วิวัฒนาการ การลงทุนของคุณ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
Hughes
Verified User
โพสต์: 1088
ผู้ติดตาม: 0

วิวัฒนาการ การลงทุนของคุณ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

อยากทราบว่าท่านทั้งหลายมีการเปลี่ยนแปลงในการลงทุนยังไงบ้างครับ

หลังจากที่ได้เริ่มลงทุนมาไม่นานผมก็เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของการลงทุนของตัวเอง

ตอนแรกเลยลงทุนแต่ในบริษัทดังๆและเป็นกิจการที่เข้าใจกลไกง่ายมั่นใจว่าไม่เจ๊งแต่ราคาหล่นมาเยอะจากช่วง peak และผมก็ซื้อเฉลี่ยขาลงมาเรื่อยและอัดมากขึ่นตอนล่างๆ ผลลัพย์ที่ได้ไม่แย่แต่ก็ไม่ได้ดีมากมายเพราะราคาเด้งขึ้นมาแล้วก็หยุดอยู่อย่างนั้นส่วนปันผลนั้นก็น้อยมาก

หลังจากได้อ่านเว็ปนี้อยู่ระยะหนึ่งผมก็เริ่มส่องดูหุ้นอื่นๆบ้างเริ่มดูหุ้นที่คนอื่นแนะนำในเว็ปที่ดูแล้วไม่เสี่ยงมากและมีผลกำไรต่อเนื่องผลตอบแทนก็เริ่มดีขึ้นนิดหน่อย

เสร็จแล้วเมื่อเดือนก่อนได้ไปนั่งจิบโค้ก (ไม่มีเบียร์ให้จิบ:cry:) กับเพื่อนๆและก็ได้ฟัง ดร พูดเกี่ยวกับหุ้นต่างๆ ฟังแล้วค่อนข้างประทับใจมากเลยไปซื้อหนังสือดร มาเริ่มอ่าน อ่านๆไปได้ 2 เล่มก็เริ่มได้ข้อคิดอะไรใหม่ๆ จากเมื่อก่อนดูค่า P/E, BV ไปก็ไม่รู้ว่าเท่าไหร่ถึงจะถูกตอนนี้เริ่มมีไอเดียมากขึ้น

แต่ตอนนี้ถึงผลตอบแทนจะดีแต่ผมเริ่มขาดความเข้าใจในกิจการที่ลงทุนไป เพราะเริ่มขยายการลงทุนไปยังธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่ทำ แต่ก็พยายามอ่านทำความเข้าใจให้มากขึ้น

ในภาวะตลาดแบบนีผมก็ยังไม่เห็นหุ้นที่ เด่นจริงๆ ที่ราคาร่วงลงมามาก หุ้นที่กำไรโตต่อเนื่องราคาก็ไม่ได้หล่นลงมายังเทรดกันอยู่ที่ P/E เกิน 10 กันแทบทุกตัว (ยกเว้นพวกหุ้นวัฐจักรเห็นหล่นลงมาหลายตัว) ผมเลยเน้นพวกกำไรสม่ำเสมอแต่โตน้อยที่ราคาต่ำกว่าบุ๊คและ P/E ต่ำๆ

แล้วทุกคนมีการเปลี่ยนแปลงในแนวการลงทุนไหมครับ? ตอนเริ่มกับตอนนี้ต่างกันยังไง
miracle
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 18398
ผู้ติดตาม: 75

วิวัฒนาการ การลงทุนของคุณ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

พี่Hughes เขียนถึงคำว่าวิวัฒนาการ
ทำให้ผมนึกถึง ดาวินชี เลยที่สร้างทฤษฏีนี้ขึ้นมาในหัวเลยล่ะเนี่ย

แต่ไม่เป็นไรนั้นนอกเรื่องและนอกประเด็นออกทะเลไปหน่อย

ในส่วนตัวตอนนี้ขึ้นปีที่ห้าแล้วล่ะ สำหรับการลงทุนด้วยตัวเองในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
แต่ละปีเห็นการเปลี่ยนแปลงตลอดเลยว่า ทำอะไรไปบ้าง
ปีแรกนี้ มั่วสุดขีดมีอะไรก็จำมาปฏิบัติหมดเลย ทดลองทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่ทดลองด้วย กราฟ ยังไม่มีเรื่องความอดทนและเรื่องทดสอบกำลังใจมาเกี่ยวข้อง

ปีที่สองนี้ เริ่มเอาแนวประสาน จากกราฟที่ให้ความสำคัญลดลง มาเป็นแบบวัดมวย ดูพื้นฐานประกอบกับข่าวสาร มีเป็นการทดสอบแนว VI ด้วยแต่น้อยมากเมื่อเทียบกับปีถัดๆๆมา

