ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
rakoilnaka
Verified User
โพสต์: 227
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....

โพสต์ที่ 1

โพสต์

1. จะมีผลกับไทยหรือตลาดหุ้นไทยมั้ยครับ
2. จะลามเป็นสงครามโลกรึป่าวคับ ถ้าเป็น...เศรษฐกิจจะตกต่ำยาวนานมั้ย...ท่านจะทำอย่างไร...ซื้อทอง???
3. เกาหลีเหนือมันต้องการอะไรคับ???? ครองโลก???? บ้าสงคราม????
untrataro25
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1053
ผู้ติดตาม: 39

Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ผมว่า ไม่รบกันหรอกครับ
และหากเกาหลีเหนือเกิดบ้าขึ้นมาจริงๆ ผมว่า จีนไม่เอาด้วยแน่
และเกาหลีเหนือจะโดนรุมกินโต๊ะ เละแน่ครับ
ที่สำคัญเรื่องนิวเคลียร์นี่ ผมยังไม่แน่ใจเลยครับว่าเกาหลีเหนือมีจริงรึป่าว แต่ถ้ามีนี่เผลอๆยิงข้ามประเทศตัวเองยังไม่พ้น
นิวเคลียร์นี่เกาหลีเหนือคงมีไว้ขู่ กันประเทศอื่นรุกรานมากกว่า
"เพราะเรียบง่าย จึงชนะ"
วรันศ์ บัฟเฟต
Verified User
โพสต์: 1679
ผู้ติดตาม: 0

Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....

โพสต์ที่ 3

โพสต์

rakoilnaka เขียน:1. จะมีผลกับไทยหรือตลาดหุ้นไทยมั้ยครับ
2. จะลามเป็นสงครามโลกรึป่าวคับ ถ้าเป็น...เศรษฐกิจจะตกต่ำยาวนานมั้ย...ท่านจะทำอย่างไร...ซื้อทอง???
3. เกาหลีเหนือมันต้องการอะไรคับ???? ครองโลก???? บ้าสงคราม????

กิมจิครับ

:mrgreen: :mrgreen:
value trap
รูปภาพ
วรันศ์ บัฟเฟต
Verified User
โพสต์: 1679
ผู้ติดตาม: 0

Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....

โพสต์ที่ 4

โพสต์

วรันศ์ บัฟเฟต เขียน: :mrgreen: :mrgreen:
ลืมบอกไปครับ

1. มีผลกับกิมจิ
2. ซื้อกิมจิ
3. มันต้องการกิมจิ

:D :D
value trap
รูปภาพ
postnaninter
Verified User
โพสต์: 26
ผู้ติดตาม: 0

Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ล่าสุดยิงกันแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
thaloengsak
Verified User
โพสต์: 2716
ผู้ติดตาม: 1

Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....

โพสต์ที่ 6

โพสต์

วรันศ์ บัฟเฟต เขียน:
วรันศ์ บัฟเฟต เขียน: :mrgreen: :mrgreen:
ลืมบอกไปครับ

1. มีผลกับกิมจิ
2. ซื้อกิมจิ
3. มันต้องการกิมจิ

:D :D

กิมจิขาดตลาด ราคาขายกิมจิราคาแพงขึ้น ผู้ผลิตกักตุนกิมจิ รัฐออกกฏหมายโควตากิมจิต่อหัว ผู้บริโภคต้องหาซื้อกิมจิในตลาดมืด ผู้บริโภคหันมากินสินค้าทดแทนมากขึ้น,ประเทศอื่นหันมาผลิตกิมจิมากขึ้น กลับเข้าสู่ภาวะสมดุลของปริมาณและความต้องการกิมจิ
55555555555+
ลงทุนเพื่อชีวิต
นักธรรมตรี เด็กดีติดวัด
Verified User
โพสต์: 87
ผู้ติดตาม: 0

Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....

โพสต์ที่ 7

โพสต์

จะรบก็รบกันไปเถอะครับ ขอสองอย่างคืออย่าให้มีผลกับ Bond เกาหลีใต้กับอย่าให้น้อง ๆ Girl Generation ของผมเป็นอะไรไป .... ซึ่งผม concern ข้อหลังมากที่สุด :evil:
ภาพประจำตัวสมาชิก
OutOfMyMind
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1244
ผู้ติดตาม: 30

Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....

