กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 25 มองต่างมุม แวลู อินเวสเตอร์

[thaloengsak]

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 25 มองต่างมุม แวลู อินเวสเตอร์






วิธีการลงทุนแบบ แวลู อินเวสเตอร์ ส่วนตัวมองว่า มันเสี่ยง บางทีหุ้นลงก็ต้องถือ เพราะคุณคิดว่าพื้นฐานมันไม่เปลี่ยน เดี๋ยวมันก็ต้องกลับมา แต่เมื่อไรล่ะถ้าคุณไม่ Cut Loss ตอนหุ้นลง มันเสียโอกาส

วิธีการลงทุนโดยการถือหุ้นอยู่ในพอร์ต ตลอดเวลา ในมุมมองของ เสี่ยยักษ์ วิชัย วชิรพงศ์ มีความเชื่อส่วนตัวว่า มันเสี่ยงเกินไป

ด้วยความเชื่อที่ว่า ตลาดหุ้นนั้นมี ฤดูกาล (มีรอบ) ของมัน บางปีอาจจะมีรอบให้เล่น หลายรอบ บางปีตลาดหุ้นอาจจะมีรอบใหญ่ๆ เพียงรอบเดียว แต่ตลาดหุ้นไม่เคยขาดโอกาสให้ซื้อเลยแต่ต้อง รอ เพราะฉะนั้น อย่ากลัว ตกรถไฟ หรือ กลัวจะ ซื้อหุ้นดี (ราคาเหมาะสม) ไม่ได้

ให้ผมวิจารณ์วิธีการลงทุนแบบ แวลู อินเวสเตอร์ (Value Investor) ส่วนตัวมองว่า มันเสี่ยง นะ! ถ้าพลาดทีเดียวจะเสียหายได้เยอะ บางทีหุ้นลงก็ต้องถือ เพราะคุณคิดว่าพื้นฐานมันไม่เปลี่ยน เดี๋ยวมันก็ต้องกลับมา แต่เมื่อไรล่ะถ้าคุณไม่ Cut Loss ตอนหุ้นลง มันเสียโอกาส

เสี่ยยักษ์ เปรียบเทียบให้ฟังว่า อย่างพอร์ตผมมี 1,000 ล้านบาท ช่วงไหนเห็นท่าว่าตลาดไม่ดี ผมก็ลดพอร์ตลงมาเลย เหลือ 100 ล้านบาท หุ้นตกผมยิ้มได้ เพราะผมคิดว่า ยอมขาดทุนถือเงินสดเอาไว้ดีที่สุด เรามีโอกาสแก้ตัว แต่กับอีกคนๆ หนึ่งที่เล่นหุ้นสไตล์ แวลู อินเวสเตอร์ ถือหุ้นอยู่ 1,000 ล้านบาท เต็มพอร์ต วันไหนที่ตลาดหุ้นเกิด แพนิค (ตื่นตระหนก) วันเดียว เงินคุณหายไปเท่าไร

อย่าคิดว่าคนที่เป็น แวลู อินเวสเตอร์ จะไม่กู้ทุกคน หลายคนก็เล่นเครดิตบาลานซ์ ถ้าคุณมีพอร์ต 100 ล้านบาท มองตลาดดีมาก คุณกู้อีก 100 ล้านบาท รวมเป็น 200 ล้านบาท ซื้อเต็มพอร์ต วันไหนที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หุ้นตกลงมาเยอะๆ คุณเจ๊งเลยนะ เพราะคุณจะไม่กล้าขาย คิดว่าพื้นฐานหุ้นมันไม่เปลี่ยน คนที่ถือหุ้นเยอะๆ เวลาจะขายที ไม่ใช่ง่าย ตรงนี้ คือ ความเสี่ยง ที่หลายคนไม่ได้มอง

เสี่ยยักษ์ ออกตัวว่า ไม่ใช่ว่าวิธีการลงทุนแบบ แวลู อินเวสเตอร์ จะไม่ดี คนที่สำเร็จกับวิธีนี้ก็มีเยอะ เพียงแต่อยากจะชี้ให้เห็นจุดอ่อนบางมุม ยกตัวอย่างนะในช่วงที่ตลาดหุ้นเกิดวิกฤติ ตกมากๆ อย่าคิดว่า แวลู อินเวสเตอร์ จะกล้าซื้อทุกคน คนที่ใส่ไปหมดหน้าตักแล้ว อยากซื้อก็ไม่มีตังค์จะซื้อ

ส่วนกรณีของ แวลู อินเวสเตอร์ ที่อยากจะขาย คุณไปซื้อหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำเอาไว้เต็มพอร์ต ถ้าคุณขายได้คุณก็เจ็บหนัก นี่ผมพูดจากประสบการณ์ในชีวิตจริงให้ฟัง ยิ่งคุณขายหุ้นยิ่งลงหนัก ตรงข้ามกับผม ตลาดหุ้นช่วงไหนเล่นแล้วไม่สบายใจ (รู้สึกว่าทำกำไรยาก) ผมล้างพอร์ตจาก 100% ลงมาเหลือ 10% ทันที

ถามว่าเวลาหุ้นตกหนักๆ ใครมีเงินซื้อ ?? คุณ หรือ ผม เสี่ยยักษ์ ถามกลับ

เสี่ยยักษ์ ยกตัวอย่าง กรณี 9/11″ (เครื่องบินผู้ก่อการร้ายพุ่งชนตึกแฝดเวิลด์เทรด ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544) นั่นคือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน มันนอกเหนือกฎเกณฑ์ วันนั้นขาดทุนทันที 26% คนที่กำลังจะ เกิด (กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว) ไปเจอเหตุการณ์อย่างงั้น ไม่รู้จะเกิดยังไง

