ปัจจัยสำคัญในการเลือกธุรกิจกลุ่มอิเลคทรอนิค

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
My House
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1317
ผู้ติดตาม: 9

ปัจจัยสำคัญในการเลือกธุรกิจกลุ่มอิเลคทรอนิค

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เพื่อนๆพี่ๆน้องๆคิดว่าการเลือกซื้อหุ้นกลุ่มอิเลคทรอนิคควรเน้นบริษัทที่มี mass product หรือมี margin สูงดีครับ
My House
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1317
ผู้ติดตาม: 9

My House

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ไร้คนเจิม หุหุ งั้นเจิมเอง
ก่อนอื่นต้องบอกนะครับว่าไม่เคยสนใจหุ้นกลุ่มอิเลคเพราะไม่เก่งเรื่องเทคโนโลยี แต่เคยได้ยินข่าวว่าอินเดียผลิตโนตบุคขายต้นทุนแค่ 300 บาทต่อเครื่อง :shock: (ไม่แน่ใจว่าได้ยินถูกรึเปล่าครับ) ก็เลยสะกิดใจว่าพวกอุปกรณ์อิเลคนี่นับวันยิ่งมีความต้องการมากขึ้นแต่ราคากลับถูกลงเรื่อยๆ
เลยแอบมาคิดเล่นๆว่า บริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนอิเลคที่เน้นผลิตทีละมากๆ(mass product)แต่เป็นชิ้นส่วนทั่วไป ในอนาคตน่าจะได้เปรียบบริษัทที่เน้นผลิตชิ้นส่วนที่มีมูลค่าสูงเน้น marginสูงๆแต่ต้องคอยปรับเปลี่ยนตามtrend เพราะนับวันของเหล่านี้มักถูกลงเรื่อยๆแต่ความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ และบริษัทที่เน้นผลิตชิ้นส่วนที่มีมูลค่าสูงแม้จะทำกำไรได้ดีในระยะสั้นแต่ต้องมาคอยปรับเปลี่ยนการผลิตเรื่อยๆ หากไม่สามารถปรับได้ทันตามกระแสอาจมีการสูญเสียรายได้คราวละสูงๆเพราะของเก่าตกรุ่นและไม่สามารถผลิตของใหม่ได้ แต่บริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนจำเป็นทั่วๆไปและผลิตได้ทีล่ะมากๆไม่ต้องเปลี่ยนlineการผลิตบ่อยๆ ทำกำไรได้เรื่อยๆและมากขึ้นตามความต้องการ ความคิดผมก็เป็นเช่นนี้และครับอาจเข้าใจผิดๆรบกวนชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
unnop.t
Verified User
โพสต์: 924
ผู้ติดตาม: 1

ปัจจัยสำคัญในการเลือกธุรกิจกลุ่มอิเลคทรอนิค

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอแชร์ความรู้เท่าที่มีแล้วกันนะครับ ผมไม่ใช่ผู้ชำนาญเท่าไหร่

1. บริษัทรับจ้างผลิตอิเลกส่วนใหญ่ จะผลิตสินค้าที่เป็น mass ทั้งนั้นเพราะต้องผลิตในจำนวนมากจึงคุ้ม เช่นพวก OEM Contract manfg. เป็นต้น ดังนั้นในอุตสาหกรรมอิเลกส่วนใหญ่ ถ้า demand ลดลงเล็กน้อย อาจทำให้เกิด oversupply ได้อย่างรวดเร็วในตลาด ถ้ามี excess demand เกิดขึ้น โรงงานอิเลกส่วนใหญ่สามารถ de-bottle neck หรือซื้อเครื่องจักรพิเศษมาเพิ่มในกำลังการผลิต ดังนั้นสามารถดูดซับ demand ไปได้ ในเวลาไม่นาน ซึ่งจะต่างจากพวก โรงเหล็ก โรงกลั่น ปิโตรเคมี ทั้งหลายซึ่งจะใช้เวลาหลายปี กว่าจะเสร็จ

