วยนิ้วชี้เดียว แต่ไม่ใช่นิ้วกลางแน่นอนครับ

ในลักษณะของปฏิกริยาที่มีต่อสถานการณ์แปลกๆ อย่างนี้ ชีวิตนักลงทุนอาชีพก็สอนให้เข้าใจเรื่องจิตวิทยาฝูงชนไปในตัวอยู่แล้ว แต่ที่สำคัญกว่าคือจิตวิเคราะห์ตนเอง เปรียบเหมือนว่านักลงทุนคนใดคนหนึ่งเป็นเชลยที่ถูกกักขังในค่ายกักกันภายในจิตใจตนเอง


ในเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นนั้น ผมกระหายใคร่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป และอะไรจะเป็นผลติดตามมา ความอยากรู้อยากเห็นอันเยือกเย็นครอบคลุมจิตใจของผมแบบนี้ ตลาดหุ้นเป็นครูสอนมาทั้งนั้นและยังสอนบทเรียนสำคัญให้ผมแยกความรู้สึกนึกคิดจากสภาพแวดล้อมต่างๆ คล้ายๆ กับมองสภาพความจริงตามภาวะวิสัยเหล่านั้น ปลอดความรู้สึกนึกคิดส่วนตัว ซึ่งในเวลาอย่างนั้น ผมจะสร้างภาวะความคิดนี้ขึ้นมาในลักษณะของการปกป้องตนเอง

ผมคิดถึงสิ่งที่พ่อของโซรอสเคยสอนเขา และโซรอสบอกว่านั่นเป้นรากฐานทางความคิดที่มีอิทธิพลต่อปรัชญาการลงทุนของเขามาก

"ปฎิกริยาไม่ปกติที่มีต่อสภาวการณ์ไม่ปกติถือเป็นพฤติกรรมปกติ"
Tivadar Soros

มาแบบนี้ผมหนักไปทางสนใจเรื่องจิตวิทยาฝูงชนเป็นหลักด้วยก็คาดหวังกับปฏิกริยาดังกล่าวอยู่แล้ว มันเอาไปใช้ในการเข้าใจคนกลุ่มใหญ่ได้ดีครับ เมื่อพบกับสถานการร์ที่ผิดปกติของมนุษย์อย่างนี้แล้ว สื่งที่สนใจเป็นพิเศษคือ สถานการณ์มันพัฒนาไปจนถึงระดับขั้นที่ปฎิกริยาไม่ปกติของกลุ่มคนที่กำลังประท้วงอยู่นั้น มันอยู๋ในระดับพอๆ กับความปกติที่มีอยู่ของกลุ่มคนที่ไม่ประท้วง

ผมอธิบายเหตุการณ์ Occupy Wall Street ด้วยยึกหลักเรื่อง CRITICAL MASS ที่เกี่ยวกับเรื่องธรรมชาติที่แท้จริงของมนุษย์ เรื่องนี้เกี่ยวกับความกลัวล้วนๆ ซึ่งโซรอสอธิบายไว้ในเรื่องของ REFLEXIVITY ผมขอเขียนแบบนี้ง่ายๆ เข้าใจก็แล้วกันครับ

เมื่อใดก็ตามที่คนส่วนใหญ่ซึ่งค่าความเป็นคนของเขาถูกลดค่าลงไป เปรียบเทียบกับคนส่วนน้อยที่ได้รับการส่งเสริมความเป็นคนให้มากยิ่งขึ้น จนเกิดปัญหาขัดแย้ง ในกรณีของ Wall Street โอกาสมีมากซะด้วย ผลที่เกิดตามมาจึงจบด้วยความรุนแรง