ปีที่สาม อันนี้เริ่มเป็นปีสำคัญมีการเปลี่ยนแปลง เพราะ ทดสอบกันเลยว่า แยกเป็น 2 Ports
Port แรกเป็นพวกที่เน้นถือยาวตามแนวฉบับ VI เข้าซื้อตอนที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็น เพชร แต่ทุกคนมองเป็นแค่ผงคาร์บอนธรรมดา หรือซื้อช่วงที่มีปัญหา (บ้างครั้งก็ช้อนหัก)
Port ที่สอง อันนี้ผสมผสานในแนวของ VS และ VSOP (ตามฉบับของพี่คลายเคลียด หรือพี่เอ็นโด แห่งห้องสินธรของพันธ์ทิพ)
ทดสอบกันเลยว่าเป็นอย่างไง จนสุดท้าย รู้ตัวว่า VI ดีกว่า เพราะเรื่องเวลาและการงานเริ่มไม่อำนวยเท่าไรแล้ว ไม่ค่อยมีเวลานั่งดูกราฟ นั่งดูข่าวและย่อยข่าวเท่าไร
ปีที่สี่ ปีนี้เป็นปีทดสอบเรื่องกำลังใจเป็นหลักเรื่อง มีบททดสอบหลายต่อหลายเรื่องเข้ามา ถึงรู้ว่า แนว VI นี้ใครใจไม่นิ่งและไม่แข็งพอเป็นไม่ได้
บททดสอบนี้ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันที่กำลังทดสอบอยู่
และเป็นปีแรกที่เริ่มทดสอบว่า ที่ผู้เชียวชาญบอกว่า จัดการลงทุนเป็นพอร์ตพอลิโอ ซื้อไข่ไว้หลายตลาดหลายอุตสาหกรรมนั้น ปลอดภัยกว่า ซื้อน้อยตัวหรือไม่
ตอนนี้กำลังทดสอบอยู่คงต้องใช้เวลาซักระยะหนึ่ง

สิ่งที่ผมพบเจอตลอดห้าปีคือ
1. กำลังใจต้องแข็งแรงมาก เพราะทุกอย่างที่กระทบนั้นกระทบที่ใจเป็นหลัก ไม่ว่าเป็นกรณีของรัฐประหาร กรณีลดค่าเงินบาท กรณีการเมืองที่แยกเป็นสองฝ่าย เป็นต้น พวกนี้ต้องใช้ประสบการณ์และใชกำลังใจในการจัดการ

2. ความรู้ในเรื่องนั้นๆ หากไม่มีความรู้ในอุตสาหกรรมนั้นดีพอ ควรเลี่ยงหนีไปให้ไกล เพราะทุกตกเป็นเหยื่อ แต่มีทางแก้ไขคือ กราฟบอกท่านได้ แต่คุณต้องมีเวลาติดตาม นี้คือ ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง สู้ถือยาวแล้วดูที่ใจเป็นหลักไม่ได้ ทุ่มเวลาเอาจริงในช่วงแรกเท่านั้นเมื่อคุณได้สิ่งนั้นมันก็ได้ชั่วชีวิตเลย

3. หลักยึด อันนี้สำคัญ หาเดินออกนอกหลักการต้องพยายามกลับมาในหลักการ อันนี้ต้องบอกว่า ถ้าคุณไม่มีหลักยึดมันก็เหมือน เสาที่ปักในขี้โคลนหรือในตม เมื่อน้ำไหลจากเหนือมาใต้ ไม้ก็เอนไปทางด้านใต้ น้ำไหลจากตะวันออกไปตะวันตกก็เอนไปตะวันตก
แบบนี้มันใช่ได้หรือ

4. เพื่อนฝูง อันนี้ต้องฟังหูไว้หู ตาม กาลามสูตร ของพระพุทธองค์ ยึดไว้แน่นๆ ทุกอย่างรับรู้มาแล้วต้อง Verify มันว่าจริงหรือไก่กา ใครที่สามารถ Verify ได้ต้องมีข้อมูลและรู้ว่ามันคืออะไร ผลมันคืออะไร ถ้าไม่มีก็วิ่งพันลี้หนีไปเลย แม้นว่าเพื่อนฝูงมาบอกว่ามันดีมากๆๆ ลองย้อนกลับไปถามเขาว่า ข้อเสียมีไหม เขาต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่า จุดเป็นคือจุดไหน จุดตายคือจุดไหน

สิ่งเหล่านี้มาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นบทเรียนแก่คนรุ่นต่อไปนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
:)
haruti
Verified User
โพสต์: 769
ผู้ติดตาม: 0

