ทำไมต้องมีตลาดหุ้น

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
Tibular
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 532
ผู้ติดตาม: 4

ทำไมต้องมีตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ทำไมต้องมีตลาดหุ้น
นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
คอลัมนิสต์ประจำคอลัมน์ "มนุษย์เศรษฐกิจ 2.0" กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 15 มิถุนายน 2554 01:00



"ตลาดหุ้น" ที่ชาวบ้านซื้อขายหุ้นกันอยู่ทุกวันนี้จัดอยู่ในประเภท ตลาดรอง (Secondary Market)

ของตลาดทุน


ส่วน ตลาดหลัก (Primary Market) จริงๆ ของตลาดทุนซึ่งเป็นตลาดที่กิจการทั้งหลายใช้ระดมทุน

เพื่อขยายกิจการ คือ "ตลาด IPO" หรือที่เรานิยมเรียกกันติดปากว่า "หุ้นจอง" นั่นเอง


ตลาดหลักเป็นตลาดที่เม็ดเงินจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจภาคจริง เพราะเมื่อกิจการขายหุ้นจอง เงินที่

ได้จะเข้าบริษัทเพื่อนำไปใช้ในกิจการ หลังจากนั้น บริษัทก็มักจะนำหุ้นของบริษัทเข้าไปจด

ทะเบียนในตลาดหุ้น เพื่อให้หุ้นของบริษัทกลายเป็นสินค้าตัวหนึ่งที่สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือใน

ตลาดหุ้นได้ หลังจากนี้แล้ว การซื้อขายหุ้นของบริษัทในตลาดหุ้นจะเป็นเพียงแค่การเปลี่ยนมือไป

มาระหว่าง นักลงทุนเท่านั้น ไม่ได้มีเม็ดเงินเข้าสู่บริษัทเพื่อนำไปใช้ในกิจการอีกต่อไป นั่นคือ สิ่งที่

ใช้แยกความแตกต่างระหว่างตลาดหลักกับตลาดรอง ก็คือ เมื่อมีการขายหุ้นแล้ว เงินไปไหน ถ้า

เป็นตลาดหลัก เงินจะเข้าสู่บริษัท แต่ถ้าเป็นตลาดรอง เงินจะเข้ากระเป๋าผู้ที่ขายหุ้น


ประเด็นนี้ทำให้มีบางคนกล่าวหาตลาดหุ้นว่าไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับสังคม เพราะเงินไม่ได้เข้า

บริษัทเพื่อก่อให้เกิดการลงทุนในระบบเศรษฐกิจจริงๆ เงิน เพียงแต่ไหลจากกระเป๋าของนักลงทุน

คนหนึ่งไปยังกระเป๋าของนักลงทุนอีกคนหนึ่งไปเรื่อยๆ เท่านั้น และนักลงทุนในตลาดหุ้นก็หากิน

ด้วยการซื้อหุ้นมาในราคาหนึ่งแล้วขาย ออกไปในราคาที่สูงกว่าแล้วเก็บกำไรเข้ากระเป๋า บางคนถึง

กับบอกว่าน่าจะยกเลิกตลาดหุ้นไปเลยเหลือไว้แต่ตลาด IPO ก็พอ


นั้นเป็นความคิดของคนที่อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ลองคิดดูว่า ถ้าหากไม่มีตลาดรอง ตลาดหลักจะ

อยู่ได้หรือไม่ คงแทบไม่เหลือนักลงทุนคนไหนที่จะกล้าซื้อหุ้นจองจากบริษัทอีกต่อไป เพราะนัก

ลงทุนเหล่านั้นย่อมรู้ว่า เมื่อซื้อมาแล้วจะไม่สามารถขายหุ้นนั้นต่อให้ใครได้ หรือถ้าขายได้ก็มักต้อง

ยอมขายขาดทุนมากๆ เพื่อให้มีใครสักคนยอมซื้อ ดังนั้น เหตุผลที่แท้จริงที่ต้องมีตลาดหุ้น ก็เพื่อ

ให้ตลาดหลักสามารถดำรงอยู่ได้นั่นเอง


บางคนคิดว่าการที่รถยนต์มีตลาดมือสองนั้นทำให้ตลาดมือหนึ่งแย่ลง เพราะตลาดมือสองจะแย่ง

ลูกค้าส่วนหนึ่งของตลาดมือหนึ่งไป แต่ที่จริงแล้ว ลองคิดดูว่า ถ้าผู้บริโภคซื้อรถยนต์มาแล้ว ห้าม

ขายต่อโดยเด็ดขาด จะมีผู้บริโภคที่กล้าซื้อรถยนต์มือหนึ่งมากขึ้นหรือน้อยลง ทุกวันนี้ มีคนส่วน

