เจาะลึก FundFlow!!!!! ถามมาตอบไปโดยพี่ๆชาวTVI

[picklife]

สวัสดีครับพี่ๆน้องๆและเพื่อนๆชาวTVIทุกท่าน....เนื่องจากเคยได้ยินเรื่องFundFlowจากน้องคนหนึ่งที่เป็นสุดยอดนักลงทุนในTVIนี้ ว่าเขาสามารถฝ่าวิกฤติปี51มาแบบไม่เจ็บตัวแม้นแต่น้อยด้วยFundFlowนี้ ดังนั้นผมจึงอยากที่จะเปิดกระทู้ซักอันที่เจาะลึกและให้พี่ๆช่วยสอนเรื่อนี้...ขอบคุณครับ

ขออนุญาติปูพื้นฐานโดยบทความของคุณhongvalueนะครับ
http://hongvalue.wordpress.com
ฟันโฟลเป็นศาสตร์อย่างนึงที่ base on ความเชื่อว่ามุมมองในการโยกย้ายสินทรัพย์จะส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ การก่อเกิดสภาพคล่อง และการหายไปของสภาพคล่องก็จะส่งผลต่อราคาของสินทรัพย์ และสะท้อนมุมมองของนักลงทุนผ่านราคาสินทรัพย์  คอนเซ็บจากตัวอย่างจริงคร่าวๆในการใช้เครื่องมือ

1.อัตราดอกเบี้ย ถ้าต่ำจะทำให้ต้นทุนบริษัทถูกลงและทำให้คนมีแรงจูงใจในการฝากเงินน้อยลงโดยปกติจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น โดยปกติพีอีของหุ้นจะผกผันกับอัตราดอกเบี้ยในแง่ของ multiple ที่สูงขึ้นและต่ำลง

2.การโยกย้ายเงินอย่างเช่นการสูงขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นเพราะหมายถึงมีการไหลของเงินออกจากตลาดพันธบัตรและปกติตลาดพันธบัตรจะใหญ่กว่าตลาดหุ้นอยู่แล้ว

3.การชันขึ้นของเส้นผลตอบแทนพันธบัตรถ้ามาจากระยะยาวสูงขึ้นแต่ระยะสั้นไม่ค่อยสูงขึ้นจะแสดงถึงมุมมองที่ต่อภาวะเศรษฐกิจเช่น 2-10 us ในช่วงไตรมาส 2 ของปี

4.การที่ส่วนต่างของพันธบัตรเอกชนกับรัฐบาลสูงขึ้นเป็นภาวะที่คนมีมุมมองไม่ดีต่อภาวะเศรษฐกิจ เพราะคนต้องการผลตอบแทนจากเอกชนสูงขึ้น

5.การเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างตลาดหุ้นกับพันธบัตรเพื่อดูว่าคนมีแรงจูงใจในการโยกย้ายเงินมาที่ตลาดใด เราสามารถดูค่าเฉลี่ยย้อนหลังได้ว่าปกติแต่ละประเทศมีแก๊บเท่าไหร่ภาวะที่น่าลงทุนคือ แก๊บสูงกว่า average เป็นต้น

6.ถ้าดอกเบี้ย interbank สูงขึ้นแสดงว่าเกิดภาวะเงินตึงเพราะคนมองเศรษฐกิจไม่ดีทำให้ไม่กล้าปล่อยกู้ระหว่างกันโดยปกติจะเทียบกับ พันธบัตรระยะสั้น 3 เดือนรัฐบาล

7.การพิมพ์เงินช่วยให้ราคาสินทรัพย์เฟ้อขึ้นได้อย่างมาตรการ qe ในเดือนมีนา 2009 เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้หุ้นทั่วโลกขึ้นมาได้เยอะเหมือนกัน

[picklife]

แล้วปริมาณซื้อขายรายกลุ่ม....ถือว่าเป็นFundFlowไหมครับ?

และการที่ตลาดเพื่อบ้านขึ้นๆลงๆ หรือดาวน์โจน ขึ้นๆลงนี่ถือเป็นFunFlowไหมครับ?