วิวัฒนาการ การลงทุนของคุณ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ต้องบอกว่า การเล่นหุ้น ต้องมีการบริหารครับ เพราะ หุ้นแต่ละตัวมัน มีคุณสมบัติในตัวเองแตกต่างกัน
หุ้นมันขึ้นๆลงๆ....อย่างหุ้น bank ถ้าแช่ยาวทุกคนจะบอกว่าดี แต่เอาเขาจริงๆ เงินปันผลน้อยมาก อย่างใครถือ bbl ปีที่แล้วตอน 98-100 ได้เงินปันผล 3 บาทจากกำไร 10 บาทต่อหุ้น ถ้าจะได้ 6 บาทเท่าadvanc bbl ต้องกำไร 20 บาทต่อหุ้น  หลายคนอาจจะเถียงว่า มันคนละกิจการเทียบกันไม่ได้หรอก
แต่คนเอาเงินมาลงทุนในหุ้น คงไม่มีใครเก็งขาดทุนเป็นแน่แท้ครับ มันต้องเก็งกำไรและเก็งผลกำไร
บอกตามตรงตลาดหุ้นไทย ไม่เคยเจอ...อาการ เศรษฐกิจหมด ศักยภาพ การแข่งขัน(ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไร)
คือ หมดความน่าสนใจจาก นักลงทุนโดยตรง เพราะ ความสามารถในการแข่งขันไม่มี...มันเลยมีของถูกให้เลือก เพราะ การเจริญเติบโต มันจะชงัก...หุ้นมันจะโตได้อย่างไร
ต้องเปิดโลก มาดูตลาดหุ้นในต่างประเทศ ว่า ใครทำอะไรไปถึงไหน ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง หรือประเทศกระโดด ไม่ผ่านการพัฒนา อย่างอาร์เจนติน่าหรือบราซิล ว่าเขาเป็นอย่างไร
ที่สำคัญ พัฒนาปรับปรุง กลยุทธ์ ไปเรื่อยๆครับ เพราะ ถ้าใครได้หุ้นแถวปี40 ตอนนี้ยังไงก็กำไร แต่ใครได้หุ้นแถวๆปี 50-51 ขอเรียกว่า ยังไงก็ขาดทุนครับ
เพราะฉะนั้น จังหวะในการเข้าซื้อ และจังหวะขายทำกำไร เป็นสิ่งสำคัญ ส่วนจังหวะที่อยากที่สุดคือ ขายตัดขาดทุนครับ :twisted:
sarayuth007
Verified User
โพสต์: 526
ผู้ติดตาม: 0

วิวัฒนาการ การลงทุนของคุณ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ตอนนี้ผมเองก็เปลี่ยนรูปแบบการลงทุนไปมากเลยทีเดียว มีหลักการมากขึ้นละเอียดมากขึ้น และสุขุม มากขึ้น สัมพันธ์กับขนาดปอดด้วยครับ  :lol:  :D
When I believe in concept of Benjamin Graham.
รูปภาพ
vision
Verified User
โพสต์: 305
ผู้ติดตาม: 0

วิวัฒนาการ การลงทุนของคุณ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

แรกๆก็มั่วครับ ต่อมาก็มีหลักการ จะถูกหรือผิดผมก็ไม่ซีเรียสอะไร อย่างน้อยๆก็รู้ว่าทำไมถึงซื้อ และทำไมถึงขาย ถึงผลตอบแทนจะออกมาไม่ได้เรื่องก็สบายใจ เพราะมันเจ๊งเพราะฝีมือเราเอง

ตอนนี้หุ้นของผมที่มีก็เป็นหุ้นที่อยู่นอกสายงานผมทั้งนั้นแหละ ก็ค่อยๆทำความเข้าใจกันไป หุ้นในสายงานตัวเองคงจะมีโอกาสซื้อยาก เพราะเรารู้มากทำได้หมดก็เลยมองว่ามันไม่มีจุดเด่นอะไร(ทั้งที่ความจริงไม่รู้อะไร) แล้วก็เลยพลาดอดกำไร 10 เท่าจาก BOL ทั้งที่ไปนั่งคุยกับกรรมการบริษัทแล้วเชียว   :(
zuyu
Verified User
โพสต์: 37
ผู้ติดตาม: 0

วิวัฒนาการ การลงทุนของคุณ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

เริ่มเปิด port ครั้งแรกปี 50 หุ้นที่ซื้อตัวแรกด้วยเงินเก็บทั้งหมด (อันน้อยนิดที่มี)  โดยครั้งแรกที่ซื้อตั้งใจว่าจะไม่ขาย แต่ขณะนี้ทำใจไม่ได้จึงได้ขายขาดทุน 50 %  อาจเป็นเพราะขณะที่ซื้อตอนปี 50 นั้นราคาหุ้นได้สูงเกินราคาพื้นฐานมาก  ส่วนในปีนี้ก็รอจังหวะเลือกหุ้นตัวอื่นๆโดยใช้ความระมัดระวังมากขึ้น โดยดูข้อมูลจากห้องร้อยคนร้อยหุ้นค่ะ  คงต้องมีการปรับพอร์ตต่อไปเรื่อยค่ะ ...
sunrise
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2273
ผู้ติดตาม: 1

