มุ่งพัฒนา พร้อมเข้าตลาด MAI ต้นไตรมาส 4 ปีนี้

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
choosak
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1488
ผู้ติดตาม: 2

มุ่งพัฒนา พร้อมเข้าตลาด MAI ต้นไตรมาส 4 ปีนี้

โพสต์ที่ 1

โพสต์

มุ่งพัฒนา พร้อมเข้าตลาด MAI ต้นไตรมาส 4 ปีนี้
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

มุ่งพัฒนาฯ เตรียมแต่งตัวเข้าตลาด MAI ต้นไตรมาส 4 ปีนี้ ดึงเอเชีย พลัส นั่งแท่นที่ปรึกษา

บริษัท มุ่งพัฒนา อินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค อาทิ กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็ก กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องครัว และกลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกและบรรจุภัณฑ์ รวมถึงเป็นผู้ร่วมทุนในโรงงานที่ผลิตสินค้า พร้อมเสนอขายหุ้นไอพีโอตั้งเป้านำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ มั่นใจนักลงทุนให้การตอบรับดี  พร้อมโชว์ศักยภาพและความเป็นมืออาชีพ รองรับการขยายตัวของธุรกิจ ภายใต้คอนเซ็ปท์ "Professional Trading Company"

นายสุเมธ เลอสุมิตรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มุ่งพัฒนา อินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายและเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักๆ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก แบรนด์ Pigeon กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนและของใช้ประจำวัน เช่น กระบอกฉีดน้ำ Foggy, มีด Gerlach, สำลี B-Care และกลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกและบรรจุภัณฑ์ และเป็นผู้ร่วมทุนในโรงงานผลิตสินค้าที่เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายได้แก่ กลุ่มสินค้าแม่และเด็กและกลุ่มพลาสติกบรรจุภัณฑ์ ได้เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนครั้งแรก (IPO: Initial Public Offering) จำนวน 30  ล้านหุ้น และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้   โดยมี บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อดูแลและให้คำแนะนำในการเตรียมความพร้อม ซึ่งในปัจจุบันบริษัทฯ ได้ดำเนินการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และบริษัทกำหนดชื่อหลักทรัพย์ว่า MOONG ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน

มุ่งพัฒนาฯ มีความเชื่อมั่นในศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัท จึงได้เตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ  โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 120 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้ว 90 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีความประสงค์ที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 30 ล้านหุ้น สัดส่วนของจำนวนหุ้นที่เสนอขายคิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขาย  โดยจัดสรรแบ่งเป็น การเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป จำนวน 24 ล้านหุ้น เสนอขายกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานบริษัท จำนวน 2 ล้านหุ้น และเสนอขายให้กับผู้มีอุปการคุณ จำนวน 4 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท  โดยบริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และเพื่อชำระหนี้สถาบันการเงินของบริษัท นายสุเมธ กล่าว

บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจเพื่อรองรับการขยายธุรกิจด้านการเป็นผู้จัดจำหน่าย ในระยะยาว ด้วยจุดแข็งและยุทธศาสตร์การขยายธุรกิจ ที่มีความพร้อมและความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจจัดจำหน่าย ด้วยเครือข่ายทีมงานฝ่ายขายที่มีคุณภาพและทีมการตลาดที่แข็งแกร่ง รวมถึงช่องทางจำหน่ายกว่า 8,000 ร้านค้า ครอบคลุมทั่วประเทศ สำหรับรูปแบบการขยายธุรกิจ ประกอบด้วย 2 แนวทาง คือ 1.การรับจัดจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ผลิตสินค้า และ 2.การร่วมทุนกับบริษัทผู้ผลิตสินค้า คาดว่าในปีนี้จะมีสินค้าใหม่ๆ เข้ามาจัดจำหน่ายและทำตลาดอีกจำนวนมาก เพราะเชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้

ผลประกอบการในปีที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราการเติบโตในระดับที่ดีราว 22% เมื่อเปรียบเทียบปี 2550 และ 2551 โดยในปี 2551 บริษัทฯ มีรายได้รวม 421.3 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักมาจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์แม่และเด็กภายใต้แบรนด์พีเจ้นจำนวน 299.5 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 20% สำหรับครึ่งแรกของปี 2552 นี้บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นประมาณ 4.7% โดยยอดจำหน่ายพีเจ้น มีอัตราการเติบโต 9.5% แม้ภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อจะอยู่ในภาวะถดถอย แต่ด้วยแผนธุรกิจและการวางกลยุทธ์การตลาดที่ดี และช่องทางจำหน่ายที่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย จะทำให้บริษัทยังเติบโตได้  

ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางเอเซีย พลัส มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับความไว้วางใจจากบริษัท มุ่งพัฒนา อินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่ง บริษัท มุ่งพัฒนาฯ เองมีความโดดเด่นในฐานะผู้นำและผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ สินค้าอุปโภคซึ่งมีเครือข่ายการกระจายสินค้าที่ครอบคลุมทั้งประเทศ  ซึ่งทำให้บริษัทเองมีความพร้อมในการขยายความหลากหลายของสินค้าให้มากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทเองยังมีการร่วมทุนในโรงงานผลิตอีก 3 โรงงานในเมืองไทยซึ่งเป็นกิจการที่มีผลประกอบการที่ดี ทำให้บริษัทสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรและเงินปันผลได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวนี้ประกอบกับผู้บริหารที่มีประสบการณ์และวิสัยทัศน์ใน การดำเนินธุรกิจร่วมกับทีมงานมืออาชีพ ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า MOONG จะเป็นหุ้นอีกตัวที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างแน่นอน
โพสต์โพสต์