$$ รวมหุ้น Turnaround $$

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
madam
Verified User
โพสต์: 278
ผู้ติดตาม: 1

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เพื่อนๆ คิดว่าตัวไหนจะ Turnaround บ้างคะ

จากเดิม ธุรกิจอาจไม่ค่อยจะดี แต่มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

ไม่ว่าจะเปลี่ยนตัวผู้บริหาร
เปลี่ยนคณะกรรมการ
เปลี่ยนผู้ถือหุ้นรายใหญ่
เปลี่ยนนโยบายทางบัญชี
เปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจ
เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายลูกค้า

ฯลฯ

มีตัวไหนเข้าข่ายข้างบนนี้บ้างคะ อยากเอากรณีศึกษาไปทำการบ้านต่อค่ะ  :oops:
Tsunami
Verified User
โพสต์: 65
ผู้ติดตาม: 1

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 2

โพสต์

วันนี้เห็น  TGCI    :D
miracle
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 18396
ผู้ติดตาม: 75

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 3

โพสต์

Turn around
ประเภทแรก
1. ไปสู่ที่ชอบที่ชอบเถอะ
2. ไปสู่ที่ใหม่เถอะ
3. ฉันไม่ไปซักอย่างอยู่อย่างนี้ล่ะ
:)
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10548
ผู้ติดตาม: 68

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 4

โพสต์

miracle เขียน:Turn around
ประเภทแรก
1. ไปสู่ที่ชอบที่ชอบเถอะ
2. ไปสู่ที่ใหม่เถอะ
3. ฉันไม่ไปซักอย่างอยู่อย่างนี้ล่ะ
:)
:D

แล้ว ถามคุณ มาดาม หน่อย คิดว่าตัวไหนจะ turn บ้าง  :?:
KB
Verified User
โพสต์: 1558
ผู้ติดตาม: 0

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 5

โพสต์

นึกว่าจะรวมรายชื่อมาให้ดูหลายตัว เห็นตั้งชื่อกระทู้เป็นประโยคบอกเล่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Rocker
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4914
ผู้ติดตาม: 244

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 6

โพสต์

business cycle กลับมาเป็นขาขึ้น ถือว่า turn around ไหม

ถ้าใช่ ก็น่าจะมี RCL นะ ติดตามตอนต่อไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
kotaro
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1496
ผู้ติดตาม: 36

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 7

โพสต์

รูปภาพ

ดูเต็มๆ ที่นี่
http://www.kaohoon.com/online/index.php ... Itemid=122
chotipat
Verified User
โพสต์: 625
ผู้ติดตาม: 0

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 8

โพสต์

JAS เข้าข่ายมั้ยครับ
worapot_ta
Verified User
โพสต์: 368
ผู้ติดตาม: 0

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 9

โพสต์

บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาบริษัทยังคงขาดทุนต่อเนื่อง แต่ไตรมาส 1/53 บริษัทสามารถกลับมาทำกำไรได้ที่ 18 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าไตรมาส 2 จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากบริษัทมีออเดอร์เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก โดยออเดอร์ที่เพิ่มส่วนใหญ่เป็นออเดอร์ในประเทศจากคำสั่งซื้อจากค่ายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ส่วนต่างประเทศบริษัทก็มีออเดอร์เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะประเทศจีน อย่างไรก็ตาม CWT ยังต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไปว่าจะสามารถพลิกกลับมาทำกำไรติดต่อกันได้ยาวขนาดไหนหลังจากฟื้นกลับมาได้อีกครั้ง ทั้งนี้ ราคาหุ้นไต่ระดับจาก  3.66 บาทในช่วงกลางเดือนพ.ค.มาอยู่ที่ระดับ 5.95 บาท
cwt ครับ หลังจากที่มีการปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ไปแล้ว คาดว่าจะทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลงอย่างมาก
สำหรับตัวธุรกิจบริษัทพยายามเข้าไปผลิตสินค้าให้กับลูกค้ารถยนต์ ซึ่งสินค้าตรงนี้มีการแข่งขันที่ไม่รุนแรงเท่าสินค้าอย่างอื่น  บริษัทพยายามมาอยู่หลายปี เริ่มที่จะมีคำสั่งซื้อเข้ามาพอสมควร ปีนี้คงได้ประโยชน์จากยอดผลิตรถยนต์ในประเทศที่สูงเป็นประวัติการณ์ ประกอบกับยังมีสต๊อกวัถตุดิบที่ราคาต่ำอยู่ ทำให้เริ่มเห็นกำไรเป็นไตรมาสแรก ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะสามารถทำกำไรได้ต่อเนืองรึป่าว  แต่ในq2 นี้น่าจะมีกำไรจากการลดหนี้เข้ามาเกือบๆ100ล้าน
tooyen
Verified User
โพสต์: 236
ผู้ติดตาม: 0

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 10

โพสต์

turnจริง turnปลอมขอให้ดูธรรมาภิบาลผู้บริหารด้วยนะครับ
tooyen ,air conditioner, electric fan
Albino
Verified User
โพสต์: 210
ผู้ติดตาม: 0

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ส่ง VNG กะ LHK เข้าประกวด ครับ  :o
ภาพประจำตัวสมาชิก
vichit
Verified User
โพสต์: 15833
ผู้ติดตาม: 11

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 12

โพสต์

หุ้นTurnaround

หรือแค่ปั่นกระแส?

ข้อมูลบริษัทจดทะเบียน

วันพฤหัสบดีที่ 08 กรกฏาคม 2010 เวลา 10:55:59 น.

"ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์" ได้รวบรวมข้อมูลบริษัทจดทะเบียนซึ่งมีกระแสข่าวว่าบริษัทมีแนวโน้มจะฟื้นตัว เพื่อให้นักลงทุนพิจารณาว่าหุ้นดังกล่าวมีพื้นฐานที่ดีขึ้นสอดคล้องกับกระแสข่าวหรือไม่ เ พราะบางครั้งหุ้น Turnaround และหุ้นปั่นก็มีสภาพการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่หุ้น Turnaround จะอยู่บนพื้นฐานของการฟื้นตัวที่แท้จริงของผลการดำเนินงานบริษัท


บริษัทผลิตภัณฑ์ คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP มีผลการดำเนินงานขาดทุนต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2548 และล่าสุดไตรมาส 1/53 บริษัทยังคงขาดทุน 16 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้บริหารมั่นใจว่าปีนี้บริษัทจะพลิกกลับมามีกำไร โดยจะเริ่มเห็นตัวเลขเป็นบวกตั้งแต่ไตรมาส 3/53 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น และเป็นกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ โดยครึ่งปีแรกบริษัทมีงานในมือกว่ากว่า 1.6 พันล้านบาท แบ่งเป็นงานเก่า 900 ล้านและงานใหม่ 700 ล้านบาท ซึ่งทยอยรับรู้ไปถึงปลายปี 54 ทั้งนี้ งาน Mega Project จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลมีงานใหม่เข้ามาต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทมีโอกาสที่จะได้งานจากบริษัท ช.การช่าง ซึ่งได้งานประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สัญญา 1-2

นอกจากนี้ บริษัทได้ประนอมหนี้โดยยืดอายุชำระกับสถาบันการเงินวงเงิน 800 ล้านบาท หากบริษัทสามารถทำได้ตามแผน ก็จะได้ส่วนลดหนี้ลงประมาณ 140 ล้านบาท คาดว่าจะนำไปล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่กว่า 100 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีเงินสดในมือราวกว่า 100 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาหุ้น CCP ล่าสุดอยู่ที่ 1.35 บาท ทยอยเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนพ.ค.ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.12 บาท


บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เกิดจากการปรับโครงสร้างกิจการ โดยบริษัทธนายงของ คีรี กาญจนพาสน์ ได้เพิ่มทุนและนำเงินไปซื้อหุ้นบริษัทรถไฟฟ้าบีทีเอส จากเจ้าหนี้ และเปลี่ยนชื่อเป็น BTS ถือเป็นการปรับโครงสร้างทางการเงินครั้งใหญ่ ทำให้หุ้น BTS กลายเป็นที่สนใจของนักลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากกิจการในส่วนของรถไฟฟ้าเริ่มจะคืนทุนแล้ว โดยบริษัทจะล้างขาดทุนสะสมในปีไตรมาส 1 ปี 53/54 (สิ้นสุด มิ.ย.53) และเริ่มจ่ายปันผลได้เป็นปีแรก ทั้งนี้ นักลงทุนให้ความสนใจกับสินทรัพย์ซึ่งเป็นที่ดินโดยรอบเส้นทางรถไฟฟ้าว่าผู้บริหาร BTS ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะสามารถสร้างมูลค่าที่ดินให้เพิ่มขึ้นได้มากน้อยเพียงใด

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องรับกับกระแสดังกล่าว โดยปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 0.61 บาทในช่วงกลางเดือนมิ.ย. มาอยู่ที่ระดับ 0.86 บาทในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารอย่าง คีรี ได้ทยอยขายหุ้นทิ้งอย่างต่อเนื่องรวม 3 ครั้งขายไป 780 ล้านหุ้น ที่ระดับราคา 0.80 บาท รวมเป็นเงิน 624 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนยังคงเข้าซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากคาดว่าธุรกิจรถไฟฟ้าบีทีเอสที่จะสร้างรายได้หลักให้กับบริษัท โดยปี 53 ตั้งเป้ารายได้จากการให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสจะเติบโต 8% จากปีก่อน เนื่องจากปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ส่วนการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ตามเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอสจะทยอยดำเนินการบนที่ดินเดิมของบีทีเอสที่มีมูลค่าราว 1.3 หมื่นล้านบาท


บริษัทไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น  จำกัด (มหาชน) หรือ LIVE เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่ประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมที่เหลืออยู่ประมาณ 8 ล้านบาท หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทได้นำส่วนเกินมูลค่าหุ้นและลดทุนจดทะเบียนชดเชยขาดทุนสะสมส่วนใหญ่ไปแล้ว 437.15 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถจ่ายปันผลได้ในปี 53 จากรายได้ที่คาดว่าจะเติบโต 20-25% อย่างไรก็ตาม ไตรมาส1/53 ที่ผ่านมาบริษัทยังคงขาดทุน 82.5 ล้านบาท ซึ่งยังเป็นคำถามว่าปีนี้บริษัทจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรและจ่ายปันผลได้หรือไม่


บริษัทเนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด  (มหาชน) หรือ NWR เริ่มกลับมามีกำไรตั้งแต่ปี 51 และในไตรมาส1/53 บริษัทมีกำไรสุทธิ 31 ล้านบาท ทั้งนี้ NWR มีโอกาสที่จะได้เซ็นสัญญาก่อสร้างเขื่อนในมาเลเซียมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท รวมถึงความสามารถในการจ่ายเงินปันผลได้อีกครั้งในปี 2553 โดยมี Dividend Yield ราว 2.7% หลังจากบริษัทลดทุนจาก 8 หุ้นเดิมเหลือ 5 หุ้น ทั้งนี้ ราคาหุ้นได้เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย.จากระดับราคา 0.32 มาอยู่ที่ระดับ 0.40 บาท

ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB มีการเพิ่มทุนและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นบ่อยครั้งที่สุดธนาคารหนึ่ง แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ในการปรับปรุงความสามารถในการทำกำไรของบริษัท นับตั้งแต่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งนับช่วงเวลา 10 ปีกว่า บริษัทยังไม่สามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ แม้ว่าจะเริ่มกลับมามีกำไรตั้งแต่ปี 51 ทั้งนี้ ทหารไทยเริ่มฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด หลังจากลุ่มไอเอ็นจีเข้ามาถือหุ้น โดยล่าสุดธนาคารได้ลดพาร์เหลือ 0.95 บาท เพื่อล้างขาดทุนสะสมและกลับมาจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้เป็นปีแรก