โพสต์ที่ 8

โพสต์

หากสังเกตจริงๆจังๆ สงครามเกิดขึ้นเมื่อ ศก ไม่ดีครับ
ศก เกาหลีใต้กำลังดี ผมว่ายังไงเค้าก็ไม่รบ
ศก จีนกำลังดี หากเกาหลีเหนือจะรบ จีนก็คงไม่เข้ามาหนุน
สรุปคือ หาก เกาหลีเหนือใต้ รบกันจริงๆ ขอให้รีบสะสม JCT ครับ เพราะเราขายพาสเตอร์ยา
บทความดีดีสำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า
https://www.facebook.com/OutOfMyMindOnValueInvestment
rakoilnaka
Verified User
โพสต์: 227
ผู้ติดตาม: 0

Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ลองอ่านดูคับ โชคดีแล้วที่เราไม่ได้เกิดประเทศเฮงซวยอย่างนี้

http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=84495
BushiDo
Verified User
โพสต์: 27
ผู้ติดตาม: 0

Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....

โพสต์ที่ 10

โพสต์

คาบสมุทรเกาหลีเป็นดินแดนที่มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เริ่มแต่เป็นดินแดนของผู้คนหลากเผ่าพันธุ์ จนกระทั่งรวมตัวขึ้นเป็นอาณาจักรเล็กๆ ต่อมาถูกจีนยึดครอง เมื่อได้เอกราชจากจีน คาบสมุทรเกาหลีประกอบด้วยสามอาณาจักสำคัญก่อนจะรวมตัวกันเป็นอาณาจักรเดียว ปกครองด้วยราชวงศ์ 2 ราชวงศ์ จนถูกญี่ปุ่นยึดครองเป็นอาณานิคมจน สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ตามมาด้วยสงครามเกาหลีที่ทำให้ต้องแบ่งเป็น 2 ประเทศในปัจจุบันคือเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ มีความพยายามที่จะรวมประเทศทั้งสองแต่ยังไม่สำเร็จ



http://www.showded.com/users/nunui/phot ... _size3.jpg



ภาพจากภาพยนตร์ซึ่งมีที่มาจากตำนานของชาวเกาหลี



ตำนานที่เป็นที่แพร่หลายในประเทศเกาหลีเล่าถึงกำเนิดของชนชาติตน ว่า เจ้าชายฮวางวุง โอรสของเทพสูงสุดบนสวรรค์ลงมาสร้างเมืองที่ภูเขาแตแบกซาน ได้แต่งงานกับหญิงที่มีกำเนิดจากหมี มีโอรสชื่อตันกุน ต่อมาเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรโชซอนโบราณ เมื่อ 1790 ปีก่อนพุทธศักราช

ดิน แดนคาบสมุทรเกาหลีตกเป็นเมืองขึ้นจีนเมื่อ พ.ศ. 434 เมื่อจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ หรือ กวนอู่ตี้ แห่งราชวงศ์ฮั่น ยกทัพเข้ายึดครองดินแดนของอาณาจักรโชซอนโบราณ และแบ่งเกาหลีเป็น 4 มณฑล คือ อาณาจักรนังนัง ชินบอน อิมดุน และฮยอนโท อย่างไรก็ตาม จีนปกครองมณฑลนังนังอย่างจริงจังเพียงมณฑลเดียว มณฑลอื่นๆจึงค่อยๆแยกตัวเป็นเอกราช จน พ.ศ. 856 ชนเผ่าโคกุรยอเข้ายึดครองมณฑลนังนัง ขับไล่จีนออกไปได้สำเร็จ การตกเป็นเมืองขึ้นของจีนทำให้เกาหลีได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากจีนมาก เช่นตัวอักษรและศาสนา (พุทธและขงจื้อ)



http://www.webonomix.com/wp-content/upl ... korea1.gif




เมื่อ พ.ศ. 2453 ญี่ปุ่นได้ผนวกเกาหลีเป็นดินแดนของตนตามสนธิ สัญญาการรวมญี่ปุ่น-เกาหลี ซึ่งสนธิสัญญานี้เป็นที่ยอมรับของญี่ปุ่นฝ่ายเดียว แต่ไม่เป็นที่ยอมรับในเกาหลี เพราะถือว่าไม่มีการลงนามของกษัตริย์เกาหลี เกาหลีถูกญี่ปุ่นปกครองจนกระทั่งญี่ปุ่นเป็นฝ่ายแพ้สงครามเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488