จำเอาไว้ในภาวะที่ตลาดหุ้นเป็น ขาลง หรือ ภาวะตลาดตื่นตระหนก คนที่มีพอร์ต 100% จะเสียเปรียบ และเสียโอกาสมาก เพราะว่า คุณจะไม่มีเงินซื้อ ได้แต่รอ ได้แต่นั่งดูคนอื่น ในท้ายที่สุด เชื่อเถอะ! ว่า คนที่ถือหุ้นเต็มพอร์ต ช่วงที่ตลาดหุ้นไม่ดี คุณนั่นแหละ คือ คนที่ขายหนีตาย (ขายหลังผม และขาดทุนมากกว่าผม)

เสี่ยยักษ์ สรุปประเด็นนี้ว่า หลักการเล่นหุ้นที่ปลอดภัย คุณไม่จำเป็นต้องถือหุ้นไว้ (เต็มพอร์ต) ตลอดเวลา ช่วงไหนที่ตลาดหุ้นไม่ดี เล่นหุ้นแล้วไม่สบายใจ รู้สึกอึดอัด ต้องลดพอร์ตแล้วถือเงินสดให้มากที่สุดนี่คือ หลักการที่ถูกต้อง

ในช่วง 10 ปีมานี้ (2540-2550) คนที่เล่นหุ้นเป็นรอบ บางคนพอร์ตโตขึ้นมามากกว่า 100 เท่า นักเล่นหุ้นรายใหญ่ๆ ที่รู้จัก หลายคนออกสตาร์ทด้วยเงินน้อยๆ เขาก็ประสบความสำเร็จได้ อย่าง น.พ.วิเศษ วชิรพงศ์ (ขุนศึกคู่กาย) เขาเริ่มต้นจากศูนย์ ในอนาคตก็ต้องมีเงินเป็นร้อยล้านแน่

พูดกันตรงๆ ว่า ช่วงไหนที่ตลาดหุ้นไม่ดี พอร์ตเราต้องเหลือหุ้นให้น้อยไว้ก่อน ถ้าเราเข้าไปซื้อหุ้น (เต็มพอร์ต) ช่วงที่ตลาดไม่ดี เปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ เหมือน ลิงแก้แหยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง เสี่ยยักษ์ กล่าวปิดท้าย

ที่มา : Bangkok Biz Week



Create Date : 29 กันยายน 2551
Last Update : 29 กันยายน 2551 20:23:45 น.

[thaloengsak]

กูรูหุ้นพันล้าน : บทอวสาน สุดยอดวิชัย วชิรพงศ์






ความเป็น สุดยอด ของนักเล่นหุ้นธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ลงทุนจากเงินทุน 2 ล้านบาท แล้วประสบความสำเร็จจนมีเงินนับ พันล้านบาท จาก ต้นกล้า ฝ่าแดดต้านฝน จนเป็น ไม้ใหญ่

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : การนำเสนอ Story ชีวิต และความสำเร็จของ เสี่ยยักษ์ วิชัย วชิรพงศ์ ก็เดินทางมาถึง ปลายทาง ตามวาระแห่งความพอดี (ฉบับสุดท้าย วันที่ 19 ตุลาคม 2550 วันครบรอบ 20 ปีเต็ม ของเหตุการณ์ Black Monday) ไม่มีงานเลี้ยงใดที่ไม่เลิกรา รวมทั้งสิ้น 27 ตอน กับอีก 1 บทสรุปของ สุดยอดวิชา

ความเป็น สุดยอด ของนักเล่นหุ้นธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ลงทุนจากเงินทุน 2 ล้านบาท แล้วประสบความสำเร็จจนมีเงินนับ พันล้านบาท จาก ต้นกล้า ฝ่าแดดต้านฝน จนเป็น ไม้ใหญ่ ขอคารวะด้วยจิตศรัทธาว่า ไม่ธรรมดา

ก่อนจากลา ถนนนักลงทุน ขอรวบรวมคำพูดและวลีเด็ดๆ จากกูรูหุ้นระดับประเทศท่านนี้ ถ่ายทอดเป็น ยอดวิชา หวังให้ไป ผลิบาน ในความคิดของนักลงทุน เติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ สืบสานสร้างความมั่งคั่งเรื่อยไป

ตั้งแต่ตอนที่ 1 ถึง ตอนที่ 27 มี วลีเด็ดๆ ที่น่าสนใจดังนี้

ตอนที่ 1 เงินนี่มันแปลก เงิน 1 ล้านบาท คุณจะเพิ่มให้เป็น 2 ล้านบาท ช่วงนี้จะยากมาก แต่จาก 2 เพิ่มเป็น 4 เริ่มง่าย จาก 4 เพิ่มเป็น 8 ยิ่งง่ายกว่านี่เรื่องจริง

ตอนที่ 2 ถ้าในโลกนี้ใครได้อะไรมาง่ายๆ ก็ยากที่จะรักษาให้มันอยู่กับเราได้อย่างยั่งยืน

ตอนที่ 3 หุ้นจะเป็นขาขึ้น ราคา และ ปริมาณ จะต้องเคลื่อนไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน

ตอนที่ 4 ถ้าเราเลือกหุ้นพี/อี ต่ำ พื้นฐานดี แต่ซื้อแล้วราคาไม่ขึ้นมีแต่ลง แสดงว่าความคิดของเรา ผิด คุณต้องเปลี่ยน อย่าดันทุรัง