ความไม่พอใจขุ่นเขืองลักษณะนี้ มักจะเริ่มต้นมีสาเหตุมาจากปัจจัยทางกายภาพภายนอกก่อน อย่างเช่นปัญหาเรื่องเศรษฐกิจความเป็นอยู๋ที่ลดลงที่เกิดขึ้นกับคนอเมริกันในตอนนี้ แต่พวกเขากลับไม่สามารถลดความต้องการของตนเองลงได้ทัน มันไม่สมดุลกันครับ สถานการณ์มันจะเพี่ยนไปมากขึ้นและเพิ่มความตรึงเครียดไปยิ่งขึ้นเมื่อมีความกดดันทางใจเข้าไปผสมด้วย ความกดดันลักษณะนี้มักจบลงด้วยการใช้กำลังซึ่งไม่ได้เห็นบ่อยหนักในอเมริกา

" ความเชื่อกับความจริงไมได้แยกกันอย่างอิสระ สิ่งที่ความเชื่อทำคือเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง" GEORGE SOROS

แนวโน้มมันอาจไปทาง CRITICAL MASS อยู่แล้ว แต่โซรอสเข้าไปเติม "เชื้อไฟ" ให้มากขึ้น เขาก็ดูดีนะครับ ที่เข้าไปปกป้องกลุ่มคนเหล่านั้น ภาพกว้างๆ มันมีเหตุผลครับ มันไม่ยุติธรรมที่คนใน Wall Strret จะมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าคนอื่น เคสนี้คล้ายๆ ในกรณีเดียวกับการลดค่าเงินบาทและการลดค่าเงินปอนด์ครับ

ผมชอบเพลงหนึ่ง มันร้องทำนองว่า I've never been to me ไม่แน่ใจว่าของ Charlene หรือปล่าว จำได้แม่นว่า “ I have been to paradise but I never been to me ไปมาทุกที่ แต่ไปเคยไปในจิตใจตัวเอง ไม่ทราบว่าแปลตรงตามคนร้องอยากจะสื่อหรือไม่ แต่ได้ยินครั้งแรกผมคิดอย่างนั้น เพลงนี้ทำให้ผมนึกถึงคำว่า เชลย แต่เป็น “เชลยที่ถูกกักขังภายในจิตใจตัวเอง”

ในฐานะนักลงทุน บ่อยครั้งผมรู้สึกว่าตัวเองนั้นอยู่ในค่ายกักกันภายในตัวเอง สำหรับบุคลที่ไม่เคยสัมผัสการเข้าไปในจิตใจตนเองเป็นอาชีพ ยากที่จะเข้าใจ อันที่จริงนักลงทุนทุกท่านต้องเก่งเรื่องนี้มากกว่าใคร ระดับโลกเขาให้ความสำคัญอย่างมาก STEVEN COHENS , PAUL TUDOR JONES, RAY DAILY, ED SEYKOTA

ความกลัวตายนั้นมีเหตุผลที่ทุกคนควรจะกลัว ผมก็กลัวครับ นักลงทุนก็มีความกลัวมากกว่าคนอื่น เป็นความกลัวที่จะผิดพลาดจนเกิดผลขาดทุน และความกลัวอย่างนั้นเป็นความกลัวที่มีเหตุและผลเช่นเดียวกับความกลัวตาย แต่ความกลัวที่จะขาดทุนซึ่งมีเหตุผลอย่างนี้อาจเป็นต้นตอของความกลัวที่ไม่มีเหตุผล และเป็นต้นตอของอาการโรคประสาทของคน ซึ่งมันคือต้นตอของ CRITICAL MASS

ความกลัวคือต้นตอที่มาของเหตุการณ์ที่คนคนนั้นกลัว ในตลาดหุ้นเห็นบ่อยครับ มักเริ่มต้นด้วยอาการโรคประสาทของนักลงทุนที่มีอยู่แล้วในตัว แต่พวกเขาไม่ยอมรับว่าตัวเองมี แล้วมีมากกว่าคนอาชีพอื่นด้วย สิ่งนั้นคือ ความกังวลกับสิ่งที่จะเกิดในอนาคต ลักษณะความกลัวแบบนี้จะทำให้สิ่งที่นักลงทุนกลัวกลายเป็นความจริงขึ้นมา กลไกลการสะท้อนกลับอย่างความวิตกกังวลแบบคาดการณ์ไปล่วงหน้าเป็นต้นเหตุของ CRITICAL MASS โดยปราศจากเหตุและผล ซึ่งผลสะท้อนกลับคือ อาการกลัวของนักลงทุนจะยิ่งตอกย้ำให้มีความกลัวมากขึ้น มันเป้นงูกินหางแล้วครับ

ส่วนชะตากรรมของคนกลุ่ม Occupy Wall Street นั้นจะเป็นอย่างไร ผมไม่ทราบว่าโซรอสได้ใส่หรือไม่ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 4

Re: ชะตากรรมของคนกลุ่ม Occupy Wall Street

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เป็นเกมกดดัน กลุ่ม Tea party เพื่อ เร่ง อะไรหรือเปล่าครับ

เนื่องจากกลุ่มนี้ มันขัดแข้งขาโอบาม่าอยู่

เกมนี้เหมือนสมคบคิด กันแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยนะครับ ทั้ง โอบาม่า เบอนันเก้ โซรอส

เข้าทำนองว่า แยกกันเดิน ร่วมกันตี

พ่อมดที่ช๊อตรอไว้ ก้ต้องอาศัยเชื้อไฟของคน ทำให้ราคาหุ้น โภคภัณ และ ความกลัว

บังเกิดครับ


เกมนี้ ยิว กับ ยิว รู้กัน


ซรอสเกิดที่เมืองบูดาเปสต์ เมืองหลวงของประเทศฮังการี จอร์จ โซรอส เป็นลูกชายของ Tivarda Soros (หรือ Teodoro) ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง Esperantist Tivarda Soros เป็นชาวฮังการเชื้อสายยิว เคยตกเป็นเฉลยศึกเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และได้หนีจากประเทศรัซเซียกลับมาอยู่กับครอบครัวที่บูดาเปสต์
หลังจากนั้นไม่นาน ทางครอบครัวได้เปลี่ยนชื่อจาก Schwartz เป็น Soros เพื่อปรับตัวกับการเติบโตของการต่อต้านชาวยิวและความนิยมของระบบฟาสซิสต์ Tivarda ชอบชื่อนี้ เพราะว่าเมื่อสะกดกลับหลัง แล้ว ก็ยังเหมือนเดิม (S-O-R-O-S ) และเพราะมันมีความหมายในภาษาฮังการีว่า “คนต่อไป” และในภาษา Esperanto โซรอสมีความหมายที่แปลได้ว่า “จะทะยานขึ้นไปยังในอากาศ” ตั้งแต่เด็กจอร์จ โซรอส ถูกอบรมสั่งสอนเป็นอย่างดีให้พูดภาษา Esperanto ตั้งแต่เกิด จึงทำให้เขาเป็นหนึ่งในจำนวนคนที่หายากที่จะมีภาษา Esperanto เป็นภาษาแม่ จอร์จเคยกล่าวไว้ว่า เขาเติบในครอบครัวยิวพ่อแม่ของเขามักระมัดระวังเกี่ยวกับรากศาสนาของเขา

มันน่าแปลกตรง ตอนขายทองออกมาเยอะ แต่ซื้อเหมืองทองไว้ สุดท้ายทองก้พุ่ง

รอบนี้บอก คอมโมจะแย่ ให้ขาย แต่ก้ซื้อคอมโมไว้ สุดท้าย.......................ก้จะพุ่ง

น่ากลัวว่า เค๊าจะเตี๊ยมกัน กับยิวเบอนันเก้
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ

หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
gorillaz
Verified User
โพสต์: 78
ผู้ติดตาม: 0

Re: ชะตากรรมของคนกลุ่ม Occupy Wall Street

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ใครได้ดูหนังเรื่อง Capitalism: A Love Story ปี 2009 ของ michael moore

เห็นข่าวนี้แล้วนึกถึงหนังเรื่องนี้ :D
ฟังให้มากกว่าพูด
โพสต์โพสต์