ในระหว่างการปกครองของญี่ปุ่น มีการสร้างระบบคมนาคมแบบตะวันตก แต่ส่วนใหญ่เพื่อประโยชน์ทางการค้าของญี่ปุ่นมากกว่าประโยชน์ของชาวเกาหลี ญี่ปุ่นล้มล้างราชวงศ์โชซอน ทำลายพระราชวัง ปรับปรุงระบบภาษี ให้ส่งข้าวจากเกาหลีไปญี่ปุ่น ทำให้เกิดความอดอยากในเกาหลี มีการใช้แรงงานทาสในการสร้างถนนและทำเหมืองแร่

หลังการสวรรคตของ กษัตริย์โกจง (Gojong) เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2461 ด้วยยาพิษ ทำให้เกิดการเรียกร้องเอกราชทั่วประเทศ เมื่อ 1 มีนาคม พ.ศ. 2461ผลจากการลุกฮือขึ้นเรียกร้องเอกราชทำให้ชาวเกาหลีราว 7,000 คนถูกฆ่าโดยทหารและตำรวจญี่ปุ่น ชาวคริสต์เกาหลีจำนวนมากถูกฆ่าหรือเผาในโบสถ์ระหว่างการเรียกร้องเอกราชมี การจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลของเกาหลีที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน หลังจากการเคลื่อนไหว 1 มีนาคม เพื่อต่อต้านการยึดครองของญี่ปุ่น


http://farm4.static.flickr.com/3165/291 ... 188a1f.jpg





การลุกฮือขึ้นต่อต้านญี่ปุ่นยังงมีอยู่ต่อไป เช่น การลุกฮือของนักศึกษาทั่วประเทศเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2472 จนนำไปสู่การประกาศกฏอัยการศึกเมื่อ พ.ศ. 2474 หลังจากเกิดสงครามจีน-ญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2480 ญี่ปุ่นพยายามลบล้างความเป็นชาติของเกาหลี การสอนประวัติศาสตร์และภาษาเกาหลีในโรงเรียนถูกห้าม การแสดงออกทางวัฒนธรรมที่เป็นเกาหลีถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ชาวเกาหลีถูกบังคับให้มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น สิ่งของมีค่าถุกนำออกจากเกาหลีไปยังญี่ปุ่น. หนังสือพิมพ์ถูกห้ามตีพิมพ์ด้วยภาษาเกาหลี หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จำนวนมากถูกเผาทำลาย

ชาวเกาหลีจำนวน มากอพยพออกจากเกาหลีไปสู่แมนจูเรียและรัสเซีย ชาวเกาหลีในแมนจูเรียจัดตั้งขบวนการกู้เอกราชชื่อ “ดุงนิปกุน” (Dungnipgun) ขบวนการนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน ทำสงครามกองโจรกับกองทัพญี่ปุ่น กองทัพเหล่านี้ได้รวมตัวกันเป็นกองทัพปลดปล่อยเกาหลี เมื่อราว พ.ศ. 2483 เคลื่อนไหวในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวเกาหลีกว่าหมื่นคนเข้าร่วมในกองทัพปลดปล่อยประชาชนและกองทัพปฏิวัติแห่ง ชาติ

ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวเกาหลีถูกบังคับให้ร่วมมือกับญี่ปุ่น ชายชาวเกาหลีถูกเกณฑ์เข้าร่วมในกองทัพญี่ปุ่น ผู้หญิงจากจีนและเกาหลีราว 200,000 คน ถูกส่งตัวไปเป็นนางบำเรอของทหารญี่ปุ่น

หลังจากสงครามโลก ครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง แนวโน้มของการแบ่งประเทศเริ่มปรากฏขึ้นเมื่อ 8 กันยายน พ.ศ. 2488 เมื่อสหรัฐเข้าควบคุมภาคใต้ของคาบสมุทรเกาหลี และโซเวียตเข้าควบคุมภาคเหนือ โดยใช้เส้นขนานที่ 38 องศาเป็นเส้นแบ่ง รัฐบาลชั่วคราวถูกยกเลิกเพราะสหรัฐเห็นว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์ ในครั้งแรกการแบ่งแยกนี้เป็นการชั่วคราว และจะให้เอกราชแก่เกาหลีเมื่อสี่ชาติมหาอำนาจคือ สหรัฐ สหภาพโซเวียต อังกฤษ และจีน จัดการปกครองในเกาหลีสำเร็จ