วิวัฒนาการ การลงทุนของคุณ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ปีแรกๆ ก็ให้พ่อซื้อหุ้นให้เพราะมีเงินเก็บก้อนแรก

โหย กำไรวุ๊ย เร็วอีกต่างหาก ไม่กี่เดือนกำไรตั้ง 20 %
สงสัยหุ้นมันจะกำไรง่ายๆ แล้วล่ะ

ต่อมาก็ตามสูตร ซื้อหุ้นดีๆ เก็บ Ptt, Scb, Scc หุ้นใหญ่ บลูชิพ ซื้อแล้วถือรวยทุกคน
fundamental คือ อะไร ไม่รู้ eps , pe, d/e, อะไรหว่า ดูยากจัง
งบประจำปี รายไตรมาส ฮ่าๆๆๆ ตรูจบวิศวะ พวกนี้ของเด็กบัญชีเค้า ไม่เกี่ยวกับเรา
มีเวลาว่างๆ เลยอ่านหนังสือซะหน่อย โหคนรวยที่สุดในโลกรวยเพราะราคาหุ้น
ถ้างั้นมันต้องมีวิธีรวยจากหุ้นแน่ๆ เริ่มอ่านเว๊ป
ดูทั้ง trading method, Dsm, กราฟ เอาดีไม่ได้สักอย่าง  :lol:
แล้วก็เจอเว๊ปนี้แหละ โหยถูกใจวัยรุ่น เป็นการลงทุนที่มีเหตุผลแฮะ

ก็เริ่มเปลียนจาก หุ้นบลูชิพ เป็นหุ้นแวลู
ช่วงแรกๆก็มั่วสุดๆ อ่านในเว๊ปแล้วลอกเอา
พอปีที่สองก็เริ่ม มองภาพกว้างมากขึ้น มองอนาคตมากขึ้น ศึกษาเพิ่มขึ้น
เริ่มคัดหุ้นเองเป็น ขุดเองเป็น
แต่มันใจแล้วว่า VI เหมาะกับตัวเองสุด เพราะมันมีเหตุผลอยู่ในตัวมันเอง
เหมือนเราเห็น ของมูลค่า 10 บาท แต่ขายแบบกับดินที่ 5 บาท
ก็ซื้อแล้วรอคนเห็นค่าของมัน

ปีนี้ก็ปีที่ 6แล้วที่ลงทุนมา แล้วก็คงลงทุนแบบนี้ไปทั้งชีวิต

โชคดีที่ได้รู้จัก VI ไม่งั้นป่านนี้หมดไปในตลาดหุ้นแล้วครับ
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
i_sarut
Verified User
โพสต์: 1808
ผู้ติดตาม: 1

วิวัฒนาการ การลงทุนของคุณ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

sunrise เขียน:โชคดีที่ได้รู้จัก VI ไม่งั้นป่านนี้หมดไปในตลาดหุ้นแล้วครับ
ผมว่าประโยคนี้กินใจทุกคนละครับที่เคยเจ็บจากหุ้น  รูปภาพ

ผมเพิ่งเริ่มยังไม่ถึง 1  ปีเลย ในพอร์ตตัวที่แดงหนักก็เพราะจะเก็งกำไรตั้งแต่เริ่มเล่นใหม่ๆ ไม่ดูตาม้าตาเรือ รูปภาพ
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet

สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย

http://www.sarut-homesite.net/
ภาพประจำตัวสมาชิก
sai
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4095
ผู้ติดตาม: 291

วิวัฒนาการ การลงทุนของคุณ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

เริ่มต้นแบบงงตอนสิงหาปี 2550 อ่านหนังสือตีแตกจบปุ๊ป ก็มาอ่านเวปนี้ต่อเลย แล้วก็ซื้อหุ้นตามดร. หมดเลย ครับ ตัวไหนขึ้นไปมีกำไรขายทิ้งเรียบ ตัวไหนขาดทุนซื้อมาเรื่อยเรื่อย (งงเลยตัวเอง) โชคดีที่ระยะหลังอ่านหนังสือมากมากเข้าก็เริ่มลงทุนแค่ตัวที่เรามั่นใจมากมาก(แต่ก็เลือกจากร้อยคนร้อยหุ้นที่เค้านิยมนิยมกันอีก) ปีนี้โชคดีตัวที่ถืออยู่ค่อนข้างมากวิ่งค่อนข้างดีไม่งั้นเจ็บหนักแน่ครับ
Small Details Make a Big Difference
ภาพประจำตัวสมาชิก
sathaporne
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1664
ผู้ติดตาม: 6

