ยุทธศาสตร์การลงทุนที่6:ซื้อหุ้นที่มูลค่าของมัน ...

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
PERFECT LUCKY
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 795
ผู้ติดตาม: 0

ยุทธศาสตร์การลงทุนที่6:ซื้อหุ้นที่มูลค่าของมัน ...

โพสต์ที่ 1

โพสต์

Value way
มนตรี นิพิฐวิทยา

ยุทธศาสตร์การลงทุน ที่6 : ซื้อหุ้นที่มูลค่าของมัน ไม่ใช่จากแนวโน้มตลาดหรือสภาพเศรษฐกิจ

เชื่อว่านักลงทุนทุกคนคงรู้ว่าตลาดหุ้นนั้นคือแหล่งที่เราสามารถเข้าไปซื้อหรือขายหุ้นกันได้ตามวันเวลาที่กำหนดไว้ ตลาดหุ้นคือที่รวมเอาหุ้นของหลายๆบริษัทเข้ามาซื้อขายกัน การขึ้นลงของตลาดหุ้นดูได้จากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งคือตัวเลขตัวเลขหนึ่งที่ใช้แสดงให้เห็นว่า ณ ขณะใดขณะหนึ่งนั้นหุ้นที่ซื้อขายกันอยู่มีราคาโดยเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักตามขนาดตลาด(กรณีดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)ขึ้นหรือลง มากน้อยเท่าใด

การที่ดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ไม่ได้หมายความว่าหุ้นทุกบริษัทมีราคาเพิ่มขึ้นทั้งหมด ในทางกลับกันเมื่อดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์ลดลง ก็ไม่ได้หมายความว่าหุ้นทุกบริษัทมีราคาลดลง แต่อาจเป็นเพราะมีหุ้นบางบริษัทมีราคาเปลี่ยนแปลง และหากเป็นหุ้นที่มีขนาดตามราคาตลาดสูงก็ยิ่งทำให้ดัชนีราคาตลาดฯเปลี่ยนแปลงไปตามนั้นได้มาก

เซอร์จอห์น เทมเพอร์ตัน ได้ยกประเด็นที่น่าสนใจขึ้นมาอย่างหนึ่งคือ “ดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลง ส่งผลทำให้ราคาหุ้นของบริษัทเปลี่ยนแปลง หรือ ราคาหุ้นของบริษัทต่างเปลี่ยนแปลงจึงทำให้ดัชนีราคาหุ้นเปลี่ยนแปลง?” แม้จะเป็นคำถามแปลกๆที่เชื่อกันว่าหลายๆคนก็พอจะตอบกันได้ไม่ยาก แต่สำหรับผมแล้วน่าคิดครับ!!

ทำไมจึงน่าคิด? ก็ผมเห็นหลายต่อหลายคนสนใจดัชนีราคาตลาดกันทั้งนั้น ผมถูกถามว่า “ตลาดหุ้นตอนนี้ดีไหม? หุ้นจะลงไปถึงไหน?” แล้วท่านที่ถามผมนั้นก็ไม่ได้ซื้อหุ้นทั้งตลาดสักหน่อย แค่ซื้อหุ้นบางบริษัทเท่านั้น ทำไม่ต้องไปสนใจตลาดกันด้วย ดัชนีราคาตลาดลดลง หุ้นเราอาจจะขึ้นก็ได้ ไม่เห็นแปลกตรงไหน

แน่นอนว่าในช่วงที่ตลาดหุ้นมีสภาพดีๆเป็นตลาดกระทิง หุ้นหลายบริษัทมีราคาสูงขึ้น แต่จริงๆแล้วที่ตลาดมันดีเพราะหุ้นหลายๆบริษัทมันดีมีกำไรเพิ่มขึ้น ตลาดมันเลยขึ้น ไม่ใช่เพราะว่าตลาดมันดี หุ้นต่างๆมันจึงพากันขึ้น และในบางครั้งราคาหุ้นหลายๆบริษัทที่ถึงแม้จะยังดูดีมีกำไรอยู่ แต่ราคากลับลดลง ทั้งนี้อาจเป็นเพราะราคาหุ้นนั้นๆปรับขึ้นมาสูงเกินพื้นฐานแล้ว จึงมีคนขายกันออกมา แน่นอนมันก็ส่งผลไปที่ดัชนีราคาตลาดฯให้ลดลงเช่นกัน แม้ในบางครั้งอาจมีข่าวลือข่าวไม่เป็นมงคลเข้ามากระทบรบกวนความมั่นใจของนักลงทุนก็อาจจะพากันขายหุ้นโดยไม่สนใจว่าของดี ราคายังไม่แพงหรือไม่ ขอเอาตัวรอดก่อน เหล่านี้มีให้เห็นกันอยู่เนืองๆ

เช่นนี้แล้ว เมื่อจะลงทุนก็ให้เลือกลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าสูงกว่าราคา เพราะในบางครั้งแล้วหุ้นบางบริษัทอาจขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดโดยรวมย่ำแย่ และแน่นอนหุ้นบางบริษัทก็อาจลงในช่วงที่ตลาดรุ่งเรื่องได้เช่นกัน การตัดสินใจลงทุนโดยดูที่สภาพตลาดนั้นไม่ต่างไปจากการเดินในที่มืดโดยไม่มีไฟฉายส่องนำทางนั่นเอง ในที่สุดก็อาจพลาดได้