[newbie_12]

อะไรที่อยู่ใน blog เค้า เค้าคงอยากให้ไปคุยใน blog เค้ามากกว่ามั้งครับ

[picklife]

อะไรที่อยู่ใน blog เค้า เค้าคงอยากให้ไปคุยใน blog เค้ามากกว่ามั้งครับ

ในบอร์ดที่โพสกันก็มีลิ้งอยู่แล้วนิครับ

blogมีเพื่อแบ่งปันความรู้
บอร์ดก็แบ่งปันความรู้

ต่างกันหรอครับ?แต่ในblogโพสถามเพื่อกระจายความรู้ไม่ได้ แต่บอร์ดสามารถทำได้ ผมจึงขอคัดมาขยายความในบอร์ด....ซึ่งบางคนอาจไม่มีblogนี้บังเอินผ่านมาอ่านก็สามารถเข้าไปได้ก็เป็นการช่วยโปรโมทBlogอีกทางเพื่อช่วยให้คนที่ไม่มีความรู้ให้มีความรู้ไม่ใช่หรอครับ?
หรือทัศนคติผมมันแหม่งๆสำหรับคนทั่วไปก็ขออภัยเป็นอย่าสุงครับไม่ได้เจตนาจริงๆครับ...

[คนคอน]

เอามาแชร์กันแหละครับดีแล้วจะได้ให้คนที่ไม่ค่อยรู้หรือมือใหม่อย่างผมได้ความรู้ใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น เพียงแต่ต้องให้เครดิตกับเจ้าของบทความด้วยละกันครับ

[TFFFT]

หลังๆกระทู้ดูดความรู้ชักเยอะ

[picatos]

ในบอร์ดที่โพสกันก็มีลิ้งอยู่แล้วนิครับ

blogมีเพื่อแบ่งปันความรู้
บอร์ดก็แบ่งปันความรู้

ต่างกันหรอครับ?แต่ในblogโพสถามเพื่อกระจายความรู้ไม่ได้ แต่บอร์ดสามารถทำได้ ผมจึงขอคัดมาขยายความในบอร์ด....ซึ่งบางคนอาจไม่มีblogนี้บังเอินผ่านมาอ่านก็สามารถเข้าไปได้ก็เป็นการช่วยโปรโมทBlogอีกทางเพื่อช่วยให้คนที่ไม่มีความรู้ให้มีความรู้ไม่ใช่หรอครับ?
หรือทัศนคติผมมันแหม่งๆสำหรับคนทั่วไปก็ขออภัยเป็นอย่าสุงครับไม่ได้เจตนาจริงๆครับ...

อะไรที่มันเป็น Value Investing เกี่ยวข้อง หรือเชื่อมโยง มันก็คงจะอยู่ในห้องนี้ได้อ่ะนะครับ... ถ้าผิดห้อง mod ก็อาจจะย้ายไป Alternative Investing หรือห้องอื่นๆ ได้อ่ะนะ...

ผมว่าคุณ newbie_12 เค้าอาจจะหวังดีเลยมาโพสแบบนี้ป่ะ เค้าอาจจะกลัวว่าถ้าถามเรื่อง Fund Flow ในห้องนี้ คนตอบเรื่องนี้ได้อาจจะมีไม่เยอะ หรือไม่ก็ไม่กล้าเข้ามาตอบ เพราะ ผิดที่ผิดทาง

ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าฝ่าดงกระสุน จะโดนกระสุนเข้าไปรึเปล่านะครับ... ยังไงก็ละเว้นชีวิตข้าน้อยด้วยครับ...  

[newbie_12]

อะไรที่มันเป็น Value Investing เกี่ยวข้อง หรือเชื่อมโยง มันก็คงจะอยู่ในห้องนี้ได้อ่ะนะครับ... ถ้าผิดห้อง mod ก็อาจจะย้ายไป Alternative Investing หรือห้องอื่นๆ ได้อ่ะนะ...