วิวัฒนาการ การลงทุนของคุณ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

แรกๆเลยรู้ว่าการลงทุนในหุ้นเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทำให้เรามีอิสรภาพทางการเงิน
(อย่างที่ฝันว่าอยากจะมี) จากหนังสือพ่อรวยสอนลูก (ซึ่งก็รู้จักเนื้อหาในหนังสือนี้จากการทำธุรกิจเครือข่าย)
จากนั้นUplineจากธุรกิจเครือข่ายก็แนะนำว่าถ้าอยากลงทุน หนังสือที่น่าอ่านเป็นอันดับแรกก็นี่เลย "ตีแตก"
(ถ้าจะเป็นหนังสือที่ดีจริงๆ เพราะ uplineคนนั้นไม่ได้เคยเล่นหุ้นเลยแต่ก็ยังยกย่องหนังสือเล่มนี้)
ผมกับแฟนก็ลองอ่านดู ผมไม่แน่ใจว่าตอนนั้นแฟนผมจะเข้าใจหรือเปล่า
แต่ผมเนี่ย ในตอนนั้นก็ยังเข้าไม่ถึงแก่นของหนังสือเล่มนี้เลย
แล้วก็มีความรู้สึกว่า โห หุ้นมันก็มีตั้งหลายร้อยตัว ถ้ามัวมาวิเคราะห์แบบดร.เนี่ย คงไม่ทันกินแน่ ราคามันคงไปไหนต่อไหนแล้วมั๊ง
แล้วก็สรุปเอาเองว่า การลงทุนในหุ้นเนี่ยมันเป็นเองที่ต้องมีเวลาให้กับมันมาก ถ้าจะยากแฮะ อย่างเราคงไม่ไหว
ก็เลยให้เป็นหน้าที่ของแฟนเขาเล่นไป เพราะรู้สึกเขาจะชอบในเรื่องที่ได้เงินมาโดยไม่ต้องลงแรงมาก
จากนั้นผมก็ไม่ได้สนใจ ส่วนแฟนผมก็นำเงินเก็บของเราไปลุยเลยครับ (ผมก็อนุญาต เพราะคิดว่าแฟนน่าจะมีเวลามากกว่า)
แฟนผมเขาเล่นเดย์เทรดครับ ก็ซื้อตามคำแนะนำของโบรก หรือไม่ก็ซื้อหุ้นที่เขาฮิตๆกัน
ผมก็เห็นเธอก็ได้กำไรมาบ้าง ก็รู้สึกว่าใช่แล้วล่ะ มันเป็นเรื่องที่ต้องให้เวลากับมัน (เวลาเฝ้าหน้าจอ)
ท่าทางแฟนผมเขาน่าจะมาถูกทางแล้ว ให้เขาทำนี่แหละถูกแล้ว ผมก็เลยไม่สนใจหุ้นอีกเลยเพราะคิดว่าตัวเองยากที่จะเข้าถึง
จนกระทั่งแฟนผมเล่นไปพักนึง (จำไม่ได้ว่านานผ่านไปกี่เดือนแล้ว) เธอก็ไปติดหุ้นอยู่ตัวนึง (เวลาเธอซื้อเธอจะใช้เงินทั้งพอร์ทซื้อจนหมดเลย)
ผมก็จำไม่ได้ว่าเป็นตัวไหนเพราะไม่ได้สนใจ รู้สึกจะเป็นหุ้นเดินเรือ นี่ล่ะมั้ง
เป็นตัวที่แฟนผมบอกว่าโบรกเชียร์ว่าเป็นตัวที่ขาเล่นกันมาก
เธอก็ติดดอยอยู่อย่างนั้นจนราคามันลงมาต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง ก็ใจเสีย จะขายก็ไม่กล้าขาย ก็เลยปล่อยให้ติดอย่างนั้นแล้วก็เลิกเล่นไป
หลังจากนั้น เวลาผ่านไปปีกว่า ผมและแฟนผมก็ได้เจอคนๆหนึ่ง ถ้าเปรียบไปแล้ว ถ้าvi เป็นอัศวินเจได เขาก็คงเป็นท่านอาจารย์โอบีวันของผม
ตอนแรกที่เจอ เขาก็ถามผมว่าผมทำงานอะไร ตอนนั้นผมก็ตอบว่าเป็นวิศวกรทำงานในโรงงาน (แบบว่าตอนนั้นภูมิใจมาก)  
และผมก็เลยถามเขากลับตามมารยาท เขาก็ตอบผมแบบ อ้ำอึ้งๆ ว่าตอนนี้เขาไม่ได้ทำงานประจำแล้ว แต่เป็นนักลงทุนในหุ้นเต็มตัว (ผมมาเข้าใจทีหลังว่าตอนนั้นเขาคงกลัวว่าจะถูกมองในแง่ลบเลยไม่กล้าตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ)
พอผมได้ยินว่าเขาไม่ได้ทำงานประจำแล้ว และมีรายได้จาก Passive income ผมก็หูผึ่งขึ้นมาทันที ว่า ใช่เลย เขาคือคนที่ใช้ชีวิตอย่างที่ผมกับแฟนฝันไว้
ก็คือเขาใช้ชีวิตแบบคนที่มีอิสรภาพทางการเงิน เขาคือบุคคลตัวเป็นๆที่ผมได้สัมผัสว่า มีจริงๆด้วย เป็นคนที่เราจะสามารถเอาเป็นแบบอย่างได้
แต่ผมก็ยังเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องให้เวลา จึงแนะนำให้แฟนผมไปคุยกับเขา บอกว่าเราเจอคนที่มีอิสรภาพทางการเงินตัวเป็นๆแล้ว
หลังจากที่แฟนผมได้คุยกับเขาแล้ว เขาก็บอกว่ายินดีจะสอนให้ แต่เขาบอกว่ามันต้องใช้เวลานะ และช่วงที่อบรมเนี่ยก็ห้ามไม่ให้มีการซื้อขายหุ้น จนกว่าจะเรียนกับเขาเสร็จ (ใช้เวลาหลายเดือนครับ)
แฟนผมก็ลากผมเข้าไปอบรมด้วย นั่นเองที่เป็นจุดเริ่มต้นให้ผมได้เรียนรู้การจะเป็นอัศวินเจได เอ๊ย VI
ภาพประจำตัวสมาชิก
ake3004
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 511
ผู้ติดตาม: 16