อีกประเด็นหนึ่งที่เซอร์จอห์น เทมเพอร์ตัน กล่าวถึง คือ “ภาพรวมเศรษฐกิจ” ตลาดหุ้นอาจไม่ได้มีทิศทางสอดคล้องไปทางเดียวกับสภาพเศรษฐกิจเสมอไปทุกครั้ง สภาพตลาดหุ้นที่ย่ำแย่ไม่ได้หมายถึงการที่ “เศรษฐกิจถดถอย” เศรษฐกิจยังคงเติบโตได้ดีแต่ดัชนีราคาหุ้นก็อาจลดลงได้เช่นกัน ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าการซื้อขายหุ้นนั้น คือการซื้อหรือขายโดยอาศัยความคาดหวังอนาคต ไม่ใช่เรื่องของอดีตหรือปัจจุบัน ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังจะตกต่ำถึงขีดสุด เราอาจเห็นว่าตลาดหุ้นกำลังเริ่มปรับตัวขึ้น และหากเศรษฐกิจกำลังร้อนแรงถึงขีดสุด เราอาจได้เห็นตลาดหุ้นปรับตัวลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง

เรื่องทั้งหมดนี้ ไม่ว่าความคาดหวังจากดัชนีตลาดฯหรือจากสภาพเศรษฐกิจ ล้วนส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นทั้งสิ้น มันจะทำให้ตลาดมีความผันผวน มีความไม่แน่นอน คาดการกันไปต่างๆนาๆ จนกระทั่งภาพต่างๆที่เป็นสภาพจริงเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้น ตลาดจะขึ้นหรือลงอย่างชัดเจน

และความไม่แน่นอน ความไม่ชัดเจนนี่เองคือ “เพื่อนแท้” ของนักลงทุนผู้ชาญฉลาด เขาเหล่านั่นมักใช้ประโยชน์ตอนที่ตลาดหุ้นตกต่ำถึงขีดสุด และความไม่แน่นอนยังมีอยู่สูง เข้าซื้อหุ้นโดยพิจารณาจากมูลค่า และใช้ประโยชน์จากความผันผวนนั้น ซื้อหุ้นได้ในราคาส่วนลดมากๆ ซึ่งแน่นอนว่าความเสี่ยงนั้นต่ำกว่าแน่นอน และคนกลุ่มเดียวกันนี่เองที่มักใช้โอกาสตอนตลาดดีๆ ขายหุ้นที่มีราคาปรับขึ้นสูงเกินมูลค่าแล้วออกไปในราคาที่น่าพอใจ ลองสังเกตุให้ดีครับว่า ก่อนที่ท่านจะกล้าเข้าซื้อหุ้นนั้น มีคนซื้อมาก่อนท่านแล้ว และตอนที่ท่านเห็นมันกำลังขึ้น แล้วท่านเข้าไล่ซื้อเพิ่ม เพราะหวังว่ามันจะยังขึ้นได้อีกนั้น มีใครขายให้ท่าน และขายออกมามากไหม...อาจเป็นพวกเขาเหล่านั้นก็ได้ ใครจะไปรู้?

คำส่งท้ายของ เซอร์ จอห์น เทมเพอร์ตัน คือ “ซื้อหุ้นเพราะมูลค่าสูงกว่าราคา ไม่ใช่เพราะแนวโน้มตลาดหรือสภาพเศรษฐกิจ” แล้วท่านจะเป็นผู้ชนะในระยะยาว
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว" :)
yy
Verified User
โพสต์: 6427
ผู้ติดตาม: 2

Re: ยุทธศาสตร์การลงทุนที่6:ซื้อหุ้นที่มูลค่าของมัน ...

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณครับ ที่นำมาเผยแพร่
คนที่รู้ว่าตัวเองยังไม่รู้ ย่อมมีโอกาสเรียนรู้
MaiFuen
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 385
ผู้ติดตาม: 72

Re: ยุทธศาสตร์การลงทุนที่6:ซื้อหุ้นที่มูลค่าของมัน ...

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณครับ :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
Packky
Verified User
โพสต์: 856
ผู้ติดตาม: 0

Re: ยุทธศาสตร์การลงทุนที่6:ซื้อหุ้นที่มูลค่าของมัน ...

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับ
:) :) :)
noooon010
Verified User
โพสต์: 2712
ผู้ติดตาม: 2

Re: ยุทธศาสตร์การลงทุนที่6:ซื้อหุ้นที่มูลค่าของมัน ...

โพสต์ที่ 5

โพสต์

เป็นบทความที่ดีมากๆครับ ขอบคุณมากๆจริงๆครับ :D
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม


นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
rayshow
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 165
ผู้ติดตาม: 0

Re: ยุทธศาสตร์การลงทุนที่6:ซื้อหุ้นที่มูลค่าของมัน ...

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอบคุณครับ
Keep It Simple And Stupid
ภาพประจำตัวสมาชิก
aodetmat
Verified User
โพสต์: 79
ผู้ติดตาม: 1

Re: ยุทธศาสตร์การลงทุนที่6:ซื้อหุ้นที่มูลค่าของมัน ...

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณครับ ได้ข้อคิดที่ดีทีเดียว
ช้าๆ แต่ ชัวร์ 不要担心
ภาพประจำตัวสมาชิก
KGYF
Verified User
โพสต์: 399
ผู้ติดตาม: 0

Re: ยุทธศาสตร์การลงทุนที่6:ซื้อหุ้นที่มูลค่าของมัน ...

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ขอบคุณ สำหรับ บทความดี ๆ ครับ :bow: :bow:
" สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ = การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง "

" ทุกข์มี เพราะยึด ทุกข์ยืด เพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อย เพราะหยุด ทุกข์หลุด เพราะปล่อย"
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10548
ผู้ติดตาม: 68

Re: ยุทธศาสตร์การลงทุนที่6:ซื้อหุ้นที่มูลค่าของมัน ...

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ขอบคุณครับ :D
โพสต์โพสต์