ผมว่าคุณ newbie_12 เค้าอาจจะหวังดีเลยมาโพสแบบนี้ป่ะ เค้าอาจจะกลัวว่าถ้าถามเรื่อง Fund Flow ในห้องนี้ คนตอบเรื่องนี้ได้อาจจะมีไม่เยอะ หรือไม่ก็ไม่กล้าเข้ามาตอบ เพราะ ผิดที่ผิดทาง

ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าฝ่าดงกระสุน จะโดนกระสุนเข้าไปรึเปล่านะครับ... ยังไงก็ละเว้นชีวิตข้าน้อยด้วยครับ...

[newbie_12]

ปกติถ้าเป็นผม ถ้าจะเอาบทความหรือใดๆของใครมาแปะ (ยกเว้นข่าวนะ แต่ข่าวตอนนี้เค้าก็ห้ามเอาข่าวไปแปะที่อื่นแล้ว) ก็ต้องขอเจ้าของหรือคนเขียนเค้าก่อน

ช่างเถอะครับ

[hongvalue]

สวัสดีครับพี่ๆน้องๆและเพื่อนๆชาวTVIทุกท่าน....เนื่องจากเคยได้ยินเรื่องFundFlowจากน้องคนหนึ่งที่เป็นสุดยอดนักลงทุนในTVIนี้ ว่าเขาสามารถฝ่าวิกฤติปี51มาแบบไม่เจ็บตัวแม้นแต่น้อยด้วยFundFlowนี้

ขออนุญาติปูพื้นฐานโดยบทความของคุณhongvalueนะครับ
http://hongvalue.wordpress.com

เข้าใจว่าไม่ได้หมายถึงผมเพราะผมไม่ได้เป็นสุดยอดนักลงทุนหรอกนะ  :lol:
แต่เห็นเอาบล็อกผมมาแปะเลยไม่แน่ใจ
แต่ถ้าหมายถึงผม ผมก็ยังมาคิดว่าวันนั้นผมอาจจะฟลู๊กก็ได้นะ  :lol:
แล้วผมก็เจ็บนะตั้ง 15% ไม่ใช่ไม่เจ็บแม้แต่น้อย


ผมขอมาตอบครั้งเดียวแล้วกันนะอย่าถามผมเพิ่มล่ะ  :lol:

หลังๆผมมองว่าฟันโฟลมันเป็นภาพใหญ่ของการโยกเงินไปตามที่ต่างๆซึ่งที่ๆถูกโยกเงินไปก็จะทำให้มีมูลค่าสูงขึ้น เมื่อถึงจุดนึงก็จะกลับสู่สมดุลก็คือเงินจะออกจากที่ๆเริ่มให้ผลตอบแทนไม่คุ้มไปที่ๆให้ผลตอบแทนคุ้มค่า
ผมคิดว่านี้เป็นแนวคิดหลักๆของฟันโฟล(นิยมแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน)

ผมมองว่าฟันโฟลเป็นศาสตร์เสริมมากกว่าศาสตร์หลักนะ ผมหมายความว่า
เราคงไม่ได้ใช้ฟันโฟลเพียวๆในการเล่นหุ้น แต่เราคงเล่นหุ้นด้วยวิธีอื่นแล้วใช้ฟันโฟลเป็นตัวเสริมอีกอย่างนึง ถามว่าทุกวันนี้ผมใช้ยังไงก็เช่นถ้า ผมดูแล้วฟันโฟลจะไหลออก ผมก็อาจจะลดมาร์จิ้นหรือหาหุ้นที่ไม่ใช่หุ้นตลาด
อย่างช่วงนี้ผมก็ไม่มีหุ้น blueship นะ