ตอนที่ 5 สมัยที่ยังเล่นหุ้นไม่เก่ง วิธีที่ผมใช้จะลอกข้อสอบคนเก่ง แต่ระหว่างที่เราลอกข้อสอบเขา เราก็ต้องพัฒนาตัวเองตามให้ทัน

ตอนที่ 6 ในการเล่นหุ้นให้ชนะตลาด เราต้องพายเรือตามน้ำ อย่าพายเรือทวนน้ำ เพราะการ ฝืนกระแส จะทำให้เรา เสี่ยงสูง ที่จะขาดทุน

ตอนที่ 7 จากประสบการณ์ 20 ปี จะซื้อหุ้นให้ได้กำไร เราต้องกล้าไปจ่ายตลาด ตอนประมาณ ตี 5″ หรือ อีก 1 ชั่วโมงฟ้าจะสว่างผีไม่มี

ตอนที่ 8 วิธีการเอาตัวรอดในช่วงที่ต้องเผชิญกับ วิกฤตการณ์ ทางเดียวที่จะทำให้เรา รอด คือ การตัดนิ้ว (Cut Loss) ยอมขาดทุนรักษาชีวิต

ตอนที่ 9 ความลับของเงินจะเติบโตก็เฉพาะกับคนที่รู้จักใช้มันเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม

ตอนที่ 10 การเล่นหุ้นเพื่อหวังกำไร 3-5% เป็นการลงทุนที่มีโอกาส ร่ำรวย ได้ยาก!!! เพราะการตัดสินใจซื้อ-ขายบ่อยโอกาสผิดพลาดจะสูง

ตอนที่ 11 คำศัพท์ของนักเล่นหุ้น เขาบอกว่า ลูกยังเล็กอยู่ เราจะพลาดไม่ได้ หมายความว่าหุ้นตัวนี้ อันตราย เราต้อง Cut Loss ทิ้ง

ตอนที่ 12 ในจังหวะที่หุ้นเป็นขาขึ้น เราต้อง Let the Profit Run ปล่อยให้กำไรวิ่งเต็มสตีม เมื่อไรที่ราคาเริ่มปรับฐานลงมาพร้อมวอลุ่ม เราต้องรีบล้างพอร์ตออกไป

ตอนที่ 13 ท่องเอาไว้เลย วอลุ่มพีค คือ ราคาพีค และ ถ้าหุ้นปรับฐานแล้ว รีบาวด์ แต่ไม่ทำ นิวไฮ ใหม่มันต้องลง

ตอนที่ 14 ถ้าหุ้นเป็น ขาลง แล้ว วอลุ่มหาย นี่เป็นตามธรรมชาติ แต่ถ้าหุ้นเป็น ขาขึ้น แล้ว วอลุ่มหาย นี่มันผิดกฎธรรมชาติ ให้สงสัยไว้ก่อนว่า มันกำลังจะวิ่ง

ตอนที่ 15 นิสัยผมถ้าอะไรที่ไม่แน่ใจเต็มร้อย ผมจะเข้าไปลงทุนด้วยเงินก้อนน้อยๆ ก่อน ยิ่งถ้าเป็นหุ้นเก็งกำไร จะเล่นเป็นรอบ จะไม่ทุ่มสุดตัว และไม่ถือยาว

ตอนที่ 16 คำว่า ข่าวลือ คุณต้องแอบพูดในที่ ลับ ถ้ามากระจายให้มหาชนรับรู้มาบอกนักข่าว แสดงว่า จบรอบ แล้วคุณต้องทิ้ง

ตอนที่ 17 ถ้าจะเล่น หุ้นปั่น เราต้องซื้อน้อยๆ เกาะตู้เย็น หาค่ากับข้าวได้ แต่อย่าไปเล่นแรง อย่าไปทุ่ม เดี๋ยวเจ้ามือมันจะโยนหุ้นใส่เรา

ตอนที่ 18 กรณีที่หุ้นจะปรับตัว ลงแรง วอลุ่มมักจะทำ พีค ก่อน ให้สังเกตว่ารายย่อยจะแห่เข้าใส่ แบบไม่ลืมหูลืมตา เวลาที่หุ้นปรับตัวมันจะ ลงลึก

ตอนที่ 19 ในช่วงของการสะสมหุ้น ถ้าเป็น หุ้นดี ให้สังเกตฝั่ง Bid จะน้อย แต่ฝั่ง Offer จะเยอะ ภาวะอย่างนี้คือ ช่วงที่ดัชนี SET ประมาณ ตี 4 ตี 5 คนยังเล่นหุ้นไม่เต็มตัว เขาจะรอรับ แต่ไม่ไล่ราคา

ตอนที่ 20 เฮียประธาน เขาเป็นเจ้าของคอร์ทแบดมินตัน อยู่แถวถนนบางรัก ฉายาเขา คือ พญาอินทรี ถ้าวันไหนที่พวกเรา เละ หรือ เจ๊ง กันหมด เขาจะบินมาเลยเขาจะมาซื้อหุ้น

ตอนที่ 21 การอ่านอารมณ์ตลาด ถ้า รายย่อย สงบเสงี่ยมเจียมตัว ฝรั่ง ไม่เข้า บอกได้เลยว่าเล่นหุ้นไม่ได้ตังค์ ถ้าจะเล่นหุ้นได้กำไร รายย่อยต้องมีจุดมั่นใจ นักเก็งกำไรแห่กันเข้ามาเล่นตามน้ำ ตลาดแบบนี้ ได้ตังค์