ทั้งนี้ ราคาหุ้น TMB ได้ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้มีการวิเคราะห์ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/53 จะออกมาไม่ดีนัก แต่นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรเรื่องการขายหุ้นของกระทรวงการคลังให้กับกลุ่ม ING ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3 บาท ทำให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหลังจากตกลงซื้อขายล็อตแรก 5% ทำให้ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาอยู่ที่ระดับ 1.70 บาท จากต้นเดือนซึ่งอยู่ที่ 1.30 บาท เท่านั้น


บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ LOXLEY เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่มีแผนจะล้างขาดทุนสะสม หลังจากบริษัทกลับมาทำกำไรได้ในปีที่แล้ว และธุรกิจโดยรวมของ LOXLEY เริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยไตรมาส 1/53 บริษัทมีกำไรสุทธิ 124 ล้านบาท


บริษัทอาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) หรือ RCL ประสบปัญหาขาดทุนนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 51 หลังจากการส่งออกทรุดตัวลงแรงทั่วโลก ทำให้ปริมาณการขนส่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจเดินเรือเชื่อว่า RCL ได้ผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 1/53 ที่ผ่านมา โดยบริษัทยังคงขาดทุนกว่า 341 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การส่งออกที่เริ่มฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก ทำให้ธุรกิจเรือขนส่งประเภทบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวตามไปด้วย ทั้งนี้ คาดว่า RCL จะเริ่มพลิกมีกำไรสุทธิตั้งแต่ไตรมาส 2-3 ปีนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทกลับมามีกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี ขณะภาระทางการเงินของบริษัทลดลงหลังจากเพิ่มทุนสำเร็จด้วยดี


บริษัทอาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH ย้อนไป 5 ปี บริษัทเพิ่งประสบปัญหาขาดทุนเป็นครั้งแรกในปี 52 แต่คาดว่าในปีนี้บริษัทจะพลิกกลับมามีกำไรได้ โดยไตรมาส 1/53 บริษัทมีกำไร 55 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ส่งผลให้บริษัทมีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะชิ้นส่วนรถยนต์อีโคคาร์ ซึ่งจะทำให้การทำกำไรของบริษัทพลิกกลับมาใกล้เคียงปี 51 ที่ระดับ 240 ล้านบาท


บริษัท อาร์ เอส จำกัด (มหาชน ) หรือ RS กลับมาทำกำไรได้ในปี 52 ที่ 75 ล้านบาท หลังจากขาดทุนติดต่อกัน 2 ปี คือ 50-51 จากการชะลอตัวของธุรกิจบันเทิง และในไตรมาส 1/53 บริษัทมีกำไรสุทธิ 52 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะสามารถล้างขาดทุนสะสมและจ่ายปันผลได้ในปีนี้ หลังจากบริษัทมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นในทุกธุรกิจ และมีกำไรจากค่าลิขสิทธ์ฟุตบอลโลกประมาณ 100 ล้านบาท โดยราคาหุ้น RS เริ่มปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมี.ค. และสูงสุดที่ระดับ 3.08 บาท ก่อนจะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2.58 บาท



บริษัท โปรเฟสชั่นแนล เวสต์ เทคโนโลยี(1999) จำกัด (มหาชน) หรือ PRO ขาดทุนต่อเนื่องตั้งแต่ปี 49 และไตรมาส1/53 ยังคงขาดทุนสุทธิ 9.3 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้บริหารมั่นใจว่าในปีนี้จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ ตั้งเป้ารายได้ 435 ล้านบาท ซึ่งหากบริษัทกำไรและมีเงินจากการเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิมและPP จะทำให้บริษัทสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 20 ล้านบาทได้บางส่วน ทั้งนี้ ราคาหุ้น PRO ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนพ.ค.จากระดับ 0.21 บาทมาอยู่ที่ระดับ 0.25 บาท



บริษัท เอ็มพิคเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPIC ประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่องตั้งแต่ปี 48 และล่าสุดในไตรมาส 1/53 บริษัทเริ่มมีกำไรเพียงเล็กน้อยที่ 2.7 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าปีนี้จะพลิกกลับมามีกำไร ส่งผลให้ขาดทุนสะสมลดลง แต่คงไม่ทั้งหมด โดยคาดว่าไตรมาส 2 บริษัทจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 10-20% จากไตรมาส 1/53 และจะเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาส 4/53 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจภาพยนตร์ นอกจากนี้ บริษัท เอ็มวีดี (MVD) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยมียอดขายเพิ่มขึ้น และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในอันดับ 1 ทั้งนี้ ราคาหุ้น MPIC ทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.27 บาท



บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD นับตั้งแต่ปี 2548-2552 บริษัทสามารถทำกำไรได้เพียงปีเดียวในปี 50 และปีนี้คาดว่าจะสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง โดยส่งสัญญาณค่อนข้างดีในไตรมาส 1/53 ที่สามารถทำกำไรได้ 190 ล้านบาท และพร้อมจะจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น โดยในปี 53 คาดว่าบริษัทจะมีรายได้เกินกว่า 50,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีมูลค่างานในมือสูงถึง 2 แสนล้านบาท แบ่งเป็นในประเทศ 8 หมื่นล้านบาท และงานต่างประเทศ 1.2 แสนล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทจะเน้นประมูลงานที่มีมาร์จินสูงเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ราคาหุ้น ITD ผันผวนอยู่ในระหว่าง 2.5-3 บาท และล่าสุดลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2.68 บาท



บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาบริษัทยังคงขาดทุนต่อเนื่อง แต่ไตรมาส 1/53 บริษัทสามารถกลับมาทำกำไรได้ที่ 18 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าไตรมาส 2 จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากบริษัทมีออเดอร์เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก โดยออเดอร์ที่เพิ่มส่วนใหญ่เป็นออเดอร์ในประเทศจากคำสั่งซื้อจากค่ายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ส่วนต่างประเทศบริษัทก็มีออเดอร์เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะประเทศจีน อย่างไรก็ตาม CWT ยังต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไปว่าจะสามารถพลิกกลับมาทำกำไรติดต่อกันได้ยาวขนาดไหนหลังจากฟื้นกลับมาได้อีกครั้ง ทั้งนี้ ราคาหุ้นไต่ระดับจาก  3.66 บาทในช่วงกลางเดือนพ.ค.มาอยู่ที่ระดับ 5.95 บาท



บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PLE นับตั้งแต่ปี 48-52 บริษัทขาดทุนต่อเนื่อง และในปีนี้เริ่มต้นไตรมาสแรกมีกำไร 196 ล้านบาท หลังจากประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่องถึง 2 ปีในปี 2551-2552 ทั้งนี้ คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาส 2/53 ทั้งนี้ คาดว่าในปีนี้บริษัทจะมีรายได้รวมกว่า 8 พันล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณ 4 พันล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากงานในประเทศ 70% และงานต่างประเทศ 30% ด้วยมูลค่างานในมือ (Backlog) และโครงการจากต่างประเทศที่คาดว่าจะได้ในอนาคตจะส่งผลให้บริษัทมีโอกาสฟื้นตัวได้อีกครั้ง ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.18 บาท มาอยู่ที่ 1.4 บาท



บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAFARI นับตั้งแต่ปี 48 บริษัทขาดทุนต่อเนื่อง และในไตรมาส 1/53 กลับมามีกำไรที่ 25.06 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลผู้บริหารรุ่นสองอย่าง ฤทธิ์ คิ้วคชา ที่เข้ามาเสริมทัพ โดยนำแผนการตลาด เทคโนโลยี และวัฒนธรรมองค์กร 3 มิติ เข้ามาช่วยในการฟื้นฟูกิจการและลดมูลหนี้ที่มีอยู่กว่า 4 พันล้านให้เบาบางลง



บริษัท ไทยรุ่งยูเนียนคาร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TRU ขาดทุนต่อเนื่องตั้งแต่ปี 49-52 และไตรมาสแรกปีนี้บริษัทสามารถทำกำไรได้ 23 ล้านบาท โดยบริษัทหันมาเน้นผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ด้วยการหาช่องทางตลาดใหม่อย่างรถดัดแปลงลิมูซีน และเล็งเพิ่มไลน์รถพีพีวีราคาประหยัด หลังจากประสบความสำเร็จมาแล้วกับ รถยนต์รุ่น ทีอาร์ แอดเวนเจอร์ ผู้บริหารคาดว่าปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 1,900 ล้านบาท หรือเติบโต 35% โดยธุรกิจหลักอยู่ที่การรับจ้างผลิตชิ้นส่วนที่มีสัดส่วน 60% จากรายได้ทั้งหมด ส่วนธุรกิจขายรถยนต์ดัดแปลงและบริการมีสัดส่วน 25% และที่เหลืออีก 15% เป็นธุรกิจทำแม่พิมพ์และจิ๊กซอว์ ราคาหุ้น TRU ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ระดับ 2.60 บาท มาอยู่ที่ 4.8 บาท



บริษัท ยูเนี่ยนอุตสาหกรรมสิ่งทอ จำกัด (มหาชน) หรือ UT สามารถพลิกกลับมามีกำไรสูงถึง 430 ล้านบาท หลังจากขาดทุนต่อเนื่อง 2 ปี อย่างไรก็ตาม กำไรที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลจากบริษัทได้ขายที่ดินกว่า 64 ไร่ ให้ ชาร์พ แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) มูลค่ากว่า 538 ล้านบาท ทำให้กำไรที่เพิ่มขึ้นไม่ได้สะท้อนความสามารถในการดำเนินงานอย่างแท้จริง แต่เป็นเพียงการขายทรัพย์สินของกิจการเท่านั้น แต่อาจทำให้ภาระหนี้ของบริษัทลดลง เนื่องจากบริษัทคาดว่าจะนำเงินดังกล่าวไปใช้ในการชำระหนี้เงินกู้ ชำระเงินปันผลค้างจ่าย ที่เหลือใช้เป็นทุนหมุนเวียน ทั้งนี้ กำไรที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดส่งผลให้ราคาหุ้น UT ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนเม.ย.จากระดับ 8.80 บาท มาอยู่ที่ 15.60 บาท



http://www.kaohoon.com/online/index.php ... Itemid=122
tigereye
Verified User
โพสต์: 1056
ผู้ติดตาม: 0

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 13

โพสต์

tooyen เขียน:turnจริง turnปลอมขอให้ดูธรรมาภิบาลผู้บริหารด้วยนะครับ
+1 :cool:
มองตามความเป็นจริง
...อยู่กับปัจจุบัน...
washburn23
Verified User
โพสต์: 8
ผู้ติดตาม: 0

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 14

โพสต์

tigereye เขียน: +1 :cool:
ลองยกตัวอย่างหุ้น turn ปลอมใหู้ดูหน่อยสิครับ
tooyen
Verified User
โพสต์: 236
ผู้ติดตาม: 0

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ยกตัวอย่างยากครับ มันสุ่มเสี่ยงอยู่ ต้องพิจารณากันเองมีหลายองค์ประกอบครับ
tooyen ,air conditioner, electric fan
akekarat
Verified User
โพสต์: 1746
ผู้ติดตาม: 0

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ถ้าที่ turn มาแล้ว ก็น่าจะเป็น SNC
ถ้าที่กำลังจะ turn ไม่แน่ใจว่า JAS จะเข้าข่ายหรือเปล่า