จริงๆแล้วการที่นักลงทุนจะศึกษาฟันโฟลไหมผมว่าบางที่มันอยู่ที่ความสามารถในการเลือกหุ้น อย่างเช่น บางคนหาหุ้นเก่งและมองแนวโน้มของหุ้นเก่ง เข้าใจอุตสาหกรรมดี เขาก็เลือกหุ้นที่ undervalue ได้ตลอดเวลา
แต่อย่างผม ผมไม่มีวิสัยทัศน์แบบนั้นผมก็ต้องมีตัวช่วยอย่างอื่นมาเสริม
ผมต้องรู้จักบริหารความเสี่ยงมากกว่าคนที่เลือกหุ้นเก่งๆ ซึ่งหนึ่งในการบริหารความเสี่ยงที่ผมใช้ก็คือการดูฟันโฟล

พี่สุมาอี้เคยพูดว่า เราอย่าไปเก็งว่าจะมีพายุเมื่อไหร่ แต่ให้หาเรือที่สามารถทนต่อพายุได้ แต่ปี 2008 พี่เขาก็ล้างพอร์ตไปแถวๆ 680 (ถ้าผมจำไม่ผิด) ผมเลยคิดขำๆว่า ถ้าเขารู้ว่าพายุมาแน่ๆเขาก็คงไปเหมือนกัน 555
เปล่าหรอกผมจะสื่อว่าจริงๆแล้วนักลงทุนแบบวีไอไม่ควรเก็งตลาดมากเกินไป เราควรแบ่งเวลาซัก 85-90% ให้กับการเลือกหุ้นและอีก 10-15% ก็อาจตามข่าวมหภาคและ indicator ต่างๆว่ามีอะไร alert เราไหมว่ามันมีสัญญาณอันตราย เพราะโอกาศที่จะเกิดเหตุการณ์แบบปี 2008 อีกก็ไม่ได้มีกันบ่อยๆ
ผมอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องเซนเซย่า ชิริวทำลายตาตัวเองเพราะว่าเขาต้องการชนะคู่ต่อสู้ที่ถ้าจ้องตาจะทำให้เป็นหินได้ เมื่อชิริวตาบอดก็ได้พบกับอริเก่าของเขา ซึ่งหลังจากตาบอดชิริวก็ได้เสียจิตวิญญาณของนักสู้ไป และคู่ต่อสู้ของเขาก็ได้พูดว่า แกได้สูญเสียสิ่งที่สำคัญกว่าดวงตาไปนะชิริว นั้นคือหัวใจนักสู้ของแกไงล่ะ ถามว่าหลายคนพอเจอเหตุการณ์ในปี 2008 ไปแล้วไม่กล้าเล่นหุ้นกลัวตลาดหุ้นมากเกินไป ก็อาจจะคล้ายกับชิริวก็ได้ที่เสียเงิน(ดวงตา)แต่ได้เสียสิ่งที่สำคัญกว่า(จิตใจของนักสู้) ผมเลยคิดว่าเราควรใช้ฟันโฟลในการดูว่าจะมีคลื่นสึนามิหรือเปล่า(ซึ่งอาจจะถูกหรือผิดก็ได้) แต่เราอย่าใส่ใจกับการปรับฐานเล็กๆน้อยๆหรือละลอกคลื่นธรรมดาเพราะมันจะทำให้เราเสียจังหวะในการลงทุนหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่า

ความยากไม่ได้อยู่ที่การเรียนรู้ฟันโฟลอย่างเดียว แต่อยู่ที่คุณจะนำมาใช้ให้เหมาะกับการลงทุนที่คุณเป็นอยู่ได้แค่ไหน และคุณควรจะบริหารเวลาให้ดีอย่างผม ผมเน้นเรื่อง indicator เพราะอะไร เพราะผมเชื่อว่า อารมณ์ของนักลงทุนและ sign ของการโยกย้ายเงินจะสะท้อนออกมาที่ indicator ต่างๆ
อย่างตอนดูไบ ถามว่าผมกลัวไหม ผมกลัวจะตายห่า(ขออภัยพูดไม่สุภาพ)
แต่ผมก็ไม่ได้ขายหุ้นเลย เพราะว่า indicator มันฟื้นตัวเร็วมากไม่ว่าจะเป็น vix index หรือดัชนีอื่นๆ แต่ถ้า indicator มันแย่ต่อผมอาจจะลดพอร์ตบ้าง
อะไรแบบนี้เป็นต้น ผมไม่ได้มีเวลามานั่งอ่านข่าวต่างประเทศทุกวันหรอก ถ้าวันไหน indicator แปลกๆผมก็ดูว่ามีข่าวอะไร หรือถ้าวันไหนหุ้นลงเยอะๆผมก็เช็กว่า indicator มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า เท่านั้นเอง ผมทำแบบนี้ผมก็คิดว่าถ้าหุ้นเปลี่ยนเป็นขาลงจริงๆผมก็น่าจะไหวตัวทัน โดยที่ผมไม่ต้องใช้เวลากับมันมากเกินไป


