บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดกลุ่มธนาคารพาณิชย์ประกาศกำไรงวดไตรมาส2/53 กำไรโต 20% แต่ลดลง 3.6% จากงวดไตรมาส 1/53 เหตุสินเชื่อยังขยายตัวดี
บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่าผลประกอบการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในงวดไตรมาส2/53คาดว่าจะมีกำไร เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 3.6% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน ยกเว้นถ้าธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) บันทึกกำไรจากการขายธนาคารสินเอเซีย จำกัด (มหาชน) (ACL) โดยไม่นำไปหักกับตั้งสำรองค่าใช้จ่ายพนักงาน กำไรของกลุ่มก็จะโต 2.4%เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน และ 23%จากช่วงเดียวกันปีก่อน กำไรดังกล่าวถือว่าอยู่ในขั้นดี
ส่วนแบงก์ที่กำไรโตดีและราคาหุ้นยังอยู่ในระดับต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสมมาก คือแบงก์กสิการไทย (KBANK) และแบงก์ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) และถอดแบงก์กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) ออกจากหุ้นที่น่าสนใจ ส่วนเงินทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP) น่าซื้อเมื่ออ่อนตัว
บทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส (ประเทศไทย) ระบุว่าการประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 2/53 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดว่าจะเติบโตดีเมื่อเทียบ งวดเดียวกันของปีก่อนในสัปดาห์ที่ 3-4 ของเดือนก.ค.2553 กลุ่มธนาคารพาณิชย์จะมีการประกาศกำไรสุทธิ งวดไตรมาส2/53 ซึ่งประเมินว่ากำไรสุทธิจะลดลงเมื่อเทียบงวดไตรมาส1/53
เนื่องจากไม่มี เงินปันผลรับจากกองทุนวายุภักษ์ 1 แต่จะเติบโตเมื่อเทียบงวดปีก่อน เพราะสินเชื่อที่ขยายตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นไปตามความต้องการใช้สินเชื่อ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนของ Corporate และ SME ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก และโครงการที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐใช้สินเชื่อมากขึ้น ซึ่งธนาคารที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Corporate และเป็นผู้นำในสินเชื่อ SME คือแบงก์กรุงเทพ (BBL) และแบงก์กสิกรไทย (KBANK)
ส่วนธนาคารที่ได้รับประโยชน์จากการปล่อยสินเชื่อที่เกี่ยวกับภาครัฐ คือแบงก์กรุงไทย( KTB) ส่วนธนาคารขนาดเล็ก สินเชื่อเติบโตในอัตราสูง เพราะได้รับอานิสงค์ทางบวกจากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด
นอก จากนั้นรายได้ค่าธรรมเนียมขยายตัวขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามธุรกรรมทางการ
เงินในประเทศและส่งออกที่เพิ่มขึ้น หุ้นที่น่าสนใจในกลุ่มธนาคารพาณิชย์คือแบงก์กรุงเทพ,กสิกรไทย,และเงินทนธนชา ต
รายงานระบุอีกว่า แนวโน้มของกำไรสุทธิไตรมาส 2/53 ของกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ส่วนใหญ่กำไรสุทธิลดลงจากงวดไตรมาส1/53 ยกเว้นกลุ่มเกษตร อาหาร,ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์และยานยนต์ที่จะเติบโตแข็งแกร่ง ซึ่งคาดว่าโดยรวมจะชะลอตัว เพราะมีช่วงวันหยุดยาว ในเทศกาลสงกรานต์, มีปัญหาการเมืองรุนแรงในช่วงเม.ย.-พ.ค.2553 ทำให้การอุปโภคบริโภคภายในประเทศ และการท่องเที่ยวชะลอลงจากภาวะปกติซึ่งไตรมาส 2 เป็นช่วง Low season อยู่แล้ว สำหรับกลุ่มพลังงาน ค่าการกลั่นและส่วนต่างผลิตภัณฑ์ (Spread) ของปิโตรเคมีใน งวดไตรมาส2/53 อ่อนลงจาก งวดไตรมาส1/53 นอกจากนั้นโรงกลั่นจะมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันดิบด้วย
อย่างไรก็ตาม มีบางอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิเติบโตแข็งแกร่งหากเทียบกับงวดไตร มาส1/53และงวดเดียวกันของปีก่อนคือ เกษตรและอาหาร, ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ และยานยนต์
http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... %A720.html
โบรกฯคาดไตรมาส2แบงก์กำไรขยายตัว20%
โพสต์
2 โพสต์
• หน้า 1 จากทั้งหมด 1
โพสต์
2 โพสต์
• หน้า 1 จากทั้งหมด 1
บันทึกไม่สำเร็จ