ตอนที่ 22 ถ้าเราเทรดหุ้นทุกวัน สมองมันไม่มีจุดคิด การตัดสินใจบ่อยมันพลาดได้ง่าย คุณต้องรอจังหวะ รอให้เครื่องมือทางเทคนิคยืนยัน แล้วทุกคนเริ่มกลัวกันหมด ตรงนั้นคือ จุดที่ปลอดภัยที่สุด ซื้อเสร็จก็ใส่ปี๊บเอาไว้

ตอนที่ 23 ถ้าคิดจะ สร้างราคาหุ้น แล้วไม่ให้วงแตก มือทำหุ้นที่เป็นมืออาชีพ เขาจะบอกเจ้าของหุ้นว่า คุณต้องโอนหุ้นมาให้ก่อน แล้วต้องเอาเงินมาให้ด้วยล้านเปอร์เซ็นต์เลย ถึงจะสำเร็จ !!!

ตอนที่ 24 พูดตรงๆ ผมเคยเล่นหุ้นปั่น วันที่ผมขายหมด บางคนไม่ได้ขาย ผมเสียเพื่อนไปก็หลายคน เสียน้องไปก็หลายคน สุดท้ายมันไม่ได้อะไรขึ้นมา มันไม่คุ้มหรอกเชื่อผมสิ!!!

ตอนที่ 25 วิธีการลงทุนแบบ แวลู อินเวสเตอร์ ส่วนตัวมองว่า มันเสี่ยง บางทีหุ้นลงก็ต้องถือ เพราะคุณคิดว่าพื้นฐานมันไม่เปลี่ยน เดี๋ยวมันก็ต้องกลับมา แต่เมื่อไรล่ะ!! ถ้าคุณไม่ Cut Loss ตอนหุ้นลง มันเสียโอกาส

ตอนที่ 26 ลักษณะตลาดหุ้นที่แกว่งตัวออกด้านข้าง และไม่มีข่าวดีอะไรใหม่ๆ เข้ามาในตลาด คนที่เล่นหุ้นแล้วได้ตังค์ ต้อง เล่นรอบ คือ เล่นหุ้นแบบ ปิงปอง จะได้เปรียบ แต่อย่าไปทุ่มเทอะไรกับมันมาก

ตอนที่ 27 วอร์แรนท์ที่ราคาแปลงสภาพ ต่ำกว่าหุ้นแม่ ยิ่งเหลืออายุน้อย เจ้ามือยิ่งกดรายย่อยให้ปล่อยหุ้นออกมา เพราะเขารู้ว่าไม่มีเงินไปแปลงสภาพแน่ เขาก็บีบซื้อราคาถูกเอาไปแปลงสภาพเอง

นอกจากนี้ เสี่ยยักษ์ ยังมีเคล็ดไม่ลับ ที่อยากฝากแฟนๆ ถนนนักลงทุน อีก 5 ข้อ

คำพูดที่ผมอยากจะฝากไว้ จำเอาไว้เลยนะ

1.อย่าตามหลังมวลชน 2.จุดที่มั่นใจที่สุด คือ จุดที่อันตรายที่สุด 3.จุดที่อันตรายที่สุด คือ จุดที่ปลอดภัยที่สุด นั่นคือ ประมาณ ตี 5″ ถึง ตี 5 ครึ่ง (ก่อนฟ้าสาง) 4.อย่าคิดคนเดียว อย่าตอบคำถามคนเดียว อย่าเล่นหุ้นคนเดียว และ 5.คนเล่นหุ้นให้ชนะ ต้องเลิกนิสัย ถามเอง-ตอบเอง-เออเอง สุดท้าย เจ๊งลูกเดียว

ที่มา : Bangkok Biz Week



Create Date : 29 กันยายน 2551
Last Update : 29 กันยายน 2551 20:31:51 น.  
....................................................................

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?i ... 6&gblog=28

ไว้ศึกษาแนวทางการลงทุนที่ประสบความสำเร็จครับ

[ศิษย์เซียน007]

ข้าน้อยจะพยายามเป็นพญาอินทรีให้ได้อนาคตข้างหน้าจะไม่ต้องกังวลเรื่องเงินๆทองๆ ขอบพระคุณท่านเซียนที่เมตตาถายทอดวิชาให้ขอรับ

[ศิษย์เซียน007]

คุณthaloengsak สรุปได้ดียิ่งนักเพราะบ้างก็เริ่มจะลืมเลือนไปบ้างเหมือนกันครับ

[ศิษย์เซียน007]

คุณthaloengsak สรุปได้ดียิ่งนักเพราะบ้างก็เริ่มจะลืมเลือนไปบางข้อเหมือนกันครับ

[jo7393]

วิธีการลงทุนโดยการถือหุ้นอยู่ในพอร์ต “ตลอดเวลา”

เป็น VI แปลว่าต้องลงทุนถือหุ้นเต็มพอร์ทตลอดเวลาหรือครับ

น่าจะเข้าใจ VI ผิดนะครับ เก่งไม่ได้แปลว่าเข้าใจได้ถูกทุกอย่าง ผมเคยถาม ดร  ท่านเองยังบอกเลยว่าช่วงนี้ (หมายถึงช่วงที่ถาม เงินเหลือยังไม่่รู้จะลงตัวไหนเลย ยังหาไม่ได้)
แต่เสี่ยยักษ์ เขาเก่ง นะครับแต่คนละวิธีกะ VI อ่ะครับ
จริงๆแล้ว แบบไหนก็ได้ ขอให้ประสบความสำเร็จอ่ะครับ

[thaloengsak]