อ่านแล้วใช้วิจารณญาณด้วยนะครับ
chotipat
Verified User
โพสต์: 625
ผู้ติดตาม: 0

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 17

โพสต์

Turnaround กับ Growth มีประเด็นไหนที่แตกต่างกันบ้างครับ  :?:
moonorway
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 648
ผู้ติดตาม: 1

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 18

โพสต์

แล้วอย่าง RCL หรือ AH
มีใครเคยพบหรือพูดคุยกับผู้บริหารบ้าง

แล้วรู้สึกยังไงบ้างครับ

เท่าที่ผมทราบอย่าง RCL เป็นธุรกิจครอบครัวของคนจีน โดยธรรมชาติของคนจีน คือต้องสร้างธุรกิจของบรรพบุรุษให้ดีที่สุดครับ

รบกวนช่วยกันแชร์นะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jazzman
Verified User
โพสต์: 388
ผู้ติดตาม: 0

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 19

โพสต์

[quote="chotipat"]Turnaround กับ Growth มีประเด็นไหนที่แตกต่างกันบ้างครับ
ลงทุนในสิ่งที่เพิ่ม " ค่า " ไปเรื่อยๆ
chotipat
Verified User
โพสต์: 625
ผู้ติดตาม: 0

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 20

โพสต์

SINGER อีกตัวครับ หลังวิกฤติมอเตอร์ไซ
tigereye
Verified User
โพสต์: 1056
ผู้ติดตาม: 0

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 21

โพสต์

ขอนำเสนอ .....
KCE คิดว่าเป็น turnaround + GROWTH
CNT คิดว่าเป็น TURNAROUND ครับ แต่ถ้าให้ขัวย์รอดู Q2 อีกทีว่ารักษากำไรได้ ดีเหมือนQ1 หรือไม่
SMIT แนวโน้มมธุรกิจดี แต่จะชัดก็ต่อเมื่อ Q2  ยังดีต่อเนื่องครับ
ส่งเข้าประกวด 3 ตัวครับ
มองตามความเป็นจริง
...อยู่กับปัจจุบัน...
firewalker
Verified User
โพสต์: 547
ผู้ติดตาม: 0

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 22

โพสต์

ขอเสนอ ESTAR GLAND TCMC และ พวกหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีการบริหารจัดการที่ดี และมีพอร์ตลงทุนของตัวเองครับ  :roll:  :roll:  :roll:
nuaythebest
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 245
ผู้ติดตาม: 5

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 23

โพสต์

ผมมองอีกมุมหนึ่ง บริษัทที่อยู่ใน List หลายตัวเป็นพวก commo ซึ่งมันมีรอบของมัน ยังงี้ไม่น่าเรียกว่า turn around ได้เลยนะครับ เพราะตอนครบรอบทุกตัวมันก็ตกหมด เพียงแต่ตัวไหนจะแย่จนกระทั่งขาดทุนเลยก็ยิ่งทรุดไปใหญ่ สำหรับผมกลุ่มนี้ ถ้าให้เลือก เลือกลงตัวที่แม้แต่ในช่วงย่ำแย่ก็ประคองตัวรอดมีกำไรได้ดีกว่า เพราะเวลากลับมาจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ไม่เหมือนพวกที่อ่อนแอเป็นไข้ฟืนขึ้นมาไม่รู้ว่าจะแข็งแรงได้เหมือนเดิมอีกไหม

ส่วนอีกพวกหนึ่งอย่าง Loxley , NWR พวกตามงานประมูล พวกนี้น่าจะเรียกว่ากลุ่ม 3 วันดี 4 วันไข้มากกว่า เพราะมันมีธุรกิจที่ไม่สามารถคาดการ ระยะยาวได้ ปีไหนงานประมูลไม่มีก็แย่ ปีไหนมีเยอะก็เป็นดาว

ถ้าจะ Turn Around จริงๆ ผมว่ามันต้องพวกแบบที่เปลี่ยนธุรกิจ เปลี่ยนโครงสร้าง ภายในเลย เพื่อจะได้โยอย่างยั่งยืน เท่าๆ ที่ดูยังหาไม่เจอเลย เจอแค่เกือบๆ เท่านั้น
Radio
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1339
ผู้ติดตาม: 5

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 24

โพสต์

TGCI
 08  EPS= -44
 09 Q1 EPS = -.10
      Q2 EPS = 0.01
      Q3 EPS = 0.05
      Q4 EPS = 0.04
 10 Q1 EPS = 0.10
      Q2 EPS = 0.08
   เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่  ทำให้
ลดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น  ขายได้มากขึ้น  สามารถใช้คืนเงินกู้
ก่อนกำหนดทำให้ลดดอกเบี้ย  อื่นๆ
   ต้องคอยดูต่อไปว่าจะทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆหรือเปล่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
HARINLUX
Verified User
โพสต์: 339
ผู้ติดตาม: 0

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 25

โพสต์

ผมส่งน้องมะลิ    jas   เข้าประกวด

    jas   ปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจ จากการมีรายได้สัมปทานและรับเหมาวางระบบสื่อสาร  มาเน้นการเป็นผู้ให้บริการบรอดแบนด์  รายได้บรอดแบนด์ใน ไตรมาส 1/53  ประมาณ  56  เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมด
    ผู้บริหารให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมีลูกค้า   650000 ราย มีลูกค้าใหม่ประมาณ 35000  รายต่อเดือน
    ส่วนธุรกิจบรอดแบนด์ จะมีรายได้และกำไรยั่งยืนในอนาคตหรือไม่   ก็อยู่ที่ว่าสังคมไทยจะมีการใช้บรอดแบนด์ในอนาคตมากหรือน้อยลง
    สัดส่วนประชากรที่ใช้บรอดแบนด์ประเทศที่พัฒนาแล้ว  มากกว่าประเทศไทยมาก  แนวโน้มการใช้บรอดแบนด์ก็คงไปในทางเดียวกับประเทศพัฒนาแล้ว
    ส่งน้องมะลิ  เข้าประกวด  คะแนนจะได้มากหรือน้อยอยู่ที่แต่ละท่านละครับ
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 26

