จำนวนที่ match ได้ง่าย

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
chiraponge
Verified User
โพสต์: 803
ผู้ติดตาม: 0

จำนวนที่ match ได้ง่าย

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ผมสั่งซื้อ หุ้นราคาถูกด้วยจำนวน 100-500
ทำไม มัน match ยากจังครับ สั่งมา 2 ก็ยังไม่ match ซักที
chowbe76
Verified User
โพสต์: 1980
ผู้ติดตาม: 1

จำนวนที่ match ได้ง่าย

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ตั้งราคาเท่าไรละครับ
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
yy
Verified User
โพสต์: 6427
ผู้ติดตาม: 2

จำนวนที่ match ได้ง่าย

โพสต์ที่ 3

โพสต์

การจับคู่นั้น คงเกี่ยวกับ 2 ส่วนด้วยกัน คือ
1. ราคา ต้องเท่ากันก่อน
2. ลำดับก่อนหลังของการส่งคำสั่งเข้าสู่ระบบซื้อขายของ ตลท.  .. ส่งก่อนจับคู่ให้ก่อน
ส่วนจำนวนนั้นคงมาทีหลัง ซึ่งถ้าสั่งซื้อน้อยๆแบบนี้ (ถ้าราคาได้ และลำดับได้) คงจับคู่ได้ทั้งหมด แต่ถ้าสั้งซื้อเยอะๆ ก็อาจจะจับคู่ให้แค่บางส่วนก่อน (Partially matched) ส่วนที่เหลือก็ค่อยรอจับคู่กับราคาที่เท่ากันจากคนจะขายรายต่อไป
คนที่รู้ว่าตัวเองยังไม่รู้ ย่อมมีโอกาสเรียนรู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Packky
Verified User
โพสต์: 856
ผู้ติดตาม: 0

จำนวนที่ match ได้ง่าย

โพสต์ที่ 4

โพสต์

จากงานสัมมนาไทยวีไอครับ  :8)  :8)  :8)
champ_st เขียน:ถาม : เวลาเจอหุ้นซื้อเลยไหม

พี่ sai : เคาะขวาเลย เพราะว่าการตั้งรอต่อราคานิดหน่อยแค่ 1-2 ช่องมันเสียโอกาสเพราะเราก็เลือกหุ้นที่ดีออกมาแล้ว มั่นใจก็ซื้อเลย โดยอาจแบ่งออกเป็น 1-2 ไม้  ส่วนเวลาขายก็เคาะขายเลยเหมือนกันไม่มาตั้งรอขาย ถ้าเห้นว่าหุ้นนั้นเต็มมุลค่า หรือตัวที่เลือกมามันคิดผิดไม่เป็นไปตามคาด หรือดันไปเจอตัวไหมที่มันถูกและน่าสนใจมากกว่าโดยกรณีเจอหุ้นที่น่าสนใจกว่ามันต้องมี up side มากกว่าเดิม 20% จึงจะเปลี่ยน เพราะถึงจะมีหุ้นเต็มพอร์ตแล้วก้ยังต้องทำการบ้านศึกษาหุ้นอยู่เรื่อยๆ

พี่บลูบลัด : เวลาซื้อก็เคาะเลย เพราะเวลาเลือกหุ้นเราเลือกตัวที่ up side เยอะๆอยุ่แล้วแค่ 1-2 ช่องที่จะตั้งรอจะไปเสียดายทำไม เวลาซื้อแล้วมันอาจลงบ้างก็ไม่คิดมากจะเสียดายมากกว่าถ้ามันขึ้นไปโดยที่ไม่มีเรา ส่วนเวลาขายก็เหมือนๆคุณ sai

พี่พรชัย ; เวลาซื้อก็เคาะเลยไม่ตั้งรอ สมัยก่อนชอบต่อราคา พอมาศึกษาเรื่องจิตวิทยาการลงทุนทำให้คิดว่าเคาะเลยดีกว่า คิดจะซื้อหุ้นนี่ที่ 6 บาท พอลงมาเราก็จะต่อราคาไปอีกเช่น 5.9 5.95 แล้วพอมันค้างที่ 6 บาทมันไม่ลงมาเกิดขึ้นไปเราก็จะไม่ได้ซักหุ้นเสียโอกาสมากๆทั้งที่เราก็คิดตั้งแต่ต้นว่าเราว่า 6 บาทก็ซื้อได้ จึงตั้งเป็นกฏว่าถ้าเจอหุ้นที่ถูกใจ ราคาถึงกำหนดก็เคาะซื้อเลย ส่วนปริมาณก็ซื้อก็ขึ้นอยู่กับความชอบ ชอบมากก็เคาะมันทีเดียว ชอบน้อยก็อาจจะทะยอยค่อยๆซื้อ  เวลาขายก็ดูตามมูลค่าที่แท้จริง บริษัทดีกับหุ้นดีไม่เหมือนกัน บริษัทดีเหมือนเดิมแต่ถ้าหุ้นมันขึ้นไปมากๆโอกาสทำกำไรจากมันไม่มีแล้วก็ไม่จัดเป็นหุ้นดีที่น่าลงทุน

พี่ฉัตรชัย : หุ้นที่เจอมันมักจะมี bid offer ต่างกันมากเวลาซื้อมันเลยอาจต้องตั้งราคารอบ้าง แต่ถ้าหุ้นนั้นมีสภาพคล่องก็เคาะเลยเหมือนกัน เวลาขายก็คือ ต้องมีตัวใหม่ก่อนจึงจะขาย หรือก็คิดคล้ายๆท่านอื่นๆ โดยพี่ฉัตรเพิ่มเติมว่าวินัยการลงทุนนี่สำคัญมาก โดยส่วนตัวตั้งงบลงทุนเท่าไหร่ก็จะลงทุนเท่านั้น ไม่มีการเห็นว่าหุ้นมันดีแล้วเอาเงินจากส่วนอื่นมาลงเพิ่ม คือโลภ อันนี้ไม่ทำ
ดังนั้น ผมคิดว่าเราอย่าไปเกี่ยงราคาแค่ช่องสองช่องเลยครับ ถ้าหุ้นเราวิเคราะห์หุ้นมาดีแล้ว => เคาะขวาเลยครับ (ซื้อที่ offer) ได้แน่นอน
:8)  :8)  :8)
โพสต์โพสต์