เป็น VI แปลว่าต้องลงทุนถือหุ้นเต็มพอร์ทตลอดเวลาหรือครับ

น่าจะเข้าใจ VI ผิดนะครับ เก่งไม่ได้แปลว่าเข้าใจได้ถูกทุกอย่าง ผมเคยถาม ดร

[Hughes]

มีแอบเชียร์พี่แม็คด้วย  :lol:

[blueplanet]

สิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยกับเสี่ยยักษ์
คือ ตอนที่เค้าซื้อ PTT ซื้อทั้งหมด 4 ล้านหุ้น
เค้าน่าจะกู้เงินทั้งหมด
70+110+110 = 290
(เค้าบอกว่าตันทุน เฉลี่ย 90 บาท ต้นทุน 2 ล้านแรก ที่ 70
ต้นทุน 2 ล้านหลัง คือ 110)
โดยมีเงิน ต้นแค่ 70 ล้าน
มีใครบ้างที่กล้าทำ เงินกู้มากกว่า 4 เท่าของเงินลงทุน
ในห้องนี้ใครกล้าเล่นมาร์จิ้น 414% บ้าง
เป็นความฉลาด หรือ เป็น ความกล้าผิดปกติ
หุ้นขึ้นเสี่ยยักษ์ เลยกลายเป็นเซียน
ถ้าหุ้นลงแรงๆ ในระยะเวลาสั้น
เราจะไม่รู้จักว่าเสี่ยยักษ์เป็นใคร
ถ้า ใครอ่าน dhundo เรื่อง kelly formular
จะรู้ว่าสิ่งที่เสี่ยยักษ์ ทำ เป็นการผิดวินัยการลงทุน
เพราะ ถ้าพลาด เงินจะหมดภายในพริบตา
โชคดีเค้าจึงรอด ถ้าโชคร้ายเค้าจะหมดตัว
ผมก็ยังเชื่อสิ่งที่ ปีเตอร์ลินท์ ทำ คือ ลงทุน เกือบ 100%
เป็นวิธี่ที่ดีที่สุด
1. ไม่มีใครรู้หรอกว่าพรุ่งนี้ หุ้นจะขึ้นหรือลง
2. ในระยะยาว การลงทุนในหุ้นดีกว่าการลงทุนทุกชนิด
3. เงินสดเป็นทรัพย์สิน ที่มีแต่ด้อยค่าลงในระยะยาว

[ส.สลึง]

วิถีต่างกัน
ความคิดก็ย่อมต่างกัน
ผมจึงไม่เห็นด้วยในหลายประเด็น
แต่ยินดีรับฟังครับ
และขอบคุณในความหวังดี ...

[kumchai]

การลงทุนของเสี่ยยักษ์  ผมว่าเขาแค่โชคดี ที่กล้ารับความเสี่ยงสูง  รองทำอีกซัก 3 รอบได้ไหม  ผมว่าอย่างอาจาร์ยนิเวศ ดีกว่า  พอร์ทหุ้นก็พันล้านเหมือนกัน แต่มีความั่นคงกว่า ได้รับปันผลทุกปี แบบเก็งกำไร  ผมว่ามันไม่ยั่งยืน

[picatos]

แต่ผมกลับชอบ lifestyle ของเสี่ยยักษ์มากกว่า อ. นิเวศน์

 :oops:  :oops:

[Anti-Aircraft]

เคยได้ยินเรื่องราวของเสี่ยยักษ์มานานแล้วครับ แม้เสี่ยยักษ์จะเข้าใจ VI ผิดไปบ้าง ผมก็ว่าเค้าเป็น trader ตัวอย่างจริงๆ และเป็น idol ของผมคนนึงเช่นกัน

ตอนที่ 10 การเล่นหุ้นเพื่อหวังกำไร 3-5% เป็นการลงทุนที่มีโอกาส “ร่ำรวย” ได้ยาก!!! เพราะการตัดสินใจซื้อ-ขายบ่อยโอกาสผิดพลาดจะสูง

ไม่ซื้อขายรายวัน

ตอนที่ 12 ในจังหวะที่หุ้นเป็นขาขึ้น เราต้อง Let the Profit Run ปล่อยให้กำไรวิ่งเต็มสตีม เมื่อไรที่ราคาเริ่มปรับฐานลงมาพร้อมวอลุ่ม เราต้องรีบล้างพอร์ตออกไป

อย่าเด็ดดอกไม้ รดน้ำวัชพืช

ตอนที่ 22 ถ้าเราเทรดหุ้นทุกวัน สมองมันไม่มีจุดคิด การตัดสินใจบ่อยมันพลาดได้ง่าย คุณต้องรอจังหวะ รอให้เครื่องมือทางเทคนิคยืนยัน แล้วทุกคนเริ่มกลัวกันหมด ตรงนั้นคือ จุดที่ปลอดภัยที่สุด ซื้อเสร็จก็ใส่ปี๊บเอาไว้

กลัวเมื่อคนอื่นโลภ โลภเมื่อคนอื่นกลัว

ผมไม่คิดว่าวิธีของเสี่ยยักษ์จะรวยเร็วกว่า และก็ไม่คิดว่าวิธีของดร.นั้นง่ายกว่า ตัวเราเท่านั้นที่รู้ว่าเรือลำไหนจะพาเราไปสู่จุดหมายได้ เรื่องของจิตใจเป็นสิ่งที่ยากที่สุดของทั้ง VI และ VS ผู้ที่เอาชนะใจตนได้ย่อมควรได้รับการยกย่องครับ

[phemstap]