หนึ่งที่กล้าซื้อรถใหม่บ่อยๆ ก็เพราะเขารู้ว่าเขาสามารถขายต่อในตลาดมือสองเมื่อไรก็ได้ ขาดทุน

นิดหน่อยแสนสองแสนถือว่ากำไรใช้ เลยทำให้ตลาดรถใหม่ขายดี ฉันใดก็ฉันนั้น ตลาดรองช่วยส่ง

เสริมตลาดหลักด้วยการทำให้สินค้าของตลาดหลักกลายเป็นสินค้า ที่มีสภาพคล่องสูง คนที่ซื้อหุ้น

จองไปแล้วหากวันดีคืนดีเกิดมีความจำเป็นต้องใช้เงินด่วนขึ้นมา ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะขายต่อให้ใคร

ไม่ได้


นอกจากนี้ ยังมีบางคนอยากเห็นตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนระยะยาวอย่างเดียว ไม่มีนักเก็งกำไรระยะสั้น

เพราะพวกเขามีทัศนคติในแง่ลบกับคำว่า "เก็งกำไร" แต่ที่จริงแล้ว ลองคิดดูให้ดี ถ้าในตลาดหุ้นมี

แต่นักลงทุนทั้งหมด ไม่มีใครเป็นนักเก็งกำไรเลย สภาพคล่องในตลาดหุ้นคงหายไปมากกว่า 95%

ถ้าการขายหุ้นออกในตลาดหุ้นกับการไปเร่ขายหุ้นด้วยตนเองนอกตลาดหุ้นมีความ ยากลำบากเท่า

กันเพราะหาคนซื้อได้ยากก็ไม่รู้ว่าจะมีตลาดหุ้นเอาไว้เพื่ออะไร ดังนั้น ตลาดหุ้นที่มีคุณค่าต้องเป็น

ตลาดที่มีคน จำนวนหนึ่งในตลาดยินดีที่จะซื้อหรือขายหุ้นบ่อยๆ โดยแลกกับโอกาสทำกำไรเล็กๆ

น้อยๆ ทุกวันเพื่อสร้างสภาพคล่องให้กับคนที่เป็นนักลงทุน กล่าวคือ ทำให้คนที่เป็นนักลงทุนระยะ

ยาวสามารถขายหุ้นออกได้เสมอ (โดยไม่ต้องขายขาดทุนมากๆ) เมื่อใดก็ตาม ที่พวกเขามีความจำ

เป็นที่จะต้องใช้เงินแบบเร่งด่วน พูดง่ายๆ ก็คือ การซื้อๆ ขายๆ ของนักเก็งกำไรช่วยลด liquidity risk

ให้กับคนที่เป็นนักลงทุนนั่นเอง


ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับบางแนวคิดที่ว่า เป้าหมายของการพัฒนานักลงทุนรายย่อย คือ การทำให้นัก

ลงทุนรายย่อยหันมาลงทุนระยะยาวกันให้หมด สิ่งที่ผมอยากเห็นมากกว่า คือ ทำอย่างไรนักลงทุน

รายย่อยจึงจะเป็นนักลงทุนที่มีภูมิต้านทาน กล่าวคือ ตัดสินใจจากข้อมูลที่สามารถตรวจสอบแหล่ง

ที่มาได้เป็นหลัก ไม่ถูกชักจูงไปได้ง่าย ไม่เชื่อข่าวลือข่าวปล่อยต่างๆ ไม่แห่ตามกันโดยขาด

วิจารณญาณของตนเอง ส่วนจะเป็นนักเก็งกำไรระยะสั้น นักเทคนิค หรือนักลงทุนระยะยาวนั้น ผม

กลับคิดว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญ นักลงทุนทุกแบบล้วนแต่มีคุณค่าต่อตลาดทุนทั้งสิ้น หากตั้งใจจะ

เป็นนักเทคนิค ก็ควรศึกษาเทคนิคให้จริงจัง คนที่เล่นสั้นหลายคนที่ผมรู้จักเป็นคนที่ไม่ยอมเชื่อ

อะไรง่ายๆ ผมก็ไม่เคยรู้สึกเป็นห่วงพวกเขาเลย เพราะผมมั่นใจว่าคนนิสัยแบบนี้จะสามารถเอาตัว

รอดในตลาดหุ้นได้อย่างแน่นอน
ภาพประจำตัวสมาชิก
kornjackrit
Verified User
โพสต์: 1524
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำไมต้องมีตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณสำหรับบทความครับ :D
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
ภาพประจำตัวสมาชิก
OutOfMyMind
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1244
ผู้ติดตาม: 30

Re: ทำไมต้องมีตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 3

โพสต์

awesome piece
บทความดีดีสำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า
https://www.facebook.com/OutOfMyMindOnValueInvestment
โพสต์โพสต์