โพสต์

ขอเขียนจากความเข้าใจส่วนตัวนะครับ เพราะผมก็เป็นอีกคนนึงที่หลงไหลหุ้นประเภทนี้อยู่มากๆเช่นกัน

ถ้าพูดถึง "หุ้น Turnaround" ก็ต้องนึกถึงคำสำคัญที่สุดคำหนึ่ง
นั่นก็คือคำว่า "จุดต่ำสุด" หรือ "จุดวกกลับ" นั่นเอง
คล้ายๆกับภาพ "กราฟพาราโบลาหงาย" ที่เราเรียนสมัยมัธยมอ่ะนะครับ

หุ้น Turnaround มี Criteria มากมายในการสังเกต
แต่มันต้องใช้ระยะเวลายาวนานเพียงพอ ในการ Confirm การเป็นหุ้น Turnaround จริงๆ

การลงทุนหุ้นประเภทนี้ มีผลตอบแทนที่ดีมากๆ
จะว่าไปแล้ว อาจจะมากพอๆกับหุ้น Super Stock เลยก็ว่าได้
เพราะระหว่าง การเติบโตจากสิ่งที่เลวร้าย(ฐานเก่าต่ำ) กับ การเติบโตจากสิ่งที่ดีอยู่แล้ว
สองอย่างนี้ มี Momentum ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย

แต่ปัญหาคือว่า เรามั่นใจได้แค่ไหนว่า หุ้นที่เราสนใจ จะเป็น "หุ้น Turnaround แท้" หรือเป็นแค่ "หุ้น Turnaround เก๊"

*** และสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ...
ระหว่างคำว่า "หุ้น Turnaround" กับคำว่า "หุ้นที่เข้าข่ายน่าจะ Turnaround"
สองคำนี้ความหมายต่างกันฟ้ากับเหวเลยนะครับ!!!
เพราะ"หุ้นที่เข้าข่ายน่าจะ Turnaround" มีมากมายอยู่เกลื่อนตลาด หรือบางคนอาจเรียกว่า "หุ้นก้นบุหรี่"
อาทิเช่น P/BV ต่ำ, ผลประกอบการเริ่มดีขึ้น จากขาดทุนเป็นกำไร, มีการปรับ Business Model ,มีการปรับโครงสร้างหนี้ หรือมี Hidden Asset มากมาย
แต่ในหุ้นจำนวนมากมายเหล่านี้...
คงมีเพียงแค่ไม่กี่ตัวที่จะเป็น "หุ้น Turnaroundแท้ๆ" ที่จะสามารถพลิกฟื้นได้อย่างแข็งแรง และยั่งยืน
และถ้าคุณค้นพบ มันจะเป็นหุ้นที่คุณจะถือได้อย่างมั่นใจและสบายใจในระยะยาว

ผมไม่เชื่อว่าจะมีใครมอง "หุ้น Turnaround" ออกได้ภายในไม่กี่วัน
เพราะผมมองว่า ระยะเวลาและผลประกอบการเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ "เพชรในตม" เม็ดนี้

การซื้อที่ "จุดวกกลับ" หรือ "จุดต่ำสุด" นั้น ว่ากันว่าเป็นสิ่งที่ยากมากแล้ว
แต่ผมว่า การซื้อก่อนถึงจุดวกกลับนั้นยากเย็นยิ่งกว่า
สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุด คือ...
"เราซื้อเมื่อมั่นใจว่า มันได้ผ่านจุดต่ำที่สุด" มาแล้ว และมันกำลังจะฟื้นตัวได้อีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งคุณต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า "เพราะอะไร?" มิใช่เพียงหลับหูหลับตาซื้อตามคนอื่น

สรุปว่าสำหรับผมแล้ว...
การลงทุนใน "หุ้น Turnaround" นั้นก็คือ "การซื้อของดีในราคาถูกเหลือเชื่อ" ก็เท่านั้นเองครับ
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
tooyen
Verified User
โพสต์: 236
ผู้ติดตาม: 0

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 27

โพสต์

pak เขียน:ขอเขียนจากความเข้าใจส่วนตัวนะครับ เพราะผมก็เป็นอีกคนนึงที่หลงไหลหุ้นประเภทนี้อยู่มากๆเช่นกัน

ถ้าพูดถึง "หุ้น Turnaround" ก็ต้องนึกถึงคำสำคัญที่สุดคำหนึ่ง
นั่นก็คือคำว่า "จุดต่ำสุด" หรือ "จุดวกกลับ" นั่นเอง
คล้ายๆกับภาพ "กราฟพาราโบลาหงาย" ที่เราเรียนสมัยมัธยมอ่ะนะครับ

หุ้น Turnaround มี Criteria มากมายในการสังเกต
แต่มันต้องใช้ระยะเวลายาวนานเพียงพอ ในการ Confirm การเป็นหุ้น Turnaround จริงๆ

การลงทุนหุ้นประเภทนี้ มีผลตอบแทนที่ดีมากๆ
จะว่าไปแล้ว อาจจะมากพอๆกับหุ้น Super Stock เลยก็ว่าได้
เพราะระหว่าง การเติบโตจากสิ่งที่เลวร้าย(ฐานเก่าต่ำ) กับ การเติบโตจากสิ่งที่ดีอยู่แล้ว
สองอย่างนี้ มี Momentum ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย

แต่ปัญหาคือว่า เรามั่นใจได้แค่ไหนว่า หุ้นที่เราสนใจ จะเป็น "หุ้น Turnaround แท้" หรือเป็นแค่ "หุ้น Turnaround เก๊"

*** และสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ...
ระหว่างคำว่า "หุ้น Turnaround" กับคำว่า "หุ้นที่เข้าข่ายน่าจะ Turnaround"
สองคำนี้ความหมายต่างกันฟ้ากับเหวเลยนะครับ!!!
เพราะ"หุ้นที่เข้าข่ายน่าจะ Turnaround" มีมากมายอยู่เกลื่อนตลาด หรือบางคนอาจเรียกว่า "หุ้นก้นบุหรี่"
อาทิเช่น P/BV ต่ำ, ผลประกอบการเริ่มดีขึ้น จากขาดทุนเป็นกำไร, มีการปรับ Business Model ,มีการปรับโครงสร้างหนี้ หรือมี Hidden Asset มากมาย
แต่ในหุ้นจำนวนมากมายเหล่านี้...
คงมีเพียงแค่ไม่กี่ตัวที่จะเป็น "หุ้น Turnaroundแท้ๆ" ที่จะสามารถพลิกฟื้นได้อย่างแข็งแรง และยั่งยืน
และถ้าคุณค้นพบ มันจะเป็นหุ้นที่คุณจะถือได้อย่างมั่นใจและสบายใจในระยะยาว

ผมไม่เชื่อว่าจะมีใครมอง "หุ้น Turnaround" ออกได้ภายในไม่กี่วัน
เพราะผมมองว่า ระยะเวลาและผลประกอบการเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ "เพชรในตม" เม็ดนี้

การซื้อที่ "จุดวกกลับ" หรือ "จุดต่ำสุด" นั้น ว่ากันว่าเป็นสิ่งที่ยากมากแล้ว
แต่ผมว่า การซื้อก่อนถึงจุดวกกลับนั้นยากเย็นยิ่งกว่า
สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุด คือ...
"เราซื้อเมื่อมั่นใจว่า มันได้ผ่านจุดต่ำที่สุด" มาแล้ว และมันกำลังจะฟื้นตัวได้อีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งคุณต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า "เพราะอะไร?" มิใช่เพียงหลับหูหลับตาซื้อตามคนอื่น

สรุปว่าสำหรับผมแล้ว...
การลงทุนใน "หุ้น Turnaround" นั้นก็คือ "การซื้อของดีในราคาถูกเหลือเชื่อ" ก็เท่านั้นเองครับ
เยี่ยมครับ
tooyen ,air conditioner, electric fan
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10548
ผู้ติดตาม: 68

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 28

โพสต์

pak เขียน:ขอเขียนจากความเข้าใจส่วนตัวนะครับ เพราะผมก็เป็นอีกคนนึงที่หลงไหลหุ้นประเภทนี้อยู่มากๆเช่นกัน

ถ้าพูดถึง "หุ้น Turnaround" ก็ต้องนึกถึงคำสำคัญที่สุดคำหนึ่ง
นั่นก็คือคำว่า "จุดต่ำสุด" หรือ "จุดวกกลับ" นั่นเอง
คล้ายๆกับภาพ "กราฟพาราโบลาหงาย" ที่เราเรียนสมัยมัธยมอ่ะนะครับ

หุ้น Turnaround มี Criteria มากมายในการสังเกต
แต่มันต้องใช้ระยะเวลายาวนานเพียงพอ ในการ Confirm การเป็นหุ้น Turnaround จริงๆ

การลงทุนหุ้นประเภทนี้ มีผลตอบแทนที่ดีมากๆ
จะว่าไปแล้ว อาจจะมากพอๆกับหุ้น Super Stock เลยก็ว่าได้
เพราะระหว่าง การเติบโตจากสิ่งที่เลวร้าย(ฐานเก่าต่ำ) กับ การเติบโตจากสิ่งที่ดีอยู่แล้ว
สองอย่างนี้ มี Momentum ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย

แต่ปัญหาคือว่า เรามั่นใจได้แค่ไหนว่า หุ้นที่เราสนใจ จะเป็น "หุ้น Turnaround แท้" หรือเป็นแค่ "หุ้น Turnaround เก๊"

*** และสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ...
ระหว่างคำว่า "หุ้น Turnaround" กับคำว่า "หุ้นที่เข้าข่ายน่าจะ Turnaround"
สองคำนี้ความหมายต่างกันฟ้ากับเหวเลยนะครับ!!!
เพราะ"หุ้นที่เข้าข่ายน่าจะ Turnaround" มีมากมายอยู่เกลื่อนตลาด หรือบางคนอาจเรียกว่า "หุ้นก้นบุหรี่"
อาทิเช่น P/BV ต่ำ, ผลประกอบการเริ่มดีขึ้น จากขาดทุนเป็นกำไร, มีการปรับ Business Model ,มีการปรับโครงสร้างหนี้ หรือมี Hidden Asset มากมาย
แต่ในหุ้นจำนวนมากมายเหล่านี้...
คงมีเพียงแค่ไม่กี่ตัวที่จะเป็น "หุ้น Turnaroundแท้ๆ" ที่จะสามารถพลิกฟื้นได้อย่างแข็งแรง และยั่งยืน
และถ้าคุณค้นพบ มันจะเป็นหุ้นที่คุณจะถือได้อย่างมั่นใจและสบายใจในระยะยาว

ผมไม่เชื่อว่าจะมีใครมอง "หุ้น Turnaround" ออกได้ภายในไม่กี่วัน
เพราะผมมองว่า ระยะเวลาและผลประกอบการเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ "เพชรในตม" เม็ดนี้

การซื้อที่ "จุดวกกลับ" หรือ "จุดต่ำสุด" นั้น ว่ากันว่าเป็นสิ่งที่ยากมากแล้ว
แต่ผมว่า การซื้อก่อนถึงจุดวกกลับนั้นยากเย็นยิ่งกว่า
สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุด คือ...
"เราซื้อเมื่อมั่นใจว่า มันได้ผ่านจุดต่ำที่สุด" มาแล้ว และมันกำลังจะฟื้นตัวได้อีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งคุณต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า "เพราะอะไร?" มิใช่เพียงหลับหูหลับตาซื้อตามคนอื่น