ผมเองอายุมากแล้ว และต้องแบ่งเวลามองหาอาชีพเกษียญ และดูแลธุรกิจเล็กๆที่มีอยู่ ไม่เหมาะกับวิธีเสี่ยยักษ์

ผมคิดว่าต้องเป็นคนที่กล้าได้กล้าเสีย และที่สำคัญ มีเวลาวนเวียนอยู่ในตลาดตลอดเวลา หมกมุ่นจนหัวโต เป็น Genius หุ้น  :lol:

[naijan]

เสี่ยยักษ์ให้สัมภาษณ์บทความนี้ตั้งแต่ก่อนวิกฤติซับไพรม์นะครับ (หากผมจำไม่ผิด) ตอนนี้แกยังรอดมาได้หรือป่าวไม่รู้ เพราะช่วงหลังแกเงียบไปมาก ไม่มีข่าวปรากฏตามสื่ออีกเลย และดูจากรายชื่อพอร์ตนักลงทุนที่ อจ.ครรชิต โพสท์ไว้ผมไม่เห็นรายชื่อของเสี่ยยักษ์แล้วครับ ช่วงนี้ใครเห็นร่องรอยของเสี่ยแกอยู่ รายงานด้วยครับ
แต่ที่แน่ๆ อจ.ดร.นิเวศน์และบรรดาลูกศิษย์รอดและกลับมากำไรมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
:lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

[บูรพาไม่แพ้]

สับสนครับ...สับสน    สรุปแล้วที่อ่านมาทั้งหมดที่พยายามศึกษามาทั้งหมด ทั้งหนังสือของอาจารนิเวศ ทั้งหนังสือแปลเกี่ยวกับวอร์เรนต์ เป็นสิบเล่ม มันเสี่ยงหรอครับ  ( ยังยึดมั่นในแนวทางวอร์เรนต์เหมือนเดิมครับและคงจะมากขึ้นไปอีกเรื่อยๆครับ)

[Anti-Aircraft]

สับสนครับ...สับสน

กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ มีอยู่ 10 ประการคือ

  1. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
  2. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
  3. อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
  4. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
  5. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
  6. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
  7. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
  8. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
  9. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
 10. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน

แปะฝาบ้านเอาไว้ จะได้ไม่สับสน บัฟเฟตก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเพราะเชื่อเกรแฮมทุกอย่างครับ  :D

[Warantact]

ผมตอนนี้ก็เล่นตามเกรแฮมทุกอย่างนะ ไม่มีปัญหา เพราะเกรแฮมไม่ได้กำยาว ยืดแบบบัฟเฟต ทำให้ใช้กลยุทธกับพวกไซเคิลสต๊อคได้ (แต่ยังไม่มีไซเคิลสักตัวนะครับ เพราะยังเข้าใจไม่พอ 5555)

แต่ละสายมันมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันครับ

สำคัญคือต้องมี margin of safety จะตัดจะขายจะช้อน ถ้าอยู่ใต้เงื่อนไขก็ปลอดภัย

VI แบบเกรแฮมจะถือหุ้นหลายตัว แบบบัฟเฟตถือไม่กี่ตัว ก็สำเร็จ
(ต้องถือหลายตัวเพราะมันจำเป็น)


ถ้าไม่เข้าใจกิจการก็ต้องถือหลายตัว ที่มีMOS เยอะๆ บางทีอาจต้องถือเป็นร้อยตัว

มองให้ลึกลงไปคืองี้ บัฟเฟต ใช้ความรู้พุ่งลงไปที่กิจการ วิเคราะห์จนชัดแจ่มแจ้ง มาแนวข้าเก่ง จึงฟันเป็นตัวๆได้

เกรแฮม ไม่ได้ทะลวงแบบนั้น บางกิจการเขาไม่เข้าใจลึก พอหยาบๆ เขาจึงต้องหาพันธมิตรมาช่วย ถ้า Star wars เรียก force การลงทุนเรียก probability
หรือความน่าจะเป็น คือเขาซื้อหุ้นที่มี MOS สูงๆ กระจายกันไปหลายๆตัว
ทำให้ pop เป็นเพื่อนกับเขา และเป็นเพื่อนที่ทรงพลังมาก

หากท่านจะลงทุนแบบแนว VI การเป็นศัตรูกับ pop มักศพไม่สวย ไม่เชื่อก็ลองดู 5555

[dome@perth]

"เอาชนะใจตัวเองได้ จะเอาชนะสิ่งอื่นใด ทั้งปวง"
มันไม่ได้ทำง่ายๆ แต่ผมพยายามทำทุกครั้งที่ ใจเรามัน....
1.ขี้เกียจ ทำใจให้ขยัน งานจะบรรลุล่วงไปโดยดี
2.กลัว ทำไจให้กล้าเข้าไว้ ในที่สุดก็จะไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอีกต่อไป
3. มั่นใจ เหิมเกริมมากๆ พยายามลดความมั่นใจลงโดยมองหาความเสี่ยงให้รอบด้าน ฟังความคิดเห็นและมุมมองของคนอื่น
4.ท่อแท้ ห่อเหี่ยว พยายามสร้างกำลังใจให้ตัวเอง เอาความฝันและเป้าหมายมาเป็นแรงหนุน วันหนึงความสำเร็จต้องเป็นของเรา
5. มีสุข ต้องคิดไว้เสมอว่าวันหนึง ต้องมีทุกข์มาปนเปไปบ้าง อย่าหลงระเริงกับความสุขที่ได้มามากเกินไป เดินทางสายกลาง เป็นความสุขที่ นิรันด์กาล

[ศิษย์เซียน007]