ในการประชุมไคโรเมื่อ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2486 กำหนดให้เกาหลีเป็นชาติอิสระ และการประชุมล่าสุดที่ยัลตาในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 ตกลงให้เกาหลีเป็นรัฐในอารักขาของชาติมหาอำนาจสี่ชาติ ต่อมา 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488 โซเวียตยกทัพจากไซบีเรียเข้าสู่เกาหลีโดยไม่มีการต่อต้าน ญี่ปุ่นยอมแพ้เมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2488 มีการประชุมที่มอสโกเพื่อตกลงเกี่ยวกับอนาคตของเกาหลี โดยกำหนดให้เป็นรัฐในอารักขา 5 ปี และรวมส่วนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐและโซเวียตเข้าด้วยกัน มีการประชุมกันอีกครั้งที่กรุงโซลแต่องค์การตั้งประเทศใหม่ยังไม่ลุล่วง เดือนกันยายน พ.ศ. 2490 สหรัฐส่งปัญหาเกาหลีเข้าสู่สหประชาชาติเพื่อให้เกาหลีเป็นรัฐเดียวที่มี เอกภาพ แต่ผลจากสงครามเย็นทำให้สหรัฐวางแผนคุ้มกันเกาหลีเพื่อต่อ ต้านคอมมิวนิสต์ ส่งผลให้เกิดการแยกประเทศเมื่อ พ.ศ. 2491 เกิดเป็นสองประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจและการปกครองต่างกัน สหประชาชาติยอมรับสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) เป็นตัวแทนเกาหลีในสหประชาชาติเพียงรัฐเดียวเมื่อ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2491 สงครามเกาหลีระเบิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2493 เมื่อเกาหลีเหนือยกทัพข้ามเส้นขนานที่ 38 องศาบุกเข้าโจมตีเกาหลีใต้ เป็นการยุติความพยายามในขณะนั้นที่จะรวมประเทศทั้งสองอย่างสันติ สงครามดำเนินไปจนมีข้อตกลงหยุดยิงเมื่อ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2496
รู้เข้ารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง
viviosmanager
Verified User
โพสต์: 39
ผู้ติดตาม: 0

Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ถ้ารบกันจริงหุ้นดิ่งนรกแน่นอน
ภาพประจำตัวสมาชิก
นพพร
Verified User
โพสต์: 1039
ผู้ติดตาม: 0

Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....

โพสต์ที่ 12

โพสต์

วิกฤติสร้างโอกาสก็จริง แต่ถ้าวิกฤตินี้ต้องแลกกับชีวิตคน ดูเหมือนว่าจะไม่มีความสุขเท่าไหร่กับโอกาสที่ได้รับ
ก้าวแรกที่เล็กๆ แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต
ภาพประจำตัวสมาชิก
ซุนเซ็ก
Verified User
โพสต์: 1104
ผู้ติดตาม: 2

Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ระดับขู่จีนคงช่วยเกาหลีเหนือ แต่ถึงขั้นรบจริงจีนน่าจะไม่เอาด้วย
จีนต้องการพัฒนาเศรษฐกิจ กำลังเติบโตได้อย่างดี เกิดสงครามขึ้นมาก็แย่
เรื่องนิวเคลียร์นี่ผมเชื่อว่ามีจริง เกาหลีเหนือเคยยิงขีปนาวุธเลงทะเลญี่ปุ่นเล่นๆมาแล้วตามที่เคยเป็นข่าวเมื่อหลายปีก่อน
หัวรบพิสัยไกลยิงข้ามเกาะญี่ปุ่นได้สบาย สหรัฐยังกลัวว่าอีกหน่อยจะยิงนิวเคลียร์ถึงฮาวายเลยด้วยซ้ำไป
(ดูจากลูกโลกกลมๆจะเห็นว่าเกาหลีเหนือกับฮาวายไม่ไกลกันนัก)

ถ้าเกิดสงครามขึ้นจริง ในปีแรกแถบเอเซียคงย่ำแย่กัน ตลาดหุ้นไปก่อนเพื่อนแน่ๆ แต่ผมคิดว่าไม่น่าเกิด
ผมไม่ได้อยู่ในเว็บนี้แล้ว, มีอะไรติดต่อได้ทาง FB - 27/9/2555
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
ภาพประจำตัวสมาชิก
Lu Xun
Verified User
โพสต์: 242
ผู้ติดตาม: 0

Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....

โพสต์ที่ 14

โพสต์

อสังหาบ้านเราได้ประโยชน์ :mrgreen:
รูปภาพ
BAZUGA
Verified User
โพสต์: 118
ผู้ติดตาม: 0

Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ไม่มีทางเป็นไปได้ครับ...ฮิๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
[v]
Verified User
โพสต์: 1402
ผู้ติดตาม: 0

Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....

โพสต์ที่ 16

โพสต์

Girls Gen. มาเมืองไทยไม่ได้เพราะทางการบินน่านฟ้า อาจจะเกิดการจราจลจาก บรรดาสาวก เกาหลี ที่จองบัตรไว้
อย่าดูถูก เชียวนะครับฝาแฟนต้า 3 แสนฝา เพื่อให้ได้ไปมีทติ้งส่วนตัวกับ 2PM ก็ยังมีคนทำมาแล้ว คนไทยทำได้ไร้สาระมากๆ
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....

โพสต์ที่ 17

โพสต์

**In Focus: "นุกป่วนโลก"... เมื่อโสมแดงประกาศศักดาทายาทรุ่นที่ 3

อินโฟเควสท์ (4 เม.ย. 55)--หลังจากที่ประชาคมโลกปวดเศียรเวียนเกล้ากับประเด็นโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอยู่พักใหญ่ ก็ต้องอกสั่นขวัญแขวนอีกครั้งเมื่อเกาหลีเหนือประกาศแผนปล่อยจรวดส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรระหว่างวันที่ 12-16 เม.ย.นี้ เพื่อเฉลิมฉลอง 100 ปีชาตกาลของอดีตประธานาธิบดีคิม อิลซุง ผู้ก่อตั้งเกาหลีเหนือ ท่ามกลางเสียงประณามของนานาชาติโดยเฉพาะชาติบ้านใกล้เรือนเคียง เนื่องจากวิตกว่า การส่งดาวเทียมที่ว่านี้แท้จริงแล้วคือการแอบสอดไส้ทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลนั่นเอง

สถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีทวีความตึงเครียดขึ้นทุกขณะ เมื่อล่าสุดกองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยว่า รัฐบาลเปียงยางเปิดฉากทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้พัฒนาขึ้นใหม่แบบพื้นสู่เรือจำนวน 2 ลูกบริเวณนอกชายฝั่งด้านตะวันตกเมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 29 มี.ค. นัยว่าเป็นปฐมฤกษ์ขู่ขวัญบรรดาชาติมหาอำนาจก่อนกำหนดยิงจรวดที่อ้างว่าเป็นดาวเทียมอย่างเป็นทางการ ขณะที่ประเทศต่างๆ กระทั่งพันธมิตรอันเหนียวแน่นอย่างจีน ก็ออกข่าวอยู่ทุกวันเรียกร้องให้ล้มเลิกแผนการเขย่าโลกครั้งนี้

* โสมแดงกับความพยายามที่ไม่สิ้นสุด

ขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือ และบางประเทศในแถบตะวันออกกลาง อาทิ อิหร่าน อิรัก ซีเรีย และปากีสถาน ได้พัฒนาขึ้น และอ้างว่า เป็นไปเพื่อสร้างความมั่นคงด้านการทหารนั้น สามารถจำแนกได้หลายประเภท โดยแต่ละประเภทมีอานุภาพที่แตกต่างกันซึ่งก็ขึ้นอยู่กับพิกัดของเป้าหมาย รัศมีการทำลายล้าง และความรุนแรงของหัวรบที่เลือกใช้ (warhead) นอกจากนี้ ในการยิงขีปนาวุธแต่ละครั้ง ยังสามารถเลือกยิงได้จากฐานยิงขีปนาวุธภาคพื้นดิน จากฐานยิงบนเรือ หรือจากเครื่องบิน ขีปนาวุธที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ในปัจจุบันถือว่า มีความแม่นยำสูงในการโจมตีเป้าหมายในระยะไกลและข้ามทวีป นอกจากเกาหลีเหนือจะพัฒนาขีปนาวุธของตนเองอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและจัดส่งวัตถุดิบให้กับประเทศในแถบตะวันออกกลางอีกด้วย

ขีปนาวุธติดหัวรบ (ballistic missile) สามารถแบ่งตามประเภทการใช้งานได้ 3 ประเภท คือ ขีปนาวุธทางยุทธวิธี (tactical missile) ขีปนาวุธทางยุทธบริเวณ (theatre missile) และขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ (strategic missile) โดยขีปนาวุธติดหัวรบพิสัยไกล (long-range ballistic missile) ที่นานาชาติกำลังพูดถึงนั้นจัดอยู่ในประเภทขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ ซึ่งยังแบ่งย่อยได้เป็นขีปนาวุธติดหัวรบพิสัยไกลไม่เกิน 5,500 กิโลเมตร (intermediate-range ballistic missile) และขีปนาวุธติดหัวรบข้ามทวีป (intercontinental ballistic missile)