2. บริษัทที่ผลิตสินค้าพวก margin สูง จะเป็นพวกตลาดเฉพาะ หรือพวก new technology แต่ส่วนใหญ่ผู้ผลิตจะไม่ได้เป็นเจ้าของ technology หรือ patent ซึ่งบริษัทพวกนี้เรียกว่า fabless จะไปจ้างผู้ผลิตอีกที ดังนั้นผู้ที่ลงทุน r&d สูง คือพวกบริษัท fabless (เมืองไทยไม่มี) ส่วนในไทยบริษัทที่ผลิตพวกสินค้า margin สูง ส่วนใหญ่จะรับจ้างผลิตเหมือนกัน แต่จะมี know how และ experience ในการผลิตสินค้าพิเศษนั้น อันนี้คือข้อได้เปรียบ การที่จะเปลี่ยนไปให้คนอื่นผลิต ก็ทำได้ยากกว่า แต่กว่าจะทำสินค้าเฉพาะนั้นต้องใช้เวลาในการพัฒนา ลองผิดลองถูก ซึ่งก็มีต้นทุนเกิดขึ้นเหมือนกัน

ถ้าถามผมว่า ผมจะเลือกลงทุนบริษัทแบบไหน ตอบว่า เลือกบริษัทที่ผลิตสินค้าทั้งสองอย่างครับ สินค้าพวก mass product ถึงแม้ margin ต่ำแต่ได้ volume มากเพราะสินค้าติดตลาดแล้ว เป็น cash flow เลี้ยงบริษัทได้ และลงทุนต่ำ  แต่สินค้า margin สูงเป็นตัวสร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำได้ ถึงแม้ว่า volume ไม่สูงมาก อนาคตสินค้าพอเป็น mass มากขึ้น margin ก็จะถูกบีบลงจากผู้จ้างผลิต เพราะฉนั้นก็ต้องพัฒนาการผลิตสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ต้องเป็น first comer ไม่ใช่ late comer

บริษัทที่ผลิตสินค้า mass อย่างเีดียวเสี่ยงต่อการยกเลิกการผลิตจากผู้จ้างได้ง่าย เพราะมีผู้รับจ้างผลิตอื่น ๆอีกมาก หรือการย้ายฐานการผลิตไปยังที่แรงงานถูกกว่า  และสินค้ามีโอกาสเกิด oversupply ได้ง่ายกว่า

แค่นี้แล้วกันครับ  :D
ตลาดหุ้นมักจะหลอกเราด้วย ความโลภ และความกลัว.....
ภาพประจำตัวสมาชิก
MYBIZ
Verified User
โพสต์: 888
ผู้ติดตาม: 0

ปัจจัยสำคัญในการเลือกธุรกิจกลุ่มอิเลคทรอนิค

โพสต์ที่ 4

โพสต์

เป็นผมคงดูตามเทรนด์ของผู้บริโภคครับ ว่าตอนนี้ไปทางด้านไหน
แล้วก็มาดูผลิตภัณฑ์ที่บริษัทผลิตว่าตรงตามกระแสหรือเปล่า
ส่วนงบการเงินและอื่นๆก็ตัดสินใจอีกที หมดกระแสของผู้บริโภค
ก็ต้องปล่อยไปเพราะถือยาวคงไม่ได้ถ้าบริษัทปรับตัวตามเทรนด์
ของผู้บริโภคไม่ทัน และถ้าการลงทุนสูงเกินไปในการปรับเปลี่ยน
ประมาณว่าตามติด ติดตามว่าบริษัทที่เราลงทุน ยังอยู่ในกระแสผู้บริโภคหรือเปล่า อิอิๆๆ
จุดหมายปลายทาง อาจไม่ใช่ที่สุดของความงดงาม
โพสต์โพสต์