มาช่วยประยุกต์ตอน1นิดหน่อยอ่ะครับ
จาก"เงิน 1 ล้านบาท คุณจะเพิ่มให้เป็น 2 ล้านบาท ช่วงนี้จะยากมาก"  

เป็น"เงินลงทุนช่วงเริ่มต้นเป็นเด้งแรกช่วงนี้จะยากมาก "  

[benjamin]

อย่าสับสนครับ ผมคิดว่าแนวทางการลงทุนของแต่ละคนไม่มีใครเหมือนใครแบบ 100% อย่างแน่นอน และก็ไม่ได้มีถูกผิดชัดเจนแบบขาวกับดำ วอร์เรนกับชาลีเป็นสุดยอดคู่หูการลงทุนระดับโลกยังเลือกหุ้นไม่เหมือนกันเลย
ที่สำคัญคือเราต้องหาแนวทางการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุดให้ได้
การรับรู้แนวทางการลงทุนแบบอื่นที่แตกต่างกับเรา ผมถือว่าเป็นต้นทุนที่ดีครับ สิ่งไหนที่อาจจะเหมาะกับแนวทางของเรา ก็รับเอามาได้ สิ่งไหนที่ไม่เหมาะก็รับฟังเพื่อให้รู้ไว้

[thaloengsak]

ขอบคุณทุกท่านที่มาแลกเปลี่ยนความคิดดีๆกันในกระทู้นี้
ผมซึ้งใจหลาย

[nanchan]

"เอาชนะใจตัวเองได้ จะเอาชนะสิ่งอื่นใด ทั้งปวง"
มันไม่ได้ทำง่ายๆ แต่ผมพยายามทำทุกครั้งที่ ใจเรามัน....
1.ขี้เกียจ ทำใจให้ขยัน งานจะบรรลุล่วงไปโดยดี
2.กลัว ทำไจให้กล้าเข้าไว้ ในที่สุดก็จะไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอีกต่อไป
3. มั่นใจ เหิมเกริมมากๆ พยายามลดความมั่นใจลงโดยมองหาความเสี่ยงให้รอบด้าน ฟังความคิดเห็นและมุมมองของคนอื่น
4.ท่อแท้ ห่อเหี่ยว พยายามสร้างกำลังใจให้ตัวเอง เอาความฝันและเป้าหมายมาเป็นแรงหนุน วันหนึงความสำเร็จต้องเป็นของเรา
5. มีสุข ต้องคิดไว้เสมอว่าวันหนึง ต้องมีทุกข์มาปนเปไปบ้าง อย่าหลงระเริงกับความสุขที่ได้มามากเกินไป เดินทางสายกลาง เป็นความสุขที่ นิรันด์กาล

ผมท่าจะตกหลายข้อหรือเกือบทั้งหมดเลยนะนี่
1. ขี้เกียจ แต่ก่อนก็ขยันดีหรอก อ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน ศึกษาข้อมูลแบบละเอียดยิบ ศึกษาหุ้นแบบเกาะติด
แต่เดี่ยวนี้ พอรู้ว่าจะลงทุนตัวไหนแล้ว ก็ตามแบบห่างๆ แบบห่วงๆ
หนังสือพิมพ์อ่านน้อยลงมาก ไม่ได้รับประจำ ศึกษาข้อมูลเท่าที่จำเป็น
2. กลัว ตอนนี้พยายามลดความกล้า ยิ่งเล่นหุ้นมากขึ้น ยิ่งพอร์ตโตขึ้น
กลับพยายามลดความกล้า แต่ก็ใช่ว่าจะกลัวนะ อาจเรียกว่าระวังมากกว่า
3.มั่นใจ ผมว่าความมั่นใจนี่ ยังไงมันก็ไม่มาซักที ยิ่งเล่นหุ้นนานเท่าไหร่
ทำไมรู้สึกว่าความมั่นใจก็เท่าเดิมหรือบางทีจะลดน้อยลงไปด้วย
4.ท่อแท้ สิ่งหนึ่งในการเล่นหุ้นของผมคือพยายามไม่ให้กำลังใจตัวเอง
แต่ชีวิตประจำวันก็ไม่ได้ท้อแท้อะไรนะ
5.มีสุข สงสัยจะมีข้อนี้หละมั้ง ที่พยายามทำมากขึ้น คือมองให้เป็นกลาง

[nun08]

           

ผมท่าจะตกหลายข้อหรือเกือบทั้งหมดเลยนะนี่
1. ขี้เกียจ แต่ก่อนก็ขยันดีหรอก อ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน ศึกษาข้อมูลแบบละเอียดยิบ ศึกษาหุ้นแบบเกาะติด
แต่เดี่ยวนี้ พอรู้ว่าจะลงทุนตัวไหนแล้ว ก็ตามแบบห่างๆ แบบห่วงๆ
หนังสือพิมพ์อ่านน้อยลงมาก ไม่ได้รับประจำ ศึกษาข้อมูลเท่าที่จำเป็น
2. กลัว ตอนนี้พยายามลดความกล้า ยิ่งเล่นหุ้นมากขึ้น ยิ่งพอร์ตโตขึ้น
กลับพยายามลดความกล้า แต่ก็ใช่ว่าจะกลัวนะ อาจเรียกว่าระวังมากกว่า
3.มั่นใจ ผมว่าความมั่นใจนี่ ยังไงมันก็ไม่มาซักที ยิ่งเล่นหุ้นนานเท่าไหร่
ทำไมรู้สึกว่าความมั่นใจก็เท่าเดิมหรือบางทีจะลดน้อยลงไปด้วย
4.ท่อแท้ สิ่งหนึ่งในการเล่นหุ้นของผมคือพยายามไม่ให้กำลังใจตัวเอง
แต่ชีวิตประจำวันก็ไม่ได้ท้อแท้อะไรนะ
5.มีสุข สงสัยจะมีข้อนี้หละมั้ง ที่พยายามทำมากขึ้น คือมองให้เป็นกลาง