วิวัฒนาการ การลงทุนของคุณ

โพสต์ที่ 11

โพสต์

who kab?waiting your update :D
One up on SET
ภาพประจำตัวสมาชิก
songwit
Verified User
โพสต์: 279
ผู้ติดตาม: 0

วิวัฒนาการ การลงทุนของคุณ

โพสต์ที่ 12

โพสต์

กำลังพยายาม อ่านงบครับ
ช่วงแรก....
ผมแบ่ง 30% ไปลงทุนแบบเดย์เทรด...ปรากฎว่าหมดเลยครับ ซื้อวันนี้กำไร
วันพรุ่งนี้ขาดทุน เป็นอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนหมดเงิน 30%

ด้วยความเจ็บใจ เลยหันมาศึกษาหุ้นตัวที่จะซื้อก่อน
ทั้งดูงบ ดูอัดตราส่วนต่างๆ ดูร้อยคนร้อยหุ้น และอ่านบทวิเคราะห์
หนังสือของดอกเตอร์นิเวศ กราฟก็อ่าน...
 
ปัจจุบัน portกลับมาเท่าเดิมจากที่หายไป30% แม้จะได้กำไรแต่ผมก็ยังไม่ขาย เพราะผมบริษัทที่ผมถือหุ้นอยู่มันจะไปได้อีก....ถ้าเป็นเมื่อก่อน ขายไปแล้ว กำไรตั้งเกือบ30%  

****************************************************
   มันไม่ใช่โชคช่วย แต่มันคือความพยายาม และเตรียมพร้อมที่จะรวยครับ
ศิษย์เซียน007
Verified User
โพสต์: 1252
ผู้ติดตาม: 0

วิวัฒนาการ การลงทุนของคุณ

โพสต์ที่ 13

โพสต์

วิวัฒนาการ การลงทุนของผม ได้มาจากการอ่านหนังสือและก็การฟังผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐศาสตร์แล้วพยายามคิดตามให้ทันครับ  :8)
ภาพประจำตัวสมาชิก
kornjackrit
Verified User
โพสต์: 1524
ผู้ติดตาม: 0

วิวัฒนาการ การลงทุนของคุณ

โพสต์ที่ 14

โพสต์

miracle เขียน:พี่Hughes เขียนถึงคำว่าวิวัฒนาการ
ทำให้ผมนึกถึง ดาวินชี เลยที่สร้างทฤษฏีนี้ขึ้นมาในหัวเลยล่ะเนี่ย

แต่ไม่เป็นไรนั้นนอกเรื่องและนอกประเด็นออกทะเลไปหน่อย

ในส่วนตัวตอนนี้ขึ้นปีที่ห้าแล้วล่ะ สำหรับการลงทุนด้วยตัวเองในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
แต่ละปีเห็นการเปลี่ยนแปลงตลอดเลยว่า ทำอะไรไปบ้าง
ปีแรกนี้ มั่วสุดขีดมีอะไรก็จำมาปฏิบัติหมดเลย ทดลองทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่ทดลองด้วย กราฟ ยังไม่มีเรื่องความอดทนและเรื่องทดสอบกำลังใจมาเกี่ยวข้อง

ปีที่สองนี้ เริ่มเอาแนวประสาน จากกราฟที่ให้ความสำคัญลดลง มาเป็นแบบวัดมวย ดูพื้นฐานประกอบกับข่าวสาร มีเป็นการทดสอบแนว VI ด้วยแต่น้อยมากเมื่อเทียบกับปีถัดๆๆมา

ปีที่สาม อันนี้เริ่มเป็นปีสำคัญมีการเปลี่ยนแปลง เพราะ ทดสอบกันเลยว่า แยกเป็น 2 Ports
Port แรกเป็นพวกที่เน้นถือยาวตามแนวฉบับ VI เข้าซื้อตอนที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็น เพชร แต่ทุกคนมองเป็นแค่ผงคาร์บอนธรรมดา หรือซื้อช่วงที่มีปัญหา (บ้างครั้งก็ช้อนหัก)
Port ที่สอง อันนี้ผสมผสานในแนวของ VS และ VSOP (ตามฉบับของพี่คลายเคลียด หรือพี่เอ็นโด แห่งห้องสินธรของพันธ์ทิพ)
ทดสอบกันเลยว่าเป็นอย่างไง จนสุดท้าย รู้ตัวว่า VI ดีกว่า เพราะเรื่องเวลาและการงานเริ่มไม่อำนวยเท่าไรแล้ว ไม่ค่อยมีเวลานั่งดูกราฟ นั่งดูข่าวและย่อยข่าวเท่าไร
ปีที่สี่ ปีนี้เป็นปีทดสอบเรื่องกำลังใจเป็นหลักเรื่อง มีบททดสอบหลายต่อหลายเรื่องเข้ามา ถึงรู้ว่า แนว VI นี้ใครใจไม่นิ่งและไม่แข็งพอเป็นไม่ได้
บททดสอบนี้ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันที่กำลังทดสอบอยู่
และเป็นปีแรกที่เริ่มทดสอบว่า ที่ผู้เชียวชาญบอกว่า จัดการลงทุนเป็นพอร์ตพอลิโอ ซื้อไข่ไว้หลายตลาดหลายอุตสาหกรรมนั้น ปลอดภัยกว่า ซื้อน้อยตัวหรือไม่
ตอนนี้กำลังทดสอบอยู่คงต้องใช้เวลาซักระยะหนึ่ง

สิ่งที่ผมพบเจอตลอดห้าปีคือ
1. กำลังใจต้องแข็งแรงมาก เพราะทุกอย่างที่กระทบนั้นกระทบที่ใจเป็นหลัก ไม่ว่าเป็นกรณีของรัฐประหาร กรณีลดค่าเงินบาท กรณีการเมืองที่แยกเป็นสองฝ่าย เป็นต้น พวกนี้ต้องใช้ประสบการณ์และใชกำลังใจในการจัดการ

2. ความรู้ในเรื่องนั้นๆ หากไม่มีความรู้ในอุตสาหกรรมนั้นดีพอ ควรเลี่ยงหนีไปให้ไกล เพราะทุกตกเป็นเหยื่อ แต่มีทางแก้ไขคือ กราฟบอกท่านได้ แต่คุณต้องมีเวลาติดตาม นี้คือ ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง สู้ถือยาวแล้วดูที่ใจเป็นหลักไม่ได้ ทุ่มเวลาเอาจริงในช่วงแรกเท่านั้นเมื่อคุณได้สิ่งนั้นมันก็ได้ชั่วชีวิตเลย

3. หลักยึด อันนี้สำคัญ หาเดินออกนอกหลักการต้องพยายามกลับมาในหลักการ อันนี้ต้องบอกว่า ถ้าคุณไม่มีหลักยึดมันก็เหมือน เสาที่ปักในขี้โคลนหรือในตม เมื่อน้ำไหลจากเหนือมาใต้ ไม้ก็เอนไปทางด้านใต้ น้ำไหลจากตะวันออกไปตะวันตกก็เอนไปตะวันตก
แบบนี้มันใช่ได้หรือ

4. เพื่อนฝูง อันนี้ต้องฟังหูไว้หู ตาม กาลามสูตร ของพระพุทธองค์ ยึดไว้แน่นๆ ทุกอย่างรับรู้มาแล้วต้อง Verify มันว่าจริงหรือไก่กา ใครที่สามารถ Verify ได้ต้องมีข้อมูลและรู้ว่ามันคืออะไร ผลมันคืออะไร ถ้าไม่มีก็วิ่งพันลี้หนีไปเลย แม้นว่าเพื่อนฝูงมาบอกว่ามันดีมากๆๆ ลองย้อนกลับไปถามเขาว่า ข้อเสียมีไหม เขาต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่า จุดเป็นคือจุดไหน จุดตายคือจุดไหน

สิ่งเหล่านี้มาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นบทเรียนแก่คนรุ่นต่อไปนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
:cheers:

ขอบคุณที่เล่าประสบการณ์ให้ฟังครับ
ผมว่ทำแบบนี้ดูเป็นระบบดีครับ
ได้ทดลองแนวทางการลงทุนแบบต่างๆด้วย
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
nw108
Verified User
โพสต์: 503
ผู้ติดตาม: 0

วิวัฒนาการ การลงทุนของคุณ

โพสต์ที่ 15

โพสต์

:D


   1. หมดตูดครับ เล่นหุ้นมาตั้งเเต่ปี36 -41(เล่นหุ้น จริงๆเก็งกำไรล้วนๆ)  เลิกลงทุนเเล้วไม่มองตลาดหุ้นอีกเลย เเต่พอมีโอกาสมาอ่านข้อมูลในนี้ เพิ่งจะรู้ว่าทำไม ผมถึงเอาตัวไม่รอด เพราะหุ้นที่ผมถือมันมีพื้นฐานทางธุรกิจเเย่ๆ พอมีวิกฤต มันก็หมดสิครับพี่น้อง เเถมเล่นมาร์จิ้นเข้าไปอีก :vm:  :vm:

    2. ตอนที่เลิกคิดว่ายอมดีกว่า ไม่เห็นทางที่จะลงทุนเเล้วจะเอาตัวรอดได้เลย ไปตลาดหุ้นเหมือนเดิน เข้าบ่อนหรือคาสิโน (ในความรู้สึกของผมตอนนั้น จริงๆ)

    3. เเต่พอมาค้นคว้าอ่านข้อมุลของเเต่ละท่านเเล้วไปอ่านหนังสือที่หลายๆท่านเเนะนำ ผมพบว่าการลงทุนไม่ใช่การพนัน เพราะถ้าเป็นการพนันจะมีผู้เเพ้เสียเงิน เเล้วมีผู้ชนะได้เงิน  เเต่ถ้าเราเลิกลงทุนในบริษัทที่ดีๆทุกคนเป็นผู้ชนะทั้งหมด เพราได้รับปันผลที่สมเหตุสมผล ในการลงทุน
    4.กลับมาลงทุนในตลาดหุ้นใหม่ครับในปี50 เเล้วพบว่ามีความสุขดี รุ้ว่าลงทุนไปเเล้วนอนหลับสบายดี  (สารภาพบาปนิดหนึ่งครับยังเเอบเล่นเก็งกำไรบ้างพอสนุกๆ :drink: )เพราะคิดลงทุนในระยะยาว5ปี++  ยิ่งหุ้นที่ถืออยุ่ลงมากก็ยิ่งดีใจที่จะได้ลงทุนในราคาที่มีส่วนลดมากขึ้น ทุกครั้งที่จะลงทุนในบริษัทใด ผมก็พยายามอ่านงบดุล ดูหนี้สินต่างๆ ทำให้ไม่ได้หวั่นไหวในขณะที่ตลาดเต็มไปด้วยข่าวร้ายๆในปีที่เเล้ว ค่อยๆเก็บเเละลงทุนในธุรกิจที่ตัวเองสนใจ เเละหวังว่าวันหนึ่งจะเลิกทำงานประจำเเละอยู่ได้ด้วยเงินปันผลเท่านั้น

    อยากให้ทุกท่านที่อ่านอย่าเลียนเเบบผมเลยครับในการไปลงทุนเเบบเสี่ยงๆเพื่อหวังรวยภายในข้ามวัน เราอาจมีโชคดีในบ้างวันเเต่สุดท้ายโบรเกอร์ก็ได้กำไรจากค่าคอมที่เราเทรดไปเกือบหมด(ลองรวมค่าคอมทั้งปีดดูสิครับมันเยอะมากจริง)


:idea:  การลงทุนไม่ใช่การพนัน เพราะถ้าเป็นการพนันจะมีผู้เเพ้เสียเงิน เเล้วมีผู้ชนะได้เงิน  เเต่ถ้าเราเลิกลงทุนในบริษัทที่ดีๆทุกคนเป็นผู้ชนะทั้งหมด เพราได้รับปันผลที่สมเหตุสมผล ในการลงทุน
โพสต์โพสต์