เกาหลีเหนือได้ครอบครองขีปนาวุธทางยุทธวิธี ซึ่งได้มาจากอดีตสหภาพโซเวียตเมื่อปี 1969 และต่อมาก็ได้รับมอบจรวดสกั๊ด-บี จากอียิปต์เป็นการตอบแทนที่ช่วยเหลือในการรับมือกับอิสราเอล จุดเริ่มต้นนี้เองที่ทำให้รัฐบาลเปียงยางเดินหน้าคิดค้นพัฒนาเขี้ยวเล็บของตัวเองตั้งแต่จรวดธรรมดาๆ ขีปนาวุธพิสัยใกล้ พิสัยกลาง ไปจนถึงพิสัยไกลที่หวังว่าจะยิงได้ไกลกว่า 15,000 กิโลเมตร เรียกได้ว่าระดับข้ามทวีป

ตามข้อมูลล่าสุด ขีปนาวุธพิสัยไกลที่เกาหลีเหนือเผยโฉมออกสู่สายตาชาวโลกคือ Taepodong-2 ซึ่งทำการทดสอบไปทั้งสิ้น 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อปี 2549 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากขีปนาวุธเกิดปัญหาระเบิดกลางอากาศ หลังจากปล่อยจากฐานยิงเพียงไม่กี่วินาที ส่วนครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 เม.ย. ปี 2552 โดยอ้างว่าเป็น Taepodong-2 โฉมใหม่ที่มีอานุภาพยิงได้ไกลถึง 15,000 กิโลเมตร ทว่าทางการสหรัฐเผยว่า Taepodong-2 ไปไม่ถึงฝั่งฝันเพราะส่วนหนึ่งร่วงลงสู่ทะเลญี่ปุ่น ขณะที่อีกส่วนหนึ่งรวมถึงหัวรบนั้นจมลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก

ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานั้น มีข่าวออกมาเป็นระยะๆ ว่า เกาหลีเหนือพัฒนาเทคโนโลยีขีปนาวุธให้มีความก้าวหน้ามากยื่งขึ้น โดยในเดือนม.ค.ปีที่แล้ว นายโรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ กล่าวเตือนว่า ภายใน 5 ปีนี้ เกาหลีเหนือจะสามารถพัฒนาอาวุธที่มีอานุภาพเดินทางไกลข้ามทวีปไปถึงสหรัฐอเมริกา ขณะที่เดือนต่อมา สื่อสหรัฐก็เผยแพร่ภาพถ่ายทางดาวเทียมที่ระบุว่า เป็นฐานปล่อยขีปนาวุธแห่งใหม่ของเกาหลีเหนือ โดยตั้งอยู่ในพื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือ และล่าสุดกลางเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ราว 75 กิโลเมตรจำนวน 2 ลูก ทางชายฝั่งตะวันออก หลังจากการเสียชีวิตของประธานาธิบดีคิม จองอิล

* โลกหวั่นจรวดสอดไส้นุก
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลเปียงยางที่เขย่าขวัญชาวโลกคือ การยืนยันแผนปล่อยจรวดเพื่อนำดาวเทียมกวางเมียงซอง-3 ขึ้นสู่วงโคจรระหว่างวันที่ 12-16 เม.ย. ในโอกาสครบรอบ 100 ปีชาตกาลของอดีตประธานาธิบดีคิม อิลซุง ซึ่งตรงกับวันที่ 15 เม.ย. โดยไม่สนเสียงห้ามปรามและประณามของนานาชาติที่ชี้ว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยเกาหลีเหนือได้ประกาศถอนตัวจากสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (Non-Proliferation Treaty) เมื่อปี 2003 และปฏิเสธที่จะเข้าร่วมประชุมในการเจรจาเพื่อหยุดยั้งการขยายโครงการนิวเคลียร์

เกาหลีเหนือยืนยันเสียงแข็งว่า การปล่อยจรวดส่งดาวเทียมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสันติ พร้อมระบุว่า เป็นสิทธิอันชอบธรรมตามอำนาจอธิปไตย และมีความจำเป็นสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ แม้ว่าการส่งดาวเทียมสู่วงโคจรเป็นเรื่องที่ชาติไหนๆ เขาก็ทำกัน แต่ประเด็นอยู่ตรงที่เป็น “เกาหลีเหนือ" ชาติที่ตีคู่มากับอิหร่านในการถูกเพ่งเล็งจากนานาชาติเรื่องการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์