               

[killyX]

ต่างคนก็ต่างมีวิธีของตัวเอง ไม่มีวิธีไหนดีกว่ากันหรอก มีแต่เหมาะกับตัวเราไหม
คนที่คิดว่าตัวเองถูกต้องที่สุดเป็นคนที่ผมจะอยู่ห่างๆ ครับ

[sutee_p]

กูรูหุ้นพันล้าน : บทอวสาน “สุดยอด…วิชัย วชิรพงศ์”



ตอนที่ 1 เงินนี่มันแปลก เงิน 1 ล้านบาท คุณจะเพิ่มให้เป็น 2 ล้านบาท ช่วงนี้จะยากมาก แต่จาก 2 เพิ่มเป็น 4 เริ่มง่าย จาก 4 เพิ่มเป็น 8 ยิ่งง่ายกว่า…นี่เรื่องจริง

ชอบอันนี้ ไม่รู้จริงไหม ขอเวลาอีกหน่อย  :D

[simplelife]

ชอบอันนี้ ไม่รู้จริงไหม ขอเวลาอีกหน่อย

[navapon]

1 หลักการจริงๆคือซื้อหุ้นดีมากๆ ตอนราคาถูกมากๆ นะครับ
เพราะฉะนั้นผมว่าเวลาหุ้นตกมาก mos มันเหลือไว้ให้เราเอง เราจะไม่ขาดทุนมากนักหรอกครับถ้าทำตามนี้ตอนซื้อได้จริงๆ และเวลาหุ้นตก ดอกเบี้ยธนาคารก็ต้องตกด้วยแน่ๆ ถือหุ้นไว้กินปันผลยังไงเงินก็งอกเร็วกว่าถ้าหุ้นที่เราเลือกดีจริงไม่เจ๊งไปเสียก่อน

2 อาจารย์ นิเวศน์เคยพูดไว้ว่าช่วงหุ้นตกเศรษฐกิจตกตํ่าจะเป็นตัววัดว่าใครจะอยู่รอด เช่นเดิม ถ้าหุ้นที่เราเลือกดีจริงมันจะรอดจนเศรษฐกิจฟื้นแน่นอน
ขณะที่คู่ต่อสู้มักจะล้มหายตายจากไป ถ้าหุ้นที่เราเลือกรอดมาได้ราคาก็มักจะกลับขื้นไปสูงกว่าเดิมได้เพราะคู่แข่งหรือศัตรูมักได้รับบาดเจ็บมากกว่าที่ฟื้นได้ทันหรือศัตรูอาจเจ็บหนักถึงขั้นล้มหายตายจากไปกับวิกฤตก็ได้

3 เสี่ยยักษ์เป็นใครผมไม่รู้จัก ผมเพิ่งเข้าตลาดมาไม่นาน จริงอยู่คนรวยพูดอะไรมักจะมีคนเชื่อ แต่ถ้าคนรวยคนนั้นยังพิสูจน์ตัวเองได้ไม่นานพอเท่า ดร. นิเวศน์ ว่าวิธีของเขาได้ผลจริงยั่งยืนในระยะยาว ก็อย่าเอามาพูดเลยดีกว่าครับถ้ายังรู้ไม่จริง และเท่าที่อ่านจากโพสของท่านผู้รู้อื่นๆ ผมว่าเสี่ยยักษ์ใช้วิธีเข้าข่ายเก็งกำไรมากกว่านะครับ ผมว่าโอกาสอยู่ไม่ได้ในระยะยาวมีสูง

4 mos สำหรับผมเอง
  เลือกหุ้นพื้นฐานดี เป็นสิ่งจำเป็นอันดับหนึ่งที่ต้องทำแน่ๆ  แต่ราคาที่ผมได้ไม่ตํ่ามากนัก  ผมจืงเหลือเงินเก็บไว้สำรองอีกส่วน ไว้เป็นmos ครับ (สำรองไว้ซื้อตอนหุ้นตกครับ) แล้วใจเย็นให้มากๆ รอรถไฟถอยหลังมารับครับ ส่วนหุ้นที่เหลือที่ถือในมือตั้งใจถือยาว ไม่ขายแน่นอนครับ ! ! !

[ส.สลึง]

ชอบอันนี้ ไม่รู้จริงไหม ขอเวลาอีกหน่อย

[thaloengsak]

[quote="naijan"]เสี่ยยักษ์ให้สัมภาษณ์บทความนี้ตั้งแต่ก่อนวิกฤติซับไพรม์นะครับ (หากผมจำไม่ผิด) ตอนนี้แกยังรอดมาได้หรือป่าวไม่รู้ เพราะช่วงหลังแกเงียบไปมาก ไม่มีข่าวปรากฏตามสื่ออีกเลย และดูจากรายชื่อพอร์ตนักลงทุนที่ อจ.ครรชิต โพสท์ไว้ผมไม่เห็นรายชื่อของเสี่ยยักษ์แล้วครับ ช่วงนี้ใครเห็นร่องรอยของเสี่ยแกอยู่ รายงานด้วยครับ
แต่ที่แน่ๆ อจ.ดร.นิเวศน์และบรรดาลูกศิษย์รอดและกลับมากำไรมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
:lol: