นักลงทุนในดวงใจ:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
PERFECT LUCKY
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 795
ผู้ติดตาม: 0

นักลงทุนในดวงใจ:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

Value Way ฉบับวันที่ 17 พฤษภาคม 2553
โดยวิบูลย์ พึงประเสริฐ
นักลงทุนในดวงใจ (3)

สำหรับนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investor) บุคคลที่เป็นนักลงทุนต้นแบบอีกคนคือ เซอร์จอห์น เทมป์เพลตัน (SIR JOHN TEMPLETON) เซอร์จอห์นเกิดในครอบครัวที่ยากจน แต่ด้วยความเฉลียวฉลาดและมุมานะทำให้เขาได้รับทุนการศึกษาและเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเยลล์ได้ เขาเริ่มงานครั้งแรกกับบริษัทหลักทรัพย์ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่สองได้ไม่นาน การลงทุนครั้งแรกของเราเริ่มต้นจากเงินที่ยืมเจ้านายจำนวน 10,000 ดอลลาร์ เขาสามารถลงทุนให้เกิดเงินงอกเงยทั้งสิ้น 40,000 เหรียญภายในเวลา 4 ปี โดยเขานำเงินจำนวนนั้นไปซื้อหุ้นจำนวน104บริษัทระหว่างที่สงครามกำลังขยายตัวอย่างรุนแรง และขายหุ้นเหล่านั้นออกไปหลังจากสงครามสิ้นสุด

หลังจากทำงานได้ไม่นานเขาตัดสินใจเปิดบริษัทที่ปรึกษาการลงทุนของเขาเอง และเริ่มต้นก่อตั้งกองทุนขึ้นชื่อว่ากองทุนเทมเปิลตัน โกรท (Templeton Growth) กองทุนนี้สามารถสร้างผลดำเนินการได้ในระดับที่สูงติดอันดับตลอดระยะเวลากว่า 20ปีเลยทีเดียว ความสำเร็จนี้เกิดจากการที่เขาสามารถมองเห็นโอกาสในการลงทุนก่อนใคร เช่นโอกาสในญี่ปุ่นช่วงยุค60 และการบูมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในคานาดาช่วงปี70 จากปี 1954 ถึงปี 2000 กองทุนของเขาสามารถสร้างผลตอบแทนได้โดยเฉลี่ย 15% ต่อปี เมื่ออายุได้ 56 ปีเขาได้ขายกิจการกองทุนนี้ไปและปัจจุบันมาร์ค โมเบียสได้ทำหน้าที่ผู้บริการกองทุนแห่งนี้

จากการใช้แนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่าทำให้เขาลงทุนในหุ้นจำนวนมากหลายบริษัท โดยเขามองว่าผลตอบแทนจากหุ้นเพียงบริษัทเดียวไม่สำคัญเท่าผลตอบแทนโดยรวมของทั้งพอร์ตลงทุน อาจเป็นได้ว่าความสำเร็จที่สำคัญของเขาเกิดจากการลงทุนในหุ้นจำนวนมากในตลาดหุ้นญี่ปุ่นช่วงปี1962 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเป็นตลาดที่โตเร็วมากในยุคนั้นจนถึงปี1990
เขาได้สรุปหลักการลงทุนของเขาเป็นหลักปฎิบัติ 10 ประการซึ่งผู้บริหารรุ่นหลังยังคงใช้เป็นหลักการในการลงทุนและการเลือกพิจารณาหุ้นในกองทุนเทมเปิลตันจนทุกวันนี้

1. ลงทุนเพื่อผลตอบแทนที่แท้จริง วัตถุประสงค์หลักในการลงทุนระยะยาว คือการสร้างผลตอบแทนหลังหักภาษีให้สูงที่สุด
2. เปิดใจให้กว้างตลอดเวลา เขาไม่เคยใช้หลักการลงทุนใดอย่างถาวร เขามักมีการปรับวิธีการลงทุนให้ยืดหยุ่นเหมาะสมกับสถานการณ์ และเปิดใจให้กว้างเพื่อรับแนวความคิดใหม่ๆเสมอ
3. ไม่ตามคนหมู่มาก หากซื้อหุ้นตามคนหมู่มาก เราก็มักจะได้รับผลตอบแทนแบบเดียวกันกับคนเหล่านั้น การซื้อหุ้นควรทำเมื่อคนส่วนใหญ่เกิดความกลัว และขายเมื่อคนส่วนใหญ่กำลังฮึกเหิม การจะทำอย่างนี้ได้ต้องอาศัยความอดทนที่ยิ่งใหญ่ แต่รางวัลที่ได้รับก็มักจะยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน
4. ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ตลาดที่ซบเซามักเป็นการชั่วคราว หลังจากนั้นจะเป็นตลาดขาขึ้น
5. หลีกเลี่ยงหุ้นที่กำลังเป็นที่นิยม เพราะนักลงทุนเหล่านั้นอาจกำลังเลือกหุ้นที่ผิด
6. เรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง
7. ซื้อหุ้นในช่วงที่ตลาดปกคลุมไปด้วยข่าวร้าย ช่วงเวลาที่ตลาดปกคลุมไปด้วยข่าวร้ายเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อ และช่วงที่ตลาดปกคลุมไปด้วยข่าวดีเป็นช่วงที่ควรขายที่สุด
8. มองหาคุณค่าและราคาที่ถูกเมื่อเทียบกับมูลค่านั้น ในตลาดหุ้นนั้นการที่จะซื้อหุ้นได้ในราคาที่ถูกมากๆคือตอนที่นักลงทุนส่วนใหญ่ขายหุ้นออกมา
9. มองหาโอกาสทั่วโลก ถ้าเราสามารถหาโอกาสการลงทุนได้ทั่วโลก เราจะพบว่ามีหุ้นที่ถูกมากกว่าการลงทุนในประเทศเดียว
10. ไม่มีใครรู้ไปซะทุกเรื่องและผู้ที่สามารถตอบได้ทุกเรื่องเขาอาจจะไม่เข้าใจคำถามก็ได้
ที่มา: www.Thaivi.com
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว" :)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10548
ผู้ติดตาม: 68

นักลงทุนในดวงใจ:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เยี่ยมมากครับ ได้แนวคิดอีกแล้ว

แนงคิด ที่ดี จะเป็น ต้อง ย้ำๆ ซ้ำๆ จึงจะตกผลึก
โพสต์โพสต์