ดาวเทียมดังกล่าวมีน้ำหนัก 100 กิโลกรัม มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจผืนป่า ทรัพยากรธรรมชาติ และสภาพอากาศ จะลอยเท้งเต้งอยู่ในวงโคจรราว 2 ปี และสามารถส่งภาพถ่ายดาวเทียมกลับมายังฐานปฏิบัติการบนโลกได้ เพื่อความโปร่งใสไร้ข้อกังขา ทางการเกาหลีเหนือจึงประกาศเชิญบรรดาผู้สังเกตการณ์และสื่อมวลชนต่างชาติเข้าไปสำรวจฐานปล่อยจรวด และเป็นสักขีพยานในการปล่อยจรวดที่ศูนย์บังคับการในกรุงเปียงยางด้วย แต่เอาเข้าจริงก็ไม่รู้ว่า จะมีเงื่อนไขข้อจำกัดอะไรบ้าง เพราะใครๆ ก็รู้ว่า เกาหลีเหนือไม่เคยปล่อยให้คนนอกเข้าไปป้วนเปี้ยนในอาณาจักรของตัวเองง่ายๆ ดังนั้น จึงไม่แปลกหากโลกจะรู้เรื่องของเกาหลีเหนือน้อยมาก และไม่เคยปักใจเชื่อในสิ่งที่ผู้นำป่าวประกาศหรือให้คำมั่นกับประชาคมโลก

ข้อมูลของ 2011 IISS Strategic Dossier on North Korean Security Challenges ระบุว่า จรวดส่งดาวเทียมสู่วงโคจรกับขีปนาวุธติดหัวรบมีรูปร่างลักษณะเหมือนกัน ระบบขับเคลื่อนหรือเครื่องยนต์กลไกแบบเดียวกัน อาศัยฐานการยิงเหมือนกัน รวมถึงมีขั้นตอนการพัฒนาบางอย่างที่ใช้ร่วมกันได้ ความแตกต่างอยู่ตรงที่ดาวเทียมปล่อยไปแล้วก็ลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศ ส่วนขีปนาวุธ เมื่อยิงขึ้นฟ้าไปแล้ว ก็จะวกกลับลงมาสู่เป้าหมายภาคพื้นดิน โดยระหว่างทางที่กลับลงมานั้น ยังอยู่ในสภาพที่พร้อมทำลายล้างได้อย่างสมบูรณ์

การปล่อยดาวเทียมแต่ละครั้งจะแสดงให้เห็นถึงขอบเขตการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของชาตินั้นๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากแผนการส่งดาวเทียมครั้งนี้จะถูกมองว่า มีนัยแอบแฝง ขณะที่เพนตากอนชี้ว่า หากสิ่งที่เกาหลีเหนือจะปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้านั้นเป็นมัจจุราชที่ชาวโลกหวั่นวิตกอยู่จริง ชาติที่เข้าข่ายจะได้รับผลกระทบไม่ใช่แค่เกาหลีใต้กับญี่ปุ่น แต่หมายรวมถึงฟิลิปปินส์กับอินโดนีเซีย เนื่องจากวิถีของจรวดนั้นอาจมุ่งหน้าลงมาทางทิศใต้ เมื่อครั้งที่ทดลอง Taepodong-2 รุ่นปรับโฉม เกาหลีเหนือก็อ้างเช่นกันว่า เป็นการส่งดาวเทียม มาคราวนี้แม้จะอ้างความชอบธรรมใดๆ ก็ไม่มีใครทำใจเชื่อได้ลง

* ประกาศศักดาทายาทรุ่นที่ 3
การรับไม้ต่อจากอดีตผู้นำคิม จองอิล ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับทายาทรุ่น 3 อย่างคิม จองอึน วัยเพิ่งแตะ 30 ผู้ซึ่งถูกตราหน้าว่า ไร้ฝีมือ ขาดประสบการณ์ และเป็นได้แค่หุ่นเชิดของกองทัพที่ยังซึมซับบารมีของคิมผู้พ่อที่ล่วงลับไว้อย่างเต็มเปี่ยม แม้กระทั่งคิม จองนัม พี่ชายของตัวเองยังอดไม่ได้ที่จะวิจารณ์ว่า อาณาจักรเปียงยางคงถึงกาลล่มสลายในคราวนี้เป็นแน่แท้ หากถูกปกครองโดยผู้นำที่ไร้ศักยภาพอย่างน้องชายคนสุดท้องของเขา

