หลักการและเหตุผลของแนวโมเมนตัม โดยพี่โจ๊ก (สุมาอี้) ครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
noooon010
Verified User
โพสต์: 2712
ผู้ติดตาม: 2

หลักการและเหตุผลของแนวโมเมนตัม โดยพี่โจ๊ก (สุมาอี้) ครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

อ้างอิงจาก blog ของพี่โจ๊ก ใน settrade
คิดว่าา น่าจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆนักลงทุนบ้าง ไม่มากก็น้่อยนะครับผม
(ขออนุญาติพี่โจ๊กเรียบร้อยแล้วนะครับ ^^)

http://www.settrade.com/blog/1001ii/2011/01/14/973

ในตลาดหุ้นมีวลีหนึ่งที่บอกว่า ถ้าอยากได้เงิน จง buy low and sell high



แต่ พวกโมเมนตัมเชื่อว่า การซื้อหุ้นที่ "ขึ้น" ในช่วงที่ผ่านมาจะมีโอกาสทำเงินมากกว่า พูดอีกน้ยหนึ่งก็คือ หุ้นยิ่งขึ้นยิ่งน่าซื้อ ยิ่งลงยิ่งน่าขาย



การวิจัยจำนวนมากพบว่า การเลือกซื้อหุ้นที่เพิ่งจะให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงที่ผ่านมาเป็นวิธีที่ทำ ให้ได้ผลตอบแทนที่ดี ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ตลาดคอมโม หรือตลาดอัตราแลกเปลี่ยน และเป็นเช่นนั้นอย่างคงเส้นคงวามานานมากแล้วด้วย นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ขัดกับความเชื่อเรื่องตลาดมีประสิทธิภาพ ซึ่งเชื่อว่าการอาศัยข้อมูลราคาในอดีตใดๆ ย่อมไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่เหนือตลาดอย่างต่อเนื่องได้



ที่ สำคัญ การเลือกหุ้นตามแนวโมเมนตัมสามารถให้ผลตอบแทนที่เหนือตลาดได้อย่างมีนัย สำคัญ มากกว่าพวก market abnomaly ที่เป็นที่รู้จักทั้งหลาย อย่างเช่น January Effect ซึ่งเอาชนะตลาดได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตัวอย่างเช่น การทดลองโดย London School of Economics ซึ่ง ซื้อหุ้นที่เป็น top 20 performer ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา แล้วปรับพอร์ตใหม่ทุกหนึ่งเดือน จะให้ผลตอบแทนสูงกว่า การใช้วิธีเดียวกันแต่เลือก worst 20 performer ถึง 10.3% ต่อปีเมื่อ back test กับข้อมูลตลาดหุ้นลอนดอนในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับความแตกต่างที่ไม่น่าจะเป็นแค่ noise อย่างแน่นอน กองทุน AQR ได้ทำการขยายผลการทดลองนี้ โดยทดลองกับข้อมูลตลาดหุ้นอีก 19 ประเทศพบว่า 18 ประเทศให้ผลลัพธ์แบบเดียวกันด้วย



ปรากฏการณ์ โมเมนตัม เป็นปรากฏการณ์ที่แปลก เพราะแม้ว่าปัจจุบันจะมีกองทุนขนาดใหญ่มากมาย ที่พยายาม exploit ตลาดด้วยวิธีการนี้อยู่ แต่ผลกำไรจากวิธีการนี้ก็ยังไม่หายไป ราวกับว่ากลไกตลาดไม่สามารถกำจัด bias อันนี้ออกไปได้เลย



มีหลายทฤษฏีที่พยายามอธิบายว่า abnormal return ของแนวโมเมนตัมเกิดขึ้นจากอะไร แนวคิดหนึ่งเชื่อว่าอาจมาจาก lag time ในการปรับ "ความเห็น" ของนักลงทุนเกี่ยวกับหุ้น เช่นเวลาที่ตลาดมองหุ้นตัวหนึ่งว่าไม่ดีมาตลอด เมื่อบริษัทดีขึ้นแล้ว พอมีข่าวดีเกิดขึ้น นักลงทุนจะยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อหุ้นตัวนั้นได้ทันที เพราะยังยึดติดกับสิ่งที่เคยเชื่ออยู่ จึงมีแนวโน้มที่จะมองว่า ข่าวดีนั้นเป็นแค่เรื่องชั่วคราว ความช้าอันนี้ก่อให้เกิด trend ในราคาหุ้นขึ้น



เมื่อราคาหุ้นมีลักษณะเป็น trend ก็จะเกิด bandwagon effect ตามมาอีก เช่น เมื่อหุ้นตัวไหนขึ้นมาตลอด fund managers ที่อยากแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าตัวเองก็มีหุ้นเหล่านั้นอยู่ในพอร์ตก็จะซื้อ gainers และขาย losers ทำให้ trend ยิ่งไปต่อ หรือ fund manager คนไหนที่เพิ่งทำผลงานได้ดีในช่วงที่ผ่านมา ก็มักดูดเงินจากลูกค้าได้มากกว่าคนอื่น เงินจึงไหลเข้าสู่หุ้นตัวเดิมที่พวกเขาเลือกมากขึ้น ทำให้ trend ย่ิงขยายผลต่อไปอีก เป็นต้น ทั้งหมดเกิดขึ้นจากความบกพร่องในการตัดสินใจของสมองมนุษย์



ปรากฏการณ์ โมเมนตัมทำให้เกิดกลยุทธ์การลงทุนที่เป็นที่นิยมมากมายที่มุ่งหวังจะใช้ ประโยชน์จากปรากฏการณ์อันนี้ ตัวอย่างที่ง่ายๆ ก็เช่น เลือกหุ้นที่เส้น 20 วันอยู่เหนือ 200 วัน ซึ่งแสดงว่ากำลังเป็นเทรนด์ขาขึ้นอยู่นั่นเอง



อย่างไรก็ตาม มีเรื่องต้องระวังอย่างมากเกี่ยวกับการหาประโยชน์จากโมเมนตัม คือเรื่องของ time frame

เราพบว่า กลยุทธ์โมเมนตัมที่เล่นสั้นเกินไปมักไม่ได้ผล เนื่องจากในช่วงเวลาที่สั้นมากๆ เช่น intraday ราคาหุ้นมี noise มากเกินไป จึงบดบัง trend แทบทั้งหมด หรือกลยุทธ์ที่มี time frame ที่ยาวมากเกินไป เช่น 3 ปี ก็มักใช้ไม่ได้ผลด้วย เพราะเทรนด์ส่วนมากมักไม่กินเวลายาวนานมากขนาดนั้น เป็นต้น (นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ momentum มักได้ผลดีในระยะสั้น แต่ value มักได้ผลดีในระยะยาว)

ดังนั้นแนวโมเมนตัมก็ยังไม่ง่ายเสียทีเดียว เพราะยังขึ้นอยู่กับความสามารถของเราที่จะเลือก time frame ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งยังไม่มีสูตรตายตัว



สรุปย่อจาก "Momentum in Financial Market", the Economist, Jan 6, 20011 เห็นว่ามีประโยชน์กับนักลงทุนเลยหยิบมาฝากกันนะครับ)
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม


นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
โพสต์โพสต์