การลงทุนแนวฟันโฟลข้อเสียคือหาข้อมูลบางอย่างยาก ข้อมูลหลายๆอย่างผมก็ไม่ได้หาเองมีคนส่งมาให้ผมอ่าน ผมไม่แน่ใจว่านักลงทุนทั่วไปที่ไม่ได้ research เหมือนผมจะเข้าถึง indicator และสถิติกับพฤติกรรมตลาดได้มากน้อยแค่ไหนเหมือนกันนะครับ

ผมคงไม่ได้พูดถึงวิธีการดูลึกๆหรอกนะครับ เพราะผมก็ต้องเก็บไว้ทำมาหากินเหมือนกัน :lol:  และช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยมีเวลาเนื่องจากต้องอ่านหนังสือเยอะมากเว็บก็แทบไม่ได้อ่านบล็อกยังไม่ได้เขียนหัวข้อใหม่เลย ถ้าไงก็อย่าถามผมเพิ่มล่ะกัน ไม่มีเวลามาตอบ  :lol:

ปกติถ้าเป็นผม ถ้าจะเอาบทความหรือใดๆของใครมาแปะ (ยกเว้นข่าวนะ แต่ข่าวตอนนี้เค้าก็ห้ามเอาข่าวไปแปะที่อื่นแล้ว) ก็ต้องขอเจ้าของหรือคนเขียนเค้าก่อน

ช่างเถอะครับ

ขอบคุณมากครับ แต่ผมไม่ถือสาครับ  

[Stock Broker]

[quote="hongvalue"]เข้าใจว่าไม่ได้หมายถึงผมเพราะผมไม่ได้เป็นสุดยอดนักลงทุนหรอกนะ

[bladew124]

เข้าใจเจตนาของคุณpicklife ครับ

เป็นกำลังใจให้ครับ


ผิดถูก ก็ว่ากันไป


ปรับปรุง แก้ไข กันไป


ถือมากก็หนักครับ วางก็เบาสบาย เห็นด้วยครับ

[picklife]

To.คนคอน
+ครับ.....ให้เครดิตผู้เขียนบทความเสมอครับ.....การแชร์ความรู้ถือเป็นทานอันประเสริธครับ อิอิ

To.picatos
+มองในมุมมองที่แตกต่างเสมอนะครับชอบครับ....แต่ไหนๆก็ลงไปแล้วขอต่อในนี้ละกันนะครับ อิอิ

To.newbie_12
+ขอบคุณครับ...ที่ช่วยชี้แนะ...บางครั้งผมก็มองอะไรง่ายไป แหะๆ

To.hongvalue
+โอววขอบคุณมากๆครับ....มาให้ความรู้เองเลยขอบคุณครับ....
คุณhongvalueไม่ถือสา.....แสดงแอบรู้สึกนิดๆป่าวเนี๊ยะ(แซวเล่นนะครับ อิอิ)
แต่ยังไงก็ขอโทษละกันนะครับ อิอ

[romee]

คุณฮงนี้ เก่งจริงๆ ทั้งเรื่องหุ้น และการ์ตูน

เห็นว่าอ่านหมด ทั้งเซย่า ก้าวแรกสู่สังเวียน...งั้นแนะนำ "หงสาจอมราชันต์" อีกเล่มละกันครับ  :8)

[picklife]

hongvalue"แล้วผมก็เจ็บนะตั้ง 15%"