แม้ใครหลายคนจะมองว่า สภาวะอ่อนแอ ไร้ประสบการณ์ของคิม จองอึน อาจนำไปสู่ท่าทีที่อ่อนลงในเวทีโลก แต่ไม่มีใครบอกได้ว่า แท้จริงแล้ว ทายาทตระกูลคิมผู้นี้มีอุปนิสัยและพฤติกรรมอย่างไรกันแน่ เพราะข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยนั้นมีน้อยมาก เน้นไปทางประวัติการศึกษาของเขาเป็นหลัก เช่นล่าสุดอดีตเพื่อนร่วมชั้นเผยว่า ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือเรียนหนังสือเข้าขั้นห่วย ส่วนบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างญี่ปุ่นและจีนเพียรพยายามอยู่หลายปีมาก กว่าจะค้นเจอรูปถ่ายของทายาทตระกูลคิมผู้นี้ แต่ก็พบแต่รูปสมัยยังเด็กมาก บ่งชี้อะไรไม่ได้เลย

ข่าวลืออีกชิ้นระบุว่า คิม จองอึน สั่งประหารนายทหารระดับนายพลไปหลายรายด้วยข้อหา "มีพฤติกรรมนอกลู่นอกทาง" ทั้งเมาเหล้า ลวนลามผู้หญิง หรือกระทั่งเรื่องขี้ปะติ๋วอื่นๆ ไม่ต่างอะไรกับสมัยพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่ เช่นกันที่เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า ข่าวลือดังกล่าวจริงหรือไม่ หรือจะเป็นแค่โฆษณาชวนเชื่อ อวดอ้างศักดาผู้นำวัยเยาว์ให้ทั้งพลเมืองและชาวโลกได้ประจักษ์ภายใต้ความพยายามปลุกกระแสลัทธิบูชาบุคคลให้กลับคืนมาอีกครั้ง

ไม่ว่าจะเป็นข่าวการสั่งเก็บนายทหารระดับบิ๊ก การจัดงานเฉลิมฉลองสุดอลังการ หรือการประกาศยิงจรวดสุดสะพรึง ล้วนแล้วแต่เป็นไปเพื่อโปรโมตผู้นำคนใหม่ในภารกิจสานต่อลัทธิบูชาบุคคลให้ได้อย่างคิมผู้พ่อ เพราะผู้นำเกาหลีเหนือต้องได้รับการยอมรับนับถือจากกองทัพและประชาชนในฐานะผู้นำที่เก่งรอบด้านเข้าขั้นเหนือมนุษย์ แม้ว่าเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนจะยากแค้นแสนสาหัสเพียงไรก็ตาม เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้จะโดนวิพากษ์วิจารณ์หรือห้ามปรามมากน้อยแค่ไหน เกาหลีเหนือก็ยังยืนยันเดินหน้าแผนส่งจรวดลูกนี้อยู่ดี เพราะหากล้มเลิกก็หมายถึงความอ่อนด้อยไร้น้ำยา และตอกย้ำว่า ผู้นำนั้นอ่อนแออย่างที่ใครๆ เขานินทากัน

แผนปล่อยจรวดใช้งบประมาณราว 850 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่งานเฉลิมฉลองครั้งนี้ถลุงเงินไป 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือหนึ่งในสามของงบประมาณประจำปี พอจะซื้อข้าวให้ประชาชนกินได้ถึง 4.75 ล้านตัน แต่เพื่อประกาศศักดาในเวทีโลกแล้ว มากแค่ไหนก็คงต้องทุ่ม ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายให้ทรรศนะว่า ด้วยเหตุที่เกาหลีเหนือไม่มีอะไรโดดเด่นเลย นอกจากความล้าหลังและยากจนข้นแค้น การพัฒนาเทคโนโลยีขีปนาวุธจึงเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้โสมแดงส่องแสงเปล่งประกาย เรียกร้องความสนใจในระดับนานาชาติได้นั่นเอง

ท้ายที่สุด เราทั้งหลายคงต้องลุ้นกันว่า แผนปล่อยจรวดส่งดาวเทียมของเกาหลีเหนือครั้งนี้ มีนัยแอบแฝงอย่างที่ร่ำลือกันหรือไม่ หรือจะเป็นแค่การเล่นปาหี่บูชาผู้นำ แต่ที่แน่ๆ คือ แผนการข่มขวัญชาวโลกหนนี้ก็ทำเอาตลาดปั่นป่วน จะมีก็แต่บรรดาบริษัทผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารเท่านั้นที่นั่งยิ้มกว้างเตรียมโกยรายได้กันยกใหญ่--จบ--


--อินโฟเควสท์ โดย มัณฑนา กิตติธรรมรักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
โพสต์โพสต์