สรุปว่าสำหรับผมแล้ว...
การลงทุนใน "หุ้น Turnaround" นั้นก็คือ "การซื้อของดีในราคาถูกเหลือเชื่อ" ก็เท่านั้นเองครับ
คุณ pak เยี่ยมมากครับ ผมชอบจัง ที่มีความเห็นแบบนี้

การจะมองว่าเป็นที่จะกลับนี่ คงต้องมองแบบ forward นะครับ และก็ดู trend ว่าจะไปทางไหน

นั่นก็คือ สิ่งที่ต้องฝึก เพราะ การที่สามารถมองออกได้ และ ฟันธง ว่าใช่ ก็จะทำให้เราเลือก อุตสาหกรรม ที่จะกลับมาถูก

และยิ่งกว่านั้นก็จะทำให้เราเลือก ตัวหุ้นใน อุต นั้น ถูกอีกด้วย คงต้องฝึกกันล่ะ
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 29

โพสต์

"หุ้น Turnaround ตัวพ่อ...รู้ทันเจ้าของ"

ข้อความด้านบนที่ผมเขียนไว้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ หุ้น Turnaround แบบตรงไปตรงมา
แต่เพราะโลกวันนี้ วิศวกรรมศาสตร์ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้เปลี่ยนแปลงไป
ไม่เว้นแม้แต่วงการตลาดหุ้นของเรา
นั่นก็คือศาสตร์ที่เรียกว่า "Finance Engineering"
ซึ่งเป็นที่มาของบทความนี้ นั่นก็คือ "หุ้น Turnaround ตัวพ่อ...รู้ทันเจ้าของ"

สำหรับผมแล้ว "หุ้น Turnaround ตัวพ่อ" หรือ "หุ้น Turnaround แบบไม่ปกติ" นั่นก็คือ หุ้นที่เจ้าของมีเจตนาจงใจทำให้หุ้นของตัวเองตกต่ำลง โดยทำให้ผลประกอบการตัวเองดูแย่ลง เพื่อจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไป
เช่น ต้องการซุกผลประกอบการที่ดีเอาไว้, ต้องการซื้อหุ้นของตัวเองในราคาที่ถูก หรือแม้แต่เพื่อผลประโยชน์ทางด้านภาษีของบริษัทฯ

อาทิเช่น การทำเทคนิค Cookie Jar Reserve ซึ่งมักจะมีการตั้งค่าเผื่อ หรือสำรองทางบัญชี ซึ่งมักจะทำให้กำไรในปัจจุบันลดลง แต่ในปีต่อๆไปอาจมีการกลับรายการ

และที่สำคัญที่สุดในวงการหุ้น Turnaround นั่นก็คือเทคนิคที่เรียกว่า "Big Bath"
ซึ่งก็คือ การล้างบางตัวเลขทางบัญชี เพื่อรอการ Turnaround รอบใหญ่
อาทิเช่น การตั้งสำรองหนี้สินเพื่อกดดันกำไรของบริษัทฯตัวเอง หรือการเอาของเสียๆมารวมกันครั้งใหญ่
และเหตุการณ์แบบนี้ จะทำให้เกิด Panic ในนักลงทุนรายย่อย และก็จะเข้าทางเจ้าของทันที
โดยมักจะเกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ บริษัทฯมักจะเลือกใช้เทคนิคต่างๆเหล่านี้เพื่อตบตานักลงทุนรายย่อยทั่วไป
อย่างที่บอกครับ เพื่อผลประโยชน์ที่แตกต่างกันไป

แต่ถ้าเราสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ ในหุ้น Turnaround เจอแล้วหล่ะก็
นั่นแปลว่า คุณกำลังจะเจอกับ "หุ้น Turnaround ตัวพ่อ" เลยหล่ะครับ
นั่นแปลว่า "ได้ 2 เด้ง" ทั้ง Turnaround แบบ "ปกติ" และ "เจ้าของจงใจ(โดยวาง Road Map ไว้ทั้งหมดแล้ว)
ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้ว มันไม่ง่ายเลย ถ้าเราไม่มีข้อมูล Inside
เราคงทำได้แค่สังเกตจาก "งบการเงิน" และ "การซื้อขายหุ้นในกระดาน" เท่านั้นเอง

ผมเคยเห็นบริษัทฯพยายามซุกผลประกอบการที่ดีเอาไว้ จนมันไม่สามารถจะซุกได้อีกต่อไป (เรียกว่าผลประกอบการที่ดีกำลังจะระเบิดออกมา)
บางบริษัทฯซุกไม่ไหว จึงขอทำเรื่อง Tender Offer ออกจากตลาดหลักทรัพย์ไปเลยก็มี
และแน่นอนครับ ในราคาที่ต่ำกว่าพื้นฐานที่แท้จริง

แต่ถ้าบริษัทฯไม่ออกจากตลาดหลักทรัพย์ นั่นแหล่ะครับ "หุ้น Turnaround ตัวพ่อ...สุดยอดของสุดยอดหุ้น Turnaround"
และไม่ง่ายเลยที่จะค้นหาเจอ
แต่ที่แน่ๆ นอกจาก Criteria พื้นฐานในการดูหุ้น Turnaround แล้ว เราต้องรู้ทันเจ้าของด้วยนะครับ
ย้ำนะครับ ใน Case นี้ เราต้องเรียกว่า "รู้ทันเจ้าของ" ไม่ใช่ "เจ้ามือ" นะครับ
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

$$ รวมหุ้น Turnaround $$

โพสต์ที่ 30

โพสต์

ปล.

ลืมใส่ Credit ครับผม
ข้อมูลบางส่วนนำมาจากการอบรมใน Class เรื่อง "วิธีอ่านและวิเคราะห์งบการเงินสำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า" ของ อ.วรศักดิ์ ทุมมานนท์

(^_^)
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."