โหววว นี่ก็สุดยอดแล้วครับ อิอิ

[picklife]

สวัสดีครับ...โทษทีครับเปิดกระทุ้มาแล้วไม่ค่อยมีเวลามาถามเผอิน2-3นี้ยุ่งๆหน่อยไม่มีเวลาศึกษาเท่าไหร่?....งั้นมาต่อกันนะครับพี่ๆเพื่อนๆน้องชาวTVI
ไหนๆก็ตัดส่วนหนึ่งของคุณhongvalueมาแล้วก็ขออนุญาติใช้ข้อความที่คัดมาต่อเลยนะครับ.....

1.อัตราดอกเบี้ย ถ้าต่ำจะทำให้ต้นทุนบริษัทถูกลงและทำให้คนมีแรงจูงใจในการฝากเงินน้อยลงโดยปกติจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น โดยปกติพีอีของหุ้นจะผกผันกับอัตราดอกเบี้ยในแง่ของ multiple ที่สูงขึ้นและต่ำลง

-ตัวนี้น่าเข้าใจง่าย เพราะมามารถเปิดหาอัตราดอกเบี้ยจากธ.ในประเทศได้จากเวปทั่วๆไป แต่อัตราดอกเบี้ยของ อเมริกา จีน และญี่ปุ่น มีความสัมคัญมากไหมครับ?ถ้ามีเราสามารถหาข้อมูลรวมเหล่านี้ได้จากที่ไหนครับ?

2.การโยกย้ายเงินอย่างเช่นการสูงขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นเพราะหมายถึงมีการไหลของเงินออกจากตลาดพันธบัตรและปกติตลาดพันธบัตรจะใหญ่กว่าตลาดหุ้นอยู่แล้ว

-อันนี้ไม่เข้าใจครับ แล้วเราจะรูได้อย่างไรครับว่าพันธบัตรมีเงินไหลเข้าหรือออก????

3.การชันขึ้นของเส้นผลตอบแทนพันธบัตรถ้ามาจากระยะยาวสูงขึ้นแต่ระยะสั้นไม่ค่อยสูงขึ้นจะแสดงถึงมุมมองที่ต่อภาวะเศรษฐกิจเช่น 2-10 us ในช่วงไตรมาส 2 ของปี

-ดูได้จากที่ไหนครับ?????

4.การที่ส่วนต่างของพันธบัตรเอกชนกับรัฐบาลสูงขึ้นเป็นภาวะที่คนมีมุมมองไม่ดีต่อภาวะเศรษฐกิจ เพราะคนต้องการผลตอบแทนจากเอกชนสูงขึ้น

-ดูได้จากที่ไหนครับ?????

5.การเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างตลาดหุ้นกับพันธบัตรเพื่อดูว่าคนมีแรงจูงใจในการโยกย้ายเงินมาที่ตลาดใด เราสามารถดูค่าเฉลี่ยย้อนหลังได้ว่าปกติแต่ละประเทศมีแก๊บเท่าไหร่ภาวะที่น่าลงทุนคือ แก๊บสูงกว่า average เป็นต้น

-ดูได้จากที่ไหนครับ?????

6.ถ้าดอกเบี้ย interbank สูงขึ้นแสดงว่าเกิดภาวะเงินตึงเพราะคนมองเศรษฐกิจไม่ดีทำให้ไม่กล้าปล่อยกู้ระหว่างกันโดยปกติจะเทียบกับ พันธบัตรระยะสั้น 3 เดือนรัฐบาล

-ยกตัวอย่างได้ไหมครับ?

7.การพิมพ์เงินช่วยให้ราคาสินทรัพย์เฟ้อขึ้นได้อย่างมาตรการ qe ในเดือนมีนา 2009 เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้หุ้นทั่วโลกขึ้นมาได้เยอะเหมือนกัน

-ก็คือถ้ามีข่าว การพิมพ์เงิน ถือเป็นปัจจัย+ที่ทำให้ตลาดหุ้นขึ้นใช่ไหมครับ?